เว้ยหลานเข้าไปในอ่างยา คราวนี้เขาแช่น้ำสี่ชั่วโมง คาดว่าอ่างยานี่สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อได้ รวมทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อศิลปะการต่อสู้ เขาจึงต้องการดูดซับพลังยามากขึ้น ฉันชื่นชมเขามาก ๆ เขาเป็นคนที่มีความพากเพียรมาก ในอนาคตศิลปะการต่อสู้ของเขาจะไม่ตกต่ำอย่างแน่นอนหลังจากแช่ตัวในอ่างยาเสร็จแล้ว ครั้งนี้ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บภายในบริเวณเนื้อใต้สะดือล้วนหายเป็นปกติหมดแล้ว และความแข็งแกร่งของร่างกายก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็วางแผนจะขอตัวลา แต่จู่ ๆ เว้ยหลานก็บอกให้ฉันหยุดก่อน คราวนี้ปฏิกิริยาของเขาดีขึ้นมาก อาจเป็นเพราะเขากลัวอาจารย์ที่ฉันเคยแอบอ้างเมื่อครั้งก่อน“คุณหยวน เธอสนใจเข้าร่วมงานประเมินสมบัติประจำปีนี้ไหม?”“งานประเมินสมบัติเหรอ?” ฉันเบิกตากว้างเว้ยหลานกล่าว “ทุกปีในวงการไฮโซของเมืองซานเฉิงของพวกเรา จะมีงานประเมินสมบัติเพื่อให้ทุกคนนำสมบัติล้ำค่าของตัวเองออกมาให้คนอื่น ๆ ได้ลิ้มรสหรือสัมผัสมัน แถมยังมีการเลือกราชาแห่งขุมทรัพย์ด้วย” ฉันรู้สึกสนใจมาก ฉันก็ไม่ได้อยากพ่ายแพ้ต่อวงการไฮโซหรอกนะ และนี่เป็นการดีที่จะสามารถเห็นโลกที่แตกต
ฉันจะไม่เคืองเลยถ้าเธอไม่พูดแบบนี้ และพอเธอพูดจบ เว้ยน่าก็ตะโกนขึ้นมา “คนที่มาวันนี้ล้วนเป็นคนสำคัญ ครอบครัวของเราทำงานอย่างหนักกว่าจะมาถึงจุดนี้ และตระกูลของพวกเราก็ทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะจัดงานประเมินสมบัติให้ออกมาดีที่สุด ถ้าให้คนแบบนี้เข้ามาแล้วแขกท่านอื่นรู้เข้าจะว่ายังไง?”หล่อนก้าวขามาข้างหน้าหนึ่งก้าวและใช้นิ้วชี้กดลงที่จมูกของฉัน “พูดมา เธอเข้ามาได้ยังไง?"ทว่าขณะที่เว้ยน่ากำลังพูดก็มีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามา ใจฉันสั่นมาก โจทย์เก่าทุกคนในวัยเด็กมารวมตัวกันครบหมดแล้ว ผู้ชายคนนี้ชื่อ เฉินตงหนาน เป็นเดือนโรงเรียนในตอนนั้นเขายื่นมือออกมาพลางกอดไหล่ของซือซิ่ว “ซิ่วซิ่ว น่าน่า ใครมันทำให้พวกเธอโกรธขนาดนี้เนี่ย?”ซื่อซิ่วอมยิ้ม “ตงหนาน นายดูสิว่าใครอยู่ที่นี่กับเราด้วย”เฉินตงหนานเหลือบมองมาที่ฉัน สีหน้าเขาประหลาดใจสุด ๆ “เธอ เธอคือหยวนล่ายจือในตอนนั้นเหรอ?” หยวนล่ายจือเป็นฉายาที่พวกเขาตั้งให้ฉัน คนพวกนี้นี่มัน ไม่ว่าจะตอนไหนก็ยังใจร้ายเหมือนเดิมซือซิ่วกล่าวอย่างร้ายกาจ “ในตอนนั้นเธอเขียนจดหมายรักถึงนายหนิ? พวกนายเจอกันทั้งที จะไม่พูดถึงอดีตหน่อยเหรอ?”เฉินตงหนานแ
