บททั้งหมดของ เจ็ดพี่สาวจอมทะลึ่งของผมทั้งสวยทั้งฮอต: บทที่ 751 - บทที่ 760

1063

บทที่ 751

สามัคคีกันไว้ ฉู่เฉินอยากจะหัวเราะเมื่อได้ยินเข้า ถ้าสามัคคีกันได้ ก็คงทำกันไปนานแล้วถ้าไม่ได้ต่อสู้กันจนตัวตายอยู่ข้างใน ก็เป็นเรื่องปกติเมื่อได้สัญญาณให้เข้าไป คนส่วนใหญ่ลังเลและมองซ้ายมองขวาไม่ได้สนใจคนที่อยู่รอบข้าง ฉู่เฉินก้าวเท้าออกมาเป็นคนแรกเข้าสู่หลุมดำ โดยเชื่อว่าดินแดนเร้นลับที่ถูกเปิดโดยบุคคลที่แข็งแกร่งทั้งสี่ ไม่ใช่อะไรที่เป็นการหลอกลวงแน่นอน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกังวลขณะที่ท้องฟ้าหมุนไปรอบๆ เมื่อฉู่เฉินลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็อยู่ในโลกใบเล็กอีกใบหนึ่งแล้วสถานที่อันเงียบสงบ คลื่นทรายลอยซัดขึ้นมา และเป็นเวลาพลบค่ำพอดี ฉู่เฉินมองไปรอบๆ และข้างหลังเขานั้น จู่ๆ ชิงหลงก็ปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนว่าชิงหลงจะตามเขาเข้าไปในหลุมดำ จึงพยักหน้าไปทางชิงหลงเและทั้งสองก็มองไปรอบๆ ด้วยกันโลกนี้ที่นี่มีขนาดใหญ่จนน่าประหลาดใจ แตกต่างอย่างมากจากดินแดนเร้นลับที่ฉู่เฉินเคยได้สัมผัสมาก่อนแม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยฝุ่นและความแห้งแล้ง แต่พลังจิตวิญญาณก็หนาแน่นมากกว่าในดินแดนเร้นลับทั่วไปมาก หากผู้ใดมาบำเพ็ญเพียรที่นี่เป็นระยะยาว จะพัฒนาเร็วกว่าในดินแดนลี้ลับของนิกายแพทย์ซวนเทียนเสียอีก พลังจ
Read More

บทที่ 752

"ฮะ?"ฉู่เฉินสัมผัสอย่างระมัดระวังมีหนึ่งตนที่ดูเกือบเหมือนจะเป็นมนุษย์ ยกเว้นหูที่แหลมยาว หน้าตาหล่อเป็นพิเศษและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา รายล้อมไปด้วยกลุ่มคน ตาคนอื่นๆ ดูเหมือนคนดึกดำบรรพ์ ซึ่งลากสัตว์ป่าที่ไม่เคยเห็นมาก่อนหลายตัวด้วยเกวียนไปข้างหลังฉู่เฉินซ่อนกลิ่นอาย ทำตัวเหมือนคนธรรมดา ขณะที่หยุดอยู่ริมถนนไม่นานนัก กลุ่มนี้ก็เข้ามาใกล้ฉู่เฉิน และเมื่อเห็นเขา พวกเขาก็กระซิบกันเอง คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำ ก็เดินเข้ามาและพูดด้วยภาษามนุษย์“น้องชาย ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ในเวลากลางคืน จะมีอสูรออกเดินเตร่ ดูจากระดับวรยุทธของเจ้าแล้ว เจ้าดูไม่เหมือนปรมาจารย์เลยนะ ข้าขอแนะนำให้เจ้ากลับไปที่เผ่าของเจ้าตั้งแต่เนิ่นๆ เถอะ” เขาแนะนำอย่างใจดีที่แท้ก็เป็นพวกชนเผ่า!เป็นไปได้ไหมว่าโลกนี้ยังอยู่ในยุคหินใหม่?ฉู่เฉินคิดแผนการในใจก่อน จากนั้นพูดว่า: "พูดตามตรง ข้าออกไปล่าสัตว์กับพวกพี่ชาย และถูกลมพัดมาที่นี่อย่างอธิบายไม่ได้ สงสัยว่าข้าจะหลงทางเสียแล้ว" ฉู่เฉินมองไปที่ขบวนซึ่งส่วนใหญ่มีอุปกรณ์ของนักล่า“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง เจ้ามาจากไหนล่ะน้องชาย เจ้าเป็นคนเผ่าไหนกัน?” ชาย
Read More

