"ยัยมาย ฉันชอบนักร้องคนนี้จัง"
"ฉันไปขอคอนแทคให้เอามั้ย" "จะดีหรอ" "แหมมมม ลลิล" วันนี้ฉันมาฉลองยอดไลค์และยอดซับสไครบของช่อง LALIL ครบหนึ่งแสน มีหนูมายกับยัยมินคนสำคัญของช่องมาร่วมฉลองให้กับฉันด้วย เพราะมีเพื่อนรักอย่างสองคนนี้คอยช่วยคิดคอนเทนต์ ช่วยคอมเมนต์ และหลายครั้งที่มาเป็นแขกรับเชิญให้กับฉันทำให้อีพีนั้นยอดวิวสูงสุดสุดเพราะความน่ารักสวยสดใสและเป็นธรรมชาติของพวกนางสองคน โดยร้านที่พวกเราเลือกมาก็มีเพื่อนอย่างติวเตอร์เป็นเจ้าของ ถ้าเกิดฉันเมาเกินไปยังไงก็ปลอดภัยห่างห่วง ที่จริงฉันก็มาร้านเตอร์อยู่หลายครั้งหรือเรียกว่าเป็นขาประจำเลยจะดีกว่า แต่ยังไม่เคยเจอ นักร้องคนนี้เลย เขาเสียงแหบมีเสน่ห์ สูง ผิวสองสีกำลังดี ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำลงมาสามเม็ดเผยให้เห็นแผงอกแกร่งดูมีกล้ามแน่นๆ ซ่อนอยู่ ใส่ต่างหูสีดำหนึ่งข้าง ให้ลุคเพลย์บอยนิดๆ เจ้าชู้หน่อยๆ สายตาคมกรุ่มกริ่มที่ส่งลงมาจากเวทีดูขี้เล่น แต่คงไม่ซุกซนเท่าสายตาของฉันที่มองเขาอยู่ตอนนี้ น้องลลิลอยากได้คนนี้... ติ๊ง nava.nutthakorn : ทักครับ 😙 nava.nutthakorn : พี่นาวาคับผม nava.nutthakorn : ไปหาที่เงียบๆ คุยกันมั้ยคับน้องลลิล ฉันที่นั่งมองยัยหนูมายผู้มีจิตอาสาไปขอคอนแทคให้ฉันด้วยใจที่เต้นแรง ลุ้นว่าจะได้ไปต่อหรือจะต้องลาก่อน ก็เห็นเขาหันมามองแวบหนึ่งแล้วยื่นมือถือให้เพื่อนสาวของฉันไปกดอะไรสักอย่าง ก่อนที่ยัยมายจะโดนนายลากออกไปสงสัยคงกลัวยัยมายเมาเลยรีบมาพาออกไปเหมือนปกติแหละมั้ง แต่อยู่ๆ ข้อความส่วนตัวในไอจีของฉันก็ดังขึ้น ตัวฉันชาทันทีที่เปิดอ่านก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองทางเขาที่ยืนมองมาพร้อมอมยิ้มเบาเบาอยู่ก่อน เราจะดูไม่ดีมั้ยนะ แต่มาถึงขนาดนี้แล้วยัยลลิล ลองดูสักตั้งถ้าไม่ใช่ก็แค่ถอย ลุย! ผมออกมายืนรอเธอตรงลานจอดรถหน้าร้านที่ผมมารับจ๊อบร้องเพลงเล่นเล่น เพราะผมชอบเสียงดนตรีชอบร้องเพลง และนี่ก็เป็นร้านรุ่นน้องที่เล่นบาสด้วยกันอย่างไอ้เตอร์ ส่วนไอ้นายกับไอ้กายผมก็เคยเจอเคยคุยกันตามงานสังคมทั่วไป บางวันถ้าผมไม่มาร้องเพลงผมก็จะมานั่งเล่นในมุมประจำของผม มุมที่ทำให้เห็นใครคนหนึ่ง... และเธอ... สาวน้อยใจกล้าที่ส่งเพื่อนเธอมาขอคอนแทคผม เธอเป็นคนเดียวกับคนที่ทำให้ผมตามไปกินขนมเบเกอร์รี่ที่คาเฟ่เพื่อนของเธอ 'มินิมินนี่' และผมกลายเป็นลูกค้าประจำไปแล้ว เธอคือคนเดียวกับคนที่ผมชอบมานั่งมองที่นี่ในมุมโปรดของผม มองเธออยู่นานจนแน่ใจว่าเธอไม่มีใคร และเธอไม่น่าจะรู้ว่าจริงๆ แล้วผมคือหนึ่งในแฟนคลับเงาของเธอที่ติดตามมาตั้งแต่อีพีแรกที่ยังไม่มียอดไลค์ ไลค์แรกของเธอคือผม คนแรกที่ผมกดไลค์ให้คือ...เธอ "ลลิลค่ะ" "ครับผม" "ไปต่อกับพี่มั้ย" "ไปกินข้าวต้มหรอคะ" "หึ" "ครับ วันนี้กินแค่ข้าวต้มก่อนก็ได้ครับ" จุ๊บ หัวใจของฉันแทบหยุดเต้นทันทีที่เขาก้มหน้ามามองตากลมของฉันใกล้ใกล้ ฉันไม่เคยอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนเท่านี้มาก่อน เขาทำให้ฉันเคลิ้มไปกับสายตาอันแพรวพราวระยิบระยับของเขาพาหัวใจสั่นไหวไปกับเขาได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะเลื่อนขึ้นไปใช้ริมฝีปากเรียวบางจูบที่หน้าผากมนของฉันเบาเบาหนึ่งที แล้วเอื้อมมือหนามาจับมือของฉันไปประสานนิ้วทั้งห้าไว้แน่นราวกับกลัวฉันจะเดินหนีและจูงฉันเดินไปที่รถสีฟ้าน้ำทะเลคันหรูของเขา