Share

บทที่2

last update Last Updated: 2025-02-01 17:44:32

บทที่ 2

เสียงแส้กระทบผิวหนังดังสนั่น เสียงกรีดร้องของสตรีดังออกมาจากจวนสกุลหมิ่ง ชาวบ้านแถวนั้นพากันมาชะเง้อมอง แต่ก็ต้องพากันเร่งเดินผ่าน เมื่อเห็นว่าหน้าประตูทางเข้าจวนมีทหารจากวังหลวงมายืนรักษาการอยู่ แม้จะอยากรู้แต่ก็ทำได้แค่คาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ

ตาหงส์ปรายตาลงต่ำ มือขาวนวลยกชาขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ มินึกเลยว่าคุณหนูในห้องหอเยี่ยงหมิ่งหุ้ยจะทนทายาดได้ถึงเพียงนี้ นางทนการเฆี่ยนจากชายคนรักของตนได้มานับชั่วยาม มีแต่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่กลับมิยอมรับผิด

“เปิ่นไท่จื่อเฟยว่านางคงไม่ยอมรับผิดแล้วล่ะ” ไท่จื่อเฟยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“นางต้องรับ นางรับแน่ ๆ กระหม่อมทำให้นางรับสารภาพได้”

หยงอิ่งจงตอบด้วยความร้อนใจ รีบยกตวัดปลายแส้ด้วยความแรงมากกว่าครั้งก่อน หวังให้หมิ่งหุ้ยรีบรับสารภาพ ก่อนที่ไท่จื่อเฟยจะหมดความอดทน

“หยุด!” หลังจากปลายแส้กระทบแผ่นหลังนักโทษ พระนางก็สั่งให้หยงอิ่งจงหยุดมือ พระนางเบื่อที่จะรอแล้ว

“แต่”

พระนางไม่สนใจสิ่งที่องครักษ์จะเอ่ย ร่างระหงลุกจากเก้าอี้เดินไปนั่งเบื้องหน้าร่างบางสะบักสะบอมโซกไปด้วยเลือด

“เปิ่นไท่จื่อเฟยถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้ายอมรับหรือไม่ว่าลงมือวางยาเพื่อลอบสังหารเปิ่นไท่จื่อเฟย”

“ไม่!” หมิ่งหุ้ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้จะถูกเฆี่ยนด้วยแส้จนหลังแตกยับ ในคราแรกหมิ่งหุ้ยรู้สึกเจ็บ ปวด แสบ จนแทบทนไม่ได้ แต่ไม่มีสักเสี้ยวที่คิดจะรับผิด แต่พอหลังจากปลายแส้ครั้งที่ยี่สิบฟาดลงมา นางก็ไม่รู้สึกสิ่งใดที่แผ่นหลังบอบช้ำอีกเลย

“ต่อให้ทรมานข้า ตัดแขนตัดขาข้าแบบที่ทำกับคนอื่นในครอบครัวข้า ข้าก็ไม่มีวันยอมรับผิด”

ร่างสตรีสูงศักดิ์โน้มลงใกล้นักโทษ ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาแสยะยิ้มร้าย ก่อนที่จะแนบริมฝีปากแดงชาดลงใกล้ใบหูของหมิ่งหุ้ย

“ตัดแขนขาเจ้า…เจ้าก็จะตายไวขึ้น เปิ่นไท่จื่อเฟยมิคิดทำเยี่ยงนั้นหรอก เปิ่นไท่จื่อเฟยอยากให้เจ้าทรมานจนลมหายใจสุดท้าย เฝ้าคิดว่าเหตุใดถึงเกิดเรื่องราวเช่นนี้กับตนเองและครอบครัว ก็แหม่…ใครใช้ให้เจ้าแย่งของรักของเปิ่น เปิ่นไท่จื่อเฟยมิคิดจะใช้บุรุษร่วมกับผู้ใดหรอก”

แย่งของรัก? ไม่ใช้บุรุษร่วมผู้ใด?

