นัยน์ตาเขาฉายแววมุ่งมั่น “เราจะต้องหาข้อมูลพวกนั้นให้เจอให้ได้” ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากด้านในโรงงานจนพวกก็เราตกใจ เราจึงตัดสินใจตามเสียงนั้นไป พื้นที่ในโรงงานแห่งนี้ก็เหมือนกับเขาวงกต หันไปทางไหนก็มีแต่ตะไคร่น้ำกับสนิมขึ้นเต็มไปหมด ขณะที่พวกเราเพิ่งจะเดินเลี้ยวตรงหัวมุมมา จู่ ๆ ก็มีเด็กวัยรุ่นสามคนพุ่งตัวออกมา ทั้งสามคนนั้นเป็นพวกฮวงเย่ พวกเขาตะโกนร้องด้วยความหวาดกลัว “ผี ผีหลอก! ช่วยด้วย!” “มาอยู่ข้างหลังฉัน” ฉันตะโกนเรียกเสียงดัง ทั้งสามคนจึงรีบวิ่งมาหลบหลังร่างบาง จากนั้นเธอก็รีบเข้าไปด้านใน ก็เห็นว่าเสี่ยวลี่กำลังตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นอย่างไม่หยุดหย่อน มีมวลแรงมหาศาลดึงหล่อนเอาไว้แล้วลากเข้าไปในห้องมืด ครั้นฉันจะเดินตามเข้าไปมันก็สายไปแล้ว ภายในห้องนั้นมีมือขาดซีดนับไม่ถ้วนยืดออกมาจับขาของเสี่ยวลี่ไว้แน่น “ช่วยฉันด้วย! ช่วย…ด้วย!” เล็บของเสี่ยวลี่ทิ้งคราบเลือดไว้บนพื้น จากนั้นหล่อนก็ถูกแรงมหาศาลลากเข้าไปในส่วนลึกของห้อง พลันประตูเหล็กก็ประกบเข้าหากันดังปัง เลือดสดสีแดงเข้มก็ไหลออกมาทางประตู ฉันพยายามจะง้างประตูออก แต่ก็พบว่าข้างบนประตูเหล็กมีแม่กุญแจเหล็
ดวงตาที่เสี่ยวหลินซ่อนเอาไว้ภายใต้หน้ากากค่อย ๆ หรี่ลง มันคือสายตาที่คมดุจใบมีด ฮวงเย่รู้สึกเย็นวาบขึ้นที่หลัง เขาผลักเสี่ยวหลินออกอย่างแรงแล้วหันหลังวิ่งออกไปทันที ส่วนเด็กวัยรุ่นสองคนนั้นเองก็วิ่งตามไปด้วยเช่นกัน หลังจากวิ่งอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลานาน เด็กหนุ่มในชุดยืดสีขาวก็เอ่ยอย่างหอบเหนื่อย “ไม่ไหวแล้ว ฉันวิ่งไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉันว่านายเองก็เหมือนกัน วิ่งหนีอะไรเนี่ย ฮวงชิวหว๋าก็พ่อของฮวงเย่นู่น ไม่ใช่พ่อพวกเราซะหน่อย” เด็กหนุ่งร่างบางที่วิ่งอยู่กับเขาเอ่ย “แต่นายเป็นเพื่อนของฮวงเย่ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของเขานะ” พลันเด็กหนุ่มเสื้อยืดขาวก็มองไปทางเขาอย่างแปลกใจ ก่อนพบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายภายใต้แสงจันทร์อันมืดมิดนั้นมีสีเขียวช้ำอยู่เล็กน้อย “นาย…” เด็กหนุ่มเสื้อยืดขาวเกิดสับสนขึ้นมาพักหนึ่ง “เอ๊ะ? นายชื่ออะไรนะ ทำไมฉันถึงจำชื่อนายไม่ได้?” เขาใช้เวลาคิดอยู่นาน แต่ก็คิดไม่ออกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ชื่ออะไร แถมยังนึกไม่ออกด้วยว่าตนเองไปรู้จักกับอีกคนตอนไหน ความหวาดกลัวค่อย ๆ คลืบคลานเข้ามาที่หลังของเขาทีละนิด จนเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว “นาย…หรือนายจะเป็น…” ขณะที่ฉันคิดจะไล่ตามพวกนั้
