[แอดมินรักษาความปลอดภัยของตัวเองด้วยนะ พวกเขากล้าวางอำนาจในเมืองซานเฉิงแห่งนี้ แสดงว่าจะต้องมีคนหนุนหลังแน่นอน]จุนเหยาไม่สนใจว่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ตอนนี้เธอคิดแค่เพียงต้องการช่วยชีวิตคนให้เร็วที่สุดมือเรียวหยิบผ้าห่มมาปิดเรือนร่างของหญิงสาวคนนั้นไว้ พอกำลังจะเดินออกไปจากห้อง กลับเจอหัวหน้าโจวและบอดี้การ์ดต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่สี่คนยืนอยู่ ซึ่งทุกคนล้วนมีปืนอยู่ในมือ[พวกเขากล้าพกปืนเลยเหรอ? นี่ยังใช่ประเทศจีนอยู่ไหม? ใจกล้าจริง ๆ][เอ๊ะ นั่นปืนอินทรีย์ทะเลทรายหรือเปล่า? ฉันเห็นปืนอินทรีย์ทะเลทรายจริง ๆ ด้วย อยากสัมผัสดูจัง][เหอ เหอ ตระกูลโจวจบลงแล้ว คนที่คอยหนุนหลังเขาก็จบแล้ว กล้าโชว์ปืนต่อหน้ารุ่นพี่ อย่าว่าแค่ตำรวจเลย เป็นฉันก็จะไม่ไว้ชีวิตเขา] คนที่เพิ่งพูดประโยคเมื่อสักครู่ คือปรมาจารย์ระดับหมิงจินที่ต้องการคำแนะนำจากถังหมิงหลี นามแฝงของเขาคือ “หมัดใต้หล้า”ถังหมิงหลียิ้มเยาะเย้ย “โจวผู้ซื่อสัตย์ คนที่อยู่เบื้องหลังแกมีความกล้ามากเกินไปหน่อยนะ ที่นี่คือประเทศจีน แกคิดว่าจะสามารถซ่อนสถานที่ที่น่ารังเกียจแบบนี้ได้เหรอ?”“เฮ เฮ อำนาจของเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังของฉ
พวกนี้คือคนใหญ่คนโต อย่างเธอจะไปทำให้โกรธมากคงไม่ได้ฉันกัดฟันพูด “ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษอะไรทั้งนั้น นี่คือกรรมที่นายก่อขึ้น ฉันมาเพื่อคิดบัญชีกับพวกนายทั้งหมด" พลันบอสโจวก็สั่นไปทั้งตัวและพูดด้วยเสียงที่ติดขัด “ผี มีผี”ในเวลานี้ ผีสาวคนนั้นเขยิบขึ้นมาที่คอของเขา หล่อนก้มหน้าก่อนจะเงยขึ้นมาจ้องหน้าเขา แถมยังจ้องมองอย่างไม่ละสายตาอีกด้วย“เห้ย!” เขาร้องออกมาด้วยความกลัวอย่างเจ็บปวดและนั่งลงบนพื้นพวกทหารรับจ้างต่างชาติพวกนั้นเองก็ถูกควบคุมโดยกลุ่มผีสาวเช่นกัน พริบตาปืนในมือของพวกเขาก็ค่อย ๆ เล็งไปยังเพื่อนพ้องของตัวเอง“ไม่ ปีศาจ มีปีศาจ!” พวกเขาตะโกนภาษาอังกฤษกันวุ่นวาย ก่อนเหนี่ยวไกปืนดังปัง เสียงปืนดังขึ้น และทั้งสี่ก็ล้มลงพร้อมกับเลือดที่ไหลนองเต็มตัวผีสาวพวกนั้นแย่งกันวิ่งเข้าไปหาเลือดที่กองท่วมอยู่พลางเลียกินอย่างกับผีที่หิวโหยราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางเอ่ยต่อ “นังหนู เจ้าไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาอยู่ในโลกมนุษย์ได้ ส่งพวกเขาไปยังยมโลกใต้พิภพซะ พวกเธอจะได้กลับชาติมาเกิดใหม่”ฉันพยักหน้านึกถึงสิ่งที่ในหนังสือเล่มนั้นพูด มือเรียวใช้ซินนาบาร์เพื่อวาดยันต์บนพื้นและป้อนพลังงานจิต
ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีกลิ่นความผิดหวังลอยเข้ามาในจมูกถ้า...ถ้าฉันไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ได้ดีขนาดนั้น และถ้าพวกเรามาเจอกันในฐานะคนธรรมดามันคงจะดีกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ในโลกใบนี้ไม่มีเรื่องสมมุติมากมายขนาดนั้นหรอก ฉันกลับไปถึงห้องแล้วปิดประตูลง พลันเงยหน้าขึ้นเพื่อกั้นไม่ให้หยดน้ำตาไหลลงมาผ่านไปซักพัก ความเจ็บปวดในใจก็ค่อย ๆ จางลง มือเรียวเปิดคอมพิวเตอร์ดูรายรับของวันนี้ เมื่อเห็นตัวเลขทั้งหมดก็ทำให้ฉันแปลกใจมาก ผู้ชมประทับใจขั้นสุด มิหนำซ้ำรางวัลในครั้งนี้ยังทะลุหนึ่งแสนสองหมื่นกว่าหยวนแล้ว ในใจคิดว่าควรจะแบ่งให้ถังหมิงหลีบ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ขาดเงิน แต่ถ้าไม่มีเขา การปราบผีครั้งนี้ก็คงไม่ราบรื่นนัก เป็นคนต้องรู้จักบุญคุณคนฉันเปิดแถบเพื่อนอีกครั้ง พลันเหลือบไปเห็นว่าราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางและนางฟ้าหยุนเซี๋ยต่างก็ฝากข้อความถึงฉัน นางฟ้าหยุนเซี๋ยกล่าวว่า คราวนี้ฉันช่วยผดุงความยุติธรรมและทำมันออกมาได้สวยงามมาก เธอจึงให้ใบสั่งยากับฉันอีกครั้งฉันรีบรับไฟล์มาด้วยความดีใจ พอเปิดออกมาก็พบว่ามันคือยารักษาโรค วัตถุดิบในครั้งนี้ค่อนข้างหายาก เช่น ในตัวยาจำเป็นต
เว้ยหลานเข้าไปในอ่างยา คราวนี้เขาแช่น้ำสี่ชั่วโมง คาดว่าอ่างยานี่สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อได้ รวมทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อศิลปะการต่อสู้ เขาจึงต้องการดูดซับพลังยามากขึ้น ฉันชื่นชมเขามาก ๆ เขาเป็นคนที่มีความพากเพียรมาก ในอนาคตศิลปะการต่อสู้ของเขาจะไม่ตกต่ำอย่างแน่นอนหลังจากแช่ตัวในอ่างยาเสร็จแล้ว ครั้งนี้ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บภายในบริเวณเนื้อใต้สะดือล้วนหายเป็นปกติหมดแล้ว และความแข็งแกร่งของร่างกายก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็วางแผนจะขอตัวลา แต่จู่ ๆ เว้ยหลานก็บอกให้ฉันหยุดก่อน คราวนี้ปฏิกิริยาของเขาดีขึ้นมาก อาจเป็นเพราะเขากลัวอาจารย์ที่ฉันเคยแอบอ้างเมื่อครั้งก่อน“คุณหยวน เธอสนใจเข้าร่วมงานประเมินสมบัติประจำปีนี้ไหม?”“งานประเมินสมบัติเหรอ?” ฉันเบิกตากว้างเว้ยหลานกล่าว “ทุกปีในวงการไฮโซของเมืองซานเฉิงของพวกเรา จะมีงานประเมินสมบัติเพื่อให้ทุกคนนำสมบัติล้ำค่าของตัวเองออกมาให้คนอื่น ๆ ได้ลิ้มรสหรือสัมผัสมัน แถมยังมีการเลือกราชาแห่งขุมทรัพย์ด้วย” ฉันรู้สึกสนใจมาก ฉันก็ไม่ได้อยากพ่ายแพ้ต่อวงการไฮโซหรอกนะ และนี่เป็นการดีที่จะสามารถเห็นโลกที่แตกต
