Share

บทที่4

last update Last Updated: 2025-02-01 17:44:59

บทที่ 4

“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ”

เมาเมาเขย่าร่างเจ้านายของตนอยู่นาน นางปีนลงมาในหลุมมรณะอย่างไร้ความเกรงกลัว

ก่อนมาถึงประตูจวนคุณหนูของนางนึกขึ้นได้ว่าลืมห่อผ้าที่จะตัดชุดใหม่ให้คุณชายหยงใส่หน้าหนาวที่จะถึงนี้ จึงวานให้นางกลับไปเอา เพราะคาดว่าคงหลงลืมวางเอาไว้ที่ร้านตัดชุด เมื่อเมาเมากลับมาพบว่าหน้าจวนสกุลหมิ่งมีทหารหลายคนไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ นางเห็นท่าไม่ดีจึงหลบฉากไปดูลาดเลา นางได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณหนูของตนชัดเจน แต่สัญชาตญาณบางอย่างสั่งให้นางนั่งแอบซ่อนตัวอยู่ข้างกำแพงจวน เมาเมาเฝ้ารอจนเสียงทั้งหมดเงียบลง และคนกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้นทั้งหมดกลับไปแล้ว นางรอจนแน่ใจจึงค่อย ๆ คลานเคลื่อนตัวผ่านทางประตูสุนัขลอดเพราะเกรงว่าหากเข้าทางด้านหน้าจะเกิดเรื่องราวที่คาดไม่ถึง แม้นางจะรอจนมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือผู้ใดอยู่ในจวนแล้วก็ตาม

กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนแทบจะสำรอกออกมา ร่างบางถึงกับน้ำตาร่วงเมื่อเดินมาถึงหลุมแปลกตาที่ไม่เคยมีในจวนสกุลหมิ่งมาก่อน นางตะเกียกตะกายปีนลงหลุมมา ควานหาผู้รอดชีวิต ขอแค่มีใครสักคนรอด แม้ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากสาเหตุใด

“สวรรค์โปรดเมตตาคนสกุลหมิ่งด้วยเถิด” เมาเมาพร่ำทั้งน้ำตา ยิ่งเห็นสภาพศพคุณชายน้อยวัยห้าปี นางถึงกับกลั้นอาเจียนเอาไว้ไม่ไหว

“คุณหนู” ยังมีลมหายใจ นางเขย่าร่างเกือบจะไร้ลมหายใจนั่นสุดแรง หวังให้เจ้านายของตนลืมตาตื่น

แต่หมิ่งหุ้ยนนั้นได้ก้าวขาข้างหนึ่งไปเยือนประตูยมโลกแล้ว

เมื่อเรียกแล้วไม่สำเร็จ แต่ตราบใดยังมีความหวัง เมาเมาไม่รอช้าเร่งปีนขึ้นมาจากหลุม สภาพของนางไม่ต่างจากศพที่ขึ้นมาจากหลุม เสื้อตัวนอกแดงฉาน

นางรีบวิ่งไปยังทางเดิมที่เข้ามา วิ่งสุดกำลังอย่างไม่คิดชีวิต แม้จะเหนื่อยจนหอบ ลมหายใจขาดห้วงเป็นพัก ๆ แต่สองเท้าไม่คิดจะหยุด หากนางหยุดหมายถึงชีวิตของคุณหนูของนาง

เสียงรถเข็นผักดังในความมืด บนรถนั้นมีผักเน่าจากตลาดและฟางเน่ากองใหญ่ กลิ่นผักเน่าคละคลุ้งแต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจ เพราะขอทานที่อาศัยอยู่ตรอกหลังตลาดทำเยี่ยงนี้เป็นประจำทุกวัน คือรอจนแม่ค้าพ่อค้าในตลาดเก็บร้าน ก็จะเข็นรถเข็นไม้เก่า ๆ ไปวนเก็บผักที่ถูกทิ้งเพื่อมาแบ่งปันกัน

ใต้กองฟางนั่นมีร่างของสตรีนางหนึ่งที่กำลังหายใจรวยรินไร้ซึ่งสติ ไม่ตายก็เหมือนตาย

“ไวหน่อยได้หรือไม่” เมาเมาส่งเสียงเร่งคนเข็นอย่างร้อนใจ

“ไวกว่านี้ไม่ได้แม่นางเมา ประเดี๋ยวคนอื่นจะผิดสังเกต”

“แต่คุณหนู” นางกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ไม่กล้าเอ่ยคำใดออกไป เกรงว่าจะเป็นการแช่งเจ้านายของตน นางวิ่งสุดชีวิตมาขอความช่วยเหลือจากกลุ่มขอทานที่คุณหนูเมตตาดูแลอยู่

“วางใจเถิด ตอนนี้ท่านหมอคงรออยู่แล้ว สวรรค์ไม่มีทางทอดทิ้งคนดี”