บทที่ 753

สถานการณ์ในชนเผ่าก็เป็นเหมือนกัน ค่อนข้างหายากที่จะมีปรมาจารย์ที่เป็นมนุษย์ ดังนั้นบางชนเผ่าที่ไม่มีบุคคลทรงพลัง จึงจำเป็นต้องเลือกที่จะถวายเครื่องบัญชาการให้แก่คนที่แข็งแกร่งกว่าจากชนเผ่าอื่น เพื่อมาคอยคุ้มครองและปกป้องชนเผ่าของตนเอง แต่ความแข็งแกร่งของผู้พิทักษ์เหล่านี้แตกต่างกันอย่างมาก“น้องฉู่เฉิน ข้าชื่นชมเจ้าจริงๆ ด้วยอายุที่น้อย ขนาดนี้ เจ้าก็ได้ออกไปล่าสัตว์กับชนเผ่าแล้ว” ชายคนนั้นพูดด้วยความเชื่อที่ว่า ฉู่เฉินนั้นเป็นคนธรรมดาเหมือนกับรูปลักษณ์ และคิดว่าฉู่เฉินเพียงแค่ติดตามปรมาจารย์ของชนเผ่าออกมา เพื่อหาสั่งสมประสบการณ์ฉู่เฉินเดินตามไปและตอบ: “มันไม่มีทางเลือกน่ะ พี่เฉิน พวกข้าเป็นเพียงชนเผ่าเล็กๆ พวกเราต้องทำเช่นนี้เพื่อความอยู่รอด”จากการสนทนา ฉู่เฉินได้รู้ว่าชายคนนั้นชื่อเฉินปังตลอดระยะเวลาที่ได้พูดคุยกัน จึงได้รู้ว่าคนที่อาศัยอยู่ในดินแดนเร้นลับนั้น อาศัยการล่าสัตว์และสัตว์ประหลาดเป็นอาหาร และในขณะเดียวกัน สัตว์ประหลาดก็ล่ามนุษย์ เพื่อกินเช่นกันในที่สุดก็เดินผ่านป่า ฉู่เฉินก็เห็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต และเมื่อมองจากระยะไกล ดูเหมือนมันจะสูงจน
Read More

บทที่ 754

บนต้นไม้ใหญ่ เอลฟ์รัตติกาลกำลังจับตามองอย่างไม่ละสายตา ​ซึ่งเป็นเอลฟ์รัตติกาลตนเดียวกับที่เคยพบมาก่อน โดยที่กำลังสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเขาแน่นอนว่า แม้ว่าเขาจะติดตามชนเผ่านี้ไปโดยที่เอลฟ์ก็ไม่แสดงท่าทีใดๆ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงลอบสังเกตตัวเขาในความมืดและไม่ทราบเหตุผลแน่ชัด จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ถูกสะกดเอาไว้เมื่ออยู่ในดินแดนเร้นลับ โดยมีระยะการรับรู้น้อยกว่าในต้าเซี่ยครึ่งหนึ่ง เมื่อฉู่เฉินรับรู้ถึงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์บนต้นไม้ เขาสัมผัสได้ว่ามีสถานที่หนึ่งบนยอดต้นไม้ ที่เขาเองก็ไม่สามารถสัมผัสได้สถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดาจริงๆด้วยจิตใจที่หนักหน่วง ฉู่เฉินบอกราตรีสวัสดิ์เฉินปัง เตรียมที่จะนอนหลับเหมือนคนปกติ เนื่องจากเขาแสร้งทำเป็นคนธรรมดา เขาจึงต้องทำตัวเหมือนคนธรรมดาให้แนบเนียนมากที่สุดแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณก็ตามจนกระทั่งกลางดึก ฉู่เฉินสัมผัสได้ว่าเอลฟ์ค่อยๆถอยออกไป จะอึดอะไรขนาดนี้ จากนั้นฉู่เฉินก็ผ่อนคลายลงได้มีบางสิ่งที่เขาต้องถามเหยาหลิงเฉิน“ผู้อาวุโส คุณช่วยตรวจสอบที่นั่นได้ไหม?” ฉู่เฉินถามในใจ“ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน!”ฉู่เฉินรู้สึกประหลาดใจอย่
Read More

