All Chapters of ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์: Chapter 1131 - Chapter 1140

1168 Chapters

บทที่ 1131

คำพูดของหมอจากกรมฮุ่ยเหมินเปรียบเสมือนหนามทิ่มแทงใจชาวบ้าน แท้จริงแล้วนางเป็นหมอเทวดามิใช่หรือ? ตอนนี้นางอยู่หมู่บ้านมู่ไจ้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่เหตุใดพวกเขาถึงไม่เห็นใบสั่งยาเลย?ผู้ป่วยโรคระบาดเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่นางเพียงสั่งสั่งให้กำจัดหนูและแมลงศัตรูพืชเท่านั้น โรคนี้เกี่ยวอะไรกับหนูและแมลงเล่า? อาการป่วยของมนุษย์คงไม่เกิดมาจากหนูใช่หรือไม่?เมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกคนจึงกระซิบพร้อมมองจื่ออันด้วยสายตาสงสัยและซับซ้อนอย่างไรก็ตาม อดีตผู้นำหมู่บ้านผ่านโลกมามาก เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าพลางโบกมือ “ทุกคน โปรดอดทนฟังสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดด้วยเถิด”อดีตผู้นำหมู่บ้านเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูง เมื่อเขาก้าวออกมาทุกคนจึงเงียบไปอดีตผู้นำหมู่บ้านกระแอมพลางกล่าวว่า “แม้ว่าพระชายาจะไม่ได้รักษาผู้ใดตั้งแต่มาถึงที่นี่ แต่ระยะที่ผ่านมามีชาวบ้านติดเชื้อน้อยลงกว่าเมื่อก่อนนักใช่หรือไม่? ก่อนหน้านี้หมู่บ้านมู่ไจ้ของเราจะต้องมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อยสี่ถึงห้าคนภายในหนึ่งวัน แต่ทุกวันนี้มีผู้ติดเชื้อเพียงหนึ่งคนต่อวันเท่านั้น และสิ่งนี้คือผลงานของพระชายามิใช่หรือ? นอกจากนี้ ผู้ป่วยสองคนที่ถูกย้ายเข้าไปในหอผู้ป่วยย
Read more

บทที่ 1132

แค่เชือกเส้นเดียวจะบินเองได้อย่างไร? หรือว่ามันคือเชือกผีสิง?จื่ออันแสดงทักษะนี้โดยตั้งใจ อยู่ที่นี่นางไม่มีทั้งผู้คุ้มครองและเส้นสาย ดังนั้นจึงทำได้เพียงพึ่งพาเชือกบ่วงบาศในการสร้างความลึกลับน่าเกรงขาม เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้สึกว่านางไม่ใช่ผู้ที่จะต่อกรได้ง่าย ๆผู้คนมักจะหวาดกลัวในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้รวมถึงมีทัศนคติที่ยำเกรงเนื่องมาจากความกลัว“พระชายา นี่มัน... สมบัติศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน?” หัวหน้าหมู่บ้านผู้รอบรู้อดไม่ได้ที่จะถามจื่ออันด้วยความหวาดกลัวจื่ออันกล่าวว่า “ใต้เท้า หมอเหวินอี้ได้มอบสมบัติชิ้นนี้ให้กับไท่หวงไท่โฮ่วแห่งต้าโจว จากนั้นไท่หวงไท่โฮ่วก็ส่งมอบต่อให้ข้า แม้ว่าหน้าตาของมันออกจะดูน่าเกลียด ทว่ามันก็ทำมาจากหญ้าเทพเจ้าเทียนซาน มีความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งชนิดที่ไม่สามารถทำลายได้ ทุกคนคงเคยได้ยินคุณสมบัติเกี่ยวกับหญ้าเทพเจ้าเทียนซานมาบ้าง มันเจริญเติบโตในธารน้ำแข็งหิมะเหนือเทือกเขาเทียนซาน สั่งสมรัศมีแห่งฟ้าดิน ดูดซับแก่นแท้จากการอาบแสงจันทร์ หลังจากถักทอเป็นเชือกบ่วงบาศ แล้วยังถูกเก็บรักษาไว้ในวัดฮู่กั๋วเป็นเวลาถึงสามปี กระทั่งกลายเป็นสมบัติที่มีจิตวิญญาณ หลังจากได้
Read more