ไท่จื่อที่อายุเพียงแปดชันษา ไม่มีสนมหรือชายาใดอื่นนอกจากไท่จื่อเฟย แล้วนางจะไปใช้บุรุษร่วมกับพระนางเมื่อใด หมิ่งหุ้ยฟังคำของไท่จื่อเฟยแล้วคิดตามก็ต้องตาเบิกโพลง นางหันไปมองเพชฌฆาตที่ถือแส้ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสายตาตกใจ หรือว่าทั้งสองคน

ไท่จื่อเฟยมองตามสายตาของหมิ่งหุ้ยแล้วก็หัวเราะออกมาแผ่วเบา

“เป็นอย่างที่เจ้าคิด และวันนี้ต่อให้เจ้ารับสารภาพเปิ่นไท่จื่อเฟยก็ไม่คิดจะปล่อยเจ้าไป” ร่างระหงลุกขึ้นเต็มความสูง “เด็ก ๆ โยนนางลงหลุมนั้นซะ”

“ไท่จื่อเฟย กระหม่อมขอโอกาสให้นาง” หยงอิ่งจงรีบวิ่งมาคุกเข่าตรงหน้าโขกศีรษะลงกับพื้นเสียงดัง

“เปิ่นไท่จื่อเฟยให้โอกาสนางมามากพอแล้วเจ้าก็เห็น เป็นนางมิคิดจะรับน้ำใจจากเปิ่นไท่จื่อเฟย”

หยงอิ่งจงนิ่งเงียบ เขาเหล่สายตามองขันทีลากก้อนเลือดสีแดงไปตามพื้น ก่อนจะยกขึ้นและโยนลงไปในหลุมที่ก่อนหน้านี้เขาโยนศพคนในจวนสกุลหมิ่งลงไป

จริงอย่างที่พระนางว่า พระนางให้โอกาสหมิ่งหุ้ยแล้ว แต่เป็นนางที่ไม่คิดจะรับเอาไว้เอง ตัวเขาเองก็พยายามอย่างสุดกำลังแล้ว หากยื่นมือเข้าไปช่วยมากกว่านี้ มิแคล้วตัวเขาและตระกูลหยงต้องถูกดึงลงหลุมนั้นไปด้วย

ตุ้บ!

เสียงสิ่งของบางอย่างตกกระทบลงไปในหลุม หยงอิ่งจงหลับตาลง

เขาและหมิ่งหุ้ยสิ้นวาสนาต่อกันเสียแล้ว

แขนบอบบางไหวระริกเอื้อมไปโอบกอดเอวร่างของมารดาเอาไว้แน่น แม้ร่างนี้จะไร้ซึ่งไออุ่น เต็มไปด้วยความเย็นจนเหน็บหนาว หมิ่งหุ้ยก็ยังโอบกอดเอาไว้แน่น

“ท่านแม่ ข้าจะแก้แค้นให้พวกท่าน ต่อให้ต้องแล่เนื้อเถือหนังของตนแลกกับการได้ล้างแค้นให้กับสิ่งที่พวกท่านไม่ได้ก่อ ข้าขอสาบาน ต่อให้ต้องหมดลมหายใจ ข้าก็จะล้างแค้นให้พวกท่านให้ได้”

น่าเสียดายสิ่งที่นางตั้งใจและตั้งปณิธานเอาไว้นั้นคงไม่อาจสำเร็จดั่งใจหวัง สภาพร่างกายของหมิ่งหุ้ยในตอนนี้ไม่ต่างจากซากศพอื่น ๆ  ที่ไร้ลมหายใจอยู่ภายในหลุมนี้เท่าใดนัก หลังจากที่ไท่จื่อเฟยเดินทางมาถึงนางก็ยังมิยอมรับผิดในสิ่งที่ตนไม่ได้ก่อ จึงถูกสั่งเฆี่ยนอย่างหนัก คนที่ลงมือก็มิใช้ใคร คนรักของนางเอง นางถูกโยนลงมาในหลุมเดียวกับร่างที่เหลือในครอบครัว หมิ่งหุ้ยเหลือเพียงแต่แค่รอเวลาว่าลมหายใจเฮือกสุดท้ายของนางจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ก็คงไม่ต้องรอนาน อีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้นางก็จะตามทุกคนในตระกูลหมิ่งที่ล่วงหน้าไปรอที่ประตูทางเข้ายมโลกแล้ว

“ท่านแม่ ท่านพ่อ ท่านพี่ พวกเราคนตระกูลหมิ่งมิเคยมักใหญ่ใฝ่สูง ทำการค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ เลี้ยงดูคนในจวน ไม่เคยก้าวล่วงผู้ใดให้แค้นเคือง แต่ไยสวรรค์ถึงไม่คุ้มครองคนดี ชายโฉดหญิงชั่วสองคนนั้นป่านนี้คงเสวยสุขที่ตัดเสี้ยนหนามอย่างข้าทิ้งได้แล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่3

