“อย่าเพิ่งบูชา” ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางกล่าว “ตอนนี้เธอยังไม่คู่ควรที่จะเป็นศิษย์ของฉัน และเธอก็ไม่ควรบูชาอาจารย์ง่าย ๆ แบบนี้ ฉันจะสังเกตดูอีกสักระยะ เมื่อฉันคิดว่าเธอมีคุณสมบัติมากพอแล้วค่อยคุยกันเรื่องการรับลูกศิษย์”ฉันรู้ว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นจึงรีบพูดขึ้นว่า “ค่ะ ท่านวางใจได้ ฉันจะพยายามเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากท่านค่ะ”“พอแล้ว พอแล้ว รีบลุกขึ้นเถอะ เดี๋ยวใครจะเห็นเข้า” เขาบอก“ค่ะ” ฉันยืนขึ้นด้วยความดีใจ และเขาก็พูดต่อ “มีคนอยู่ข้างหลังเธอ” ฉันตกใจและรีบหันหลังไปมองทันที ตรงนั้นมีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง เขาคือหยินเฉิงเหยา! ฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที เขาจ้องมาที่ฉันอย่างเย็นชา จ้องจนฉันรู้สึกชาที่หัวและจู่ ๆ เขาก็เดินเข้ามาก้าวหนึ่ง ทำเอาฉันตกใจและถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง “ทวนที่แทงออกไปตรง ๆ นั้นหลบหลีกง่าย แต่ลูกศรที่ยิงมาจากที่ลับนั้นยากต่อการระวัง ระวังตัวด้วยล่ะ” พูดเสร็จเขาก็เดินจากไป ทำฉันยืนงงอยู่ตรงนั้นร่างบางเดินออกมาจากหลังเวที พลันเหลือบไปเห็นผู้ชายวัยกลางคนที่โดนผีสิงคนนั้นกำลังยืนขึ้นโดยมีภรรยาของเขาช่วยประคองอยู่ เข
พอฉันขึ้นไปชั้นบน ฉันก็อายมากจนหัวตกลงมาที่หน้าอก โดยเฉพาะเมื่อครู่ตอนพบกับป้าหลี่ ป้าเพื่อนบ้านของฉัน เธอกวาดสายตามองไปมองมาที่ฉันและถังหมิงหลี แล้วสีหน้าของเธอแสดงออกมาเหมือนกับเห็นผีร่างเล็กพูดตะกุกตะกัก “นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉัน เจ้าของเดิมของห้องห้องนี้” รู้สึกว่ายิ่งแก้ก็ยิ่งแย่ แต่ช่างมันเถอะ ยังไงเธอก็ไม่เชื่ออยู่ดีมือเรียวเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นก่อน ก่อนจะเข้าไปในห้องนอนและยุ่งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นค่อยเอ่ยเรียกอีกคน “คุณถัง ฉันเตรียมพร้อมแล้ว เชิญเข้ามาได้” ถังหมิงหลีอมยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินตรงเข้าไปในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของยา เขาผงะไปครู่หนึ่ง พลางจ้องมองไปยังถังไม้ที่อยู่ข้างหน้า“นี่คือ?” เขาถาม“นี่คือน้ำยาสำหรับอาบเพื่อปรับสภาพร่างกาย” ฉันพูดขึ้น “สามารถปรับสภาพกล้ามเนื้อและกระดูก แถมยังช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักสู้อย่างพวกนาย”ในตาของเขาดูมีประกายความสุข เขาจับมือฉันพลันเอ่ย “จุนเหยา ขอบคุณนะ” ใบหน้าแดงเห่อร้อน ร่างสูงเปลื้องผ้าเดินเข้าไปแช่ในอ่างยาอย่างช้า ๆ ฉันหันหน้าออกไปอีกทางไม่กล้ามอง แต่
“โอ้มายกอด สิ่งที่อยู่บนหน้าหล่อนมันคืออะไรกัน?” หญิงสาวหน้าตาสะสวยเอ่ยถามเสียงสูง “น่าขยะแขยงชะมัด ฉันแทบจะกินอาหารเช้าไม่ลงแล้วเนี่ย” ถังหมิงหลีขมวดคิ้วจนย่น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กัวซวน ดูแลผู้หญิงของนายด้วย” กัวซวนหัวเราะด้วยความเย้ยหยัน “ถังหมิงหลี นี่คือผู้หญิงของนายเหรอ? รสนิยมนายเนี่ยแปลกดีเนอะ เมื่อก่อนนายก็ไม่ได้อะไรกับผู้หญิงสักเท่าไหร่ ฉันยังนึกว่านายน่ะบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่เลย ไม่คิดเลยว่าจะมีความชอบแปลก ๆ” ถังหมิงหลีค่อย ๆ ยืนขึ้นแล้วใช้สายตาที่คมดุจดั่งมีดจ้องไปที่เขาอย่างเชือดเฉียด “กัวซวน นายอยากมีเรื่องหรือไง?” กัวซวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งพลางมองเขาด้วยท่าทางขลาดกลัว “ถังหมิงหลี นายมันก็เป็นแค่คนนอกที่มาอาศัยอยู่กับตระกูลกัวของพวกเราเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะลุงของนายได้รับความเคารพจากคุณปู่ล่ะก็ นายคิดว่านายจะอยู่ที่บ้านกัวได้กี่วัน?” ถังหมิงหลีใช้สายตามองเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นมดตัวหนึ่ง “แล้วไงล่ะ? กัวซวน นายคิดว่าตัวเองเป็นสายเลือดโดยตรงของตระกูลกัว แต่สมบัติของตระกูลนายได้มาเท่าไหร่ล่ะ? คุณปู่ท่านดูออกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่านายมันไม่เอาไหน ไม่มีอนาคต แต่
มันคือหน้ากากสีขาวอันหนึ่ง เมื่อมองดูแล้วก็เป็นสีขาวซีด ๆ ธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ภายใต้แสงจันทร์เช่นนี้ มันกลับยิ่งเพิ่มความสยองขวัญขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน เมื่อมาถึงโรงงานเคมี ฉันก็เปิดห้องไลฟ์สด และตั้งชื่อว่า ‘ค่ำคืนสยองขวัญเมื่อยี่สิบปีก่อน ไขความลับโรงงานร้าง’ ทันทีที่เปิดไลฟ์ ก็มีผู้คนกว่าหมื่นคนรีบเข้ามาอย่างดุเดือด [ครั้งนี้เป็นที่โรงงานงั้นเหรอ? ดูบรรยากาศรอบ ๆ ก็รู้สึกสยองแล้วอะ แอดมินเว้นช่วงไปนานกว่าจะกลับมาไลฟ์ครั้งนี้ มันต้องเป็นอะไรที่สุดยอดแน่ ๆ] [แอดมินผมจำภาพเนินอกของคุณได้ไม่ลืมเลย มันช่างตราตรึงใจเสียเหลือเกิน] [แอดมิน ผมคือหมัดใต้หล้า รุ่นพี่จอมเผด็จการอยู่ไหม? รุ่นพี่โปรดรับมงกุฎของผมด้วยครับ] [การไลฟ์สดของแอดมินครั้งที่แล้วสุดยอดมากเลยครับ ผมได้บันทึกวิดีโอเก็บไว้แล้วก็เปิดวนซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งเลย นี่แค่ไม่ได้ดูวันเดียวผมถึงกับไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยนะครับ จนแฟนผมเขาคิดว่าผมจะนอกลู่นอกทางซะแล้ว] ดูม่านกระสุนพวกนี้แล้ว เกือบจะทำให้ฉันต้องเผยยิ้มออกมา ยอดผู้ชมในห้องไลฟ์สดเพิ่มขึ้นถึงแสนคนด้วยความรวดเร็ว “ทุกคน ฉันกลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะอธิบา
