“คุณภูจะจ้างใบตองจริงๆ ใช่ไหมคะ” กัญญ์วราถามย้ำ
“อือ”
“จะจ้างนานไหม ต้องเซ็นสัญญาหรือเปล่าคะ”
“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอก เธออาจจะอยากไปหางานอื่นหลังเรียนจบแล้วก็ได้”
“แล้วถ้าใบตองทำงานด้วยแล้วรับจ้างคุณภูไปด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิ”
เมื่อตกลงกันได้แล้วกัญญ์วราก็เก็บของต่ออีกนิดหน่อยก็พอดีกับได้ยินเสียงเสี่ยสมานที่มาเรียกลูกน้องให้กลับเพราะได้เงินตามที่ตัวเองต้องการแล้ว
ภูเมฆาพากัญญ์วรามายังคอนโดมิเนียมของตนเองจากนั้นก็ช่วยกันเอาของลงจากรถโดยมีแม่บ้านประจำคอนโดและนิติกรที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์เข้ามาช่วย
“ของเยอะเลยนะครับคุณภู”
“ครับคุณวินัย”
“น้องสาวเหรอครับ” นิติการมองหน้ากัญญ์วราสลับกับภูเมฆาที่ดูคล้ายกันจนคิดว่าเป็นน้องสาวของชายหนุ่ม
“ครับ” เมื่อนิติกรเข้าใจอย่างนั้นภูเมฆาก็ไม่อยากอธิบายอะไรเพราะมันก็ดีกับเขาและกัญญ์วราถ้าคนอื่นจะคิดว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน
“คุณภูทำไมบอกเขาไปแบบนั้นล่ะคะ” กัญญ์วราถามเมื่อขึ้นมาถึงบนห้องแล้ว
“แล้วจะให้บอกว่าเป็นอะไรล่ะ”
“ก็เป็นลูกจ้าง เป็นแม่บ้านไงคะ”
“ถ้าผมบอกไปแบบนั้นแม่บ้านประจำที่นี่มาได้ยินก็คงไม่ค่อยชอบหน้าใบตองแน่ เพราะเหมือนผมข้ามหน้าข้ามตาเขาไปจ้างคนอื่น”
“ปกติคุณภูจ้างเขาเหรอคะ”
“ไม่หรอกผมชอบทำเองมากกว่า นานๆ ครั้งถึงจะจ้างเขา ผมไม่ค่อยชอบให้ใครวุ่นวายในห้องเท่าไหร่”
“แล้วทำไมถึงจ้างใบตองล่ะคะ”
“ก็เพราะเห็นว่าที่บ้านใบตองจัดเป็นระเบียบดี”
“แค่นั้นเหรอคะ”
“อือ เอาล่ะอย่าถามมากเลย ต่อไปนี้ก็ถือว่าเราเป็นพี่น้องอย่างที่คุณวินัยพูดนั่นแหละ ถ้าใครถามก็บอกไปตามนั้น”
“ค่ะคุณภู”
“ใบตองควรเรียกผมฉันว่าพี่ภู”
“ทำไมคะ เรียกคุณภูดูสุภาพกว่าเยอะ”
“แล้วใครเขาจะเชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน ผมไม่ใช่คนถือตัวอะไรนะ”
“ก็ได้ค่ะพี่ภู”
“ตามมาสิพี่จะพาไปดูห้อง”
ภูเมฆาเดินนำกัญญ์วรามายังห้องที่อยู่ริมประตูทางเข้าซึ่งเป็นห้องหนึ่งที่เขาไม่เคยให้ใครใช้มาก่อนด้านในจึงมีแค่เตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานเท่านั้น
“ห้องนี้เหรอคะ”
“อือ อยู่ได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“ใบตองทำความสะอาดห้องนี้ไปก่อนนะ เสร็จแล้วไปเรียกที่ห้องทำงานนะ พี่จะพาไปซื้อผ้าปูที่นอนกับของใช้”
“ห้องทำงานคือห้องไหนคะ”
“ห้องถัดไปนี่แหละ”
“ได้ค่ะ”
กัญญ์วราใช้เวลาทำความสะอาดและจัดของไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย หญิงสาวจึงมาเคาะห้องทำงานของภูเมฆา