ขอทานหนุ่มแม้จะเอ่ยเช่นนั้นออกไป แต่ภายในใจก็หวั่นไม่น้อย สภาพคุณหนูหมิ่งที่เขาปีนลงหลุมไปแบกขึ้นมา หากไม่สังเกตดี ๆ ไม่ต่างจากศพอื่น ๆ ที่อยู่ในหลุมนั่นเลย ตอนที่แม่นางเมากระหืดกระหอบมาหาพวกเขากลางดึก พวกเขาก็ตกใจแล้ว แต่พอนางร้องบอกคุณหนูกำลังจะตายแล้ว `ช่วยด้วย ช่วยคุณหนูข้าด้วย`

พวกเขาก็ทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งออกมาเลย แม้ในตอนแรกจะแปลกใจที่แม่นางเมาเมาสั่งให้เอารถเข็นมาด้วย แต่เมื่อเห็นสภาพของคุณหนูหมิ่ง และสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจวนสกุลหมิ่งแล้วก็ต้องแทบหยุดหายใจ

ประตูจวนสกลุหมิ่งปิดตายตั้งแต่วันนั้น ไม่มีป้ายประกาศใด มีเพียงความเงียบงัน แม้ชาวบ้านร้านตลาดจะอยากรู้ว่า หลายวันที่ผ่านมา หลังจากเสียงดังที่ดังมาจากด้านในจวน และหลังจากทหารวังหลวงกลับไปแล้วเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ พวกเขารอบ่าวรับใช้ในจวนออกมาซื้อหาของใช้ประจำวัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดออกมา จนกระทั่งย่างวันที่ห้า กลิ่นเน่าเหม็นลอยตามลมออกมา

ไท่จื่อเฟยไม่แม้แต่จะสั่งให้กลบฝังหลุมนั่นด้วยซ้ำ พระนางอยากประกาศกลาย ๆ ให้ผู้คนเห็นสภาพคนที่คิดจะแข็งข้อกับพระนาง ไม่คิดแม้กระทั่งจะตรวจนับว่ามีร่างหนึ่งได้หายไปจากหลุมมรณะนั่น

เมื่อกลิ่นเหม็นส่งกลิ่นจนทนไม่ไหว วันต่อมาก็มีฝูงแร้งบินวนรอบจวนสกุลหมิ่ง หลังจากนั้นจึงมีป้ายติดประกาศถึงความผิดที่คุณสกุลหมิ่งก่อ กว่าจะลำเลียงซากศพออกมาเพื่อขนย้ายไปสุสานก็แทบแยกไม่ออกแล้วว่าศพใดเป็นศพใด

`คุณหนูใหญ่สกุลหมิ่ง จิตใจคับแคบหึงหวงองครักษ์หนุ่มที่ทำหน้าที่อารักขาเชื้อพระวงค์เป็นอย่างดี แต่นางกลับแยกแยะไม่ออกว่า ชายหนุ่มทำหน้าที่สำคัญต่อราชสำนัก นางทำการอุกอาจวางยาไท่จื่อเฟย

กรมวังตรวจสอบ หมิ่งหุ้ยมีความผิดจริงตามหลักฐานที่ตรวจสอบและคำรับสารภาพลงลายมือชื่อของหมิ่งฮูหยินว่าเป็นผู้จัดหายาพิษมาให้บุตรสาว กรมวังจึงตัดสินประหารเจ็ดชั่วโคตรไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง`

เมาเมาที่ปลอมเป็นสาวชาวบ้านออกมาซื้อยาตามที่หมอสั่ง อ่านป้ายประกาศทั้งน้ำตา

คุณหนูของนางไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้น

ในตอนที่นางอายุสิบห้า นางและครอบครัวนำสมุนไพรเข้ามาขายในเมืองหลวง มารดาของนางเกิดล้มป่วยหนักจนเสียชีวิต นางและบิดาไม่มีแม้กระทั่งเงินที่จะทำศพ จึงนั่งกอดศพของมารดาอยู่หน้าตลาด ใครเดินผ่านไปมาก็หันหน้าหนี ไม่แม้แต่จะหยุดมอง เป็นคุณหนูที่เข้ามาถามและช่วยเงินค่าทำศพ

เมาเมาประทับใจในความเมตตาของเด็กน้อยที่อายุน้อยกว่านางหลายปีนัก จึงขายตัวเป็นบ่าวรับใช้ แล้วคนมีจิตใจดีงามเยี่ยงนั้นนะหรือจะวางยาไท่จื่อเฟย หึงหวงอันใดกัน คุณหนูของนางและคุณชายหยงก็ดูออกจะรักกันดี

“ความจริงเพียงกึ่งเดียวเท่านั้น”

เมาเมานำความในป้ายประกาศมาเล่าให้เหล่าขอทานฟัง ไม่คิดว่าคุณหนูของนางจะลืมตาตื่นขึ้นมาได้ยินเข้าพอดี นางดึงผ้าห่มเก่า ๆ ขึ้นคลุมร่างซีดเซียวที่นอนนิ่งไม่ไหวติ่งอยู่บนเศษกองฟาง