บทที่ 1133

ฉากแห่งความสยดสยองอันน่าตกใจ ทำให้เขาถึงกับใจสั่น รู้สึกว่าใจร่วงหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาอยู่ในหมู่บ้านมู่ไจ้ตลอดเวลา คิดว่าภัยพิบัติในหมู่บ้านมู่ไจ้นั้นเลวร้ายที่สุดแล้ว เพราะจากประชากรหลายพันคนเกือบพันล้วนติดโรคระบาดแต่หลังจากเดินทางไปยังหมู่บ้านและเมืองต่าง ๆ ในสถานที่เหล่านี้ เขาถึงตระหนักว่าแท้จริงแล้ว สถานการณ์ในหมู่บ้านมู่ไจ้นั้นรุนแรงน้อยที่สุดแต่ไม่สิ เป็นไปไม่ได้ ราชสำนักไม่เห็นมีการประกาศข้อมูลความรุนแรงของโรคเลย หมายความว่าอย่างไร? พวกเขาแจ้งยอดผู้เสียชีวิตปลอมงั้นหรือ?เขายังจำสิ่งที่จื่ออันพูดเกี่ยวกับการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของโรค เขาจึงพาผู้คนไปยังเมืองชิงหย่วน ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ติดกับเมืองชี่เฉิง เมืองชิงหย่วนเป็นเมืองที่ไม่ได้รับอันตรายจากเหตุแผ่นดินไหว มีเพียงภูเขาที่เป็นแนวเดียวกันกับเมืองชี่เฉิง ซึ่งได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม ผู้คนในเมืองชิงหย่วนไม่ได้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวอย่างไรก็ตาม เมื่อเขานำผู้คนไปยังเมืองชิงหย่วน ภาพเมืองชิงหย่วนที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีต ตอนนี้เป็นเหมือนเมืองร้าง ไม่มีใครสัญจรไปมาบนถนน ร้านรวงต่
Read more

บทที่ 1134

หลังจากรอมานานเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็เห็นองค์หญิงอันกลับมาพร้อมล่อ ซึ่งแบกสัมภาระมากมายที่ดูเหมือนยารักษาโรคไว้บนหลังเมื่อซูมู่เห็นนาง ก็รีบผุดลุกขึ้นทำความเคารพทันที “ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”องค์หญิงอันกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด แต่เมื่อได้ยินเสียงของเขา นางก็สะดุ้งโหยงแล้วเงยหน้าขึ้นมอง “ซูมู่ ท่านไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านมู่ไจ้หรอกหรือ?”“ขออนุญาตองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!” ซูมู่เกือบหลั่งน้ำตา ภาพที่เขาเห็นระหว่างทางทำให้วิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เนื่องจากเขาช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ดังนั้นจึงหวังว่าองค์หญิงจะสามารถช่วยประชาชนได้“เข้าไปพูดคุยกันข้างในก่อนเถิด” องค์หญิงกล่าว“ไม่พ่ะย่ะค่ะ” ซูมู่ก้าวถอยหลังสองก้าว เมื่อนึกถึงคำพูดของจื่ออัน ตอนนี้เขาก็เชื่อสุดใจแล้ว แม้จะรู้ว่าตนไม่มีทางติดเชื้อโรค แต่ก็ควรอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยจะดีกว่า เขารีบล้วงหน้ากากที่จื่ออันประดิษฐ์ออกมาจากแขนเสื้อแล้วสวมมันอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง มาคุยกันที่นี่เถิด พระชายาขอให้องค์หญิงนำใบสั่งยาฉบับนี้ไปถวายให้องค์จักรพรรดิ และขอให้ฝ่าบาทประกาศรายชื่อยาเหล่านี้ให้หมอจากกรมฮุ่ยหมินและประชาชน ไม่ว่าพวกเข
Read more