ฉันจะไม่เคืองเลยถ้าเธอไม่พูดแบบนี้ และพอเธอพูดจบ เว้ยน่าก็ตะโกนขึ้นมา “คนที่มาวันนี้ล้วนเป็นคนสำคัญ ครอบครัวของเราทำงานอย่างหนักกว่าจะมาถึงจุดนี้ และตระกูลของพวกเราก็ทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะจัดงานประเมินสมบัติให้ออกมาดีที่สุด ถ้าให้คนแบบนี้เข้ามาแล้วแขกท่านอื่นรู้เข้าจะว่ายังไง?”หล่อนก้าวขามาข้างหน้าหนึ่งก้าวและใช้นิ้วชี้กดลงที่จมูกของฉัน “พูดมา เธอเข้ามาได้ยังไง?"ทว่าขณะที่เว้ยน่ากำลังพูดก็มีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามา ใจฉันสั่นมาก โจทย์เก่าทุกคนในวัยเด็กมารวมตัวกันครบหมดแล้ว ผู้ชายคนนี้ชื่อ เฉินตงหนาน เป็นเดือนโรงเรียนในตอนนั้นเขายื่นมือออกมาพลางกอดไหล่ของซือซิ่ว “ซิ่วซิ่ว น่าน่า ใครมันทำให้พวกเธอโกรธขนาดนี้เนี่ย?”ซื่อซิ่วอมยิ้ม “ตงหนาน นายดูสิว่าใครอยู่ที่นี่กับเราด้วย”เฉินตงหนานเหลือบมองมาที่ฉัน สีหน้าเขาประหลาดใจสุด ๆ “เธอ เธอคือหยวนล่ายจือในตอนนั้นเหรอ?” หยวนล่ายจือเป็นฉายาที่พวกเขาตั้งให้ฉัน คนพวกนี้นี่มัน ไม่ว่าจะตอนไหนก็ยังใจร้ายเหมือนเดิมซือซิ่วกล่าวอย่างร้ายกาจ “ในตอนนั้นเธอเขียนจดหมายรักถึงนายหนิ? พวกนายเจอกันทั้งที จะไม่พูดถึงอดีตหน่อยเหรอ?”เฉินตงหนานแ
เมื่อก่อนถ้าเจอเรื่องแบบนี้ ฉันก็ทำได้แค่อดทน แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว ฉันมีเงินในมือบางส่วน มีศิลปะป้องกันตัวนิดหน่อย อีกทั้งยังจับผีไล่ผีได้ ถึงจะเป็นแค่มือใหม่ก็ถือว่าทำได้ดีมากกว่าคนทั่วไปแล้ว และยังมีคนคอยสนับสนุนฉันอยู่อีกมาก ในที่สุดก็หายใจออกได้อย่างไม่อึดอัดใจอีกต่อไป และถ้าอดทนบ่อย ๆ จะทำให้เกิดอาการป่วยได้ไม่นานเว้ยหลานก็หันมาพูดกับฉันเสียงนุ่ม “เด็กคนนี้ถูกพ่อแม่ของเธอเลี้ยงตามใจจนเสียนิสัย คุณหยวน ได้โปรดอภัยให้ฉันด้วย ฉันจะสอนเธออย่างดี” แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่อง “อาจารย์จุนไม่มาเหรอ?”ฉันยิ้มจาง ๆ แล้วพูดตอบ “ชายชราฝากบอกว่าเขาชอบอยู่คนเดียวจนชินแล้ว ไม่ชอบมาในที่ ๆ มีคนเยอะ เลยให้ฉันมาดูและกลับไปเล่าให้เขาฟังก็พอ”เขาก็ไม่เคยคิดว่าอาจารย์ของฉันจะมาจริง ๆ ดังนั้นจึงอย่างไม่ใส่ใจนัก “งั้นคุณหยวน มาสิ ฉันจะพาคุณไปดูรอบ ๆ” ร่างบางเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเขา พวกเราเดินไปที่โถงเก็บสมบัติ และทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองดูด้วยสีหน้าตกตะลึง“ผู้หญิงคนนั้นมีที่มาที่ไปยังไงเนี่ย?” มีใครบางคนกระซิบ “ไม่นึกเลยว่าจะสามารถพูดคุยและหัวเราะกับนายท่านตระกูลเว้ยได้ หล่อนน่าจะรู้หนิว
