ปริ๊น! ปริ๊น!
เสียงแตรรถทำให้คนที่กำลังอุ้มกัญญ์วราอยู่ตกใจและไม่ทันระวังหญิงสาวจึงดิ้นจนตัวเองหลุดออกมาได้ เธอรีบวิ่งไปขวางรถคันนั้นพร้อมทั้งตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ พวกนั้นกำลังจะจับฉัน” เธอวิ่งมาเคาะกระจกฝั่งคนขับรัวๆ
คนที่นั่งอยู่ด้านในที่เห็นว่าเมื่อครู่หญิงสาวกำลังจะถูกอุ้มขึ้นรถก็รีบเปิดประตูลงมาเพราะถ้าปล่อยให้เธอถูกจับไปเขาก็คงรู้สึกผิดมาก
“อ้าว เธอนั้นเอง” ภูเมฆาตกใจไม่น้อยที่เปิดประตูรถออกมาแล้วเห็นว่าผู้หญิงที่กำลังจะถูกจับไปนั้นคือกัญญ์วรา
“คุณภู คุณภูช่วยใบตองด้วยพวกนั้นจะจับใบตองใบ”
“ผมว่าคุณอย่ายุ่งเลย ปล่อยเธอมาดีกว่า” ชายร่างกำยำเดินตรงเข้ามาขณะที่กัญญ์วรานั้นไปหลบอยู่หลังภูเมฆาอย่างต้องการที่พึ่ง”
“ไม่นะคุณภู” หญิงสาวเกาะแขนเขาแน่น
“ในเมื่อเธอไม่เต็มใจไปด้วยฉันว่าพวกนายปล่อยเธอไปดีกว่านะ”
“ไม่จำเป็นหรอกว่าจะเต็มใจไหม ในเมื่อน้าเธอรับเงินไปแล้ว ยังไงวันนี้ใบตองก็ต้องไปกับฉัน”
“ก็บอกแล้วไงว่าใครรับเงินก็เอาคนนั้นไปสิ เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” กัญญ์วราเถียง
“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ใบตอง เธอรับเงินเขามาหรือเปล่า” ภูเมฆาถามเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเก็บช่วยอะไรเธอไม่ได้วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจจะมาขอบคุณเธอตามที่ซินแสแนะนำแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบ
“แม่เลี้ยงของใบตองติดหนี้พวกมันก็อยู่”
“มันใช่แต่ติดหนี้นะใบตอง แม่เลี้ยงเธอขายเธอให้กับฉันแล้ว”
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่สิ่งของจะมาขายได้ยังไง แบบนี้มันเข้าข่ายค้ามนุษย์ชัดๆ”
“อย่าเอากฎหมายมาอ้างหน่อยเลย วันนี้เธอต้องไปกับฉัน”
“เท่าไหร่” ภูเมฆาถามออกไป
“ที่ถามนี่อยากจะจ่ายหนี้ให้เหรอ” เสี่ยสมานมองชายหนุ่มด้วยสายตาเหยียดๆ
“ผมถามว่าเท่าไหร่”
“สองแสน”
“ใบตองเปิดลิ้นชักหน้ารถเอาสมุดเช็คออกมาให้หน่อย”
“ไม่นะคะคุณภู อย่าจ่ายนะ”
“ถ้าไม่จ่ายเรื่องมันจะจบไหม”
“แต่ใบตองไม่ได้เอาเงินเขามานี่ เราแจ้งตำรวจก็ได้”
“ก็แจ้งสิ ถ้าฉันไม่ใหญ่พอเธอคิดว่าฉันจะเปิดบ่อนได้เหรอใบตอง” เสี่ยสมานท้า
“ทำตามที่ผมบอก”
“แต่ใบตองไม่มีเงินมาคืนคุณหรอกนะ”
“บอกให้หยิบก็หยิบมาก่อนสิใบตอง”
กัญญ์วราเดินอ้อมไปหยิบสมุดเช็คมาส่งให้กับภูเมฆาจากนั้นเขาก็เซ็นเช็คแล้วยืนให้เสี่ยสมาน
“ไม่เด้งแน่นะ”
“ถ้ากลัวขนาดนั้นก็ลองเอาไปเข้าธนาคารสิ จะได้รู้ว่าเด้งไหม”
“เฮ้ย พวกแกเฝ้ามันไว้นะ ฉันจะไปธนาคาร” เสี่ยสมานพูดจบก็รีบขึ้นรถออกไป
“คุณภูไม่น่าต้องเสียเงินเยอะขนาดนั้นเลย แล้วใบตองจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้คืนล่ะ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ใบตองควรย้ายออกจากที่นี่ก่อน”
