Share

ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง
ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง
Author: moonlight -mini

บทที่1

last update Last Updated: 2025-02-01 17:43:21

บทที่ 1

ดวงตากลมโตนองไปด้วยหยาดน้ำตา นางเพ่งมองใบหน้าบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้าผ่านม่านน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

“เจ้าจะยอมรับหรือไม่ว่าเจ้าวางยาพระชายา”

“อึก” ดวงหน้าเปรอะเปื้อนเงยขึ้นตามแรงรั้งของฝ่ามือหนา หมิ่งหุ้ยเม้มปากแน่นราวกับจะบอกว่าไม่ว่าคนตรงหน้าจะใช้วิธีใดก็ไม่สามารถง้างปากให้นางรับสารภาพความผิดร้ายแรงที่นางไม่ได้ก่อ

ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้สักชั่วยาม ให้นางรับสารภาพสิ่งใดนางยอมหมด แต่หลังจากเดินเข้ามาในจวนแล้วพบกองร่างไร้ซึ่งลมหายใจของคนทั้งหมดในตระกูล ในยามนี้คงมีแต่ความตายเท่านั้นที่นางต้องการ

มือหนาบีบใบหน้าเล็กแรงขึ้นตามแรงโทสะ เขาไม่เข้าใจ นางก็เห็นแล้วว่าจะเกิดอะไรต่อไปกับตนเอง ทำไมจึงไม่ยอมรับความผิดแต่โดยดี

“ข้ามิได้ทำอย่างที่ท่านกล่าวหา” หยาดน้ำตายังคงไหลรินอาบแก้มนวล

“หากเจ้ายอมรับ ข้าจะหาทางให้เจ้ารอด” หยงอิ่งจงก้มลงกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น

“หลังจากที่ท่านสังหารบิดาข้า มารดาข้า พี่ชายข้า น้องชายข้า แม้แต่เสี่ยวหลงที่อายุเพียงห้าปีท่านยังทำได้ลงคอ ท่านยังคิดว่าข้าจะยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างนั้นหรืออิ่งจง ”

“ถ้าเจ้ายอมรับผิดกับสิ่งที่ก่อ ไท่จื่อเฟยรับปากข้าว่าจะไว้ชีวิตเจ้า” หยงอิ่งจงตอบเสียงขื่น เขาจำเป็นต้องสังหารคนทั้งหมดในจวนสกุลหมิ่งเพื่อให้ไท่จื่อเฟยไว้ชีวิตนางอันเป็นที่รัก แล้วตอนนี้เขาก็กำลังรอคำสารภาพผิดของนางอยู่ หากนางรับผิดแต่โดยดี

นางก็จะมีลมหายใจต่อไปนั่นคือเงื่อนไขที่พระนางขอเอาไว้ แต่ความผิดร้ายแรงลอบวางยาเชื้อพระวงศ์โทษประหารทั้งตระกูลมิอาจละเว้นได้

“ท่านทำได้อย่างไร” หมิ่งหุ้ยถามชายคนรักเสียงสั่น นางรักบุรุษใจอำมหิตผู้นี้ไปได้อย่างไรกัน บิดามารดาของนางเองก็รักและเอ็นดูเขาราวกับบุตรชายคนหนึ่ง อีกทั้งต้นเดือนหน้าก็จะถึงพิธีหมั้นหมายระหว่างเขาและนางแล้ว แล้วไยเขาทำเยี่ยงนี้ได้ลงคอ นี่หรือคนที่นางรัก คนที่นางหวังจะฝากชีวิตไว้ในมือเขา

“หุ้ยเอ๋อร์ เจ้ายอมรับผิดเถิด หลักฐานทั้งหมดกรมวังตรวจสอบจนหมดแล้ว ท่านป้าก็ยอมรับว่าเป็นคนจัดหายาให้เจ้า และเจ้าก็เป็นคนลงมือ”