บทที่ 1135

ซูมู่เล่าก่อนจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวในตอนท้าย“เมืองชิงหย่วน?” จื่ออันไม่รู้ภูมิประเทศของเป่ยโม่ “เมืองชิงหย่วนอยู่ตรงไหน ท่านมีแผนที่หรือไม่?”ซูมู่ไม่มีแผนที่ แต่เขาสามารถวาดมันได้เขาวาดภาพบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่มีรายละเอียดเล็กน้อยและคลุมเครือ แต่ก็ยังทิศทางยังถูกต้องจื่ออันมองเมืองชิงหย่วนในแผนที่พลางชี้และขมวดคิ้ว “ในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว เมืองชิงหย่วนนับว่าเป็นพื้นที่ภัยพิบัติหรือไม่?”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ แผ่นดินไหวไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อเมืองชิงหย่วน ดังนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่จึงประหลาดใจไม่น้อย”ดูเหมือนว่าโรคระบาดแพร่กระจายออกไปแล้วจริง ๆจื่ออันหนักใจอย่างยิ่ง โรคระบาดแพร่กระจายออกไปแล้ว แต่ราชสำนักยังไม่สามารถคิดค้นหาวิธียับยั้งมันได้ ดังนั้นประชาชนจำนวนมากจึงต้องเสียชีวิตจากโรคระบาดสงครามจะเทียบกับภัยธรรมชาติได้อย่างไร?“ยอดผู้เสียชีวิตที่ราชสำนักเปิดเผยคือเท่าไร?” จื่ออันถาม“สามหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยคนพ่ะย่ะค่ะ”“คนเหล่านี้ตายด้วยโรคระบาดงั้นรึ?”“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ มันคือยอดผู้เสียชีวิตตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว”จื่ออันส่ายหน้า “ไม่ ไม่ถูกต้อง ในตอนที่ข้ายังอยู่ที่ต้าโจว
Read more

บทที่ 1136

หลังจากตรวจชีพจรแล้ว จื่ออันก็กล่าวว่า “รอสักครู่ ข้าขอกลับไปเอาของบางอย่างก่อน”นางกลับไปหยิบหูฟังของแพทย์ และอุปกรณ์วัดอุณหภูมิดูเหมือนว่าเขาจะมีไข้ต่ำ แต่การสัมผัสอาจไม่แม่นยำนัก นางจึงกลับเอาอุปกรณ์วัดอุณหภูมิมาตรวจดู“พระชายา นี่คืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ซูมู่เห็นนางหยิบบางอย่างออกมา และเขาก็ไม่เขินอายที่จะสอบถาม“หนีบสิ่งนี้ไว้ที่รักแร้ของท่าน หากข้าบอกให้เอาออก ท่านก็ต้องเอาออก” จื่ออันอธิบาย“พ่ะย่ะค่ะ!” ซูมู่ทำตามอย่างเขินอาย เขาหนีบเครื่องวัดอุณหภูมิไว้ใต้วงแขนหลังจากหันกลับมา จื่ออันก็ใช้หูฟังเพื่อฟังหลอดลมและปอดของซูมู่ ขณะที่เขาไอเล็กน้อยเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เครื่องมือสมัยใหม่ตรวจอาการของเขา ดังนั้นจึงทำได้เพียงสังเกตจากอาการไม่มีเสียงผิดปกติในปอด แต่มีเสียงที่หลอดลมซึ่งแสดงถึงอาการอักเสบหลังจากเอาอุปกรณ์วัดอุณหภูมิออกมา ปรากฏว่าอุณหภูมิร่างกายของเขาสูงสามสิบเจ็ดองศาเซลเซียสซึ่งแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีไข้ต่ำดวงตาของเขาแดงเล็กน้อย บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน และอาการเหล่านี้คืออาการเริ่มแรกของกาฬโรค“ท่านรู้สึกไม่สบายและอยากอาเจียนหรือไม่?” จื่ออันถาม“
Read more