บทที่ 755

เมื่อได้ยินว่าฉู่เฉินกับคนนี้รู้จักกัน คนกลุ่มนั้นที่กำลังล้อมนับสิบคนก็ลดความระมัดระวังลงเฉินปังยังคงถามต่อ: “พวกเจ้าสองคนมาจากเผ่าเดียวกันเหรอ? แล้วก็บังเอิญเจอกันที่นี่?”“ใช่ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกรึ? พี่เฉิน ข้าต้องขอบคุณจริงๆ ถ้าท่านไม่พาข้ามาที่นี่ ข้าคงไม่ได้พบกับพี่หวังไคอีกแล้วแน่นอน” ฉู่เฉินตอบ แสดงละครออกมาแล้วก็ต้องไปให้สุด“พี่เฉิน ท่านคือผู้มีพระคุณของฉันจริงๆ ถ้าไม่ใช้เพราะท่านพาข้ามาที่นี่ ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร และถ้าไม่ได้พี่หวังไคคอยดูแล ข้าก็คงไม่สามารถกลับไปยังเผ่าของข้าได้อย่างปลอดภัย…” ฉู่เฉินยังคงพูดต่อ โดยอธิบายอย่างละเอียดว่าชนเผ่าของพวกเขาไปล่าสัตว์แล้วพลัดหลงกันได้อย่างไรดังนั้น ด้วยคำอธิบายจากใจจริงของฉู่เฉิน เรื่องที่แต่งขึ้นมากลับดูสมจริง และฉู่เฉินเองก็เกือบจะเชื่อในโกหกของตัวเองเช่นกันในที่สุดเอลฟ์รัตติกาลก็ลดระดับการป้องกันลงชั่วคราว จากนั้นบินทยานขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่และหายไป ฉู่เฉินก็รู้ได้เลยว่าสถานการณ์ตึงเครียดนั้นได้จบลงแล้วเต็นท์ของเฉินปังไม่สามารถรองรับได้ทั้งฉู่เฉินและพี่ชายหวังไค เฉินปังจึงหาเต็นท์ว่างให้พวกเขาพักค้างคืนช่วงกลาง
Read More

บทที่ 756

“กลุ่มเราสองคนหรือสามคน ทำไมคุณไม่รวมกลุ่มกับคนจากคฤหาสน์เจิ้งหยางล่ะ” ฉู่เฉินไม่รู้ว่ามีคนจากตระกูลเหยียนเข้ามากี่คน ดังนั้นจึงต้องอย่างคลุมเครือ“พี่เหยียนเฉินอาจไม่รู้ ใครบ้างที่ไม่อยากพึ่งพาตนเองเพื่อรับโอกาสในดินแดนลับนี้ ใครจะเต็มใจแบ่งปันกับผู้อื่น แล้วคุณล่ะ พี่เหยียนเฉิน? ทำไมไม่เห็นอีกสามคนล่ะ?” โปเปียวถามกลับ“นั่นเพราะมีเรื่องอื่นต้องทำ” ฉู่เฉินพูดเป็นนัย“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่รู้ว่าพี่เหยียนได้ข่าววงในอะไรบ้างไหม?” โปเปียวถามเมื่อเห็นว่าความแข็งแกร่งของฉู่เฉินที่มากกว่าเขามาก และคิดว่าเขาอาจมีข่าววงในบ้าง“ถ้าจะให้บอกตามตรง ฉันเองก็อยู่ที่นี่มาเกือบวันแล้วก็ยังไม่รู้อะไรที่ชัดเจนเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำภารกิจให้เสร็จ ว่าแต่ภารกิจของคุณคืออะไร?” ฉู่เฉินถาม“ตามหาผลึกวิญญาณ?” ทั้งสองพูดพร้อมกัน“ผลึกวิญญาณพวกนี้คืออะไรกันแน่?” ฉู่เฉินคิดว่าคนจากคฤหาสน์เจิ้งหยางควรรู้ข่าววงในมากกว่าเขา ดังนั้นเขาจึงถามอีก เพื่อทราบรายละเอียดเอาไว้บ้าง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ข่าวลือที่ว่าผลึกวิญญาณเป็นกุญแจสำคัญในก้าวผ่านจิตผ่านไปสู่ขั้นมหาเทพนั้นไม่เป็นความจริง เพราะระดับเหล่
Read More