“ข้าไม่เชื่อ ข้าอยู่กับคุณหนูตลอด ท่านจะไปวางยาไท่จื่อเฟยได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้”

ริมฝีปากไร้สีเลือดเอ่ยอย่างยากลำบาก

“หากข้าบอกว่าไม่ได้ทำเจ้าจะเชื่อหรือไม่”

“เชื่อเจ้าค่ะ” เมาเมาตอบเสียงหนักแน่น

“เจ้าเชื่อข้า แต่อิ่งจงกลับไม่เชื่อข้า”

หมิ่งหุ้ยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนองเลือดที่จวนสกุลหมิ่งอย่างยากลำบาก แต่นางอยากระบายความใจในและเรื่องเน่าเหม็นที่คนรักของนางกับไท่จื่อเฟยผู้สูงศักดิ์ทำกับตระกูลหมิ่ง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความแค้น

“เพ่ย มารดามันเถอะ ไม่นึกเลยว่าคุณชายหยงจะเลวถึงเพียงนี้” เมาเมาหลุดสบถคำหยาบออกมาอย่างอดไม่ได้ หากไม่ได้ด่าคนเลวชาติชั่วนั่นนางคงอึดอัดมิใช่น้อย

“มีประกาศออกมาเช่นนี้ แล้วมีรูปข้าหรือไม่”

เมาเมาส่ายหัว มีเพียงป้ายประกาศความผิดของสกุลหมิ่ง ไม่มีรูปผู้ใดคงคิดว่าคนสกุลหมิ่งตายตกตามกันไปหมดแล้ว

“เจ้านำของทั้งหมดของข้าไปขาย เราคงอยู่ในเมืองหลวงไม่ได้แล้ว”

เมาเมาพยักหน้ารับ นางรีบไปคว้าห่อผ้าที่รวบรวมเครื่องประดับของคุณหนูที่ใส่ติดตัวทั้งหมดมาแนบอก

“แล้วเราจะหนีไปที่ใดกันดีเจ้าค่ะ”

“ยังไม่รู้ ไปตายเอาดาบหน้า หากยังมีทางข้าจะไป แล้วสักวันข้าจะหวนกลับมาเอาคืนพวกมัน ไม่ว่าต้องใช้วิธีใดก็ตาม”

หมิ่งหุ้ยตอบตามความจริงตัวนางเองก็ยังมิรู้ว่าจะแก้แค้นชายชั่วหญิงเลวนั่นได้อย่างไร แต่หากยังรั้งอยู่เมืองหลวง ไม่เป็นการดีต่อนางแน่ วันนี้ยังคิดไม่ออก พรุ่งนี้ก็คงคิดออก แก้แค้นสิบปียังไม่สาย ที่สำคัญคือนางจะต้องรักษาชีวิตของตนให้ถึงวันนั้นให้ได้

“ชุดของข้าแม้จะเปื้อนเลือดและขาดวิ่นบางส่วนแต่หากซักและเอาไปขายคงได้ราคาไม่น้อย หลังจากนี้ข้าต้องพึ่งเจ้าแล้ว” แม้ชุดที่ใส่ติดตัวมาจะมีตำหนิแต่หากยังสามารถแลกเป็นเงินได้ เท่าไรนางก็เอา จากนี้ไปใส่ชุดที่พวกขอทานหามาให้ก็เพียงพอแล้ว

“ข้ายินดี ต่อให้ต้องแบกคุณหนูเดิน ข้าก็จะทำ”

หมิ่งหุ้ยยิ้มทั้งน้ำตา ในวันที่นางสูญสิ้นทุกสิ่งอย่างยังมีมิตรแท้ ไม่ว่าจะเป็นเมาเมาที่มีไหวพริบในสถานการณ์ยามคับขันและจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มขอทานที่นางแบ่งเงินรายเดือนส่วนตัวมาช่วยเหลือจุนเจือก็ช่วยเหลือนางโดยไม่ถามสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น อีกทั้งยังตามหมอยามารักษานางจนพ้นจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่5