บทที่ 1137

ตั้งแต่ซูมู่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นกาฬโรค หัวใจของจื่ออันก็ไม่เคยสงบเลย นางจึงนอนไม่หลับ เนื่องจากกังวลเกินไป แม้คนอื่นไม่รู้ถึงความร้ายแรงของกาฬโรค แต่นางรู้ดีในขณะที่เรียนวิชาการแพทย์ นางต้องศึกษาเกี่ยวกับโรคระบาด ดังนั้นจึงได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับกาฬโรคมาบ้างกาฬโรคเป็นโรคระบาดที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงมากจื่ออันต้องการปรับเปลี่ยนใบสั่งยา ดังนั้นนางจึงใช้เวลาทั้งคืน เพื่ออ่านตำราทางการแพทย์ที่นำติดตัวมาจากภูเขาน้ำแข็งโหรวเหยามาพบจื่ออันในยามพลบค่ำ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยุ่งมาก นางจึงปลีกตัวออกไปอย่างเงียบ ๆ แต่จื่ออันหยุดเอาไว้ก่อน “โหรวเหยา ท่านมาถูกเวลาพอดี มาช่วยข้าตรวจดูหน่อยสิ”ง“ท่านอยากให้ข้าตรวจดูหรือ?” โหรวเหยาประหลาดใจ“ใช่แล้ว หลายคนหลายตา ท่านหมอเวินอี้สามารถรักษาโรคได้หลายโรค บางทีเขาอาจจะบันทึกวิธีรักษากาฬโรคไว้ก็เป็นได้” จื่ออันกล่าว วิธีการรักษาสมัยใหม่สำหรับกาฬโรคไม่ได้ผลเมื่ออยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงรักษาตามการแพทย์แผนจีน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมาก“แต่ตำราเล่มนี้ ท่านหมอเวินอี้เป็นคนมอบให้ท่าน หากท่านให้ข้าอ่าน มันจะ...”จื่ออันตอบ “เหตุใดถึงคิดเช่นนั้น? ก
Read more

บทที่ 1138

จื่ออันกล่าวต่อ “แต่เป็นความจริงที่ข้าไม่ได้มีความคิดสูงส่งเช่นท่าน ในตอนที่ข้ายังไม่ได้รับความโปรดปรานจากจวนเสนาบดีอย่างที่ท่านรู้ เมื่อถูกรังแก ก็ต้องมีบาดแผลเป็นธรรมดา และเมื่อป่วยก็ไม่มีใครใยดีตามหมอมารักษา วันหนึ่งข้าบังเอิญเจอผู้มีทักษะทางการแพทย์ และเขาก็เต็มใจที่จะสอนข้า ดังนั้นข้าจึงเรียนรู้เอาไว้ แต่เมื่อเริ่มเรียนแพทย์ครั้งแรก ข้าไม่คิดว่าในอนาคตจะสามารถรักษาโรคเพื่อช่วยชีวิตผู้คนได้ เพราะข้าคิดถึงแต่ตนเองเท่านั้น แต่ไม่นานข้าก็เห็นว่าท่านสามารถใช้ความรู้ทางการแพทย์ช่วยเหลือประชาชนได้ และมันคือภารกิจของท่าน ข้าเชื่อว่าในชีวิตนี้ ผู้คนมักมีสิ่งที่ต้องทำและความรับผิดชอบเป็นของตนเอง ดังนั้นในฐานะนักเรียนแพทย์ การรักษาโรค และช่วยชีวิตคนอื่น ๆ จึงเป็นหน้าที่ของเรา”โหรวเหยาตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนกล่าวว่า “ความจริงแล้วข้าฝันมาตลอดว่าอยากเปิดโรงหมอเล็ก ๆ แต่ข้ารู้ดีครอบครัวคงไม่สนับสนุน หญิงสาวจากครอบครัวชนชั้นสูงออกไปเที่ยวเตร่อยู่ข้างนอก มันขัดต่อประเพณีและศีลธรรม”สิ้นคำ นางก็ยิ้มด้วยความขมขื่น “อย่างไรก็ตาม หากพวกเราสามารถออกไปจากที่นี่ได้จริง ๆ ข้าก็อยากจะทำตามความป
Read more