“ก็คุณภูให้เงินมันไปแล้วมันคงไม่ทำอะไรแล้วมั้งคะ” กัญญ์วราไม่รู้จะย้ายออกไปอยู่ที่ไหน
“แล้วถ้าแม่เลี้ยงของใบตองเอาไปขายให้คนอีกล่ะ”
“แต่ถ้าย้ายออก ใบตองก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน” เธอบอกเขาไปตามตรง
“ไม่มีญาติคนอื่นเหรอ”
“ไม่มีเลย แต่ใบตองไปขออยู่ที่บ้านเพื่อนก่อนก็ได้ค่ะ”
“งั้นก็ไปเก็บของ เอาที่จำเป็นก่อนนะเดี๋ยวผมไปส่ง”
ภูเมฆาเดินตามเข้ามาในบ้านซึ่งตอนนี้นภาวรรณแม่เลี้ยงของกัญญ์วราไม่อยู่ที่นี่แล้วเธอเผ่นแนบไปตั้งแต่ได้เงินจากเสี่ยสมาน
“อยู่กันสองเหรอ”
“ค่ะ”
ชายหนุ่มเดินสำรวจไปทั่วระหว่างที่กัญญ์วราเก็บของอยู่ในห้องนอน เขาค่อนข้างพอใจกับความสะอาดและความเป็นระเบียบมาก
“ใบตองคิดจะอยู่กับเพื่อนนานไหม” ภูเมฆายืนพิงขอบประตูห้องนอนแล้วสายตาก็สำรวจไปให้ห้องนอนที่ดูสะอาดและเรียบร้อยไม่ต่างจากห้องรับแขก
“ก็จนกว่าจะหาห้องพักได้ล่ะค่ะ” เธอตอบเขาทั้งที่ตนเองก็ยังไม่รู่ว่ามันจะนานแค่ไหนเพราะการหาห้องพักที่ถูกใจ ถูกเงินและอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วตอนนี้ก็เพิ่งจะเปิดเทอมไม่นานหอพักก็คงจะเต็มหมดแล้ว
ภูเมฆากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ถ้าเขาแบ่งกำไรที่จะได้จากการทำงานให้เจ้าสัวเรวัฒน์สักนิดกัญญ์วราอาจจะไม่ต้องลำบาก แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วแม่เลี้ยงของเธอรู้ก็คงตามไปขอเงินอีกแน่ๆ
“ไปอยู่ด้วยกันไหม” ภูเมฆาตัดสินใจพูดออกไปเพราะนึกถึงคำของซินแสที่บอกว่าอย่าทิ้งให้เธอลำบาก แม้จะไม่เชื่อเรื่องดวงหรือโชคลางเท่าไหร่แต่เมื่อเหรียญนำโชคของเธอทำให้เขาได้งานก็เลยอยากจะตอบแทนเธอ
“อยู่กับคุณเหรอคะ”
“ใช่สิ”
“ไม่ล่ะค่ะ ใบตองเกรงใจ”
“ใบตอง ที่ผมมาวันนี้ก็อยากจะมาขอบคุณใบตองเพราะเหรียญของเธอทำให้ฉันได้งาน”
“ถ้าอย่างนั้นก็หายก็แล้วที่คุณจ่ายหนี้ให้”
“แต่มันยังน้อยไปนะ”
“แค่นี้มันก็มากมายแล้วล่ะคะ ใบตองไม่อยากรบกวนคุณภูหรอก”
“แต่เธอกำลังจะไปรบกวนคนอื่นนะ”
“แต่เขาเป็นเพื่อนใบตอง”
“ผมจะไม่เอาเปรียบเธอหรอกนะ ผมจะให้เงินเธอสักก้อน แล้วไปหาที่อยู่ใหม่ดีไหมล่ะ”
“ใบตองบอกแล้วว่าไม่เอาเงิน”
“ทำไม่ดื้อย่างนี้นะใบตอง”
“ใบตองไม่เคยดื้อ”
“ก็นี่ไงเธอกำลังดื้อ”
“ถ้าคุณภูอยากช่วยจริงๆ ก็ช่วยใบตองหางานพิเศษแล้วกันค่ะ เพราะใบตองคงไปทำงานที่ตลาดกับที่ร้านเหล้าไม่ได้แล้วเพราะมันเป็นของเสี่ยสมาน
“เธอทำความสะอาดบ้านนี้เองใช่ไหม” จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องทำเอากัญญ์วราตามไม่ทัน
“ค่ะ”
“แล้วทำอาหารเป็นไหม”
“พอได้บ้างเมนูง่ายๆ แค่พอกินได้นะคะ”
“งั้นไปทำงานกับฉันไหมล่ะ ทำความสะอาดบ้านกับทำอาหารเป็นบางมื้อ”