    บทที่ 5เมาเมาประะคองคุณหนูของตนปะปนฝูงชนที่กำลังเดินทางออกนอกประตูเมืองหลวง เนื่องจากใกล้เวลาปิดประตูแล้ว อีกทั้งผู้คนก็พลุกพล่านทำให้ทหารเวรยามหน้าประตูไม่สนใจขอทานสองคนที่เดินผ่านประตูออกนอกเมือง ดีแล้ว เมืองหลวงจะได้ลดคนชั้นต่ำเช่นนี้ลงได้อีกสองคน ทหารยามคนหนึ่งปรายตามองสตรีสองนางที่เดินผ่านหน้าของตนโดยไม่ขอตรวจเอกสารด้วยซ้ำ นางทั้งสองแต่งตัวมอซอ เนื้อตัวสกปรก เขาไม่อยากแม้แต่จะเฉียดใกล้พวกนางด้วยซ้ำแม้จะปวดบาดแผลที่ยังไม่หายดี หมิ่งหุ้ยก็กัดฟันก้าวเดินไปข้างหน้า ใบหน้าซีกซ้ายของนางเขียวช้ำจนใบหน้าบวมปูด คงจะถูกปลายแส้จากฝีมือหยงอิ่งจง แต่เมื่อใดนั้นนางจำไม่ได้แล้ว แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่แย่ หมิ่งหุ้ยมองว่ามันคือข้อดีเพราะนั่นทำให้คนที่รู้จักคุ้นเคยคุณหนูตระกูลหมิ่งจำนางในตอนนี้ไม่ได้&ldqu

    Last Updated : 2025-02-05
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่6

    บทที่ 6“ท่านพ่อ ข้าเข้าป่าไปเก็บสมุนไพรก่อนนะ”“อย่าเพลินจนกลับค่ำนักล่ะ พอเริ่มโพล้เพล้ก็เก็บของกลับบ้านได้แล้ว หุบเขาแห่งนี้จะมีแค่พวกเรา แต่พอตะวันตกดินสัตว์ป่าก็ออกหากิน แม้เจ้าจะคุ้นชินป่าบริเวณนี้ แต่อย่างไรก็ยังอันตรายอยู่ดี” “เจ้าค่ะ”เหยาเหยาส่งเสียงตอบรับหนักแน่น สองมือคว้ามีดอันเล็กพร้อมด้วยตะกร้าเพื่อใส่สมุนไพรกลับ หวังว่าวันนี้คงเจอสมุนไพรดี ๆ เอาไว้ให้ท่านพ่อเอาไปขายที่หมู่บ้านด้านนอกหุบเขา แม้จะได้ราคาไม่สูงเท่าไปขายในเมืองหลวง แต่เหยาเหยาคิดว่าทำเช่นนี้ปลอดภัยสำหรับตัวนางและครอบครัวสกุลจางในยามนี้มากที่สุด“เย็นนี้มีไก่ตุ๋น กลับช้าข้าจะเหลือแต่กระดูกไก่ไว้ให้เจ้า”เสียงใส ๆ ตะโกนออกมากจาก

    Last Updated : 2025-02-08
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่7

    บทที่ 7“คุณชาย คุณชาย ท่านได้ยินข้าหรือไม่”เหยาเหยาใช้ฝ่ามือตบใบหน้าหยกที่มองนางตาลอยราวกับคนสติหลุด นางกลัวว่าเขาจะเสียเลือดจนสลบไปอีกครั้ง นางเดินลัดเลาะหาสมุนไพรเฉกเช่นทุกวัน แต่วันนี้นางเดินกลับมาตรงบริเวณที่พบดงเห็ด หวังจะเอาไปใส่ไก่ตุ๋นของเมาเมา อาหารเย็นมื้อนี้คงจะอร่อยขึ้นอีกมากโข คาดไม่ถึงว่าจะพบชายหนุ่มนอนจมกองเลือดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เหยาเหยาถลาลงจากเนินมาแบบไม่คิดตรึกตรองด้วยซ้ำว่าบุรุษที่บาดเจ็บผู้นี้นั้นบาดเจ็บด้วยจากสาเหตุใด นางเคยเฉียดความตายมาก่อน พอเห็นแบบนี้ร่างกายจึงไปก่อนความคิด“แม่นาง เจ้าเป็นเทพธิดาหรือ” หยางซวี่เหวินเอ่ยถามสิ่งที่คิดเสียงแหบพร่าฝ่ามือบางถึงกับชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง หรือบุรุษผู้นี้จะเสียเล

    Last Updated : 2025-02-08
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่8

    บทที่ 8เหยาเหยาตื่นมาแต่เช้า นางเปิดตลับยาสมุนไพรที่ปรุงเอาไว้ทายาไปตามร่างกายที่มีรอยแผลของตนเอง ตัวยาหลักคือหัวหอมและใบบัวบก ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา นางยังคงต้องทายาและดื่มยาสมุนไพรบ้างในบางวัน แม้ทุกอย่างจะดูดีขึ้นหมดแล้ว รอยแผลก็จางจนแทบมองไม่เห็น แต่หากมองดี ๆ ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง บางรอยหากสัมผัสที่แผลโดยตรงก็ยังรู้สึกถึงรอยที่นู้นจากผิวขึ้นมาชัดเจนเมื่อจัดการตนเองเรียบร้อยเหยาเหยาก็เดินไปหาคนเจ็บที่หมดสติอยู่เมื่อคืน แต่กลับต้องตกใจ เพราะยามนี้บุรุษผู้นั้นลุกขึ้นนั่งมองตรงมายังนางด้วยดวงตากลมและแทบไม่กะพริบเลยแม้แต่นิด“ได้สติแล้วหรือ เมื่อวานระหว่างที่ข้าเดินหาสมุนไพรอยู่ในป่าไปพบเจอกับท่านที่นอนจมกองเลือดอยู่จึงพากลับมาที่นี่เพื่อรักษาตัว” เหยาเหยารีบเอ่ยก่อนที่คนที่จ้องนางอยู่จะเอ่ยถามด้วยซ้ำ