    บทที่ 3“เหตุใดทำสีหน้าเยี่ยงนั้น” ฝ่ามือขาวนวลราวหยกขาวลูบไล้ไปตามหน้าท้องเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะออกกำลังกายและฝึกวรยุทธ์ทุกวัน“ไท่จื่อเฟย หยุดมือก่อนพ่ะย่ะค่ะ” หยงอิ่งจงพยายามจับมือเล็กนั้นไม่ให้ลูบไล้ลงไปต่ำกว่านี้“ข้าบอกเจ้าเยี่ยงไร ยามเมื่ออยู่กันตามลำพังให้เรียกเสี่ยวหลิน เจ้ากับข้าหาใช่คนอื่นไกล เป็นคนที่ใกล้กันแนบชิดยิ่งกว่าผู้ใด” ไท่จื่อเฟยเอ่ยเสียงหวานหยด“ข้าอยากพัก เสี่ยวหลินเจ้าอยู่นิ่ง ๆ ก่อนได้หรือไม่” หากไม่เรียกขานตามที่พระนางสั่ง ดูท่าแล้วมือนั่นคงไม่หยุดเป็นแน่หลังจากกลับมาจากจวนสกุลหมิ่ง ภาพร่างหมิ่งหุ้ยที่เต็มไปด้วยเลือดยังคงติดตา เสียงกรีดร้องของนางยังคงติดหู แต่เมื่อกลับมาถึงตำหนักบูรพา ไท่จื่อเฟยกลับลากเขาขึ้นเตียง แรงราคะ แรงเสน่หา วัวเคยค้าม้าเคยขี่กันอยู่ทุกคืนวัน เขาจึงมิอาจยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้ สุดท้ายก็จบลงที่เตียงเฉกเช่นทุกครั้งที่อยู่กันตามลำพังเหตุใดหมิ่งหุ้ยจึงมิยอมรับสารภาพ อย่างน้อย ๆ นางก็จะยังรอดชีวิต ไม่ว่าร่างกายสภาพใดเขาก็จะยังคงเลี้ยงดูนางเอาไว้ แต่พอเมื่อนึกย้อนกลับไปให้ถี่ถ้วนแล้ว“ตัวเจ้าอยู่กับข้าแล้วใจเจ้าอยู่ที่ใดเล่าอิ่

    Last Updated : 2025-02-01
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่4

    บทที่ 4“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ” เมาเมาเขย่าร่างเจ้านายของตนอยู่นาน นางปีนลงมาในหลุมมรณะอย่างไร้ความเกรงกลัว ก่อนมาถึงประตูจวนคุณหนูของนางนึกขึ้นได้ว่าลืมห่อผ้าที่จะตัดชุดใหม่ให้คุณชายหยงใส่หน้าหนาวที่จะถึงนี้ จึงวานให้นางกลับไปเอา เพราะคาดว่าคงหลงลืมวางเอาไว้ที่ร้านตัดชุด เมื่อเมาเมากลับมาพบว่าหน้าจวนสกุลหมิ่งมีทหารหลายคนไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ นางเห็นท่าไม่ดีจึงหลบฉากไปดูลาดเลา นางได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณหนูของตนชัดเจน แต่สัญชาตญาณบางอย่างสั่งให้นางนั่งแอบซ่อนตัวอยู่ข้างกำแพงจวน เมาเมาเฝ้ารอจนเสียงทั้งหมดเงียบลง และคนกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้นทั้งหมดกลับไปแล้ว นางรอจนแน่ใจจึงค่อย ๆ คลานเคลื่อนตัวผ่านทางประตูสุนัขลอดเพราะเกรงว่าหากเข้าทางด้านหน้าจะเกิดเรื่องราวที่คาดไม่ถึง แม้นางจะรอจนมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือผู้ใดอยู่ในจวนแล้วก็ตาม กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนแทบจะสำรอกออกมา ร่างบางถึงกับน้ำตาร่วงเมื่อเดินมาถึงหลุมแปลกตาที่ไม่เคยมีในจวนสกุลหมิ่งมาก่อน นางตะเกียกตะกายปีนลงหลุมมา ควานหาผู้รอดชีวิต ขอแค่มีใครสักคนรอด แม้ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากสาเหตุใด “สวรรค์โปรดเมตตาคนสกุลหมิ่งด้วย

    Last Updated : 2025-02-01
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่5