หมิ่งหุ้ยส่ายหน้าทั้งน้ำตา นางหันไปมองสภาพศพของมารดาที่ถูกโยนอยู่ในหลุมพร้อมกับร่างของคนอื่น ๆ มือทั้งสองข้างถูกตัดขาด เลือดท่วมไปทั้งร่างจนจำเค้าเดิมแทบไม่ได้ มารดาของนางถูกทรมานขนาดนั้น ต่อให้บอกว่าวางยาเพื่อสังหารพระสงฆ์องค์เจ้า มารดาของนางก็คงยอมรับหมดเพื่อไม่ต้องถูกทรมานต่อ

“หุ้ยเอ๋อร์ ได้โปรดยอมรับผิดเถิด โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” หยงอิ่งจงอ้อนว้อน เร่งให้นางรับสารภาพ หากไท่จื่อเฟยเสด็จมาถึง

ข้อตกลงที่พระนางให้ไว้ถือเป็นอันสิ้นสุด หมิ่งหุ้ยต้องถูกสังหารตามคนอื่น ๆ ในตระกูลหมิ่งตายตามตกกันไป

“ข้ามีความจำเป็นใดที่ต้องวางยาพระนาง” นางถามชายคนรักเสียงสั่น

นางออกไปตัดชุดสำหรับงานมงคลที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ และก็เป็นหยงอิ่งจงเองที่กำชับนางให้ออกไปในวันนี้ มิคิดเลยว่ากลับเข้าจวนมาต้องพบเจอกับการนองเลือด และผู้ที่ลงมือก็เป็นบุรุษที่นางรักยิ่ง นางยังมิรู้ด้วยซ้ำว่าตนเองและคนตระกูลหมิ่งผิดอันใดจึงถูกคนของฝ่ายในสั่งให้ทหารองครักษ์มาเค้นหาความจริงเยี่ยงนี้

วางยาหรือ

นางกับคนตระกูลหมิ่งไม่เคยมีความแค้นต่อไท่จื่อเฟย ทั้งในตอนที่สตรีผู้นั้นเป็นเพียงคุณหนูตระกูลซ่ง จนปัจจุบันดำรงตำแหน่งพระชายาเอกของโอรสพระองค์โตของฮองเฮา กระทั่งได้พระราชทานยศเป็นไท่จื่อเฟย ตระกูลหมิ่งก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว แทบจะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนของราชวงศ์เสียด้วยซ้ำ เรื่องการเมืองที่กำลังแบ่งฝ่ายกัน ตอนนี้ตระกูลหมิ่งก็มิเคยก้าวล่วง แล้วเหตุใดถึงได้มากล่าวหานางเช่นนี้

หยงอิ่งจงก้มใบหน้าจนแนบชิดอก เขาหาเหตุผลมาแย้งกรมวังไม่ได้ หลักฐานที่มีชี้ไปที่หมิ่งหุ้ยทั้งหมด

เขาพยายามแล้ว พยายามที่จะหาหลักฐานมาแก้ต่างให้นาง แต่ไม่มีเลย เขาจึงจำต้องเลือกวิธีนี้ สละทุกคนขอแค่ให้นางยังมีชีวิตอยู่ ไท่จื่อเฟยก็มีเมตตาเหลือทางเดินให้นางแล้ว ขอแค่นางยอมรับในสิ่งที่ทำ หลังจากนี้เขาจะรับมาเข้าจวนสกุลหยง แม้จะไม่ใช่ในฐานะฮูหยินเอกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ในคราแรก แต่อย่างน้อย ๆ เขาและนางก็จะยังได้ครองรักกัน ได้อยู่ด้วยกัน แม้นางจะได้เป็นแค่อนุก็ตาม เพราะท้ายที่สุดนางก็ยังคงเป็นนักโทษของทางการ เป็นบุตรสาวของสตรีที่วางยาเชื้อพระวงค์ ความผิดทั้งหมดจะเป็นท่านป้าที่รับเอาไว้ทั้งหมด เพราะไท่จื่อเฟยจะยอมไว้ชีวิตนางเพียงแค่หมิ่งหุ้ยยอมรับในสิ่งที่กระทำ ก็เท่านั้น

“หุ้ยเอ๋อร์”

“ข้า อึก ไม่ได้ทำ”