    Last Updated : 2025-02-09
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่9

    บทที่ 9เหยาเหยาดูแลอ๋องหยางซวี่เหวินอย่างดีที่สุด บาดแผลของอ๋องหนุ่มหนักแค่บางจุดเท่านั้น“เจ้าเป็นหมอหรือ” เสียงของชายหนุ่มที่เอาแต่มองนางเอ่ยถามอย่างสงสัย “มารดาของข้าสอนมา” เหยาเหยาไม่ได้โกหกมันคือเรื่องจริง และเพียงแค่นึกถึงเรื่องนี้ดวงตาของนางก็คลายจะมีประกายแห่งความแค้นปะทุออกมา แม้แต่คนที่ลอบมองอยู่ตลอดอย่างหยางซวี่เหวินก็ยังนึกสงสัยไม่ได้“แล้วนางไม่ไหนหรือข้าไม่เห็นอยู่ที่นี่” อ๋องหนุ่มแอบถามแม้จะพอเดาคำตอบได้อยู่แล้วเนื่องจากตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาก็พบแค่ท่านลุงจางและสตรีอีกนางที่เป็นพี่สาวของนาง นามว่า เมาเมา“ไม่อยู่แล้วเจ้าคะ”“เจ้าคงรักนางมาก”

    Last Updated : 2025-02-10
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่10

    บทที่ 10หลังจากผ่านไปอีกเพียงไม่กี่วันร่างกายของหยางซวี่เหวินก็เป็นปกติทุกอย่าง ชายหนุ่มอยากจะกรนด่าตนเองที่มีร่างการที่สมบูรณ์แข็งแรงเช่นนี้ อ่อนแอสักหน่อยก็มิได้ ร่างสูงใหญ่เดินวนไปเวียนมาราวกับหนูติดจั่นภายในกระโจมใหญ่ คณะเดินทางของเขาพอรวมตัวแล้วก็มีอยู่มิไม่ใช่น้อย หากจะพักในบ้านหลังเล็กในหุบเขาแล้วคงจะไม่เพียงพอ เขาจึงสั่งให้คนตั้งกระโจม หลังจากรักษาบาดแผลจนหายสนิท แต่เขาก็ยังรั้งจะอยู่ที่แห่งนี้ แสร้งทำเป็นยังไม่หายดี เพื่อยือเวลาออกไปเรื่อย ๆ แม่นางเหยาเหยานางก็แสนดี ดูแลบาดแผลเขาอย่างไม่รังเกียจ แม้นางจะรู้ว่าเขาหายแล้ว “จะป่วยให้นานกว่านี้ก็ไม่ได้” หยางซวี่เหวินก่นด่าตนเอง เขาไม่มีข้ออ้างว่าปวดส่วนใดอีกแล้วเหยาเหยาที่นำมาเช็ดหน้าในตอนเช้ามาให้ถึงกลับแอบหัวเราะอยู่ที่หลังเ

    Last Updated : 2025-02-11
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่11

    บทที่ 11เรื่องราวที่ได้รับรู้จากเหยาเหยาทำให้หยางซวี่เหวินรู้สึกหนักใจ เขากับตระกูลของไท่จื่อเฟ่ยนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน และอีกฝ่ายคงคิดว่าเขาเป็นไม้ใหญ่ที่แข็งแรงอยู่แล้ว ยามที่ตระกูลซ่งและฐานะของรัชทายาทยังไม่มั่นคงพอที่จะมาต่อกรกับเขาก็คงไม่มาหาเรื่องให้ตัวเองเสียไพร่พลเล่น ๆ หรอกแต่กลับหาเรื่องคนธรรมดาอย่างตระกูลหมิ่ง น่าสงสารหุ้ยเอ๋อร์ นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ต้องพบเจอเรื่องราวหนักขนาดนี้จะทนได้อย่างไรมิหนำซ้ำเรื่องราวยังเกิดเพราะองครักษ์ไร้ชื่อคนหนึ่งอีก จะบอกว่าใหญ่โตหรืออยู่ตำหนักไหนเขาก็ไม่สนทั้งนั้น เพราะขนาดราชองครักษ์ประจำตัวเสด็จพี่ยังแพ้เขา แพ้มู่เฉิงเลย เช่นนั้นแล้วต่อให้เป็นหัวหน้าราชองครักษ์ประจำตำหนักบูรพาหรือไม่ใช่สำหรับหยางซวี่เหวินคนผู้นั้นก็เป็นเพียงองครักษ์ไร้ชื่อเสียง สอบจอหงวนได้งั้นหรือ ดูท่าปีนั้นคนมีฝีมือคงไม่ได้เข้าสอบถึงได้มีเดนมนุษย์สอบได้ตำแห