“เสร็จแล้วค่ะ”
“ไวดีนี่ เดี๋ยวขอทำงานอีกนิด เหนื่อยไหม น้ำกับของกินอยู่ในตู้เย็นหยิบกินได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะ” พูดจบภูเมฆาก็ก้มหน้าทำงานต่อ
หญิงสาวเดินมาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่มจากนั้นก็เดินสำรวจบริเวณห้องครัวซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะมีของทุกอย่างครบครับ เธอเดินเลยมาถึงด้านที่มีเครื่องซักผ้าซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่มีทั้งซักและอบไปในตัว ถ้าไปซื้อผ้าปูที่นอนมาก็คงจะซักและอบทันเวลาเข้านอนพอดี
“ไปกันเถอะใบตอง”
“ค่ะ” กัญญ์วรารีบเดินตามขณะที่กำลังก้มลงใส่รองเท้าเธอก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองมีรองเท้าผ้าใบคู่เก่งมาแค่คู่เดียว
“รองเท้า”
“รองเท้าทำไม” ภูเมฆาถาม
“ใบตองเอารองเท้ามาคู่เดียวค่ะ เหลือรองเท้าแตะกับครัชชูที่ยังไม่ได้เอามา”
“ไปซื้อใหม่ก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ คู่นั้นใบตองเพิ่งซื้อมาเมื่อต้นเทอมเอง ถ้าพรุ่งนี้ใบตองทำความสะอาดห้องเสร็จแล้วขอกลับไปที่บ้านได้ไหมคะ”
“แล้วถ้าเจอแม่เลี้ยงขึ้นมาล่ะ จะบอกเขาว่าไปอยู่ไหน ไม่กลัวเขาตามมาวุ่นวายเหรอใบตอง”
กัญญ์วราทำท่าทางคิดหนักเพราะเมื่อครู่นภาวรรณก็พยายามโทรหาอยู่หลายรอบแต่หญิงสาวก็ไม่ได้รับเพราะไม่รู้จะบอกยังไงว่าตนเอง อีกอย่างก็กลัวว่าแม่เลี้ยงจะตามมาวุ่นวายที่นี่อย่างที่ภูเมฆาพูดอยู่เหมือนกัน
“ซื้อใหม่ก็ได้ค่ะ”
เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าทั้งสองก็ตรงไปที่แผนกเครื่องนอนเพื่อเลือกซื้อผ้าปูและปลอกหมอน นอกจากจะซื้อให้กัญญ์วราแล้วภูเมฆายังถือโอกาสซื้อให้ตัวเองอีกหลายชิ้น
จากนั้นก็พากันไปซื้อรองเท้าครัชชูซึ่งราคาค่อนข้างสูงทำให้กัญญ์วราไม่ค่อยอยากจะซื้อเท่าไหร่ แต่ภูเมฆาก็บอกว่าราคาสูงก็จริงแต่มันใส่แล้วสบาย แต่ก่อนเขาก็เป็นเหมือนกับหญิงสาวที่ซื้อของต้องดูราคาก่อน แต่พอเริ่มมีเงินก็เลือกซื้อจากคุณภาพ เขาไม่ได้สอนให้เธอฟุ่มเฟือยแต่เห็นแล้วว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นเพราะถ้าสวมรองเท้าที่ดีก็จะทำให้ไม่เมื่อยเท่าไหร่
“พี่ภูหักจากเงินเดือนนะคะ” กัญญ์วราบอกด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไร พี่ซื้อให้”
“แต่มันแพงนะคะ”
“พี่บอกแล้วไงว่างานนี้พี่ได้กำไรเยอะ อย่าคิดมากเลยถ้าใบตองไม่รับของที่พี่ซื้อให้พี่ก็รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบใบตองอยู่”
“แต่พี่ก็จ่ายให้เสี่ยสมานไปตั้งเยอะแล้วนะคะ”
“นิดหน่อยเอง ถ้าใบตองไม่เอาของพี่จะโอนเงินให้ใบตองดีไหม”