“เจ้า! ยังมิสำนึกอีก”

“ไท่จื่อเฟยเสด็จ”

เสียงจากด้านนอกจวนดังเข้ามาถึงด้านใน บ่งบอกว่าผู้ใดมาถึงแล้วในเวลานี้

หมิ่งหุ้ยถูกฝ่ามือหนากดศีรษะลงแนบติดกับพื้นดิน

“ว่าอย่างไรนางรับหรือไม่” เสียงหวานเอ่ยถาม นางปรายตามองสตรีที่เป็นคนรักขององครักษ์ของตน

“…”

“มิยอมรับอย่างนั้นหรือ น่าแปลกเสียจริง ทำแล้วไยถึงไม่กล้ารับผิด” ไท่จื่อเฟยทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่นางกำนัลเร่งไปจัดหามาให้อย่างแผ่วเบา พระนางคาดเดาเอาไว้อยู่แล้วหมิ่งหุ้ยไม่มีทางที่จะรับสารภาพ ดูจากที่ร่างกายนางยังมิบอบช้ำเลยแม้แต่น้อย เดาไม่ยากว่าหยงอิ่งจงมิกล้าลงมือกับหมิ่งหุ้ย พระนางจึงเดินทางมาสำเร็จโทษครั้งนี้ด้วยตนเอง ป้องกันความผิดพลาดจากความใจอ่อนขององครักษ์หน้าหยกของพระนาง

“ข้าไม่ได้ทำ ไยต้องรับ” หมิ่งหุ้ยปัดฝ่ามือหนาที่กดศีรษะของนางออก นางเงยมองหน้าคนที่บอกว่านางวางยาด้วยสายตาเต็มได้ด้วยความโกรธ

“ปากแข็งเสียจริง เฆี่ยนจนกว่านางจะพูด!” ไท่จื่อเฟยสั่งเสียงเหี้ยม

ขันทีที่ติดตามพระนางมาส่งแส้ให้กับองครักษ์คนสนิทของไท่จื่อเฟย ราวกับเป็นการบอกกลาย ๆ ว่าผู้ใดต้องเป็นคนลงมือเค้นคำตอบจากนักโทษ

หยงอิ่งจงกัดกรามแน่นแต่ก็เอื้อมมือไปรับแส้นั่นมาถือเอาไว้

Related chapters

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่2

    บทที่ 2เสียงแส้กระทบผิวหนังดังสนั่น เสียงกรีดร้องของสตรีดังออกมาจากจวนสกุลหมิ่ง ชาวบ้านแถวนั้นพากันมาชะเง้อมอง แต่ก็ต้องพากันเร่งเดินผ่าน เมื่อเห็นว่าหน้าประตูทางเข้าจวนมีทหารจากวังหลวงมายืนรักษาการอยู่ แม้จะอยากรู้แต่ก็ทำได้แค่คาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆตาหงส์ปรายตาลงต่ำ มือขาวนวลยกชาขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ มินึกเลยว่าคุณหนูในห้องหอเยี่ยงหมิ่งหุ้ยจะทนทายาดได้ถึงเพียงนี้ นางทนการเฆี่ยนจากชายคนรักของตนได้มานับชั่วยาม มีแต่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่กลับมิยอมรับผิด“เปิ่นไท่จื่อเฟยว่านางคงไม่ยอมรับผิดแล้วล่ะ” ไท่จื่อเฟยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “นางต้องรับ นางรับแน่ ๆ กระหม่อมทำให้นางรับสารภาพได้” หยงอิ่งจงตอบด้วยความร้อนใจ รีบยกตวัดปลายแส้ด้วยความแรงมากกว่าครั้งก่อน หวังให้หมิ่งหุ้ยรีบรับสารภาพ ก่อนที่ไท่จื่อเฟยจะหมดความอดทน“หยุด!” หลังจากปลายแส้กระทบแผ่นหลังนักโทษ พระนางก็สั่งให้หยงอิ่งจงหยุดมือ พระนางเบื่อที่จะรอแล้ว“แต่”พระนางไม่สนใจสิ่งที่องครักษ์จะเอ่ย ร่างระหงลุกจากเก้าอี้เดินไปนั่งเบื้องหน้าร่างบางสะบักสะบอมโซกไปด้วยเลือด “เปิ่นไท่จื่อเฟยถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้ายอมร