ตายแล้วลลิลเอ้ย... "หนู ทานอะไรดีคะ" "คะ หนู เอ่อ ลลิลให้พี่นาวาเลือกค่ะ" "หึ พี่เลือกหนู" "ห๊ะ!" "พี่เอาข้าวต้มสองถ้วยครับ" "กับผัดแขนงหมูกรอบ ซุปเปอร์ขาไก่" "งั้นลลิลขอเพิ่มยำไข่เค็มปลาสลิดกับข้าวต้มหนึ่งค่ะ" "หนูอิ่มหรอ" "ดึกแล้ว ลลิลกลัวอ้วนค่ะ" "เดี๋ยวหน้าบานเวลาอยู่ในกล้อง" "ไม่เห็นอ้วนเลย พี่ว่าน่ารักดี" "..." "พะ พี่นาวาพึ่งมาร้องเพลงที่นี่หรอคะ" "ลลิลพึ่งเคยเจอ" "พี่มาหลายครั้งแล้วนะ แค่หนูไม่เห็น" "... อ๋อ" "สงสัยลลิลไม่ได้สังเกต" ผมนั่งมองลูกแมวตัวน้อยของผมที่กำลังพยายามชวนผมเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อท่าทางเขินอายอย่างน่าเอ็นดู เพราะผมไม่ยอมปล่อยให้เธอมีโอกาสได้หยอดผมอย่างที่เธอใจกล้าเข้าหาผมก่อน ผมเลือกที่จะเป็นฝ่ายไล่ต้อนเธอเอง และเลือกที่จะอยากทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นต่อจากนี้ เรานั่งกินข้าวต้มกันไปคุยกันไปพยายามให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเวลาอยู่ใกล้ผมมากขึ้น จนเธอสามารถแสดงความเป็นตัวเองช่างพูดช่างเจรจาด้วยท่าทางน่ารักสดใส รอยยิ้มตาสระอิ ทำผมหลงมองเพลินเคลิ้มไปกับเธอ เหมือนที่เธอตกผมได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเจอเธอผ่านหน้าจอ หลังจากวันนี้ ผมจะกลับไปทำการบ้านให้มากขึ้นและจะเป็นฝ่ายเข้าหาเธอเอง เตรียมตัวไว้นะครับ 'น้องลลิลของพี่นาวา' #น้องลลิลไหวมั้ยลูก #อ่านเพลินๆ กันเหมือนเดิมจ้า♥️ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญหรือพรหมลิขิตที่พาให้ฉันเข้ามาใกล้เขามากขนาดนี้ เพราะระหว่างทางที่เขากำลังขับรถไปส่งฉัน กลับกลายเป็นเราใช้เส้นทางเดียวกัน ถนนเดียวกัน เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเหมือนกัน และเราอยู่คอนโดเดียวกัน ต่างกันแค่ชั้นบนสุดเป็นของเขา ส่วนฉันอยู่ชั้นกลางกลางเท่านั้นเอง ห่างกันแค่นี้เองยัยลลิล โชคชะตานำพาสุดสุดไปเลยระหว่างที่ฉันกำลังจะออกจากลิฟต์โดยสารที่ขึ้นมาพร้อมกับเขา แต่สองขาก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเขาไม่ยอมปล่อยมือหนาออกจากมือของฉันที่เขาจับเล่นมาตลอดทางตั้งแต่อยู่ในรถราวกับเป็นสกุชชี่ให้เขาคอยบีบเล่น ฉันหันกลับไปมองเขาที่ยืนไขว้ขาใช้หลังแกร่งพิงกระจกในลิฟต์เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งด้วยสายตางุนงงแฝงความสงสัย ก่อนที่หัวใจดวงน้อยจะเต้นระรัวอีกครั้งกับคำถามของเขา"หนูคะ" "คะ พี่นาวา""หนูง่วงรึยัง""ยังไม่ง่วงค่ะ ปกติลลิลนอนดึก""ขึ้นไปดูหนังห้องพี่มั้ยคะ""..." ติ๊งผมที่ไม่อยากเสียโอกาสไป จึงใช้จังหวะเธอเผลอหันมาคุยกับผมเนียนพาเธอขึ้นมาชั้นบนสุดที่ผมอยู่ ชั้นนี้มีแค่ห้องผมคนเดียวเท่านั้น จนเสียงลิฟต์ที่ดังขึ้นทำเธอตกใจจนหน้าสวยสวยของเธอแสดงความเลิ่กลั่กออกมาโดย
เช้าวันใหม่ที่แสนสดใสของฉันกับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเขา ฉันพยายามค่อยๆ ขยับตัวทีละนิดทีละนิด เพื่อจะได้ไม่รบกวนเขาและฉันก็กลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเจอหน้าสดไร้เครื่องสำอางของฉันด้วย แต่ที่ไม่มั่นใจสุดสุดไปเลยก็คือกลิ่นปากตอนตื่นนอนที่ยังไม่ได้แปรงฟันไม่ได้ทำความสะอาดนี่แหละ รีบไปจัดการตัวเองก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นอายแน่เลยยัยลลิลหลังจากฉันล้างหน้าล้างตาบ้วนปากเสร็จ พี่เขาก็ยังคงนอนคว่ำหน้าหลับตาพริ้มอยู่บนที่นอนขนาดใหญ่สีเทาเข้ม ฉันอยากจะกลับไปห้องตัวเองแต่ก็ไม่รู้รหัสเปิดประตู ครั้งจะปลุกแต่ก็ไม่กล้า เลยขอแอบเดินดูวิวตรงกระจกที่เห็นวิวเมืองมุมกว้างมีแสงพระอาทิตย์ยามเช้าสอดส่อง สวยจัง ห้องนี้คงราคาสูงริบน่าดู รอไปรอมาท้องก็เริ่มส่งเสียงร้องประท้วงด้วยความหิว ไหนๆ ก็ไหนๆแล้วฉันเลยถือวิสาสะไปดูในตู้เย็นหน่อยแล้วกันเผื่อจะมีของสดติดตู้ไว้บ้างจะได้ทำอาหารเช้าเป็นการตอบแทนสำหรับการดูแลเป็นอย่างดีตลอดสิบชั่วโมงที่เรารู้จักกัน โชคดีที่ในตู้เย็นมีไข่ไก่กับไส้กรอกพอสำหรับสองที่ ฉันเลยทำไข่ตุ๋นสไตล์ญี่ปุ่นแบบง่ายๆ สองถ้วยทานรองท้องเป็นมื้อเช้าของเราสองคน"หอมจังเลยค่ะ""อุ้ย ตื่นแล้วหรอคะ" "ลล
พอใกล้ถึงเวลา ผมก็ลงมาหาเธอหน้าลิฟต์โดยนัดแนะให้จังหวะลิฟต์ที่ผมลงเปิดไปรับเธอพอดี ซึ่งต้องแอบอาศัยโชคช่วยอยู่เหมือนกัน เพราะคีย์การ์ดผมกดชั้นเธอไม่ได้และคีย์การ์ดเธอก็กดชั้นผมไม่ได้เหมือนกัน เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านคอนโดจึงออกแบบจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงได้เฉพาะชั้นที่ตัวเองอยู่ติ๊ง"พอดีเลยค่ะ""ครับ โชคดีจัง""หนูอยากทานอะไรคะ" "ลลิลให้พี่เลือกค่ะ""พี่อยากลองไปบรรทัดทอง""พี่ยังไม่เคยไปเลยค่ะ""หรอคะ งั้นไปกันค่ะ""ลลิลพึ่งไปทำคอนเทนต์มา เซียนสุดสุด""พี่นาวาอยากทานชาบูหม่าล่าหรือปิ้งย่างดีคะ""แต่ก็มีร้านซีฟู้ดนะ ลลิลยังไม่เคยลอง""ชาบูดีมั้ยคะ ค่อยไปลองร้านซีฟู้ดกันต่อ""ได้เลยค่ะ ลลิลแล้วแต่พี่นาวา"และความบังเอิญมีอยู่จริงหรืออาจเป็นเพราะผมกับเธอใจตรงกันก็ได้ ซึ่งน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า 'หึ' วันนี้ผมใส่เป็นเสื้อยืดโอเวอร์ไซต์สีขาวคู่กางเกงสแล็คห้าส่วนสีดำกับรองเท้าผ้าใบสีขาวดูเข้ากันกับชุดน่ารักน่ารักของเธอเหมือนนัดกันมา ก่อนจะจูงมือเธอไปที่รถสีฟ้าน้ำทะเลคันโปรดของผมที่จอดรออยู่ลานจอดซุปเปอร์คาร์ และเลือกเปิดเพลงที่ผมชอบร้องที่ร้านเวลาเห็นเธอมานั่งในมุมเดิมเดิม
จุ๊บพอมาถึงคอนโด เขาก็มาส่งฉันถึงหน้าห้องรอจนฉันปิดประตูถึงหันหลังเดินกลับไปแถมยังแอบมาขโมยจูบปากสีชมพูพีชของฉันแบบไม่ทันตั้งตัวอีก เขินชะมัดเลย ทำฉันยืนใจเต้นอยู่หลังประตูอยู่นานสองนาน ก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเป็นกระโปรงแขนยาวลายการ์ตูน แล้วมานั่งอ่านคอมเมนต์และทยอยไล่ตอบจนครบ ตอนนี้เราก็รู้จักกันครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว เป็นวันเดย์ที่เหมือนฝันของฉันเลย ไม่เสียแรงที่ไปขอไหว้พระขอพรกับยัยมายแล้วก็มินนี่ พอนึกถึงยัยสองคนนั่นเสียงแจ้งเตือนในแชทของฉันก็ดังกระหน่ำไม่หยุด สงสัยจะเห็นรูปที่ฉันลงในสตอรี่แน่แน่เลย NooMine : ฉันรู้ ฉันเห็นMiniMinnie : ยังไงไหนเล่าNooMine : 🧐MiniMinnie : 🫣L.Lalil : อะไร อะไรL.Lalil : 🤫L.Lalil : เดทแรกของฉันL.Lalil : แต่สำหรับพี่เขาฉันไม่รู้NooMine : งุ้ย จิกหมอนเว่อร์MiniMinnie : เขินจังแก 🤭และความเล่นใหญ่โปรดไว้ใจเพื่อนสาวของฉัน เราคุยกันต่ออีกสองสามประโยคก็มีสายวิดิโอคอลมาจากเขาคนที่พึ่งแยกกันเมื่อชั่วโมงก่อน โชคดีที่มีเอฟเฟคฟิลเตอร์ขั้นเทพไม่ต้องกลัวว่าหน้าสดจะน่ากลัว ฉันเลยจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยสักหน่อยก่อนจะกดรับ แต่พอมองไปที่หน