“ไม่ค่ะ ใบตองเอาของก็ได้” กัญญ์วรารีบร้องห้ามเพราะไม่อยากรับเงินจากเขา เรื่องเหรียญนำโชคนั่นมันคงไม่มีผลอะไรมากเท่าไหร่ แต่ที่เขาให้ความช่วยเหลือก็คงเพราะสงสารเธอมากกว่า
“เป็นเด็กดีว่าง่ายๆ แบบนี้พี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยพูด เอาล่ะ ทีนี้ก็ไปซื้อรองเท้าใส่เที่ยวแล้วก็ผ้าใบกันต่อ”
นอกจากรองเท้าแล้วกัญญ์วรายังได้ทั้งเสื้อผ้า ชุดนอนรวมไปถึงชั้นในอีกเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าภูเมฆาไปอัดอั้นมาจากไหนถึงได้ซื้อของตั้งมากมาย ทั้งซื้อให้เธอและซื้อให้ตัวเขาเอง
“พอแล้วมั้งคะพี่ภู ใบตองเหนื่อยแล้ว” กัญญ์วราไม่เหนื่อยเลยเพราะเธอเดินเสิร์ฟที่ร้านเหล้ายังเหนื่อยกว่านี้หลายเท่าแต่เพราะเห็นว่าของที่ซื้อมามันเยอะมากแล้วจึงพูดแบบนั้นออกไป
“วันนี้พอก่อนก็ได้ เดี๋ยววันไหนว่างค่อยมากันอีก”
“เราต้องไปซื้อของสดทำอาหารไหมคะ”
“วันนี้ยังไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวกินจากข้างนอกเข้าไปเลยก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่รถก่อนแล้วค่อยขึ้นชั้นบนนะ คิดไว้เลยว่าจะกินอะไร”
เมื่อเก็บของที่รถแล้วทั้งสองคนก็มายังชั้นที่เต็มไปด้วยร้านอาหารซึ่งมีมากจนเลือกแทบไม่ถูก
“คิดออกไหมว่าจะกินอะไร กินได้ทุกอย่างหรือเปล่า”
“ค่ะ ใบตองกินได้ทุกอย่าง”
“งั้นกินพิซซ่าไหม” พอเดินผ่านร้านพิซซ่าก็ทำให้ภูเมฆานึกถึงตนเองในวัยเด็ก ซึ่งตอนนั้นกว่าจะได้กินแต่ละครั้งก็ต้องรอจนกว่าจะมีผู้ใหญ่ใจดีซื้อมาเลี้ยง
“พี่ภูชอบกินพิซซ่าเหรอคะ” กัญญ์วราถามชายหนุ่มขณะที่รอให้พนักงานนำพิซซ่ามาเสิร์ฟ“กินแล้วมันทำให้พี่คิดถึงวัยเด็ก”“มีคนบอกว่าคนที่ชอบพูดถึงเรื่องอดีตจะเป็นคนแก่ แต่พี่ภูยังไม่แก่เลยนะคะ”“พี่อายุ 35 แล้วนะใบตอง”“35 แล้วไงอาจารย์ของใบตอง 40 กว่ายังบอกว่าตัวเองวัยรุ่นอยู่เลย ของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจค่ะ ถ้าใจเราไม่แก่เราก็จะไม่แก่”“เข้าใจพูดนะ” ภูเมฆายิ้มอย่างผ่อนคลายเมื่อพนักงานนำพิซซ่ามาเสิร์ฟภูเมฆาก็ได้แต่นั่งจ้องจนกัญญ์วราไม่กล้าหยิบขึ้นมาทานเพราะเห็นเขาจ้องเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง“พี่ภูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“เปล่าๆ” เขารีบปฏิเสธก่อนแล้วหยิบพิซซ่าขึ้นมาทานไปสองชิ้นก็รู้สึกอิ่มขณะที่กัญญ์วรายังคงนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย“ใบตองรู้ไหม ตอนเด็กๆ กว่าพี่จะได้กินพิซซ่าต้องรอแล้วรออีก” ภูเมฆาพูดเรื่องในอดีตขึ้นทั้งที่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมานั่งทานพิซซ่าในร้านกับเขาเนื่องจากที่ผ่านมาเขามักจะสั่งไปทานที่ห้องคนเดียว“ใบตองก็เหมือนกันค่ะ พ่อบอกว่ามันแพงถ้าเราเอาเงินค่าพิซซ่าไปซื้อกับข้าวก็จะได้หลายมื้อ ที่บ้านพี่ภูก็เป็นเหมือนกันเหรอคะ”