เมื่อก่อนถ้าเจอเรื่องแบบนี้ ฉันก็ทำได้แค่อดทน แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว ฉันมีเงินในมือบางส่วน มีศิลปะป้องกันตัวนิดหน่อย อีกทั้งยังจับผีไล่ผีได้ ถึงจะเป็นแค่มือใหม่ก็ถือว่าทำได้ดีมากกว่าคนทั่วไปแล้ว และยังมีคนคอยสนับสนุนฉันอยู่อีกมาก ในที่สุดก็หายใจออกได้อย่างไม่อึดอัดใจอีกต่อไป และถ้าอดทนบ่อย ๆ จะทำให้เกิดอาการป่วยได้ไม่นานเว้ยหลานก็หันมาพูดกับฉันเสียงนุ่ม “เด็กคนนี้ถูกพ่อแม่ของเธอเลี้ยงตามใจจนเสียนิสัย คุณหยวน ได้โปรดอภัยให้ฉันด้วย ฉันจะสอนเธออย่างดี” แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่อง “อาจารย์จุนไม่มาเหรอ?”ฉันยิ้มจาง ๆ แล้วพูดตอบ “ชายชราฝากบอกว่าเขาชอบอยู่คนเดียวจนชินแล้ว ไม่ชอบมาในที่ ๆ มีคนเยอะ เลยให้ฉันมาดูและกลับไปเล่าให้เขาฟังก็พอ”เขาก็ไม่เคยคิดว่าอาจารย์ของฉันจะมาจริง ๆ ดังนั้นจึงอย่างไม่ใส่ใจนัก “งั้นคุณหยวน มาสิ ฉันจะพาคุณไปดูรอบ ๆ” ร่างบางเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเขา พวกเราเดินไปที่โถงเก็บสมบัติ และทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองดูด้วยสีหน้าตกตะลึง“ผู้หญิงคนนั้นมีที่มาที่ไปยังไงเนี่ย?” มีใครบางคนกระซิบ “ไม่นึกเลยว่าจะสามารถพูดคุยและหัวเราะกับนายท่านตระกูลเว้ยได้ หล่อนน่าจะรู้หนิว
“คุณชายถังคือใครเหรอ?”“ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ ลุงของเขาเป็นเสาหลักของตระกูลกัว แต่เสาหลักนี้ได้รับตำแหน่งที่สำคัญมาก”“ตระกูลกัว? ตระกูลที่กำลังมาแรงในช่วงนี้น่ะเหรอ? แถมยังตระกูลมีอิทธิพลเหนือกว่าตระกูลเว้ยนั่นอีกไม่ใช่หรือไง?”“ถูกต้อง ฉันได้ยินมาว่าตระกูลเว้ยได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากทางเมืองหลวง”“หืม ถ้าอย่างนั้นเขาก็เป็นแค่คนนอกที่ไม่คู่ควรกับตำแหน่ง "คุณชาย" งั้นสิ?”“แต่คุณชายถังคนนี้มีมารยาทกับตระกูลเว้ยมากเลยนะ หล่อนน่ะหัดสงบปากสงบคำบ้าง ถ้าล่วงเกินเขาก็เท่ากับว่าล่วงเกินตระกูลเว้ยด้วย”“จะกลัวอะไร? ก็แค่ภาระที่พึ่งพาแต่คนอื่น ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้นเอง”“พูดเบา ๆ หน่อยสิ”จุนเหยาแอบมองไปที่ถังหมิงหลี เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ แต่มันไม่ได้ทำให้เขาเคลื่อนไหวอะไรเลยสักนิด ความมุ่งมั่นและอดทนของเขานี่ช่างน่าชื่นชมจริง ๆ แน่นอนว่าฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาเป็นภาระ เขามีความสามารถมากมาย เบื้องหลังของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอนแต่ทันใดนั้น ฉันก็เห็นใครบางคนเข้า เขาคือหยินเฉิงเหยา! ร่างบางรีบก้มหัวลงทันที เขายืนอยู่ข้างประตูทางเข้า เว้ยหลานจึงเดินไปหยุดอยู่