    Last Updated : 2025-02-01
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่3

    บทที่ 3“เหตุใดทำสีหน้าเยี่ยงนั้น” ฝ่ามือขาวนวลราวหยกขาวลูบไล้ไปตามหน้าท้องเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะออกกำลังกายและฝึกวรยุทธ์ทุกวัน“ไท่จื่อเฟย หยุดมือก่อนพ่ะย่ะค่ะ” หยงอิ่งจงพยายามจับมือเล็กนั้นไม่ให้ลูบไล้ลงไปต่ำกว่านี้“ข้าบอกเจ้าเยี่ยงไร ยามเมื่ออยู่กันตามลำพังให้เรียกเสี่ยวหลิน เจ้ากับข้าหาใช่คนอื่นไกล เป็นคนที่ใกล้กันแนบชิดยิ่งกว่าผู้ใด” ไท่จื่อเฟยเอ่ยเสียงหวานหยด“ข้าอยากพัก เสี่ยวหลินเจ้าอยู่นิ่ง ๆ ก่อนได้หรือไม่” หากไม่เรียกขานตามที่พระนางสั่ง ดูท่าแล้วมือนั่นคงไม่หยุดเป็นแน่หลังจากกลับมาจากจวนสกุลหมิ่ง ภาพร่างหมิ่งหุ้ยที่เต็มไปด้วยเลือดยังคงติดตา เสียงกรีดร้องของนางยังคงติดหู แต่เมื่อกลับมาถึงตำหนักบูรพา ไท่จื่อเฟยกลับลากเขาขึ้นเตียง แรงราคะ แรงเสน่หา วัวเคยค้าม้าเคยขี่กันอยู่ทุกคืนวัน เขาจึงมิอาจยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้ สุดท้ายก็จบลงที่เตียงเฉกเช่นทุกครั้งที่อยู่กันตามลำพังเหตุใดหมิ่งหุ้ยจึงมิยอมรับสารภาพ อย่างน้อย ๆ นางก็จะยังรอดชีวิต ไม่ว่าร่างกายสภาพใดเขาก็จะยังคงเลี้ยงดูนางเอาไว้ แต่พอเมื่อนึกย้อนกลับไปให้ถี่ถ้วนแล้ว“ตัวเจ้าอยู่กับข้าแล้วใจเจ้าอยู่ที่ใดเล่าอิ่

    Last Updated : 2025-02-01
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่4

    บทที่ 4“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ” เมาเมาเขย่าร่างเจ้านายของตนอยู่นาน นางปีนลงมาในหลุมมรณะอย่างไร้ความเกรงกลัว ก่อนมาถึงประตูจวนคุณหนูของนางนึกขึ้นได้ว่าลืมห่อผ้าที่จะตัดชุดใหม่ให้คุณชายหยงใส่หน้าหนาวที่จะถึงนี้ จึงวานให้นางกลับไปเอา เพราะคาดว่าคงหลงลืมวางเอาไว้ที่ร้านตัดชุด เมื่อเมาเมากลับมาพบว่าหน้าจวนสกุลหมิ่งมีทหารหลายคนไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ นางเห็นท่าไม่ดีจึงหลบฉากไปดูลาดเลา นางได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณหนูของตนชัดเจน แต่สัญชาตญาณบางอย่างสั่งให้นางนั่งแอบซ่อนตัวอยู่ข้างกำแพงจวน เมาเมาเฝ้ารอจนเสียงทั้งหมดเงียบลง และคนกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้นทั้งหมดกลับไปแล้ว นางรอจนแน่ใจจึงค่อย ๆ คลานเคลื่อนตัวผ่านทางประตูสุนัขลอดเพราะเกรงว่าหากเข้าทางด้านหน้าจะเกิดเรื่องราวที่คาดไม่ถึง แม้นางจะรอจนมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือผู้ใดอยู่ในจวนแล้วก็ตาม กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนแทบจะสำรอกออกมา ร่างบางถึงกับน้ำตาร่วงเมื่อเดินมาถึงหลุมแปลกตาที่ไม่เคยมีในจวนสกุลหมิ่งมาก่อน นางตะเกียกตะกายปีนลงหลุมมา ควานหาผู้รอดชีวิต ขอแค่มีใครสักคนรอด แม้ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากสาเหตุใด “สวรรค์โปรดเมตตาคนสกุลหมิ่งด้วย