หลายวันแล้วที่กัญญ์วราย้ายมาอยู่กับภูเมฆาเธอกับเขาทานอาหารเช้าและเย็นด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูง่ายๆ“พี่ภูคะ พรุ่งนี้เช้าใบตองจะทำข้าวต้มกุ้งไว้ให้นะคะ ถ้ามันไม่ร้อนพี่ภูอุ่นเอานะคะ” กัญญ์วราบอกชายหนุ่มที่นั่งดูทีวีอยู่กลางห้องรับแขก“จะทำตั้งแต่เช้าเลยเหรอ”“ค่ะพรุ่งนี้ใบตองต้องไปฝึกงานแล้วค่ะ”“จริงสิ พี่ลืมไปเลยแล้วไปฝึกที่บริษัทไหนล่ะ ไกลจากที่นี่ไหม ต้องออกแต่เช้าหรือเปล่า”“ฝึกที่บริษัท PM Real estate ค่ะ พี่ภูรู้จักไหมคะ”“อะไรนะใบตอง”“บริษัท PM Real estate ค่ะ” กัญญ์วราย้ำอีกครั้ง“ไปฝึกที่แผนกไหนล่ะ”“แผนกบัญชีค่ะ”“อ้อ”“พี่ภูทำหน้าแปลกๆ”“ก็นั้นมันบริษัทของพี่”“ล้อเล่นหรือเปล่าคะ จะเป็นไปได้ยังคะ”“มันเป็นไปแล้ว งั้นใบตองก็ไปทำงานพร้อมกับพี่เลย”“ไม่ได้หรอกค่ะ ใบตองไม่อยากให้ใครรู้ว่ารู้จักกับพี่ภู” กัญญ์วรารีบปฏิเสธเสียงแข็งพลางสั่นศีรษะ“จะกลัวอะไรพี่ไม่ได้เป็นคนให้คะแนนสักหน่อย”“ไม่ได้กลัวเรื่องนั้นค่ะ”“แล้วกลัวอะไร”“กลัวพี่ภูจะเสียหายถ้าคนอื่นรู้ว่าใบตองมาอยู่กับพี่ภู”“พี่เป็นผู้ชายนะจะเสียหายยังไง” ภูเมฆาพูดพลางหัวเราะกับความคิดของกัญญ์วรา“พี่ภูอย่าขำสิคะ
“สุดยอดเลยค่ะพี่ แบบนี้มะเหมี่ยวชักอยากทำงานที่นี่แล้ว เขารับพนักงานเพิ่มไหมคะ”“ถ้าเป็นแผนกบัญชียังไม่รับจ้ะ แต่แผนกอื่นพี่ก็ไม่แน่ใจเพราะบริษัทเพิ่งได้งานใหญ่มาก็คงต้องการคนเพิ่ม”“ว้าแย่จังมะเหมี่ยวนึกว่าจะได้ทำงานเสียอีก”“มะเหมี่ยวลืมไปหรือเปล่าว่าที่บ้านตัวเองก็มีบริษัทนะ จะไม่กลับไปช่วยงานที่บ้านเหรอ” กัญญ์วราเตือนสติเพื่อน“ก็ที่นี่น่าสนใจกว่านี่ เจ้านายก็หล่อด้วย”สี่สาวจบบทสนทนากับแค่นั้นเพราะอาหารที่พวกเธอสั่งมาเสิร์ฟแล้ว หลังทานอาหารกลางวันเสร็จพี่ทั้งสองคนก็กลับขึ้นไปด้านบนส่วนกัญญ์วราและธิชากรก็ขอเดินเล่นดูร้านต่างๆ รอบบริษัทซึ่งรุ่นพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ขอให้กลับขึ้นไปก่อนบ่ายโมง ทั้งสองคนพากันมายังร้านกาแฟที่อยู่ไกลออกมาอีกสองช่วงตึกระหว่างนั้นธิชากรก็ไลน์ถามรุ่นพี่ทั้งสองว่าจะกินอะไรเพราะพวกเธอจะซื้อขึ้นไปฝาก พอได้คำตอบแล้วก็มานั่งรอที่มุมหนึ่งของร้าน “มะเหมี่ยว” “ว่าไง” ธิชากรที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ขานรับเพื่อนแต่ยังไม่ยอมละมือออกจากหน้าจอ “เรามีความลับจะบอก” “อือ บอกมาเลย” “มะเหมี่ยว เราจริงจังนะ” เมื่อเห็นเพ