ผมไม่ลืมที่จะพาเธอไปเดินซื้อกระโปรงนักศึกษาตัวใหม่ซึ่งตอนแรกเธอก็งอแงไม่ยอมอยากใส่แค่ที่มีเพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงปีสุดท้ายของเธอแล้ว แต่ผมก็ยังดื้อที่จะพาเธอไปให้ได้ทำเธอหน้างอปากเชิดแอบงอนกับความเอาแต่ใจของผม ไม่เป็นไรเกิดมาผมก็ยังไม่เคยลองง้อผู้หญิงคนไหนมาก่อนเหมือนกัน น้องลลิลจะเป็นคนแรกที่ผมยอมเธอ"หนูใส่ไซต์อะไรคะ""...""อ๊ะ""เอวประมาณยี่สิบสอง""ไซต์เอสครับ ความยาวประมาณนี้""ห้าตัวครับ""..."เพราะเธอไม่ยอมพูดกับผม ทำให้ผมต้องวัดขนาดเอาเองโดยการโอบเอวเธอมายืนด้านหน้าผมใช้สองมือหนาจับเข้าที่เอวเธอเพื่อวัดขนาดเอื้อมมือข้างหนึ่งไปหยิบกระโปรงตัวอย่างที่แขวนไว้มาทาบที่ตัวเธอเพื่อวัดความยาวโดยที่แขนอีกข้างยังไม่ปล่อยจากการโอบกอดเธอที่ยืนแก้มแดงเป็นลูกตำลึงแต่ยังคงบึ้งตึงใส่ผมอยู่ทำผมอดอมยิ้มอย่างเอ็นดูเธอไม่ได้ เหมือนว่าผมจะเจอเด็กดื้อซะแล้วสิฟอด"พี่นาวา!""ครับผม"หลังจากได้ของครบเรียบร้อยผมก็จูงมือเด็กดื้อที่พึ่งเพิ่มข้อหาให้ผมอีกหนึ่งข้อเพราะการกระทำอันอุกอาจของผมที่ก้มลงไปหอมแก้มเธอท่ามกลางสายตาพนักงานในร้านที่พากันมองยิ้มกรุ่มกริ่มมาที่เราสองคนจนเธอหันมาถลึงตากลมโตเหมือนน
เมื่อคืนกว่าฉันจะได้ลงมานอนห้องตัวเองก็เกือบตีสองเพราะเขาพาฉันดูหนังจนจบถึงสองเรื่องทำฉันเกือบจะได้หลับอยู่บนโซฟาหน้าทีวีกับเขาแล้ว ดีที่เสียงข้อความจากพี่ลันดังขึ้นทำฉันที่กำลังสะลึมสะลืมนอนหนุนตักแกร่งอยู่สะดุ้งตัวตื่นเต็มตาหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูและเปิดเพลงที่พี่ลันพึ่งอัดเสร็จส่งมาให้ฉันลองฟัง ฉันเลยหยิบแอร์พอร์ตในกระเป๋ามาใส่ที่หูฉันข้างหนึ่งและหูของเขาข้างหนึ่งเปิดผลงานของพี่ชายให้เขาได้ฟังด้วยกัน เขาถึงกับทึ่งในความสามารถของพี่ลันที่อายุเท่ากันกับเขา แถมให้ฉันเปิดรูปพี่ชายสุดหล่อของฉันให้เขาดูอีก ฉันว่าก็สูสีกันอยู่นะ แต่พี่ลันจะเซอร์กว่าหน่อย ส่วนพี่นาวาก็เท่ห์กว่านิดนึง"หนูง่วงยังคะ""นอนห้องพี่ก็ได้นะ""ลลิลคิดถึงหมอนข้างที่ห้องค่ะ""พี่ก็เป็นหมอนข้างให้หนูได้เหมือนกัน""ไว้ลลิลมาดูหนังด้วยอีกนะคะ""..."เท่านั้นแหละเขาก็ชักสีหน้าเป็นบึ้งตึงเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจใส่ฉันทันทีและเดินล้วงกระเป๋าก้าวขายาวๆ นำฉันออกไปที่ลิฟต์ไม่รอฉันเลยแม้แต่น้อยจนฉันต้องรีบซอยเท้าเพื่อให้ทันเขา ไม่มีเสียงพูดคุยแม้แต่คำเดียวมีเพียงเสียงลิฟต์ให้ได้ยินว่าถึงชั้นของฉันแล้ว ฉันเลยเดินก้ม
"ค่าตัวลลิลแพงนะคะ" "ลลิลบอกไว้ก่อนเลย""หึ เท่าไหร่คะที่บอกว่าแพง""อืม....""บุฟเฟ่ต์อร่อยอร่อยหนึ่งปีค่ะ""หึ พี่ให้ทั้งชีวิตเลยค่ะ""..."และสุดท้ายฉันก็สู้เขาไม่ได้อีกตามเคย โดนเขาหยอดกลับมาแบบชนะน็อคอีกเหมือนเดิม ไม่ปล่อยโอกาสให้ฉันทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวได้บ้างเลย จนฉันต้องเฉไฉเปลี่ยนเรื่องชวนเขาคุยว่าเราจะไปกินอะไรกันดีคุยไปคุยมาอยู่นานเราเลยเลือกที่จะไปซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกลับไปทำกินกันที่ห้อง เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ค่อยชอบที่ที่มีคนเยอะเยอะและมีอากาศร้อนเท่าไหร่ ชอบทานรสจัดแต่ต้องไม่เผ็ดมากด้วย ทำฉันแอบรู้สึกผิดที่พาเขาไปทานทั้งผัดกระเพราร้านร้อนร้อนกับซีฟู้ดแซ่บแซ่บเมื่อสองมื้อก่อนเลย มิหน่าละ ตอนนั้นเขาถึงหน้าแดงปากแดงแถมเหงื่อออกเยอะด้วย ฉันเลยขอไถ่โทษโดยการลงมือทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่ากับผักโขมอบชีสให้เขาทาน เพิ่มเฟรนช์ฟรายส์ทอดไว้ให้เขาทานเล่นระหว่างรอฉันด้วย เพราะฉันต้องรีบทำรายงานต่อจึงเลือกใช้ห้องครัวของฉันสำหรับปรุงอาหาร ขืนถ้าหลวมตัวขึ้นไปห้องชั้นบนสุดคงได้เถลไถลจนรายงานไม่เสร็จแน่"น่าทานมากเลยค่ะ""พี่นาวาลองชิมก่อนค่ะ""ถ้าไม่อร่อยค่อยสั่งเดลิเวอรี่กันใหม่