    Last Updated : 2025-02-01
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่5

    บทที่ 5เมาเมาประะคองคุณหนูของตนปะปนฝูงชนที่กำลังเดินทางออกนอกประตูเมืองหลวง เนื่องจากใกล้เวลาปิดประตูแล้ว อีกทั้งผู้คนก็พลุกพล่านทำให้ทหารเวรยามหน้าประตูไม่สนใจขอทานสองคนที่เดินผ่านประตูออกนอกเมือง ดีแล้ว เมืองหลวงจะได้ลดคนชั้นต่ำเช่นนี้ลงได้อีกสองคน ทหารยามคนหนึ่งปรายตามองสตรีสองนางที่เดินผ่านหน้าของตนโดยไม่ขอตรวจเอกสารด้วยซ้ำ นางทั้งสองแต่งตัวมอซอ เนื้อตัวสกปรก เขาไม่อยากแม้แต่จะเฉียดใกล้พวกนางด้วยซ้ำแม้จะปวดบาดแผลที่ยังไม่หายดี หมิ่งหุ้ยก็กัดฟันก้าวเดินไปข้างหน้า ใบหน้าซีกซ้ายของนางเขียวช้ำจนใบหน้าบวมปูด คงจะถูกปลายแส้จากฝีมือหยงอิ่งจง แต่เมื่อใดนั้นนางจำไม่ได้แล้ว แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่แย่ หมิ่งหุ้ยมองว่ามันคือข้อดีเพราะนั่นทำให้คนที่รู้จักคุ้นเคยคุณหนูตระกูลหมิ่งจำนางในตอนนี้ไม่ได้&ldqu

    Last Updated : 2025-02-05

Latest chapter

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่5

    บทที่ 5เมาเมาประะคองคุณหนูของตนปะปนฝูงชนที่กำลังเดินทางออกนอกประตูเมืองหลวง เนื่องจากใกล้เวลาปิดประตูแล้ว อีกทั้งผู้คนก็พลุกพล่านทำให้ทหารเวรยามหน้าประตูไม่สนใจขอทานสองคนที่เดินผ่านประตูออกนอกเมือง ดีแล้ว เมืองหลวงจะได้ลดคนชั้นต่ำเช่นนี้ลงได้อีกสองคน ทหารยามคนหนึ่งปรายตามองสตรีสองนางที่เดินผ่านหน้าของตนโดยไม่ขอตรวจเอกสารด้วยซ้ำ นางทั้งสองแต่งตัวมอซอ เนื้อตัวสกปรก เขาไม่อยากแม้แต่จะเฉียดใกล้พวกนางด้วยซ้ำแม้จะปวดบาดแผลที่ยังไม่หายดี หมิ่งหุ้ยก็กัดฟันก้าวเดินไปข้างหน้า ใบหน้าซีกซ้ายของนางเขียวช้ำจนใบหน้าบวมปูด คงจะถูกปลายแส้จากฝีมือหยงอิ่งจง แต่เมื่อใดนั้นนางจำไม่ได้แล้ว แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่แย่ หมิ่งหุ้ยมองว่ามันคือข้อดีเพราะนั่นทำให้คนที่รู้จักคุ้นเคยคุณหนูตระกูลหมิ่งจำนางในตอนนี้ไม่ได้&ldqu