ตรงนั้นมีประตูปิดตายอยู่บ้านหนึ่ง และมันก็มีแป้นใส่รหัสอยู่ข้างประตู! ชายคนนี้ถอดมือถือที่แขวนอยู่ตรงคอของฉันออก แล้วใช้เท้าเหยียบจนละเอียด จากนั้นเขาก็หันไปกดรหัสสองสามตัว ประตูเหล็กนั่นก็เปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจึงเดินเข้าไปข้างในทันที ในขณะที่ถังหมิงกำลังไล่ตามมา อีกฝ่ายก็ใช้แรงทั้งหมดปิดประตู เสียงประตูกระแทกกันดังปัง ราวกับจะแยกความเป็นความตายออกจากกัน หยวนจุนเหยาเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน เขาต้องการอะไรกันแน่? ภายในห้องแห่งความลับอันมืดมิดนี้ มองไปทางไหนก็ไม่เห็นอะไร ได้ยินแต่เสียงปลดล็อค เขาเปิดตู้เซฟใบนั้นออกแล้วหยิบเอกสารกองหนึ่งออกมา “แกเป็นใคร?” ฉันรวบรวมความกล้าถามออกไป “ตกลงว่าโรงงานเคมีนี่มันมีความลับอะไรกันแน่?” ร่างบางลุกขึ้นยืนพลางคลำไปทั่ว ๆ จนคลำไปเจอพวกเศษขวดแก้ว ของพวกนี้ทั้งหมดล้วนเป็นของที่ใช้สำหรับทำการทดลองทางเคมี จุนเหยาใจเต้นแรง เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้หลาย ๆ ข้อ เป็นไปได้ไหมว่าตอนนั้นจะมีคนมาผลิตยาที่นี่? ไม่ ไม่ถูกต้อง การผลิตยาอย่างเปิดเผยในโรงงานเคมี เป็นเรื่องที่ไม่มีทางซ่อนไว้ได้ เว้นแต่ว่าทั้งโรงงานจะมีคนเข้าร่ว
ผีพวกนี้ตัวไหม้เกรียมและมีแผลถลอกปอกเปิกเต็มไปหมด เป็นเพราะก๊าสเคมีที่รั่วไหลออกมาในตอนนั้นทำให้ผิวหนังของคนไหม้เกรียม มองดูแล้วก็เหมือนกับการโดนเผาไหม้อย่างไรอย่างนั้น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ หลังจากที่คนสูดดมมันเข้าไปแล้ว มันยังเข้าไปเผาไหม้ระบบทางเดินหายใจของคน จนทำให้คนคนนั้นขาดใจตายไปเลย ผู้ที่เสียชีวิตในปีนั้น ทุกคนล้วนตายกันอย่างน่าอนาถ ความเคียดแค้นที่พุ่งทะยานขึ้นของพวกเขาได้ฝังลึกลงไปที่โรงงานแห่งนี้มาหลายปี และตอนนี้วิญญาณแต่ละดวงก็กลายเป็นวิญญาณที่อาฆาตแค้นไปแล้ว ด้วยกำลังของฉันในตอนนี้ จะให้มาเผชิญหน้ากับพวกผีอาฆาตแค้นที่มากมายขนาดนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย “หมิงหลี ฉันขอยืมมือถือนายหน่อย” ฉันเอามือถือของถังหมิงหลีมาแล้วรีบลงชื่อเข้าสู่ระบบบัญชีของฉัน จากนั้นก็เริ่มเปิดไลฟ์ใหม่ทันที [แอดมินกลับมาแล้ว! ดีจังเลย หนูคิดว่าแอดมินจะถูกผีฆ่าตายไปแล้วนะเนี่ย] [ฮ่าฮ่าฮ่า แอดมินมีออร่าความเป็นตัวเอก ไม่ตายหรอก] [ฮรือฮรือฮรือ แอดมิน ทำเอาคนอื่นเขาตกใจกันหมดเลย ร้องไปไม่รู้กี่หนแล้ว] [แอดมินไม่ตาย!] [แอดมินไม่ตายบวกหนึ่ง] … [แอดมินไม่ตายบวกร้อย] “ทุกคนคะ อย่