"วันนี้พี่ไปร้องเพลง""หนูไปด้วยกันมั้ยคะ""ลลิลว่าจะไปทำคอนเทนต์ที่เยาวราช""รอพี่ร้องเสร็จแล้วไปด้วยกันนะ" "อืมมม งั้นลลิลค่อยไปพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ""วันนี้ไปลลิลกับพี่ก่อน""กินอะไร ทำไมน่ารัก"หลังจากที่ผมหลอกล่อเด็กน้อยได้เรียบร้อย ผมก็กลับมานั่งรอเธออาบน้ำแต่งตัวที่โซฟาหน้าทีวี หยิบมือถือขึ้นมาเปิดคลิปที่เธอลงเมื่อชั่วโมงก่อนเป็นคลิปทำอาหารสั้นสั้นและเหมือนว่าจะเป็นเมนูที่เธอทำให้ผมกินเมื่อวันก่อนอย่างสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ดูน่ากินไปหมด แต่ในคลิปเธอกลับไม่ยอมบอกวิธีทำเบคอนให้กรุบกรอบอยู่ได้นาน แถมยังทิ้งคำพูดในตอนท้ายไว้ว่าขอเก็บสูตรนี้ไว้ให้คนพิเศษได้ทานเท่านั้น ทำเอาชาวเน็ตพากันคอมเมนต์เป็นรูปหัวใจแตกสลายกันรัวรัว ต่างจากผมที่นั่งยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้ยินก็ผมได้ลองกินแล้วนี่นา เพราะฉะนั้นผมเลยกดหัวใจเต็มดวงสีชมพูส่งให้เธอเป็นการสวนกระแส"พี่นาวาไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหรอคะ""อาบค่ะ ก็พี่รอหนู""ลลิลคิดว่าพี่นาวาจะกลับไปอาบที่ห้อง""เสื้อผ้าพี่ก็มีอยู่ในตู้หนู""มิหน่าล่ะ ค่าน้ำห้องลลิลถึงขึ้น""พี่นาวาแอบมาใช้น้ำตอนที่ลลิลไม่อยู่ใช่มั้ยคะ""หึ""ว่าแต่หนูเถอะ...""ใจคอจะย
หลังจากวันนั้นที่เราสองคนคุยกันเรื่องแต่งงาน ผมก็เข้าไปหาอนุญาตคุณพ่อคุณแม่ของขิมทันทีที่เดินทางถึงกรุงเทพ ซึ่งท่านทั้งสองคนก็อนุญาตและไม่รับเงินค่าสินสอด อยากให้เราสองคนเก็บเงินไว้สร้างครอบครัวกันมากกว่า แถมยังช่วยหาฤกษ์ให้เราสองคนได้รวดเร็วทันใจผมด้วย"บี๋คะ ลูกค้าเพิ่มข้าวหมูทรงคัตสึกลับบ้านสองที่นะ""ครับบี๋""บี๋เหนื่อยมั้ย"ฟอด"กำลังใจจากขิมค่ะ"จุ๊บ"ขอบคุณครับ"ใช่ครับ หลังจากแต่งงานกันเธอก็ขอเรียกแทนกันว่าเบบี๋เพื่อให้ดูพิเศษกว่าตอนเป็นแฟนกันซึ่งผมก็ไม่ได้ติดกลับมองว่าน่ารักมากด้วยซ้ำ"บี๋ คิดเห็นเงินเสร็จยัง""สะ เสร็จแล้ว""ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะครับ""เชิญ""บี๋!""คืนนี้โดนแน่ตัวเล็ก""..."มีเมียน่ารักมันก็น่าหงุดหงิดหัวใจเหมือนกันนะ ผมเห็นไอ้ผู้ชายคนนี้มาฝากท้องที่ร้านของเราหลายวันแล้ว คอยส่งยิ้มหวานให้เมียผมตลอด สงสัยคงต้องเจอสลอดสักที 'หึ' คิดแล้วก็ของขึ้น! ได้แต่ทดโทษเอาไว้จัดการฟาดก้นกลมคนตัวเล็กสักทีสองทีในคืนนี้ ผมใช้เงินเก็บส่วนหนึ่งมาซื้อบ้านเก่าและรีโนเวทใหม่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสาขาที่สองของครอบครัวเธอ โดยที่สาขานี้มีผมเป็นพ่อครัวผ่านการฝึกฝนกับเจ้าของสูตรอย่