    บทที่ 5เมาเมาประะคองคุณหนูของตนปะปนฝูงชนที่กำลังเดินทางออกนอกประตูเมืองหลวง เนื่องจากใกล้เวลาปิดประตูแล้ว อีกทั้งผู้คนก็พลุกพล่านทำให้ทหารเวรยามหน้าประตูไม่สนใจขอทานสองคนที่เดินผ่านประตูออกนอกเมือง ดีแล้ว เมืองหลวงจะได้ลดคนชั้นต่ำเช่นนี้ลงได้อีกสองคน ทหารยามคนหนึ่งปรายตามองสตรีสองนางที่เดินผ่านหน้าของตนโดยไม่ขอตรวจเอกสารด้วยซ้ำ นางทั้งสองแต่งตัวมอซอ เนื้อตัวสกปรก เขาไม่อยากแม้แต่จะเฉียดใกล้พวกนางด้วยซ้ำแม้จะปวดบาดแผลที่ยังไม่หายดี หมิ่งหุ้ยก็กัดฟันก้าวเดินไปข้างหน้า ใบหน้าซีกซ้ายของนางเขียวช้ำจนใบหน้าบวมปูด คงจะถูกปลายแส้จากฝีมือหยงอิ่งจง แต่เมื่อใดนั้นนางจำไม่ได้แล้ว แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่แย่ หมิ่งหุ้ยมองว่ามันคือข้อดีเพราะนั่นทำให้คนที่รู้จักคุ้นเคยคุณหนูตระกูลหมิ่งจำนางในตอนนี้ไม่ได้&ldqu

    Last Updated : 2025-02-05
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่6

    บทที่ 6“ท่านพ่อ ข้าเข้าป่าไปเก็บสมุนไพรก่อนนะ”“อย่าเพลินจนกลับค่ำนักล่ะ พอเริ่มโพล้เพล้ก็เก็บของกลับบ้านได้แล้ว หุบเขาแห่งนี้จะมีแค่พวกเรา แต่พอตะวันตกดินสัตว์ป่าก็ออกหากิน แม้เจ้าจะคุ้นชินป่าบริเวณนี้ แต่อย่างไรก็ยังอันตรายอยู่ดี” “เจ้าค่ะ”เหยาเหยาส่งเสียงตอบรับหนักแน่น สองมือคว้ามีดอันเล็กพร้อมด้วยตะกร้าเพื่อใส่สมุนไพรกลับ หวังว่าวันนี้คงเจอสมุนไพรดี ๆ เอาไว้ให้ท่านพ่อเอาไปขายที่หมู่บ้านด้านนอกหุบเขา แม้จะได้ราคาไม่สูงเท่าไปขายในเมืองหลวง แต่เหยาเหยาคิดว่าทำเช่นนี้ปลอดภัยสำหรับตัวนางและครอบครัวสกุลจางในยามนี้มากที่สุด“เย็นนี้มีไก่ตุ๋น กลับช้าข้าจะเหลือแต่กระดูกไก่ไว้ให้เจ้า”เสียงใส ๆ ตะโกนออกมากจาก

    Last Updated : 2025-02-08
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่7

    บทที่ 7“คุณชาย คุณชาย ท่านได้ยินข้าหรือไม่”เหยาเหยาใช้ฝ่ามือตบใบหน้าหยกที่มองนางตาลอยราวกับคนสติหลุด นางกลัวว่าเขาจะเสียเลือดจนสลบไปอีกครั้ง นางเดินลัดเลาะหาสมุนไพรเฉกเช่นทุกวัน แต่วันนี้นางเดินกลับมาตรงบริเวณที่พบดงเห็ด หวังจะเอาไปใส่ไก่ตุ๋นของเมาเมา อาหารเย็นมื้อนี้คงจะอร่อยขึ้นอีกมากโข คาดไม่ถึงว่าจะพบชายหนุ่มนอนจมกองเลือดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เหยาเหยาถลาลงจากเนินมาแบบไม่คิดตรึกตรองด้วยซ้ำว่าบุรุษที่บาดเจ็บผู้นี้นั้นบาดเจ็บด้วยจากสาเหตุใด นางเคยเฉียดความตายมาก่อน พอเห็นแบบนี้ร่างกายจึงไปก่อนความคิด“แม่นาง เจ้าเป็นเทพธิดาหรือ” หยางซวี่เหวินเอ่ยถามสิ่งที่คิดเสียงแหบพร่าฝ่ามือบางถึงกับชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง หรือบุรุษผู้นี้จะเสียเล