    Last Updated : 2025-02-12
  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่12

    บทที่ 12 สองร่างเปลือยเปล่าอยู่บนตั่งเตียง วงแขนแกร่งโอบกอดร่างบางเอาไว้แน่น จุมพิตลงบนหัวไหล่ที่มีรอยแผลจาง ๆ อย่างทะนุถนอม“ยังเจ็บอยู่หรือไม่”“ไม่เจ็บแล้วเพคะ”ริมฝีปากหนาไล่จุมพิตเลื่อนลงไปเรื่อยอย่างแผ่วเบา ยิ่งได้ก่ายกอดนางเอาไว้เช่นนี้ เขายิ่งหวงแหนนางเหลือเกินไม่อยากให้นางได้กลับเมืองหลวงไปเจอชายคนรักของนาง ภายในใจเขาหวาดหวั่น หากคนที่นางเลือกไม่ใช่เขาจะทำเยี่ยงใดหุ้ยเอ๋อร์ ข้าจะทำทุกอย่างให้เจ้าอยู่เคียงข้าตลอดไปหยางซวี่เหวินจุมพิตลงแผ่นหลังบอบบางอย่างแสนรัก แม้จะมีรอยนูนและมีสีน้ำตาลปรากฏจาง จากรอยแผลเป็นที่ยังไม่หายดี อ๋องหนุ่มกลับไม่นึกรังเกียจเลยสักนิด

    Last Updated : 2025-02-13

Latest chapter

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่33

    บทที่ 33ตำหนักบูรพาในวันนี้ไม่เหมือนวันเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของตำหนักก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม“ไท่จื่อ ฮองเฮาส่งเทียบของคุณหนูตระกูลต่าง ๆ มาให้อีกแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อที่เคยถูกหลอกเมื่อก่อน ตอนนี้โตเป็นชายหนุ่มร่างกำยำ เขาฝึกยุทธ์เหมือนเสด็จอาของเขา และยังคิดทำอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนเสด็จอาของตนด้วยที่เห็นกันชัด ๆ ก็คงเป็นเรื่องพระชายา เพราะครั้งหนึ่งเคยได้แต่งไปกับคนที่มีนิสัยเช่นซ่งอี้หลิน จึงทำให้มีปัญหาเรื่องความไว้ใจสตรีหากพูดคุยแล้วพึงใจแต่ดันไปทำอะไรให้พระองค์ตะขิดตะขวงใจแม้เพียงนิด ความพึงพอใจที่ผ่านมาอาจจะกลายเป็นศูนย์ไปเลยก็เป็นได้“แต่ว่า...”“เจ้าไม่ต้องมาพูดม

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่32

    บทที่ 32ในทุก ๆ ปี ท่านอ๋องหยางซวี่เหวินและพระชายาร่วมถึงบรรดาพระโอรสและพระธิดาจะเสด็จมาเมืองหลวงเป็นประจำทุกปีนั่นก็เพราะพระชายาจะพาหลาน ๆ มาเคารพสุสานบรรพชนและก็ไม่ลืมที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนฮ่องเต้และฮองเฮา รวมถึงองค์รัชทายาทที่ยามนี้โตเป็นชายหนุ่มแล้ว“ทำไมที่นี่ถึงไม่มีคนอยู่หรือเสด็จแม่” พระโอรสคนที่สี่ซึ่งเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็นเอ่ยถามขึ้นเมื่อเขาได้มาที่นี่เป็นปีที่สองแล้ว ตอนนี้เจ้าตัวอายุได้ สี่ชันษาจึงกำลังพูดมากพอสมควร“เสด็จแม่ลูกอธิบายน้องเองพ่ะย่ะค่ะ” ทั้ง ๆ ที่หมิ่งหุ้ยอยากจะเลี้ยงพระโอรสและพระธิดาทุกคนอย่างคนธรรมดาสามัญแต่เพราะศักดินาที่มี อย่างไรหนึ่งในทั้งหมดนี่ก็ต้องดูแลที่ดินและชาวบ้านแถว ๆ นั้น จึงทำให้สุดท้ายทุกคนจึงเป็นท่านหญิงและท่านชายที่น่าเคาร