"กรี๊ด/กรี๊ด"ฟิ้ววว ตุบ"เฮ้ย!""พี่ลันตามลลิลมาเร็วๆ นะคะ""..."ไปงานแต่งงานมาก็หลายงานแต่มาได้ช่อดอกไม้ที่งานแต่งของน้องสาวตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมเลยต้องคว้ามากอดไว้ด้วยแขนล่ำๆ ของผมข้างหนึ่ง หันไปมองสาวข้างๆ ที่ผมล็อคมงไว้สักพัก กำลังยืนบิดไปบิดมาเอานิ้วชี้จิ้มเข้าหากันอย่างเขินอาย หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาของผมกับเธอแล้ว ก่อนจะเอื้อมไปโอบเอวเล็กเข้ามากอดข้างกายและก้มลงไปกระซิบข้างหูหอมๆ"สงสัยต้องรีบตามลลิลไปจริงๆ แล้วสิ" "ไปไหน ปาร์ตี้หรอ ไปสิ""หึ" ฟอด"พี่ลัน ทำอะไรเนี่ย คนมองใหญ่แล้ว เห็นมั้ย""หมันเขี้ยว""อะไรเล่า""ไม่ต้องเลย ห้ามหมันเขี้ยวขิม""ไปกันเลยมั้ย""ขิมจะได้มีเวลาแต่งตัวเยอะๆ""อืม"มีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงงานปาร์ตี้ริมหาดฉลองแต่งงานของคู่รัก เหลือมากพอที่จะให้ผมทำอะไรอะไรได้สองสามรอบให้หายหมันเขี้ยวคนตัวเล็กสักหน่อย ยิ่งวันนี้ชุดที่ตัวเล็กใส่เป็นชุดเดรสกระโปรงยาวผ้าซาตินแขนตุ๊กตาคอกว้างสีชมพูถึงจะเป็นชุดเรียบๆ แต่มันดูเซ็กซี่มากสำหรับผมพอดับเครื่องยนต์ปุ๊บไฟข้างในของผมก็ติดปั๊บจนรู้สึกปวดหนึบ รีบจูงมือเล็กเดินไปยังห้องพักส่ว
"น่ารักแบบนี้นี่เอง พี่ลันถึงหวง""ไม่ยอมพามาเจอลลิลเลย""ลลิลก็สวยมากๆ""สวยกว่าพี่ลันอีก""แปลกๆ นะตัวเล็ก""ว่าแต่เป็นคนเดียวกันกับที่ลลิลแอบเห็นที่ทะเลรึป่าวคะพี่ลัน""ห๊ะ พี่ลันมีหลายคนงั้นหรอ""เฮ้อ อยู่ดีดีงานก็เข้า""หึ""ขำอะไรมึง"หลังจากฉันพาพี่ลันไปเปิดตัวกับครอบครัวฉันอย่างเป็นทางการ พี่ลันก็ผลันตัวเองจากลูกค้าขาประจำเป็นพนักงานเสิร์ฟมือโปร จนขึ้นแท่นเป็นพนักงานดีเด่นของร้าน ทำให้พี่ๆ พนักงานในร้านพากันแซวยกใหญ่ขออย่ามาแย่งงานกันเลย ทำเอาคุณพ่อคุณแม่หัวเราะชอบใจกันใหญ่ และเอ็นดูพี่ลันเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า แต่ขิมคนนี้จะไม่ยอมให้มาแย่งตำแหน่งลูกรักไปได้แน่นอน ขิมไม่ยอม! มาวันนี้ก็ถึงตาเขาบ้าง เขาพาฉันมาแนะนำให้รู้จักกับลลิลน้องสาวคนสวยอายุเท่ากันกับฉัน สวยมากอัธยาศัยดีมากด้วย ทำให้ความเกร็งที่ฉันมีหมดไปได้อย่างง่ายดายตั้งแต่ไม่กี่นาทีแรกที่เราเจอกันและเพราะเราอายุเท่ากันด้วยแหละเลยคุยกันถูกคอสนิทกันเร็วมาก แถมพี่นาวาแฟนลลิลก็หล่อมากดูเหมาะสมเข้ากันสุดสุดเราสี่คนพากันมาลองบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดเจ้าดังที่บางแสน เพราะพี่ลันอยากกินปูนึ่งกับปลาหมึกกระดองย่าง ส่วนลลิลกับฉันก็อยากกินกุ้
สามเดือนแล้วที่ผมกับตัวเล็กเป็นแฟนกันแบบที่ผมยัดเยียดสถานะตัวเองให้เธอทุกวัน คิดแล้วก็ขำตัวเองเหมือนกันนะ แต่ผมอยากได้คนนี้และไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไปด้วย แค่นี้ผมก็คิดว่าเราเจอกันช้าเกินไปสำหรับผมด้วยซ้ำ"ครบโปรแล้ว ตัวเล็กพาพี่ไปเจอคุณพ่อคุณแม่ได้ยัง""พี่ลันก็ไปเจอคุณแม่ขิมทุกวันอยู่แล้วนี่""มันเหมือนกันมั้ย"ใช่ครับ...ที่เธอพูดไม่ผิด ผมไปเจอคุณแม่เธอทุกวัน ในฐานะลูกค้าประจำของร้านมื้อกลางวันบ้างมื้อเย็นบ้างกินจนครบทุกเมนู บางวันก็เจอคุณพ่อเธอด้วย แต่เราเพียงแค่ยิ้มทักทายกันเท่านั้นอันที่จริง ผมขอไปเจออยากจะแนะนำตัวเองในฐานะลูกเขยตั้งแต่วันแรกหลังจากที่ผมขอเธอเป็นแฟนแล้ว แต่เป็นเธอที่ไม่มั่นใจเพราะความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดดของเรา เลยกลัวว่าผมจะหมดโปรเหมือนกับเพื่อนๆ ของเธอที่เจอ ผมเลยพยายามทำให้เธอเห็นตามรับตามส่งอยู่ด้วยกันทุกวันห้องเธอบ้างห้องผมบ้างถ้าถามว่ามีงอนกันมั้ยก็ต้องยอมรับว่ามี มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งน่าจะเหมือนกับคู่อื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นความดื้อเงียบของเธอมากกว่า แต่ที่งอนกันหลายชั่วโมงที่สุดก็น่าจะเป็นต