    Last Updated : 2025-02-08
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่8

    บทที่ 8เหยาเหยาตื่นมาแต่เช้า นางเปิดตลับยาสมุนไพรที่ปรุงเอาไว้ทายาไปตามร่างกายที่มีรอยแผลของตนเอง ตัวยาหลักคือหัวหอมและใบบัวบก ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา นางยังคงต้องทายาและดื่มยาสมุนไพรบ้างในบางวัน แม้ทุกอย่างจะดูดีขึ้นหมดแล้ว รอยแผลก็จางจนแทบมองไม่เห็น แต่หากมองดี ๆ ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง บางรอยหากสัมผัสที่แผลโดยตรงก็ยังรู้สึกถึงรอยที่นู้นจากผิวขึ้นมาชัดเจนเมื่อจัดการตนเองเรียบร้อยเหยาเหยาก็เดินไปหาคนเจ็บที่หมดสติอยู่เมื่อคืน แต่กลับต้องตกใจ เพราะยามนี้บุรุษผู้นั้นลุกขึ้นนั่งมองตรงมายังนางด้วยดวงตากลมและแทบไม่กะพริบเลยแม้แต่นิด“ได้สติแล้วหรือ เมื่อวานระหว่างที่ข้าเดินหาสมุนไพรอยู่ในป่าไปพบเจอกับท่านที่นอนจมกองเลือดอยู่จึงพากลับมาที่นี่เพื่อรักษาตัว” เหยาเหยารีบเอ่ยก่อนที่คนที่จ้องนางอยู่จะเอ่ยถามด้วยซ้ำ

    Last Updated : 2025-02-09
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่9

    บทที่ 9เหยาเหยาดูแลอ๋องหยางซวี่เหวินอย่างดีที่สุด บาดแผลของอ๋องหนุ่มหนักแค่บางจุดเท่านั้น“เจ้าเป็นหมอหรือ” เสียงของชายหนุ่มที่เอาแต่มองนางเอ่ยถามอย่างสงสัย “มารดาของข้าสอนมา” เหยาเหยาไม่ได้โกหกมันคือเรื่องจริง และเพียงแค่นึกถึงเรื่องนี้ดวงตาของนางก็คลายจะมีประกายแห่งความแค้นปะทุออกมา แม้แต่คนที่ลอบมองอยู่ตลอดอย่างหยางซวี่เหวินก็ยังนึกสงสัยไม่ได้“แล้วนางไม่ไหนหรือข้าไม่เห็นอยู่ที่นี่” อ๋องหนุ่มแอบถามแม้จะพอเดาคำตอบได้อยู่แล้วเนื่องจากตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาก็พบแค่ท่านลุงจางและสตรีอีกนางที่เป็นพี่สาวของนาง นามว่า เมาเมา“ไม่อยู่แล้วเจ้าคะ”“เจ้าคงรักนางมาก”

    Last Updated : 2025-02-10
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่10

    บทที่ 10หลังจากผ่านไปอีกเพียงไม่กี่วันร่างกายของหยางซวี่เหวินก็เป็นปกติทุกอย่าง ชายหนุ่มอยากจะกรนด่าตนเองที่มีร่างการที่สมบูรณ์แข็งแรงเช่นนี้ อ่อนแอสักหน่อยก็มิได้ ร่างสูงใหญ่เดินวนไปเวียนมาราวกับหนูติดจั่นภายในกระโจมใหญ่ คณะเดินทางของเขาพอรวมตัวแล้วก็มีอยู่มิไม่ใช่น้อย หากจะพักในบ้านหลังเล็กในหุบเขาแล้วคงจะไม่เพียงพอ เขาจึงสั่งให้คนตั้งกระโจม หลังจากรักษาบาดแผลจนหายสนิท แต่เขาก็ยังรั้งจะอยู่ที่แห่งนี้ แสร้งทำเป็นยังไม่หายดี เพื่อยือเวลาออกไปเรื่อย ๆ แม่นางเหยาเหยานางก็แสนดี ดูแลบาดแผลเขาอย่างไม่รังเกียจ แม้นางจะรู้ว่าเขาหายแล้ว “จะป่วยให้นานกว่านี้ก็ไม่ได้” หยางซวี่เหวินก่นด่าตนเอง เขาไม่มีข้ออ้างว่าปวดส่วนใดอีกแล้วเหยาเหยาที่นำมาเช็ดหน้าในตอนเช้ามาให้ถึงกลับแอบหัวเราะอยู่ที่หลังเ