การได้ฟังเรื่องราวของภูเมฆาจากรุ่นพี่ทำให้กัญญ์วราปลื้มในตัวชายหนุ่มมากขึ้น ไม่ใช่เพราะเขาหล่อหรือรวยแต่เพราะชอบที่เขาเป็นคนขยันและสร้างตัวขึ้นมาได้ด้วยตนเองถึงแม้ไม่มีแรงสนับสนุนจากครอบครัวก็ตามในทุกวันที่อยู่ร่วมกันนอกจากกัญญ์วราจะทำหน้าที่แม่บ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอตื่นนอนแต่เช้าทำความสะอาดบ้านและห้องนอนของชายหนุ่มขณะที่เขาลงไปออกกำลังกาย จากนั้นก็เตรียมอาหารเช้าง่าย พอตกเย็นก็แวะซื้อของสดที่ซุเปอร์มาร์เก็ตเพื่อมาทำอาหารให้เขา อันที่จริงกัญญ์วราก็อยากไปซื้อของในตลาดสดมากกว่าเพราะราคาถูกกว่ากันมาก แต่บริเวณที่เธออยู่นั้นไม่มีตลาดสดเลย ถ้าจะนั่งรถไปซื้อก็คงกินเวลาไปมาก และภูเมฆาก็เป็นคนบอกให้เธอซื้อที่นี่เพราะประหยัดเวลาได้มากขณะที่กำลังคิดว่าจะเมนูอะไรให้กับเจ้านายสำหรับมื้อเย็นพี่ฟ้าก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจนทุกคนในแผนกตกใจ“ข่าวใหญ่ๆ”“ข่าวอะไรฟ้า วิ่งหน้าตื่นมาเชียว”“ฟ้าได้ยินแผนกวิศวะคุยกันว่าบอสของเราโดนแทง”“อะไรนะคะพี่ฟ้า ใครโดนแทง” กัญญ์วราภาวนาให้ตนเองหูฟาด“ก็บอสของเรานะสิ โดนแทง”“ใครแทงคะ แล้วเจ็บมากไหม”“คนงานเมาทะเลาะกันแล้วบอสไปห้ามก็เลยโดนแทง ตอนนี้กำลังพาไ
“พี่ภูไปนอนในห้องดีกว่าไหม ตรงนี้นอนไม่สบายหรอกค่ะ เดี๋ยวใบตองพาไปนะคะ”“ไม่เป็นไรพี่อยากนอนตรงนี้”“แต่มันไม่สบายเหมือนนอนบนเตียงนะคะ” กัญญ์วราสังเกตว่าเขามีท่าทีแปลกก็เลยเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงใย“พี่ภู ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะบอกใบตองได้นะ”“ไม่มีอะไรหรอก”“แต่ใบตองว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เล่าให้ใบตองฟังนะคะ”“พี่ไม่รู้ว่าควรเล่าดีไหม เรื่องมันนานมาแล้ว” ภูเมฆาคิดว่าตนเองลืมเรื่องนี้ไปสนิทแล้วแต่พอวันนี้ภาพในวันเก่าๆ มันก็ชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง ความทรงจำที่เขาอยากจะลืมไปให้หมด“เรื่องมันนานมาแล้วแต่พี่ภูยังเก็บมาคิดอีก แสดงว่ามันต้องสำคัญมากๆ ใช่ไหมคะ”“อือ”“เล่ามาเถอะค่ะ พี่ก็รู้ใบตองเป็นผู้ฟังที่ดี”“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่โดนแทง”“อะไรนะคะ แล้วครั้งแรกตอนไหนคะ”“น่าจะห้าขวบได้มั้ง”“พี่ภู” กัญญ์วราขยับเข้ามานั่งบนพื้นขณะที่เขานอนเล่าอยู่บนโซฟา แล้วหันหน้าออกมาทางที่เธอนั่งอยู่ ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างเพียงนิด เธอเห็นความเจ็บปวดอยู่ในแววตาคู่นั้นภูเมฆาหลับตาลงจากนั้นก็เล่าเรื่องราวในอดีตของตนเองให้กับกัญญ์วราฟังเรื่องมันเกิดขึ้นในขณะที่เขายังเด็กมาก แต่ชายหนุ่มก็จำไ