ถังหมิงหลีเอ่ยตอบ “ทางตำรวจได้ตรวจสอบซากปรักหักพังอยู่สองวัน ตอนนี้ได้ความคืบหน้าแล้ว” เขากดเปิดทีวีที่กำลังออกแถลงข่าวอยู่ตอนนี้ ทางตำรวจให้การว่า ในปีเก้าศูนย์ กลุ่มอาชญากรที่นำโดยรองผู้อำนวยการโรงงาน ‘ฮวงชิวหว๋า’ ได้สร้างห้องแห่งความลับขึ้นภายในโรงงาน เพื่อผลิตและขายยาโดยอาศัยความสะดวกสะบายของเทคโนโลยีเข้าช่วย ต่อมาพอโรงงานเคมีกำลังจะล้มละลายและถูกประมูลเนื่องจากการบริหารจัดการไม่ค่อยดีนัก วันหนึ่งความผิดของเขาก็ถูกผู้อำนวยการคนเก่าและคนงานบางกลุ่มไปพบเข้า เขาจึงจงใจปล่อยแก๊สพิษ เพื่อฆ่าคนงานกว่าสิบคนในคืนนั้น ฉันขมวดคิ้วสงสัย ผลิตยาเหรอ? แน่นอนว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนี้ ไม่งั้นหยินเฉิงเหยาคงไม่ต้องลงทุนไปแย่งข้อมูลการผลิตยาพวกนั้นมา และอันที่จริงแล้ว คนที่มีความรู้ทางด้านเคมีเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำได้เช่นกัน ถังหมิงหลีหยิบแท็บแล็ตออกมาให้ฉัน “นี่เป็นวิดีโอที่ฉันโหลดมาจากไลฟ์สดของเธอ” เมื่อฉันรับมาดูก็เห็นว่าเป็นตอนที่กำลังเข้าไปข้างในโรงงาน มันถ่ายติดตอนเจอผีตรงออฟฟิศที่เปิดไฟไว้ “คุณดูเอกสารบนโต๊ะสิ” เขาขยายรูปให้ใหญ่ขึ้น “มือถือของเธอมันถ่ายได้ไม่ค่อยชัด ขนาดฉันบอกให้คน
ผู้ที่มาใหม่เป็นชายวันกลางคนสวมชุดกราวน์สีขาว เขากล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ผมเป็นรองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลนี้ พวกคุณมีเรื่องอะไรก็พูดกับผมได้ครับ” “แย่ละ ทำไมต้องเป็นรองผู้อำนวยการเฉินด้วย” พยาบาลข้าง ๆ เอ่ยเสียงเบา “ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าท่านรองไม่ถูกกับหมอฉิน” “รองผู้อำนวยการ? งั้นดีเลย พี่ชายของฉันถูกหมอของพวกคุณทำร้ายจนเป็นแบบนี้ คุณจะจัดการยังไง?” หญิงวัยกลางคนที่ท่าทางปากร้ายคำรามอย่างดุเดือด ฉันเห็นอย่างชัดเจนเลยว่า หล่อนกับรองผู้อำนวยการส่งสายตาให้กัน ฉันเริ่มรู้สึกหวั่นใจ หรือว่าพวกเขาจะเป็นคนที่รองผู้อำนวยการเฉินเรียกให้มาจัดการกับหมอฉินโดยเฉพาะ? ร่างบางมองไปรอบ ๆ ปรากฏว่าตรงนี้เป็นจุดบอดที่กล้องวงจรปิดถ่ายไม่เห็นพอดี ดูท่าน่าจะเตรียมการกันมาก่อนหน้านี้แล้ว รองผู้อำนวยการเฉินเอ่ยเสียงเข้ม “หมอฉิน ทำไมคุณถึงทำร้ายคนล่ะครับ?” หมอฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมแทบไม่ได้โดนตัวเขาเลยครับ” รองเฉินว่าต่อ “คุณมีพยานไหม?” ผู้หญิงปากร้ายคนนั้นพาชายฉกรรจ์สองคนมาพลางชี้หน้าผู้คนรอบ ๆ อย่างดุร้าย “ใครเห็นอะไรบ้าง? ออกมา!” ผู้คนรอบ ๆ ไม่มีใครกล้าออกเสียงแม้แต่คนเดีย