    Last Updated : 2025-02-11

Latest chapter

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่33

    บทที่ 33ตำหนักบูรพาในวันนี้ไม่เหมือนวันเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของตำหนักก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม“ไท่จื่อ ฮองเฮาส่งเทียบของคุณหนูตระกูลต่าง ๆ มาให้อีกแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อที่เคยถูกหลอกเมื่อก่อน ตอนนี้โตเป็นชายหนุ่มร่างกำยำ เขาฝึกยุทธ์เหมือนเสด็จอาของเขา และยังคิดทำอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนเสด็จอาของตนด้วยที่เห็นกันชัด ๆ ก็คงเป็นเรื่องพระชายา เพราะครั้งหนึ่งเคยได้แต่งไปกับคนที่มีนิสัยเช่นซ่งอี้หลิน จึงทำให้มีปัญหาเรื่องความไว้ใจสตรีหากพูดคุยแล้วพึงใจแต่ดันไปทำอะไรให้พระองค์ตะขิดตะขวงใจแม้เพียงนิด ความพึงพอใจที่ผ่านมาอาจจะกลายเป็นศูนย์ไปเลยก็เป็นได้“แต่ว่า...”“เจ้าไม่ต้องมาพูดม

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่32

    บทที่ 32ในทุก ๆ ปี ท่านอ๋องหยางซวี่เหวินและพระชายาร่วมถึงบรรดาพระโอรสและพระธิดาจะเสด็จมาเมืองหลวงเป็นประจำทุกปีนั่นก็เพราะพระชายาจะพาหลาน ๆ มาเคารพสุสานบรรพชนและก็ไม่ลืมที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนฮ่องเต้และฮองเฮา รวมถึงองค์รัชทายาทที่ยามนี้โตเป็นชายหนุ่มแล้ว“ทำไมที่นี่ถึงไม่มีคนอยู่หรือเสด็จแม่” พระโอรสคนที่สี่ซึ่งเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็นเอ่ยถามขึ้นเมื่อเขาได้มาที่นี่เป็นปีที่สองแล้ว ตอนนี้เจ้าตัวอายุได้ สี่ชันษาจึงกำลังพูดมากพอสมควร“เสด็จแม่ลูกอธิบายน้องเองพ่ะย่ะค่ะ” ทั้ง ๆ ที่หมิ่งหุ้ยอยากจะเลี้ยงพระโอรสและพระธิดาทุกคนอย่างคนธรรมดาสามัญแต่เพราะศักดินาที่มี อย่างไรหนึ่งในทั้งหมดนี่ก็ต้องดูแลที่ดินและชาวบ้านแถว ๆ นั้น จึงทำให้สุดท้ายทุกคนจึงเป็นท่านหญิงและท่านชายที่น่าเคาร

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่31

    บทที่ 31“เป็นข่าวดีพ่ะย่ะค่ะ พระชายาของท่านอ๋องทรงพระครรภ์แล้ว” หลังจากเงียบเชียบนานนับปี ในที่สุดก็มีข่าวดีจากทั้งสอง“ท่านอ๋องเป็นอะไรเพคะ” หยางซวี่เหวินได้ฟังก็ตื้นตันจนร้องไห้ เรื่องนี้ทำให้มู่เฉิงที่เป็นราชองครักษ์ข้างกายตกใจมากจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเย้า “กระหม่อมคงต้องนำเรื่องนี้ไปบอกกับทุกคนแล้ว”หยางซวี่เหวินคิดว่ามู่เฉิงหมายถึงเรื่องข่าวการตั้งครรภ์ แต่เปล่า เจ้าตัวกลับส่งข่าวให้ทุกคนว่าเขาร้องไห้เพราะรู้ว่าพระชายาของตนตั้งครรภ์ “มู่เฉิงหากไม่ใช่เจ้าข้าจะสั่งโบยให้ดู” แม้จะโดนขู่เช่นนั้นแต่มู่เฉิงก็มิได้สะทกสะท้าน นั่นก็เพราะยามนี้ท่านอ๋องทรงประชวร“ทรงรักษาพระวรกายเถอะพ่ะย่ะค่ะ หายแล้วค่อยม