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่4

    บทที่ 4“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ” เมาเมาเขย่าร่างเจ้านายของตนอยู่นาน นางปีนลงมาในหลุมมรณะอย่างไร้ความเกรงกลัว ก่อนมาถึงประตูจวนคุณหนูของนางนึกขึ้นได้ว่าลืมห่อผ้าที่จะตัดชุดใหม่ให้คุณชายหยงใส่หน้าหนาวที่จะถึงนี้ จึงวานให้นางกลับไปเอา เพราะคาดว่าคงหลงลืมวางเอาไว้ที่ร้านตัดชุด เมื่อเมาเมากลับมาพบว่าหน้าจวนสกุลหมิ่งมีทหารหลายคนไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ นางเห็นท่าไม่ดีจึงหลบฉากไปดูลาดเลา นางได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณหนูของตนชัดเจน แต่สัญชาตญาณบางอย่างสั่งให้นางนั่งแอบซ่อนตัวอยู่ข้างกำแพงจวน เมาเมาเฝ้ารอจนเสียงทั้งหมดเงียบลง และคนกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้นทั้งหมดกลับไปแล้ว นางรอจนแน่ใจจึงค่อย ๆ คลานเคลื่อนตัวผ่านทางประตูสุนัขลอดเพราะเกรงว่าหากเข้าทางด้านหน้าจะเกิดเรื่องราวที่คาดไม่ถึง แม้นางจะรอจนมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือผู้ใดอยู่ในจวนแล้วก็ตาม กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนแทบจะสำรอกออกมา ร่างบางถึงกับน้ำตาร่วงเมื่อเดินมาถึงหลุมแปลกตาที่ไม่เคยมีในจวนสกุลหมิ่งมาก่อน นางตะเกียกตะกายปีนลงหลุมมา ควานหาผู้รอดชีวิต ขอแค่มีใครสักคนรอด แม้ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากสาเหตุใด “สวรรค์โปรดเมตตาคนสกุลหมิ่งด้วย

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่3

    บทที่ 3“เหตุใดทำสีหน้าเยี่ยงนั้น” ฝ่ามือขาวนวลราวหยกขาวลูบไล้ไปตามหน้าท้องเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะออกกำลังกายและฝึกวรยุทธ์ทุกวัน“ไท่จื่อเฟย หยุดมือก่อนพ่ะย่ะค่ะ” หยงอิ่งจงพยายามจับมือเล็กนั้นไม่ให้ลูบไล้ลงไปต่ำกว่านี้“ข้าบอกเจ้าเยี่ยงไร ยามเมื่ออยู่กันตามลำพังให้เรียกเสี่ยวหลิน เจ้ากับข้าหาใช่คนอื่นไกล เป็นคนที่ใกล้กันแนบชิดยิ่งกว่าผู้ใด” ไท่จื่อเฟยเอ่ยเสียงหวานหยด“ข้าอยากพัก เสี่ยวหลินเจ้าอยู่นิ่ง ๆ ก่อนได้หรือไม่” หากไม่เรียกขานตามที่พระนางสั่ง ดูท่าแล้วมือนั่นคงไม่หยุดเป็นแน่หลังจากกลับมาจากจวนสกุลหมิ่ง ภาพร่างหมิ่งหุ้ยที่เต็มไปด้วยเลือดยังคงติดตา เสียงกรีดร้องของนางยังคงติดหู แต่เมื่อกลับมาถึงตำหนักบูรพา ไท่จื่อเฟยกลับลากเขาขึ้นเตียง แรงราคะ แรงเสน่หา วัวเคยค้าม้าเคยขี่กันอยู่ทุกคืนวัน เขาจึงมิอาจยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้ สุดท้ายก็จบลงที่เตียงเฉกเช่นทุกครั้งที่อยู่กันตามลำพังเหตุใดหมิ่งหุ้ยจึงมิยอมรับสารภาพ อย่างน้อย ๆ นางก็จะยังรอดชีวิต ไม่ว่าร่างกายสภาพใดเขาก็จะยังคงเลี้ยงดูนางเอาไว้ แต่พอเมื่อนึกย้อนกลับไปให้ถี่ถ้วนแล้ว“ตัวเจ้าอยู่กับข้าแล้วใจเจ้าอยู่ที่ใดเล่าอิ่