ในขณะนั้น คนขุดโสมก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว เพราะตระกูลเว้ยเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาและลากเขาออกไปฉันรีบดึงแขนเสื้อของถังหมิงหลีไว้พลันเอ่ย “นั่นเป็นของดีเลยนะ เราไปขอซื้อกันแบบเงียบ ๆ เถอะ”ถังหมิงหลีดูมีความสุขมากเมื่อได้ยินฉันพูดคำว่า “เรา” พวกเราสองคนแอบตามไปและเห็นว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโยนคนขุดโสมออกไปนอกประตู พวกเขาหัวเราะพร้อมพูดจาดูถูก อีกทั้งยังโยนใบไม้ใบนั้นใส่หน้าเขาด้วย “เอาสมบัติอันล้ำค่าของแกคืนไป แล้วออกไปให้พ้น”สีหน้าของคนขุดโสมเต็มไปด้วยความอับอาย เขาเอาใบไม้ใส่ลงในกล่องอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกัดฟันแล้วเดินกะเผลกออกไปฉันรีบวิ่งไปหยุดเขา อีกฝ่ายจ้องมาที่ฉันอย่างระแวดระวัง “พวกคุณต้องการอะไร?”ฉันยิ้มพลางถาม “คุณชื่ออะไรคะ?”“ห่ายเวย” เขาตอบ“คุณห่าย คนอื่นไม่รู้จักสมบัติอันล้ำค่าชิ้นนี้ของคุณ แต่ฉันรู้จัก ฉันอยากจะซื้อขอมัน คุณคิดว่ายังไงคะ?” ฉันพูดขึ้นห่ายเวยมองด้วยความสงสัย “คุณจะซื้อจริงเหรอ? ไม่ใช่มาหลอกฉันใช่ไหม?”“ฉันจะซื้อจริง ๆ ค่ะ” ฉันพูดอย่างจริงจังเขาจึงถามขึ้นว่า “คุณจะให้เท่าไหร่?”ฉันเลยตอบไปตามตรง “ตอนนี้ฉันไม่มีเงิน”เขาโ
“นี่คือเหยือกรับวิญญาณที่พ่อมดโบราณใช้เก็บผี” ฉันชี้ไปยังฝาหม้อและพูดว่า “เห็นลวดลายตราประทับนั่นไหม? ถ้ามีตราประทับนี้ แสดงว่ามีวิญญาณอยู่ด้านใน ห้ามเปิดเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะเกิดภัยพิบัติ” กรรมการทั้งสามมองหน้ากันและหัวเราะออกมาเสียงดัง“แม่สาวน้อย คุณดูหนังสยองขวัญมากเกินไปหรือเปล่า? ฉันเป็นนักประเมินสมบัติมาหลายสิบปี ไม่เคยเจอพวกภูต ผี ปีศาจเลย” หานหยุนยิ้มอย่างดูถูกอีกครั้ง เขาโบกมือไปมา “ไม่เป็นไร ถอยออกไปเถอะ อย่ามาขัดขวางพวกเราเลย”ฉันขมวดคิ้ว “คุณหาน เชื่อสิ ถ้าคุณเปิดฝาจะมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้น ยังมีผู้คนมากมายที่อยู่ในงานอีกนะ นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องของคนหนึ่งคนหรือสองคนแล้ว”หวาโหย่วเหวยพูดอย่างดูถูก “แล้วคุณเรียนรู้มาจากใคร? สำเร็จการศึกษาระดับไหน? มีผลงานวิชาการอะไรบ้าง?”ฉันหน้าแดงเล็กน้อย “ไม่มี”ผู้ชมที่อยู่ข้าง ๆ เขาหัวเราะ “คุณไม่มีอะไรเลย ยังจะกล้ามาวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญอีกเหรอ? คุณเว้ย คุณปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามาได้ยังไง?”สีหน้าของเว้ยหลานไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับแต่อย่างใด เขาไม่ได้เชื่อฉัน แต่เขาเชื่ออาจารย์ที่อยู่เบื้องหลัง