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่31

    บทที่ 31“เป็นข่าวดีพ่ะย่ะค่ะ พระชายาของท่านอ๋องทรงพระครรภ์แล้ว” หลังจากเงียบเชียบนานนับปี ในที่สุดก็มีข่าวดีจากทั้งสอง“ท่านอ๋องเป็นอะไรเพคะ” หยางซวี่เหวินได้ฟังก็ตื้นตันจนร้องไห้ เรื่องนี้ทำให้มู่เฉิงที่เป็นราชองครักษ์ข้างกายตกใจมากจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเย้า “กระหม่อมคงต้องนำเรื่องนี้ไปบอกกับทุกคนแล้ว”หยางซวี่เหวินคิดว่ามู่เฉิงหมายถึงเรื่องข่าวการตั้งครรภ์ แต่เปล่า เจ้าตัวกลับส่งข่าวให้ทุกคนว่าเขาร้องไห้เพราะรู้ว่าพระชายาของตนตั้งครรภ์ “มู่เฉิงหากไม่ใช่เจ้าข้าจะสั่งโบยให้ดู” แม้จะโดนขู่เช่นนั้นแต่มู่เฉิงก็มิได้สะทกสะท้าน นั่นก็เพราะยามนี้ท่านอ๋องทรงประชวร“ทรงรักษาพระวรกายเถอะพ่ะย่ะค่ะ หายแล้วค่อยม

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่30

    บทที่ 30หลังจากงานมงคลหมิ่งหุ้ยก็ได้เข้าไปยกน้ำชาให้กับฮ่องเต้ ในวังเพราะเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของทั้งสองจากไปแล้ว พี่ชายอย่างฮ่องเต้จึงถือเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหมิ่งหุ้ยแต่งเข้าตระกูลหยางก็ต้องเคารพบรรพบุรุษ“อภัยให้กับอี้หลินด้วยนะหุ้ยเอ๋อร์” เสียงของฮองเฮาเอ่ยกับน้องสะใภ้ของตน“ข้าเองก็อโหสิกรรมให้นางแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องราวถึงได้” ฮ่องเต้หันไปประคองฮองเฮาเอาไว้“เรื่องมันแล้วไปแล้ว จะรื้อฟื้นก็คงจะทำไม่ได้ เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย แม้จะมีความสูญเสียแต่ก็มีเรื่องดี ๆ อย่างการที่เจ้าทั้งสองได้มาเจอกัน คนเป็นพี่อย่างข้าเห็นแล้วก็รู้สึกสบายใจที่ซวี่เหวินจะมีคนรักสักที เจ้ารู้ไหมหุ้ยเอ๋อร์ เขาไม่เคยมีคนรักมาก่อน&rd

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่29

    บทที่ 29“ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” หยางซวี่เหวินเอ่ยเช่นนั้นออกไปเพราะเขารู้ว่านางไม่ได้มีใจให้เขาจึงอยากให้นางเป็นอิสระ แม้ภายในใจต้องเจ็บปวดที่วันข้างหน้าจะไร้หมิ่งหุ้ยเคียงข้าง แต่ก็อยากให้นางเป็นผู้เลือก“อย่างที่หม่อมฉันบอกคงกลับไปหาท่านพ่อและเมาเมา อยู่กับพวกเขาทำให้หม่อมฉันสงบใจไม่คิดเรื่องครอบครัวที่จากไปได้บ้าง” หยางซวี่เหวินอยากเอ่ยถามว่าเช่นนั้นไปอยู่กับข้าดีหรือไม่แต่ก็ไม่กล้า แม้จะอยากปล่อยนางไปแต่อีกใจก็อยากเก็บนางเอาไว้ข้างกายทางด้านหมิ่งหุ้ยที่เห็นบุรุษตรงหน้าไม่ได้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ใด ๆ ก็คิดว่าเขาคงมองเรื่องระหว่างเขากับนางว่าเป็นไปไม่ได้ “บางทีนี่อาจจะเป็นบาปกรรมของหม่อมฉันด้วยที่ทำให้ต้องเดียวดายตลอดไป” นา

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่28

    บทที่ 28กริ๊ก!เสียงตลับยาสีเงินใบเล็กเปิดออก นางพกมันซ่อนเอาไว้ในถุงหอม ตลับยาหล่นลงบนพื้นเมื่อนางเทของที่อยู่ในถุงหอมออกมา หมิ่งหุ้ยยกยิ้มเย็น นางบรรจงเปิดตลับยานั่น ภายในมีผงสีขาว นอกจากจะเก็บสมุนไพรมารักษาบาดแผลและหากเหลือจะให้ท่านพ่อจางหลงนำไปขายแล้ว สิ่งที่นางตามหาอีกอย่างคือ หญ้าเถา เดิมชาวบ้านจะนำมาบดหยาบแล้วจุ่มลงแม่น้ำเพื่อเบื่อปลา ทำให้ปลาในแม่น้ำหายใจไม่ออกและว่ายขึ้นเหนือน้ำ และแน่นอนว่าหากนำไปบดเป็นผงก็ยังสามารถใช้เบื่อหนูและสัตว์อื่น ๆ ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์ นางผสมตลับหนึ่งไว้ช่วยชีวิตคน อีกตลับเอาไว้… วันนี้นางค่อย ๆ บรรจงเทผงสีขาวลงในปากของซ่งอี้หลินอย่างใจเย็น ทำราวกับกำลังดื่มด่ำชาเลิศรส ชานั่นมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ มันมีชื่อเรียกว่า การแก้แค้นอันหอมหวาน“นี่ใ