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่2

    บทที่ 2เสียงแส้กระทบผิวหนังดังสนั่น เสียงกรีดร้องของสตรีดังออกมาจากจวนสกุลหมิ่ง ชาวบ้านแถวนั้นพากันมาชะเง้อมอง แต่ก็ต้องพากันเร่งเดินผ่าน เมื่อเห็นว่าหน้าประตูทางเข้าจวนมีทหารจากวังหลวงมายืนรักษาการอยู่ แม้จะอยากรู้แต่ก็ทำได้แค่คาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆตาหงส์ปรายตาลงต่ำ มือขาวนวลยกชาขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ มินึกเลยว่าคุณหนูในห้องหอเยี่ยงหมิ่งหุ้ยจะทนทายาดได้ถึงเพียงนี้ นางทนการเฆี่ยนจากชายคนรักของตนได้มานับชั่วยาม มีแต่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่กลับมิยอมรับผิด“เปิ่นไท่จื่อเฟยว่านางคงไม่ยอมรับผิดแล้วล่ะ” ไท่จื่อเฟยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “นางต้องรับ นางรับแน่ ๆ กระหม่อมทำให้นางรับสารภาพได้” หยงอิ่งจงตอบด้วยความร้อนใจ รีบยกตวัดปลายแส้ด้วยความแรงมากกว่าครั้งก่อน หวังให้หมิ่งหุ้ยรีบรับสารภาพ ก่อนที่ไท่จื่อเฟยจะหมดความอดทน“หยุด!” หลังจากปลายแส้กระทบแผ่นหลังนักโทษ พระนางก็สั่งให้หยงอิ่งจงหยุดมือ พระนางเบื่อที่จะรอแล้ว“แต่”พระนางไม่สนใจสิ่งที่องครักษ์จะเอ่ย ร่างระหงลุกจากเก้าอี้เดินไปนั่งเบื้องหน้าร่างบางสะบักสะบอมโซกไปด้วยเลือด “เปิ่นไท่จื่อเฟยถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้ายอมร

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่1

    บทที่ 1ดวงตากลมโตนองไปด้วยหยาดน้ำตา นางเพ่งมองใบหน้าบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้าผ่านม่านน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม“เจ้าจะยอมรับหรือไม่ว่าเจ้าวางยาพระชายา”“อึก” ดวงหน้าเปรอะเปื้อนเงยขึ้นตามแรงรั้งของฝ่ามือหนา หมิ่งหุ้ยเม้มปากแน่นราวกับจะบอกว่าไม่ว่าคนตรงหน้าจะใช้วิธีใดก็ไม่สามารถง้างปากให้นางรับสารภาพความผิดร้ายแรงที่นางไม่ได้ก่อ ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้สักชั่วยาม ให้นางรับสารภาพสิ่งใดนางยอมหมด แต่หลังจากเดินเข้ามาในจวนแล้วพบกองร่างไร้ซึ่งลมหายใจของคนทั้งหมดในตระกูล ในยามนี้คงมีแต่ความตายเท่านั้นที่นางต้องการมือหนาบีบใบหน้าเล็กแรงขึ้นตามแรงโทสะ เขาไม่เข้าใจ นางก็เห็นแล้วว่าจะเกิดอะไรต่อไปกับตนเอง ทำไมจึงไม่ยอมรับความผิดแต่โดยดี“ข้ามิได้ทำอย่างที่ท่านกล่าวหา” หยาดน้ำตายังคงไหลรินอาบแก้มนวล“หากเจ้ายอมรับ ข้าจะหาทางให้เจ้ารอด” หยงอิ่งจงก้มลงกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “หลังจากที่ท่านสังหารบิดาข้า มารดาข้า พี่ชายข้า น้องชายข้า แม้แต่เสี่ยวหลงที่อายุเพียงห้าปีท่านยังทำได้ลงคอ ท่านยังคิดว่าข้าจะยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างนั้นหรืออิ่งจง ” “ถ้าเจ้ายอมรับผิดกับสิ่งที่ก่อ ไท่จื่อเฟยรับป

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status