“บ้าหรือเปล่า” สี่คนนั้นมองมาที่ฉันด้วยสายตาหยิ่งยโส “ออกไปให้พ้นทาง คุณชายฮวงของพวกเราจะเข้าไปสำรวจ” หนึ่งในสี่คนนั้น มีอยู่คนหนึ่งที่ท่าทางเพลย์บอยสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม ในปากคาบบุหรี่อยู่หนึ่งมวนด้วยท่าทีที่ไม่สนใจอะไร ฉันรีบตอบกลับไปทันควัน “โรงงานนี้อันตรายมาก ถ้าพวกเธออยากจะมากันนัก ก็รอให้เช้าก่อนค่อยกลับมา” “หลีกไป” ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดคนนั้นก้าวเข้ามาจะผลักฉันออก ฉันจึงหลบตามสัญชาติญาณทำให้หล่อนทรงตัวไม่อยู่จนเกือบจะล้มลงไป หล่อนรู้สึกอายพลันโกรธมาก ร่างนั้นพุ่งเข้ามาเตรียมจะคว้าใบหน้าฉันเอาไว้ แต่ตอนนี้ฉันมีแรงเยอะกว่า เพียงแค่ฉันผลักหล่อนเบา ๆ แบบไม่ได้ตั้งใจก็ทำให้หล่อนถึงกับล้มหงายหลังไปเลย หล่อนตะโกนออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ “คุณชายฮวงคะ มันทำร้ายฉัน” พวกของคุณชายฮวงพุ่งเข้ามาล้อมจุนเหยาเอาไว้ “จะเอายังไง โรงงานนี้เป็นของที่บ้านเธอหรือไง ถึงไม่ให้คนเข้า แถมยังมาทำร้ายคนของฉันอีก?” “วันนี้ถ้าเธอไม่คุกเข่าขอโทษ ก็อย่าคิดว่าจะหลุดไปได้” “ใช่ รีบคุกเข่าซะ! แล้วก็ก้มกราบเสี่ยวลี่ของพวกเราด้วย” [บ้าจริง เด็กเวรอย่างพวกแกกล้ามาทำอะไรแอดมินของเราเหรอ ไม่อยากมีชีวิตแล้ว
นัยน์ตาเขาฉายแววมุ่งมั่น “เราจะต้องหาข้อมูลพวกนั้นให้เจอให้ได้” ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากด้านในโรงงานจนพวกก็เราตกใจ เราจึงตัดสินใจตามเสียงนั้นไป พื้นที่ในโรงงานแห่งนี้ก็เหมือนกับเขาวงกต หันไปทางไหนก็มีแต่ตะไคร่น้ำกับสนิมขึ้นเต็มไปหมด ขณะที่พวกเราเพิ่งจะเดินเลี้ยวตรงหัวมุมมา จู่ ๆ ก็มีเด็กวัยรุ่นสามคนพุ่งตัวออกมา ทั้งสามคนนั้นเป็นพวกฮวงเย่ พวกเขาตะโกนร้องด้วยความหวาดกลัว “ผี ผีหลอก! ช่วยด้วย!” “มาอยู่ข้างหลังฉัน” ฉันตะโกนเรียกเสียงดัง ทั้งสามคนจึงรีบวิ่งมาหลบหลังร่างบาง จากนั้นเธอก็รีบเข้าไปด้านใน ก็เห็นว่าเสี่ยวลี่กำลังตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นอย่างไม่หยุดหย่อน มีมวลแรงมหาศาลดึงหล่อนเอาไว้แล้วลากเข้าไปในห้องมืด ครั้นฉันจะเดินตามเข้าไปมันก็สายไปแล้ว ภายในห้องนั้นมีมือขาดซีดนับไม่ถ้วนยืดออกมาจับขาของเสี่ยวลี่ไว้แน่น “ช่วยฉันด้วย! ช่วย…ด้วย!” เล็บของเสี่ยวลี่ทิ้งคราบเลือดไว้บนพื้น จากนั้นหล่อนก็ถูกแรงมหาศาลลากเข้าไปในส่วนลึกของห้อง พลันประตูเหล็กก็ประกบเข้าหากันดังปัง เลือดสดสีแดงเข้มก็ไหลออกมาทางประตู ฉันพยายามจะง้างประตูออก แต่ก็พบว่าข้างบนประตูเหล็กมีแม่กุญแจเหล็