“คุณชายถังคือใครเหรอ?”“ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ ลุงของเขาเป็นเสาหลักของตระกูลกัว แต่เสาหลักนี้ได้รับตำแหน่งที่สำคัญมาก”“ตระกูลกัว? ตระกูลที่กำลังมาแรงในช่วงนี้น่ะเหรอ? แถมยังตระกูลมีอิทธิพลเหนือกว่าตระกูลเว้ยนั่นอีกไม่ใช่หรือไง?”“ถูกต้อง ฉันได้ยินมาว่าตระกูลเว้ยได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากทางเมืองหลวง”“หืม ถ้าอย่างนั้นเขาก็เป็นแค่คนนอกที่ไม่คู่ควรกับตำแหน่ง "คุณชาย" งั้นสิ?”“แต่คุณชายถังคนนี้มีมารยาทกับตระกูลเว้ยมากเลยนะ หล่อนน่ะหัดสงบปากสงบคำบ้าง ถ้าล่วงเกินเขาก็เท่ากับว่าล่วงเกินตระกูลเว้ยด้วย”“จะกลัวอะไร? ก็แค่ภาระที่พึ่งพาแต่คนอื่น ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้นเอง”“พูดเบา ๆ หน่อยสิ”จุนเหยาแอบมองไปที่ถังหมิงหลี เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ แต่มันไม่ได้ทำให้เขาเคลื่อนไหวอะไรเลยสักนิด ความมุ่งมั่นและอดทนของเขานี่ช่างน่าชื่นชมจริง ๆ แน่นอนว่าฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาเป็นภาระ เขามีความสามารถมากมาย เบื้องหลังของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอนแต่ทันใดนั้น ฉันก็เห็นใครบางคนเข้า เขาคือหยินเฉิงเหยา! ร่างบางรีบก้มหัวลงทันที เขายืนอยู่ข้างประตูทางเข้า เว้ยหลานจึงเดินไปหยุดอยู่
ในขณะนั้น คนขุดโสมก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว เพราะตระกูลเว้ยเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาและลากเขาออกไปฉันรีบดึงแขนเสื้อของถังหมิงหลีไว้พลันเอ่ย “นั่นเป็นของดีเลยนะ เราไปขอซื้อกันแบบเงียบ ๆ เถอะ”ถังหมิงหลีดูมีความสุขมากเมื่อได้ยินฉันพูดคำว่า “เรา” พวกเราสองคนแอบตามไปและเห็นว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโยนคนขุดโสมออกไปนอกประตู พวกเขาหัวเราะพร้อมพูดจาดูถูก อีกทั้งยังโยนใบไม้ใบนั้นใส่หน้าเขาด้วย “เอาสมบัติอันล้ำค่าของแกคืนไป แล้วออกไปให้พ้น”สีหน้าของคนขุดโสมเต็มไปด้วยความอับอาย เขาเอาใบไม้ใส่ลงในกล่องอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกัดฟันแล้วเดินกะเผลกออกไปฉันรีบวิ่งไปหยุดเขา อีกฝ่ายจ้องมาที่ฉันอย่างระแวดระวัง “พวกคุณต้องการอะไร?”ฉันยิ้มพลางถาม “คุณชื่ออะไรคะ?”“ห่ายเวย” เขาตอบ“คุณห่าย คนอื่นไม่รู้จักสมบัติอันล้ำค่าชิ้นนี้ของคุณ แต่ฉันรู้จัก ฉันอยากจะซื้อขอมัน คุณคิดว่ายังไงคะ?” ฉันพูดขึ้นห่ายเวยมองด้วยความสงสัย “คุณจะซื้อจริงเหรอ? ไม่ใช่มาหลอกฉันใช่ไหม?”“ฉันจะซื้อจริง ๆ ค่ะ” ฉันพูดอย่างจริงจังเขาจึงถามขึ้นว่า “คุณจะให้เท่าไหร่?”ฉันเลยตอบไปตามตรง “ตอนนี้ฉันไม่มีเงิน”เขาโ