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่27

    บทที่ 27ในที่สุดก็ถึงวันที่ประหารไท่จื่อเฟย องค์รัชทายาทไม่ได้รู้สึกกับนางดั่งเช่นคนรัก ที่จริงพระองค์ออกจะรังเกียจนางเสียด้วยซ้ำตำหนักบูรพาถึงจะไม่เล็กแต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดที่องค์รัชทายาทจะมิรู้ว่าพระชายาของตนกระทำการน่ารังเกียจ แต่เพราะยังเยาว์วัยนักจึงไม่รู้ว่าเรื่องนี้ควรจัดการเช่นไรสุดท้ายก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ แล้วหวังว่าวันหนึ่งจะจัดการกับนาง ในวันที่ตัวเขานั้นมีอำนาจมากพอมินึกว่าจะมีคนจัดการเรื่องนี้ให้ ทั้งยังกระทำชัดเจนจนฉีกหน้ากากนางออกได้“เสด็จอามาจัดการนางหรือพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อน้อยรีบวิ่งไปหาเสด็จอาของตน ผู้ที่มาช่วยปลดเปลื้องความอัปยศของเขา หยางซวี่เหวินพยักหน้าให้หลานชายคนเดียว

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่26

    บทที่ 26“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ให้ประกาศออกไป เราเชื่อว่าอาจจะยังมีคนที่ต้องเดือนร้อนเพราะตระกูลซ่งอีกมาก ที่จริงความผิดที่พวกเขากระทำ ณ ตอนนี้ก็เพียงพอที่จะสั่งประหารทั้งตระกูลแล้ว แต่การใช้อำนาจอย่างที่มิถูกมิควรนั้นอาจจะสร้างปัญหาได้ คนมิได้ทำผิดมิควรถูกลงโทษดั่งเช่นของตระกูลหมิ่ง เราจะสั่งให้สืบสวนเรื่องราวของเจ้าใหม่หากยืนยันได้ว่าไม่ผิดเราจะขุดหลุมสร้างสุสานให้ใหม่ คืนฐานะให้กับเจ้า”ฮ่องเต้ประกาศออกมาเช่นนั้น หากสั่งลงโทษทั้งตระกูล แน่นอนว่าสตรีที่พระองค์รักจะต้องถูกลงโทษด้วย นางผิดที่หลับหูหลับตาเชื่อคำของหลานสาว แต่ในเรื่องอื่นเป็นพี่ชายของนางที่มักใหญ่ใฝ่สูงเสียเอง ทั้ง ๆ ที่อำนาจที่มือในมือก็มากมายแล้ว แต่ก็ยังอยากได้เพิ่ม คนเรามิรู้จักพอเสียจริง ส่วนซ่งอี้หลิน ฮ่องเต้ถึงกับส่ายพระพักตร์ นางกล้าสวมหมวกเขียวให้โอรสเขา “เสด็จพี่ข้าขอเป็นคนสืบสวนเองจะได้หรือไม่&rdq

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่25

    บทที่ 25หยงอิ่งจงเห็นสายตาของท่านอ๋องหยางซวี่เหวินที่มองมาที่เขาด้วยความไม่พอใจและรังเกียจ เห็นสายตาของใต้เท้าซ่งหม่าที่มองราวกับจะฆ่าเขา และยังขุนนางที่มองเขาราวจะตัดสินความผิด ทั้ง ๆ ที่เขาถูกจับตัวมาโดยมิรู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไร แต่เมื่อเห็นท่านอ๋องหยางซวี่เหวินยังคงมีชีวิตอยู่ก็คงเป็นเรื่องนักฆ่าที่ส่งไปฝีมือไม่ได้เรื่องนั่นกระมังเขาคิดถูกจริง ๆ ที่หลายวันก่อนหลังจากนักฆ่าไม่กลับมาก็เร่งไปหาไท่จื่อเฟยเพื่อให้นางช่วยเหลือ เนื่องจากช่วงนี้มีปัญหาเกี่ยวกับการโดนกวาดล้างเขาเองทำเป็นบอกว่าเรื่องเดียวที่เขาทำผิดก็เรื่องที่ฆ่าตระกูลหมิ่งเพื่อพระนางที่เขาพยายามห้ามใจแล้วไม่ให้รักอย่างนาง ยอมลงมือกับหมิ่งหุ้ยเพื่อได้อยู่กับพระนาง และไท่จื่อเฟยก็เชื่อเขา“เป็นอะไรไป” ซ่งอี้หลินเอ่ยถามคนรักเมื่อเขาแอบบุกเข้ามาหานาง ทั้ง ๆ ที่ตำหนักบูรพาถูกคุ้มกันแน่นหนา เขาฝ่าอันตรายเข้ามาด้วยความคะนึงห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status