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่30

    บทที่ 30หลังจากงานมงคลหมิ่งหุ้ยก็ได้เข้าไปยกน้ำชาให้กับฮ่องเต้ ในวังเพราะเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของทั้งสองจากไปแล้ว พี่ชายอย่างฮ่องเต้จึงถือเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหมิ่งหุ้ยแต่งเข้าตระกูลหยางก็ต้องเคารพบรรพบุรุษ“อภัยให้กับอี้หลินด้วยนะหุ้ยเอ๋อร์” เสียงของฮองเฮาเอ่ยกับน้องสะใภ้ของตน“ข้าเองก็อโหสิกรรมให้นางแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องราวถึงได้” ฮ่องเต้หันไปประคองฮองเฮาเอาไว้“เรื่องมันแล้วไปแล้ว จะรื้อฟื้นก็คงจะทำไม่ได้ เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย แม้จะมีความสูญเสียแต่ก็มีเรื่องดี ๆ อย่างการที่เจ้าทั้งสองได้มาเจอกัน คนเป็นพี่อย่างข้าเห็นแล้วก็รู้สึกสบายใจที่ซวี่เหวินจะมีคนรักสักที เจ้ารู้ไหมหุ้ยเอ๋อร์ เขาไม่เคยมีคนรักมาก่อน&rd

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่29

    บทที่ 29“ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” หยางซวี่เหวินเอ่ยเช่นนั้นออกไปเพราะเขารู้ว่านางไม่ได้มีใจให้เขาจึงอยากให้นางเป็นอิสระ แม้ภายในใจต้องเจ็บปวดที่วันข้างหน้าจะไร้หมิ่งหุ้ยเคียงข้าง แต่ก็อยากให้นางเป็นผู้เลือก“อย่างที่หม่อมฉันบอกคงกลับไปหาท่านพ่อและเมาเมา อยู่กับพวกเขาทำให้หม่อมฉันสงบใจไม่คิดเรื่องครอบครัวที่จากไปได้บ้าง” หยางซวี่เหวินอยากเอ่ยถามว่าเช่นนั้นไปอยู่กับข้าดีหรือไม่แต่ก็ไม่กล้า แม้จะอยากปล่อยนางไปแต่อีกใจก็อยากเก็บนางเอาไว้ข้างกายทางด้านหมิ่งหุ้ยที่เห็นบุรุษตรงหน้าไม่ได้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ใด ๆ ก็คิดว่าเขาคงมองเรื่องระหว่างเขากับนางว่าเป็นไปไม่ได้ “บางทีนี่อาจจะเป็นบาปกรรมของหม่อมฉันด้วยที่ทำให้ต้องเดียวดายตลอดไป” นา

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่28

    บทที่ 28กริ๊ก!เสียงตลับยาสีเงินใบเล็กเปิดออก นางพกมันซ่อนเอาไว้ในถุงหอม ตลับยาหล่นลงบนพื้นเมื่อนางเทของที่อยู่ในถุงหอมออกมา หมิ่งหุ้ยยกยิ้มเย็น นางบรรจงเปิดตลับยานั่น ภายในมีผงสีขาว นอกจากจะเก็บสมุนไพรมารักษาบาดแผลและหากเหลือจะให้ท่านพ่อจางหลงนำไปขายแล้ว สิ่งที่นางตามหาอีกอย่างคือ หญ้าเถา เดิมชาวบ้านจะนำมาบดหยาบแล้วจุ่มลงแม่น้ำเพื่อเบื่อปลา ทำให้ปลาในแม่น้ำหายใจไม่ออกและว่ายขึ้นเหนือน้ำ และแน่นอนว่าหากนำไปบดเป็นผงก็ยังสามารถใช้เบื่อหนูและสัตว์อื่น ๆ ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์ นางผสมตลับหนึ่งไว้ช่วยชีวิตคน อีกตลับเอาไว้… วันนี้นางค่อย ๆ บรรจงเทผงสีขาวลงในปากของซ่งอี้หลินอย่างใจเย็น ทำราวกับกำลังดื่มด่ำชาเลิศรส ชานั่นมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ มันมีชื่อเรียกว่า การแก้แค้นอันหอมหวาน“นี่ใ