ภูเมฆาหลับไปนานพอสมควร เขารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกัญญ์วรากลับเข้ามา“ใบตองเหรอ” เขาถามออกไปทั้งที่ยังไม่ลืมตา“ใบตองเองค่ะพี่ภู ขอโทษนะคะที่ทำเสียงดังจนพี่ตื่น”“เอาน้ำให้หน่อยได้ไหมคอแห้งมากเลย”“ได้ค่ะ ใบตองซื้อน้ำส้มมาด้วย คั้นสดๆ เลยนะคะ” เธอส่งน้ำส้มขวดเล็กให้ก่อนจะเดินกลับมาเก็บของที่เพิ่งซื้อมาเข้าตู้เย็น“อร่อยดีไม่เปรี้ยวอย่างที่คิดนะ”“ถ้าชอบเดี๋ยววันหลังใบตองจะซื้อให้อีกนะคะ ไหนๆ ที่ภูก็ตื่นมาแล้วใบตองจะถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไรคะ”“เอาเหมือนตอนกลางวันก็ได้นะ อร่อยดี”“ไม่เบื่อเหรอคะ”“ยังไม่เบื่อนะ” ภูเมฆาเป็นคนกินง่ายไม่ว่ากัญญ์วราจะทำเมนูไหนเขาก็ทานได้หมด“ได้ค่ะ ว่าแต่พี่ภูมียาก่อนอาหารไหมคะ เดี๋ยวใบตองดูให้ค่ะ” เมื่อเห็นเขาจะลุกจากโซฟากัญญ์วราเลยรีบเดินมาหยิบถุงย่าที่อยู่บนโต๊ะทานข้าว เธอเปิดถุงยาของเขาดูอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไม่มีก็เก็บเข้าที่เดิม“ไม่มีใช่ไหม”“ไม่มีค่ะ”กัญญ์วราลงมือทำอาหารเย็นอีกครั้งนอกจากจะมีข้าวผัดกุ้ง ต้มจืดเต้าหู้หมูสับแล้วเธอยังเพิ่มฉู่ฉี่กุ้งอีกอย่างเพราะเห็นว่ากุ้งที่ซื้อมายังพอทำได้อีกเมนู“อาหารพร้อมแล้วค่ะพี่ภู” กัญญ์วราเดินไป
เช้าวันใหม่กัญญ์วราตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อลงไปซื้อโจ๊กมาให้กับภูเมฆา และยังทำอาหารกลางวันใส่กล่องไว้ให้เขาอุ่นทานอีกด้วย“พี่ภูรอตรงนี้เดี๋ยวใบตองไปเอาโจ๊กมาให้นะคะ”“ไม่เป็นไรพี่เดินไปกินเองได้”“แต่หน้าพี่ไม่ดีเลย ไหนดูซิมีไข้หรือเปล่า” กัญญ์วราเอามือแตะหน้าผากของเขาเพื่อวัดไข้“พี่ว่าไม่มีแล้วนะ”“ยังตัวอุ่นๆ อยู่เลยค่ะเดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักนะคะ ถ้าไม่ไหวจริงก็โทรหาใบตองหรือจะโทรเรียกรถพยาบาลก็เลือกมาหนึ่งอย่าง”“ถ้าไม่ไหวพี่จะโทรหาใบตองก็แล้วกัน”พอเขารับปากแบบนั้นกัญญ์วราก็รีบเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางลงบนเตียงจากนั้นก็ตามด้วยชามโจ๊ก แก้วน้ำและยาหลังอาหาร“รีบกินนะคะ จะได้กินยาแล้วเช้านี้ก็ห้ามอาบน้ำเด็ดขาด”“ใบตองไม่กินด้วยกันเหรอ”“ใบตองกินแซนด์วิชแล้วค่ะ ทำเผื่อพี่ภูด้วยนะคะอยู่ในตู้เย็น ส่วนกลางวันใบตองก็ทำกับข้าวไว้ให้แล้วพี่ภูก็แค่เอาออกมาอุ่น ทำได้ใช่ไหมคะ”“ได้สิ พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ภูเมฆายิ้มกับท่าทางห่วงใยของหญิงสาวที่ทำเหมือนกับเขาเป็นเด็กที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้“ใบตองรู้ว่าพี่ภูไม่ใช่เด็ก แต่เวลาคนเราป่วยก็มักจะกลับไปเป็นเด็กด้วยกันทั้งนั้น ตอนใบตองไม่สบายเป็นช่วงที่ใบตองมีค