วันนี้ฉันเลิกเรียนเสร็จก็รีบแยกจากเพื่อนๆ นั่งรถมาหาคุณพ่อคุณแม่ที่ร้าน ไม่รู้ว่าวันนี้มีลูกค้าเยอะรึป่าวและก็คิดถึงกุ้งเทมปุระที่คุณพ่อทำด้วย เอากลับไปฝากพี่ลันด้วยดีกว่าพอมาถึงคุณแม่ก็ให้ฉันไปรับออเดอร์จากลูกค้าในห้องวีไอพี เพราะพี่พี่พนักงานกำลังยุ่งอยู่กับการเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าสองสามโต๊ะ ฉันจึงรีบเอากระเป๋าไปเก็บในตู้และหยิบผ้ากันเปื้อนสีดำที่สีโลโก้ร้านขึ้นมาใส่ถือแท็บเล็ตไปรับออเดอร์ทันที"ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ" "ลูกค้ารับอะไรดีคะ""พะ พี่ลัน" "..." "ราเมนหนึ่งที่ค่ะ""ลันละคะ""ข้าวหน้าเนื้อ" "เพิ่มกุ้งเทมปุระกับเกี๊ยวซ่ามาแชร์กันมั้ยลัน""ได้""รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ""ชาเขียวเย็นสองค่ะ""กรุณารอสักครู่นะคะ" ลมหายใจของฉันแทบหยุดชะงักมันอึ้งจนทำตัวไม่ถูกไม่คิดว่าลูกค้าในห้องวีไอพีจะเป็นคนคุ้นหน้าที่นั่งหันหลังให้ ฉันจำเขาได้ทันทีทั้งกลิ่นน้ำหอมเสื้อผ้าแม้แต่ทรงผม เขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสาวสวย สวยมากดูเหมาะสมกับพี่ลันมากๆ เลย แถมดูสนิทสนมกันด้วย ฉันพยายามตั้งสติแล้วเดินออกมาด้วยสีหน้าท่าทางปกติเพราะไม่อยากให้คุณแม่สงสัย พยายามทำตัวให้ยุ่งๆ ไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านไปต่างต่าง
"พี่ลันนน""อย่าวิ่ง เดี๋ยวล้ม"พรึ่บ ฟอด"ตัวเล็กหิวมั้ย""ไม่หิวค่ะ""งั้นไปนั่งรอพี่ทำงานอีกนิดนึงนะ""ได้ค่ะ"หลังจากวางสายจากเขาไม่นาน ฉันก็มาถึงสถานีจุดหมายปลายทางของวันนี้ ทันทีที่ฉันแตะบัตรโดยสารออกมาเรียบร้อย ฉันก็เห็นพี่ลันยืนใส่หูฟังไร้สายสีขาวสองมือล้วงกระเป๋ารออยู่ ผู้ชายอะไรขนาดแค่ใส่เสื้อฮู้ดสีดำกับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบยังหล่อเท่ห์ชะมัดเลย แอบถ่ายรูปไว้หน่อยดีกว่าฉันยืนตกอยู่ในภวังค์ความหล่ออยู่ไม่นาน ก็รีบวิ่งเข้าไปหาคนที่มายืนรอรับฉัน พอพี่ลันหันมาเห็นก็เอ็ดดุเบาเบาด้วยความเป็นห่วงนั่นแหละ ก่อนจะใช้แขนแกร่งคล้องคอฉันเข้าไปหาและก้มลงมาหอมผมสีน้ำตาลฟอดใหญ่ ทำหน้ากลมๆ ของฉันร้อนผ่าวใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างไม่ต้องสืบหาสาเหตุ ก้มหน้าก้มตาเดินไปกับเขาโดยที่แขนแกร่งยังคงโอบไหล่ฉันอยู่อย่างนั้นท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองมาทางเราสองคน"ตัวเล็กอยากฟังงานพี่มั้ย""ขิมฟังได้หรอ""ฟังได้""ถ้าเป็นตัวเล็ก พี่อนุญาต""..."เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้ามาห้องอัดเสียงแบบนี้ บรรยากาศต่างจากกองถ่ายที่ฉันเคยไปถ่ายโฆษณาโดยสิ้นเชิง กองถ่ายมีผู้คนพลุกพล่านแต่ที่นี่เวลานี้มีแค่เขาที่กำล
"ถ้าสนใจสมัครเป็นแฟนลูกสาวเจ้าของร้านต้องทำยังไงครับ""..."ตึก ตึก ตึก"...""ทะ ทั้งหมดหนึ่งพันสี่ร้อยห้าสิบบาทค่ะ""หึ นี่ครับ ไม่ต้องทอน""พี่ลัน!""