บทที่ 757

ฉู่เฉินรู้ว่าเป็นเพราะตัวเขาเพิ่งแสดงพลังอันแข็งแกร่งออกมาต่อหน้าโปเปียว จนทำให้เขาตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดไตร่ตรอง หากทั้งสองคนมีระดับวรยุทธเท่าเทียมกัน ปู่เบียวคงจะมองข้ามข้อเสนอในการรวมทีมกัน“ใช่แล้ว ระหว่างที่อยู่ในเกราะคุ้มกัน อย่าทำให้ประเจิดประเจ้อเกินไป เพราะเรื่องราวของพรุ่งนี้ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับคุณ แล้วค่อยออกเดินทางและสำรวจสถานการณ์โดยรอบเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้” ฉู่เฉินอธิบายให้โปเปียวฟังก่อนเข้านอนปู่เบียวตอบตกลงทันที และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องโอ้อวดต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองหลังจากพูดคุยกันเสร็จ ฉู่เฉินก็คลายจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลง และค่ำคืนนี้ก็ผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ จนถึงรุ่งเช้าแม้ว่าเฉินปังจะพยายามต้องการโน้มนาว เพื่อให้พวกเขาอยู่ต่อ แต่โปเปียวก็ยืนกรานการตัดสินใจของตนเอง ซึ่งจริงๆ นั้นเป็นการตัดสินใจของฉู่เฉินเมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินปังก็พาพวกเขาเดินออกไปส่งประมาณสองสามกิโลเมตร ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ พวกเอลฟ์รัตติกาลทำตัวราวกับว่าฉู่เฉินและโปเปียวเป็นเพียงอากาศ ไม่ถามหรือขัดขวางเมื่อพวกเขาจากไป ราวกับว่าพวกเขามองไม่เห็นทั้งพวกเขาสองคนแต่ฉู่เฉินรู้
Read More

บทที่ 758

หรือว่าทุกสิ่งตรงหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตา มีคนวางกับดักล่อให้คนมาที่นี่?การมีอยู่ของนกและสัตว์อื่นๆ นั้นแสดงถึงไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ แต่เมื่อประกอบกับปราสาทร้าง ย่อมทำให้ผู้คนคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่รกร้างหากสถานที่แห่งนี้ได้รับการสร้างจากใครสักคนจริงๆ และถ้าสมมติว่าเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เจ้าของสถานที่แห่งนี้จงใจสร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา เพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้ามาและมีเจตนาร้ายต่อผู้มาเยือนทุกคนถ้าอย่างนั้นบุคคลนั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนอย่างแยบยลโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักสู้ การมองไปอย่างไม่ตั้งใจจะส่งผลต่อสภาพจิตใจอย่างมาก ส่วนนักสู้ที่รอบคอบนั้น ไม่ว่าสัญญาณใด ๆ จะตรวจสอบอย่างระมัดระวังอย่างไม่คำนึงถึงระดับวรยุทธของตัวเอง แต่สัญชาตญาณเริ่มแรกนั้นจะยังคงมีอิทธิพลต่อตัวเองอย่างมากถ้าไม่ใช่เพราะคำเตือนของเหยาหลิงเฉินนั้น เขาเองก็คงไม่ตอบสนองได้ทันเวลาและอาจคิดว่าตัวเองโชคดีมาก ที่เจอสมบัติที่ยังไม่มีผู้อ้างกรรมสิทธิ์ขณะที่ฉู่เฉินกำลังครุ่นคิดอยู่ โปเปียวก็พูดขึ้นมาว่า “พี่เหยียน ดูนี่สิ ตรงพื้นปราสาทโบราณนั้นเป็นหินพลังวิญญาณอยู่หรือเปล่า?”เมื่อ
Read More