หลังจากกัญญ์วราออกไปจากห้องนอนแล้วภูเมฆาก็เริ่มคิดตามที่เธอพูด ตอนนี้เขาสร้างเนื้อสร้างตัวได้แล้ว ขาดก็แต่สร้างครอบครัว แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวแบบนี้ก็ไม่เดือดร้อนถึงแก่ไปจะไม่มีใครดูแลแต่จะต้องกลัวเรื่องนั้นทำไมในเมื่อเขามีเงินมากพอที่จะจ้างคนมาดูแลกี่คนก็ได้ภูเมฆาไม่อยากเจ็บกับความรักอีกแล้ว เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่อยากผูกมัดกับใคร แม้ว่าในกลุ่มเพื่อนจะมีคนที่แต่งงานและมีครอบครัวที่อบอุ่นแล้วแต่ภูเมฆาก็ยังนึกภาพตัวเองไม่ออกเลยว่าจะเป็นหัวหน้าครอบครัวได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่เติบโตมาครอบครัวของเขาก็ไม่เคยอบอุ่นเลย และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่อยากมีครอบครัวชายหนุ่มเอาชามไปเก็บจากนั้นก็กลับมาจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เขาลังเลว่าจะอาบน้ำดีหรือเปล่าแต่ก็นึกขึ้นได้ว่ากัญญ์วราสั่งเอาไว้เขามองตัวเองในกระจกแล้วหัวเราะที่เชื่อคำพูดของคนที่จ้างมาเพื่อทำงานบ้านให้อันที่จริงภูเมฆาก็ไม่ได้มองว่ากัญญ์วราเป็นลูกจ้างเท่าไหร่เขามองเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง และก็เผลอคิดว่าคงดีไม่น้อยที่เธอจะอยู่กับเขาแบบนี้ไปตลอดทางด้านกัญญ์วราก็นั่งทำงานไปด้วย อีกมือก็คอยจับโทรศัพท
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”
เช้าวันจันทร์กัญญ์วราก็มาทำงานตั้งแต่เช้าเหมือนอย่างทุกครั้งแต่พอมาถึงแผนกก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะพี่ฟ้ามาถึงที่ทำงานก่อนทั้งพี่ปกติแล้วพี่ฟ้าจะเข้ามาทำงานทีหลังเธอครึ่งชั่วโมง “สวัสดีค่ะพี่ฟ้า วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ” “สวัสดีจ้ะใบตอง” “พี่ฟ้ามองหน้าใบตองแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่า” “อันที่จริงพี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ถามก็คงไม่สบายใจและระแวงอยู่แบบนี้แน่ๆ เอาเป็นว่าพี่จะถามคำถามใบตองสักคำถามหนึ่งถ้าคำตอบคือไม่ใช่ใบตองต้องสัญญาว่าจะไม่ถามอะไรเพิ่มเติม” “พี่ฟ้า ทำไมมันซับซ้อนจังคะ ใบตองชักจะกลัวกับคำถามของพี่แล้วนะคะ” “คำถามง่ายเองๆ”“อย่าเพิ่งถามได้ไหม รอให้มะเหมี่ยวมาก่อน” “เรื่องนี้มันเป็นความลับพี่ไม่อยากให้คนอื่นรู้พี่ถึงต้องมาคุยกับใบตองตั้งแต่เช้าไงล่ะ” “ใบตองใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ พี่ฟ้าจะถามอะไรคะ แล้วถ้าคำตอบไม่ดี พี่จะฟ้าจะประเมินให้ใบตองผ่านงานไหม” “คะแนนประเมินของใบตองกับมะเหมี่ยวพี่ส่งให้พี่พรตั้งแต่วันศุกร์แล้วเพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับคะแนนเลย” “แบบนี้ค่อย