บทที่ 1139

นางพลิกหน้ากระดาษอย่างรวดเร็ว ตอนนี้การค้นหาง่ายดายกว่าก่อนหน้ามาก เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่ามันจะต้องอยู่ที่สองสามหน้าแรก“เจอแล้ว เจอแล้ว” โหรวเหยาเขย่าตำราในมือด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่ทุกคนจะมารวมตัวกันทว่าทุกคนก็ต้องรู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นเนื้อหาในตำราในตำรามีบันทึกใบสั่งยา แต่มันกลับไม่ครบถ้วน เพราะรายชื่อยาสามชนิดสุดท้ายบนหน้ากระดาษถูกแมลงกัดกินไปแล้วตำราทุกเล่มอยู่ในสภาพดีเยี่ยม แต่มีเพียงเล่มนี้ที่ถูกปลวกกัดกิน มันช่างเป็นความเมตตาจากสวรรค์จริง ๆเคราะห์ดีที่รายชื่อยาในบันทึกตรงกับใบสั่งยาของจื่ออัน ทั้งยังมีผลการรักษาที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม พวกนางจำเป็นต้องรู้สมุนไพรสามชนิดที่ขาดหายไป“เกิดขึ้นได้อย่างไร? ความพยายามของพวกเราเสียเปล่าหรือ?” โหรวเหยากล่าวด้วยความผิดหวังจื่ออันอ่านรายชื่อสมุนไพรในใบสั่งยา ซึ่งมีบางส่วนเหมือนกับใบสั่งยาอันเดิมของนาง นอกจากนี้ยังยังมีสมุนไพรอีกสี่ชนิดที่ต้องเพิ่มเข้าอีกด้วย นางกวาดสายตาอ่านและพบว่ายาเหล่านี้มีคุณสมบัติช่วยคลายความร้อนและล้างพิษได้ เรียกได้ว่ามันคือยาแก้อักเสบนั่นเองหรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือยาทั้งสามชนิดมีฤทธิ์ต้า
Read more

บทที่ 1140

แม้จะเป็นเพียงการพูดคุยทั่วไป แต่จื่ออันจริงจังกับเรื่องนี้ไม่น้อยอุตสาหกรรมยารักษาโรคในเป่ยโม่ยังด้อยพัฒนานัก และการแพทย์ก็ล้าหลังมากเช่นกัน หลายพื้นที่ในเป่ยโม่ยังคงนับถือหมอผี ซึ่งชาวบ้านบางคนเชื่อว่าหากเจ็บป่วยจะต้องไปหาหมอผีเพื่อทำพิธีปัดเป่าวิญญาณร้าย ถึงกระนั้นจักรพรรดิเป่ยโม่คงไม่ยอมขอความช่วยเหลือเรื่องยารักษาโรคจากเป่ยโม่ง่าย ๆ เป็นแน่แม้ว่านางจะไม่เคยพบหน้าเขา แต่จื่ออันก็สามารถสรุปได้จากการตัดสินใจต่าง ๆ ของเขาว่าจะต้องเป็นจักรพรรดิที่มีความทะเยอทะยานเพียงอย่างเดียว ทว่าไม่มีความรักประชาชนแม้แต่น้อยจักรพรรดิเช่นนี้ไม่อาจเสียหน้าได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตกอยู่ในตำแหน่งด้อยกว่า แล้วเขาจะขอความช่วยเหลือจากต้าโจวได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ที่เดินทางไปยังต้าโจวเพื่อตามหาองค์ชายอันหรานมีความกดดันอย่างมาก เนื่องจากก่อนที่จะเริ่มสงคราม เขาต้องคลายความโกรธแค้นของประชาชนเสียก่อนแต่เป็นไปไม่ได้ที่ต้าโจวจะยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือก่อน นับประสาอะไรกับเหล่าไท่จวินหากต้องการจัดการกับโรคระบาดอย่างจริงจัง พรรคจู่เหอจะต้องเอาชนะพรรคจู่จ้านให้ได้จื่ออันพลันคิดถึงองค์ชายเจ็ดและอดสงสัยไ
Read more
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status