ยาเสร็จแล้ว! หยวนจุนเหยาถอนหายใจออกมายาว ๆ มันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอย่างที่คิด เธอแค่รู้สึกว่าเบาตัวและไม่มีจุดที่รู้สึกว่าอ่อนแรงเลย มือเรียวรินยาใส่ขวดหยกที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ใบไม้แค่ใบเดียวสามารถกลั่นน้ำยาออกมาได้สิบขวด ฉันมองขวดยาที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะไปหมด พลางนึกถอนหายใจ หากเร็วกว่านี้หน่อยสักสองสามปี ไม่แน่มันอาจจะช่วยยืดชีวิตของยายออกไปได้หน่อย นอกจากน้องชายแล้ว ยายเป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุดอีกคนหนึ่ง ฉันโทรออกหาถังหมิงหลีแล้วบอกว่าฉันมียาอายุวัฒนะอยู่จำนวนหนึ่ง เขาพอจะมีลู่ทางการค้าขายให้ฉันได้บ้างไหม ตอนนี้ฉันไม่สามารถออกไปจำหน่ายยาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้ เลยให้ถังหมิงหลีช่วย ค่อยรู้สึกปลอดภัยขึ้นหน่อย ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ฉันเชื่อใจถังหมิงหลีอย่างสนิทใจไปแล้ว เมื่อถังหมิงหลีฟังเรื่องยา เขาก็รู้สึกตื่นเต้นทันที “เธอเอาใบไม้นั่นไปกลั่นเป็นยาแล้วเหรอ?สรรพคุณเป็นยังไง?” “หนึ่งขวด สามารถยืดอายุได้หนึ่งเดือน” ถังหมิงหลีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “แค่เดือนเดียวเองเหรอ?” ฉันว่าต่อ “ภายในเวลาหนึ่งเดือน ร่างกายของผู้ป่วยจะกลับสู่สภาวะสูงสุด แทนที่จะนอนตายอยู
ในเวลานั้นเอง รถแลนด์ โรเวอร์ ออโรร่า คันสีดำก็แล่นผ่านตรอกซอยแคบ ๆ อย่างรวดเร็ว ถังหมิงหลีกระโดดลงไปแล้วตะโกนลั่น “ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”ไต้ซือตงดึงฉันไปที่หน้าอก พร้อมใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งบีบที่คอของฉันอย่างแรงจนอาจจะหักได้ทุกเมื่อ“ไสหัวไป!” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม “ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าเธอ!”ถังหมิงหลีหมุนข้อมือ ในมือของเขามีกริชอันแหลมคมอยู่ “แกหนีไม่พ้นหรอก วางเธอกับกล่องใบนั้นลง แล้วฉันจะปล่อยแกไป”ไต้ซือตงหัวเราะเยาะ “กล่องใบนี้ก็เป็นสิ่งที่แกต้องการด้วยเหรอ? เจ้ายาหยานโซวอายุหนึ่งปีที่ช่วยให้ร่างกายกลับคืนสถานะสูงสุด ถ้ามันเป็นของมีค่าแล้วฉันจะยอมทิ้งได้ยังไงล่ะ?”เขาก้มหน้ายิ้มเหยียดใส่ฉัน “อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะให้ของดีชิ้นนี้กับชายที่รักของเธอเหรอ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า เธออย่าลืมนะว่าเธอหน้าตาน่าเกลียด ทำแบบนี้เขาจะชอบเธอหรือไง?”แม้จุนเหยาจะเจ็บปวดใจแต่กลับตอบโต้ “แล้วมันธุระอะไรของแก?”“จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของฉันหรอก แต่ฉันคนนี้ดันชอบดูความสนุกสนานมากกว่าน่ะสิ” และเขาก็หันไปพูดกับถังหมิงหลี “ของหรือคน เลือกเอาสิ?”ถังหมิงหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ฉันต้องการทั้
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