กลับมาถึงห้องพักกัญญ์วราก็รีบขอตัวไปอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัวจากไอศกรีมที่เปื้อนตอนที่ชนกับเลขาของภูเมฆา อาบน้ำเสร็จเธอก็ออกมายังมุมของระเบียงเพื่อนอนดูดาวและฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ไม่นานนักภูเมฆาก็ตามออกมานั่งด้วย “ชอบที่นี่ไหม” “ค่ะ บรรยากาศดีมาก วิวกลางคืนก็สวยค่ะ” เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเธอจึงมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน “ระหว่างทะเลกับภูเขาใบตองชอบอะไรมากกว่ากัน” “ชอบทะเลค่ะ เพราะตอนที่ยังเป็นเด็ก หนูอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ก็เลยเห็นภูเขามาเยอะแล้ว” “พี่ภูล่ะคะ” “พี่ก็ชอบทะเลนะ พี่ได้เที่ยวทะเลครั้งแรกก็ตอนเรียนอยู่ ม.4 ถ้าคุณครูที่โรงเรียนไม่ให้มีการจัดทัศนศึกษาพี่ก็คงไม่มีโอกาสหรอก เรื่องเที่ยวสำหรับพี่ตอนนั้นมันไกลตัวมาก” “ตอนนี้พี่ภูมีทุกอย่างแล้วพี่เที่ยวบ่อยไหมคะ” “ไม่นะ ส่วนใหญ่ก็จะทำงานแล้วถือโอกาสเที่ยว ถ้าตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ น้อยมาก” “ทำไมล่ะคะ พี่ภูมีเงินตั้งเยอะ” “ไปเที่ยวคนเดียวมันไม่สนุกหรอกนะใบตอง” น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าและตัดพ
กัญญ์วราเลือกซื้ออาหารและเดินทานไปด้วยบางครั้งก็หันมาป้อนให้คนตัวโตที่เดินอยู่ข้างๆ การเดินเที่ยวแบบนี้ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับคู่รักที่มาออกเดตและนั่นก็ทำให้หญิงสาวเดินยิ้มอย่างมีความสุข แต่คงเพราะเอาแต่ยิ้มและอยู่กับความคิดของตัวเองมากไปหน่อยเธอเลยเดินชนกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” กัญญ์วรารีบขอโทษ “ไม่เป็นไรค่ะ” อีกคนก็เดินเหม่อมาเหมือนกันเลยไม่ติดใจอะไร “เป็นอะไรไหมคะ” “พี่ไม่เป็นไรค่ะ แต่เสื้อน้องเลอะไปหมดแล้ว ไปหาที่เปลี่ยนก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวพี่ซื้อตัวใหม่ให้” พอหญิงสาวคนนั้นพูดกัญญ์วราเลยก้มหน้ามองก็เห็นว่าเสื้อยืดของตัวเองนั้นเปื้อนไปด้วยคราบไอติมเต็มไปหมด “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง” “ใบตองมันยืนทำอะไรอยู่” ภูเมฆาที่เดินล่วงหน้าไปแล้วย้อนกลับมาตามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่เดินตามเขาไปที่รถ “บอส” “คุณดา” “บอสมาเที่ยวเหรอคะ” “ครับ” กัญญ์วรามองหน้าคนรักสลับกับผู้หญิงที่เธอเดินชนแล้วก็พอจะเดาออกว่าเธอน่าจะเป็นเลขาของภูเมฆาเพราะเคยได้ย