บทที่ 759

“ที่นี่พ่อแกก็ไม่ได้ซื้อไว้ แกมาได้ แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้” ฉินหยวนไถเถียงกลับจากการสนทนาเพียงไม่กี่ประโยค อาการบาดเจ็บของฉู่เฉินก็หายเป็นปลิดทิ้ง จึงเริ่มตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบอีกครั้งและพบว่าวรยุทธของเขาถูกสะกดไว้อย่างรุนแรง ทำให้เขามีระดับวรยุทธของระดับทะลวงเส้นลมปราณเท่านั้น นี่มันช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถใช้งานได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมฉินหยวนไถจึงสามารถลอบโจมตีเขาได้ หากเป็นข้างนอกบริเวณนี้ ฉินหยวนไถจะไม่สามารถแม้เข้าใกล้ได้โดยไม่ถูกตรวจจับได้เลย“ฉันเห็นว่าแกก็ติดอยู่ที่นี่เหมือนกัน ไม่ได้ตั้งใจรอฉันอยู่ที่นี่หรอก” ฉู่เฉินสัมผัสได้ว่า แม้ว่าประตูจะเปิดอยู่ แต่การจากไปนั้นดูเหมือนจะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย“ฮึ่ม! แล้วไงล่ะ? แกก็ติดอยู่ที่นี่เหมือนฉันนั่นแหละ” ฉินหยวนไถตะคอกอย่างเย็นชา เพราะถูกฉู่เฉินมองสถานการณ์ของเขาออก“ในเมื่อแกรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นใคร ฉันจะเอาชีวิตของแกเสียก่อน” ฉู่เฉินคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม จึงโจมตีฉินหยวนไถอย่างไม่มีเมตตา ฉู่เฉินชอบที่จะล้างแค้นทันที โดยกลัวว่าหากปล่อยเอาไว้ แล้วจะทำให้เรื่องมันค้างคา ซึ่งอาจจะทำให้เขาใจ
Read More

บทที่ 760

เรื่องนี้ทำให้ฉู่เฉินประหลาดใจ วันนี้จะยังมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกกี่เหตุการณ์?เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ฉู่เฉินจึงนั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ แม้ว่าบริเวณจะปกคลุมไปด้วยหินพลังวิญญาณระดับหายากก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าพลังงานของหินเหล่านั้นถูกผนึกเอาไว้ ดังนั้นเขาไม่สามารถดูดซับพลังมาได้เนื่องจากการคำสาปของสถานที่แห่งนี้ จึงไม่มีพลังงานทางจิตวิญญาณในห้องโถงของปราสาทร้าง ดังนั้นเพื่อฟื้นฟูพลังงานทางจิตวิญญาณ จึงต้องฟื้นฟูพลังวิญญาณผ่านการฟื้นฟูตามธรรมชาติอย่างช้าๆในที่สุดเขาก็เข้าใจความรู้สึกติดๆ ขัดๆ ที่ฉินหยวนไถได้พูดไว้ แน่นอนว่ามันติดๆ ขัดๆ จริงๆ เพราะสถานที่แห่งนี้ยังสกัดกั้นไม่ให้เขาดึงพลังวิญญาณจากเมืองลับแลมังกรอีกด้วยเป็นเวลานานมาก ที่เขาตกลงมาถึงจุดต่ำสุดขนาดนี้ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่น ฉู่เฉินจึงต้องนั่งสมาธิอย่างตั้งใจ โดยให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างช้าๆเมื่อเห็นฉู่เฉินเริ่มนั่งสมาธิ ฉินหยวนไถก็นั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นตัวเช่นกันจนกระทั่งค่ำที่ฉู่เฉินได้ฟื้นพลังวิญญาณกลับคืนสู่ระดับทะลวงเส้นลมปราณด้านนอกปราสาทโบราณ โปเปียวยืนอยู่ข้างประตูทั้งวัน ยังทำตามคำแนะน
Read More
ก่อนหน้า
1
...
7475767778
...
107
DMCA.com Protection Status