พี่รอตัวเล็กที่รถนะ""อื้ม"เสียงหัวใจของฉันมันดังระรัวจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอกเพราะคำถามของเขา ฉันไม่แน่ใจว่าที่พี่ลันถามนั้นเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบจริงๆ หรือเพียงแค่หยอกล้อกันเล่นเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเพียงแค่เป็นเขาใจฉันก็พร้อมจะหวั่นไหวได้อย่างง่ายดายกว่าฉันจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็ตอนที่กำลังยืนม้วนไปมาจนหันไปเห็นคุณแม่ยืนมองมาจากเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้างุนงง ฉันจึงรีบแจ้งค่าอาหารกับเขาอย่างร้อนรน แต่เขาก็ยังแกล้งกันโดยการเอามือมาสัมผัสมือฉันเข้าอย่างจังตอนที่ฉันเอื้อมมือไปรับเงินจากเขา คอยดูนะ ถ้าขิมมีโอกาสเมื่อไหร่จะเอาคืนพี่ลันให้หนักเลยเพราะวันนี้คุณพ่ออนุญาตให้พนักงานในร้านเลิกงานเร็วเป็นการตอบแทนที่ช่วยทำงานอย่างขยันขันแข็งกันมาทั้งวัน ฉันเลยอยู่ช่วยคุณพ่อคุณแม่เก็บร้านจนเสร็จ ดีที่พวกท่านรีโนเวทชั้นสองและชั้นสามเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอนไว้เป็นเหมือนบ้านเลยไม่ต้องเหนื่อยเดินทางไปเดินทางมาปิดร้านเรียบร้อยก็ขึ้นไ
(เสียงเพลงนาฬิกาปลุก)"งื้อ" "ขออีกห้านาทีอย่าพึ่งปลุกได้มั้ย""...""ขิมง่วง""หึ""อย่ามาหัวเราะนะ""..." "เอ๊ะ เสียงใคร""พี่ลัน""พี่ลัน...ไม่รู้จัก""รู้จัก""ห๊ะ"ผมตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกของเธอดัง คงจะตั้งไว้เพราะเธอบอกว่าวันนี้จะเข้าไปช่วยงานที่ร้าน เลยมีโอกาสได้นอนมองคนในอ้อมแขนพลิกตัวไปมาอย่างงัวเงียบ่นงุ้งงิ้งเหมือนเด็กขี้เซาไม่ยอมตื่น แถมยังพูดคนเดียวเถียงคนเดียวอีกจนผมต้องคุยตอบเธอด้วย ทำผมหลุดขำออกมาให้กับท่าทางตลกแต่น่าเอ็นดูของเธอคนตัวเล็กจะรู้มั้ย ว่าเวลานี้ภาพของเธอมันดูเซ็กซี่ขนาดไหน ปากเล็กเล็กสีชมพูเหมือนทาลิป แก้มป่องป่องสีพีชดูสุขภาพดี ผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำที่พอดีตัวสำหรับผมแต่กลับตัวใหญ่โคร่งสำหรับเธอ จนคอเสื้อเปิดกว้างเห็นเนินภูเขาลูกโตที่ผมเคยสัมผัสมาแล้ว นั่งมองผมตาแป๋วอยู่บนเตียง"บราก็ไม่ใส่""อุ้ย ก็ขิมซักไว้นี่"จุ๊บ"อื้อ""พะ พี่ลัน""หืม""ดะ เดี๋ยวขิมไปร้านสาย""ไม่นาน""อ๊ะ อื้อ"ด้วยท่านั่งที่ไม่ระวังทำให้ชายเสื้อล่นขึ้นสูง ยิ่งเธอยกสองแขนเล็กขึ้นไปปิดด้านบน ด้านล่างก็วับวับแวมแวมอยากออกมาทักทาย ทำผมหายใจไม่ทั่วท้อง
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด"เย่ พี่ลันกลับมาแล้ว""ขิมหิวจนกินไส้กรอกหมดตู้เย็นแล้วค่ะ""หึ มีข้าวหน้าเนื้อ กับซูชิโรล""พี่ลันกินเป็นเพื่อนขิมได้มั้ยคะ""แค่ซูชิก็ได้ นะคะ""อ่าฮะ" "ใจดีกับขิมที่สุด""..."และแล้วพี่ลันก็กลับมาภายในเวลาสองชั่วโมงพอดีเป๊ะไม่ขาดไม่เกิน มาพร้อมอาหารญี่ปุ่นร้านดังที่ฉันรู้จักเป็นอย่างดีเพราะเป็นร้านของคุณพ่อคุณแม่ฉันเอง แล้วเชื่อมั้ยข้าวกล่องที่เขาหิ้วกลับมาฝากฉัน เป็นเมนูโปรดที่คุณพ่อทำให้ฉันกินตั้งแต่เด็กๆ เลย บังเอิญจัง... แอบรู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะ ที่ต้องมานั่งกินข้าวต่อหน้าคนที่พึ่งรู้จักกันเพียงข้ามคืนแบบก้าวกระโดดด้วยนี่แหละ แต่ขอกินเติมพลังก่อนแล้วกัน เพราะตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้มีเพียงไส้กรอกหนึ่งถุงเล็กตกถึงท้องเอง ขิมหิวไม่ไหวแล้ว..."ทะ ทำไม พี่ลันมองขิมแบบนั้นละ""เรามาทำความรู้จักกันหน่อยมั้ย""คะ ได้ค่ะ""งั้นขิมแนะนำตัวเลยนะคะ""はじめまして 私は雪村ケミカです。" (Hajimemashite. Watashi wa Yukimura Khemika desu.)(ยินดีที่ได้พบคุณ ฉันชื่อ เขมิกา ยูกิมูระ ค่ะ)"Khim と呼んでください。" (Khim to yonde kudasai.)(โปรดเรียกฉันว่า 'ขิม')"ขิม อายุ 20ปี เรียนนิเทศน์ เอก