ดวงตาที่เสี่ยวหลินซ่อนเอาไว้ภายใต้หน้ากากค่อย ๆ หรี่ลง มันคือสายตาที่คมดุจใบมีด ฮวงเย่รู้สึกเย็นวาบขึ้นที่หลัง เขาผลักเสี่ยวหลินออกอย่างแรงแล้วหันหลังวิ่งออกไปทันที ส่วนเด็กวัยรุ่นสองคนนั้นเองก็วิ่งตามไปด้วยเช่นกัน หลังจากวิ่งอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลานาน เด็กหนุ่มในชุดยืดสีขาวก็เอ่ยอย่างหอบเหนื่อย “ไม่ไหวแล้ว ฉันวิ่งไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉันว่านายเองก็เหมือนกัน วิ่งหนีอะไรเนี่ย ฮวงชิวหว๋าก็พ่อของฮวงเย่นู่น ไม่ใช่พ่อพวกเราซะหน่อย” เด็กหนุ่งร่างบางที่วิ่งอยู่กับเขาเอ่ย “แต่นายเป็นเพื่อนของฮวงเย่ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของเขานะ” พลันเด็กหนุ่มเสื้อยืดขาวก็มองไปทางเขาอย่างแปลกใจ ก่อนพบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายภายใต้แสงจันทร์อันมืดมิดนั้นมีสีเขียวช้ำอยู่เล็กน้อย “นาย…” เด็กหนุ่มเสื้อยืดขาวเกิดสับสนขึ้นมาพักหนึ่ง “เอ๊ะ? นายชื่ออะไรนะ ทำไมฉันถึงจำชื่อนายไม่ได้?” เขาใช้เวลาคิดอยู่นาน แต่ก็คิดไม่ออกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ชื่ออะไร แถมยังนึกไม่ออกด้วยว่าตนเองไปรู้จักกับอีกคนตอนไหน ความหวาดกลัวค่อย ๆ คลืบคลานเข้ามาที่หลังของเขาทีละนิด จนเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว “นาย…หรือนายจะเป็น…” ขณะที่ฉันคิดจะไล่ตามพวกนั้
ตรงนั้นมีประตูปิดตายอยู่บ้านหนึ่ง และมันก็มีแป้นใส่รหัสอยู่ข้างประตู! ชายคนนี้ถอดมือถือที่แขวนอยู่ตรงคอของฉันออก แล้วใช้เท้าเหยียบจนละเอียด จากนั้นเขาก็หันไปกดรหัสสองสามตัว ประตูเหล็กนั่นก็เปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจึงเดินเข้าไปข้างในทันที ในขณะที่ถังหมิงกำลังไล่ตามมา อีกฝ่ายก็ใช้แรงทั้งหมดปิดประตู เสียงประตูกระแทกกันดังปัง ราวกับจะแยกความเป็นความตายออกจากกัน หยวนจุนเหยาเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน เขาต้องการอะไรกันแน่? ภายในห้องแห่งความลับอันมืดมิดนี้ มองไปทางไหนก็ไม่เห็นอะไร ได้ยินแต่เสียงปลดล็อค เขาเปิดตู้เซฟใบนั้นออกแล้วหยิบเอกสารกองหนึ่งออกมา “แกเป็นใคร?” ฉันรวบรวมความกล้าถามออกไป “ตกลงว่าโรงงานเคมีนี่มันมีความลับอะไรกันแน่?” ร่างบางลุกขึ้นยืนพลางคลำไปทั่ว ๆ จนคลำไปเจอพวกเศษขวดแก้ว ของพวกนี้ทั้งหมดล้วนเป็นของที่ใช้สำหรับทำการทดลองทางเคมี จุนเหยาใจเต้นแรง เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้หลาย ๆ ข้อ เป็นไปได้ไหมว่าตอนนั้นจะมีคนมาผลิตยาที่นี่? ไม่ ไม่ถูกต้อง การผลิตยาอย่างเปิดเผยในโรงงานเคมี เป็นเรื่องที่ไม่มีทางซ่อนไว้ได้ เว้นแต่ว่าทั้งโรงงานจะมีคนเข้าร่ว
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