“อย่าเพิ่งบูชา” ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางกล่าว “ตอนนี้เธอยังไม่คู่ควรที่จะเป็นศิษย์ของฉัน และเธอก็ไม่ควรบูชาอาจารย์ง่าย ๆ แบบนี้ ฉันจะสังเกตดูอีกสักระยะ เมื่อฉันคิดว่าเธอมีคุณสมบัติมากพอแล้วค่อยคุยกันเรื่องการรับลูกศิษย์”ฉันรู้ว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นจึงรีบพูดขึ้นว่า “ค่ะ ท่านวางใจได้ ฉันจะพยายามเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากท่านค่ะ”“พอแล้ว พอแล้ว รีบลุกขึ้นเถอะ เดี๋ยวใครจะเห็นเข้า” เขาบอก“ค่ะ” ฉันยืนขึ้นด้วยความดีใจ และเขาก็พูดต่อ “มีคนอยู่ข้างหลังเธอ” ฉันตกใจและรีบหันหลังไปมองทันที ตรงนั้นมีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง เขาคือหยินเฉิงเหยา! ฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที เขาจ้องมาที่ฉันอย่างเย็นชา จ้องจนฉันรู้สึกชาที่หัวและจู่ ๆ เขาก็เดินเข้ามาก้าวหนึ่ง ทำเอาฉันตกใจและถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง “ทวนที่แทงออกไปตรง ๆ นั้นหลบหลีกง่าย แต่ลูกศรที่ยิงมาจากที่ลับนั้นยากต่อการระวัง ระวังตัวด้วยล่ะ” พูดเสร็จเขาก็เดินจากไป ทำฉันยืนงงอยู่ตรงนั้นร่างบางเดินออกมาจากหลังเวที พลันเหลือบไปเห็นผู้ชายวัยกลางคนที่โดนผีสิงคนนั้นกำลังยืนขึ้นโดยมีภรรยาของเขาช่วยประคองอยู่ เข
พอฉันขึ้นไปชั้นบน ฉันก็อายมากจนหัวตกลงมาที่หน้าอก โดยเฉพาะเมื่อครู่ตอนพบกับป้าหลี่ ป้าเพื่อนบ้านของฉัน เธอกวาดสายตามองไปมองมาที่ฉันและถังหมิงหลี แล้วสีหน้าของเธอแสดงออกมาเหมือนกับเห็นผีร่างเล็กพูดตะกุกตะกัก “นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉัน เจ้าของเดิมของห้องห้องนี้” รู้สึกว่ายิ่งแก้ก็ยิ่งแย่ แต่ช่างมันเถอะ ยังไงเธอก็ไม่เชื่ออยู่ดีมือเรียวเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นก่อน ก่อนจะเข้าไปในห้องนอนและยุ่งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นค่อยเอ่ยเรียกอีกคน “คุณถัง ฉันเตรียมพร้อมแล้ว เชิญเข้ามาได้” ถังหมิงหลีอมยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินตรงเข้าไปในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของยา เขาผงะไปครู่หนึ่ง พลางจ้องมองไปยังถังไม้ที่อยู่ข้างหน้า“นี่คือ?” เขาถาม“นี่คือน้ำยาสำหรับอาบเพื่อปรับสภาพร่างกาย” ฉันพูดขึ้น “สามารถปรับสภาพกล้ามเนื้อและกระดูก แถมยังช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักสู้อย่างพวกนาย”ในตาของเขาดูมีประกายความสุข เขาจับมือฉันพลันเอ่ย “จุนเหยา ขอบคุณนะ” ใบหน้าแดงเห่อร้อน ร่างสูงเปลื้องผ้าเดินเข้าไปแช่ในอ่างยาอย่างช้า ๆ ฉันหันหน้าออกไปอีกทางไม่กล้ามอง แต่
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