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่27

    บทที่ 27ในที่สุดก็ถึงวันที่ประหารไท่จื่อเฟย องค์รัชทายาทไม่ได้รู้สึกกับนางดั่งเช่นคนรัก ที่จริงพระองค์ออกจะรังเกียจนางเสียด้วยซ้ำตำหนักบูรพาถึงจะไม่เล็กแต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดที่องค์รัชทายาทจะมิรู้ว่าพระชายาของตนกระทำการน่ารังเกียจ แต่เพราะยังเยาว์วัยนักจึงไม่รู้ว่าเรื่องนี้ควรจัดการเช่นไรสุดท้ายก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ แล้วหวังว่าวันหนึ่งจะจัดการกับนาง ในวันที่ตัวเขานั้นมีอำนาจมากพอมินึกว่าจะมีคนจัดการเรื่องนี้ให้ ทั้งยังกระทำชัดเจนจนฉีกหน้ากากนางออกได้“เสด็จอามาจัดการนางหรือพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อน้อยรีบวิ่งไปหาเสด็จอาของตน ผู้ที่มาช่วยปลดเปลื้องความอัปยศของเขา หยางซวี่เหวินพยักหน้าให้หลานชายคนเดียว

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่26

    บทที่ 26“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ให้ประกาศออกไป เราเชื่อว่าอาจจะยังมีคนที่ต้องเดือนร้อนเพราะตระกูลซ่งอีกมาก ที่จริงความผิดที่พวกเขากระทำ ณ ตอนนี้ก็เพียงพอที่จะสั่งประหารทั้งตระกูลแล้ว แต่การใช้อำนาจอย่างที่มิถูกมิควรนั้นอาจจะสร้างปัญหาได้ คนมิได้ทำผิดมิควรถูกลงโทษดั่งเช่นของตระกูลหมิ่ง เราจะสั่งให้สืบสวนเรื่องราวของเจ้าใหม่หากยืนยันได้ว่าไม่ผิดเราจะขุดหลุมสร้างสุสานให้ใหม่ คืนฐานะให้กับเจ้า”ฮ่องเต้ประกาศออกมาเช่นนั้น หากสั่งลงโทษทั้งตระกูล แน่นอนว่าสตรีที่พระองค์รักจะต้องถูกลงโทษด้วย นางผิดที่หลับหูหลับตาเชื่อคำของหลานสาว แต่ในเรื่องอื่นเป็นพี่ชายของนางที่มักใหญ่ใฝ่สูงเสียเอง ทั้ง ๆ ที่อำนาจที่มือในมือก็มากมายแล้ว แต่ก็ยังอยากได้เพิ่ม คนเรามิรู้จักพอเสียจริง ส่วนซ่งอี้หลิน ฮ่องเต้ถึงกับส่ายพระพักตร์ นางกล้าสวมหมวกเขียวให้โอรสเขา “เสด็จพี่ข้าขอเป็นคนสืบสวนเองจะได้หรือไม่&rdq

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่25

    บทที่ 25หยงอิ่งจงเห็นสายตาของท่านอ๋องหยางซวี่เหวินที่มองมาที่เขาด้วยความไม่พอใจและรังเกียจ เห็นสายตาของใต้เท้าซ่งหม่าที่มองราวกับจะฆ่าเขา และยังขุนนางที่มองเขาราวจะตัดสินความผิด ทั้ง ๆ ที่เขาถูกจับตัวมาโดยมิรู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไร แต่เมื่อเห็นท่านอ๋องหยางซวี่เหวินยังคงมีชีวิตอยู่ก็คงเป็นเรื่องนักฆ่าที่ส่งไปฝีมือไม่ได้เรื่องนั่นกระมังเขาคิดถูกจริง ๆ ที่หลายวันก่อนหลังจากนักฆ่าไม่กลับมาก็เร่งไปหาไท่จื่อเฟยเพื่อให้นางช่วยเหลือ เนื่องจากช่วงนี้มีปัญหาเกี่ยวกับการโดนกวาดล้างเขาเองทำเป็นบอกว่าเรื่องเดียวที่เขาทำผิดก็เรื่องที่ฆ่าตระกูลหมิ่งเพื่อพระนางที่เขาพยายามห้ามใจแล้วไม่ให้รักอย่างนาง ยอมลงมือกับหมิ่งหุ้ยเพื่อได้อยู่กับพระนาง และไท่จื่อเฟยก็เชื่อเขา“เป็นอะไรไป” ซ่งอี้หลินเอ่ยถามคนรักเมื่อเขาแอบบุกเข้ามาหานาง ทั้ง ๆ ที่ตำหนักบูรพาถูกคุ้มกันแน่นหนา เขาฝ่าอันตรายเข้ามาด้วยความคะนึงห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status