“คุณภูจะจ้างใบตองเหรอคะ”
“ใช้สิ ปกติเธอได้เงินจากทำงานเท่าไหร่”
“ที่ตลาดวันละสองร้อย ร้านเหล้าอีกสองร้อยไม่รวมทิป รวมๆ แล้วเดือนหนึ่งไม่เกินหมื่นสองหรอกค่ะ” หญิงสาวบอกรายได้ของตนไปตามตรง
“ถ้างั้นฉันให้เธอสองหมื่น”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิ ที่พักฟรี กินอยู่ฟรี แค่ทำความสะอาดกับทำกับข้าว ไม่ต้องซักผ้าเพราะฉันจ้างซักรายเดือนแล้ว”
“ถ้าคุณภูให้กินฟรีอยู่ฟรีด้วย ใบตองเอาค่าจ้างแค่หมื่นเดียวก็ได้ค่ะ งานไม่ได้เยอะอะไรเลย”
“สองหมื่นห้ามต่อรองไปเก็บของได้แล้ว เอาที่จำเป็นก็พอ”
“แต่มันเยอะเกินไปนะคะ”
“ถ้าไม่รับฉันก็จะไปจ้างคนอื่น”
“รับก็ได้ค่ะ” แม้จะเกรงใจที่เขาให้เงินเดือนมากกว่าที่เธอเคยได้อีกทั้งยังให้อยู่ฟรีกินฟรีแต่ถ้าไม่รับงานนี้ก็ไม่รู้จะไปทำงานที่ไหน
“ว่าง่ายๆ แบบนี้ค่อยดีหน่อย ฉันรอข้างนอกนะเก็บของต่อเถอะ”
“ค่ะคุณภู”
“คุณภูจะจ้างใบตองจริงๆ ใช่ไหมคะ” กัญญ์วราถามย้ำ“อือ”“จะจ้างนานไหม ต้องเซ็นสัญญาหรือเปล่าคะ”“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอก เธออาจจะอยากไปหางานอื่นหลังเรียนจบแล้วก็ได้”“แล้วถ้าใบตองทำงานด้วยแล้วรับจ้างคุณภูไปด้วยได้ไหมคะ”“ได้สิ”เมื่อตกลงกันได้แล้วกัญญ์วราก็เก็บของต่ออีกนิดหน่อยก็พอดีกับได้ยินเสียงเสี่ยสมานที่มาเรียกลูกน้องให้กลับเพราะได้เงินตามที่ตัวเองต้องการแล้วภูเมฆาพากัญญ์วรามายังคอนโดมิเนียมของตนเองจากนั้นก็ช่วยกันเอาของลงจากรถโดยมีแม่บ้านประจำคอนโดและนิติกรที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์เข้ามาช่วย“ของเยอะเลยนะครับคุณภู”“ครับคุณวินัย”“น้องสาวเหรอครับ” นิติการมองหน้ากัญญ์วราสลับกับภูเมฆาที่ดูคล้ายกันจนคิดว่าเป็นน้องสาวของชายหนุ่ม“ครับ” เมื่อนิติกรเข้าใจอย่างนั้นภูเมฆาก็ไม่อยากอธิบายอะไรเพราะมันก็ดีกับเขาและกัญญ์วราถ้าคนอื่นจะคิดว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน“คุณภูทำไมบอกเขาไปแบบนั้นล่ะคะ” กัญญ์วราถามเมื่อขึ้นมาถึงบนห้องแล้ว “แล้วจะให้บอกว่าเป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นลูกจ้าง เป็นแม่บ้านไงคะ” “ถ้าผมบอกไปแบบนั้นแม่บ้านประจำที่นี่มาได้ยินก็คงไม่ค่อยชอบหน้าใบตองแน่ เพราะเ
“พี่ภูชอบกินพิซซ่าเหรอคะ” กัญญ์วราถามชายหนุ่มขณะที่รอให้พนักงานนำพิซซ่ามาเสิร์ฟ“กินแล้วมันทำให้พี่คิดถึงวัยเด็ก”“มีคนบอกว่าคนที่ชอบพูดถึงเรื่องอดีตจะเป็นคนแก่ แต่พี่ภูยังไม่แก่เลยนะคะ”“พี่อายุ 35 แล้วนะใบตอง”“35 แล้วไงอาจารย์ของใบตอง 40 กว่ายังบอกว่าตัวเองวัยรุ่นอยู่เลย ของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจค่ะ ถ้าใจเราไม่แก่เราก็จะไม่แก่”“เข้าใจพูดนะ” ภูเมฆายิ้มอย่างผ่อนคลายเมื่อพนักงานนำพิซซ่ามาเสิร์ฟภูเมฆาก็ได้แต่นั่งจ้องจนกัญญ์วราไม่กล้าหยิบขึ้นมาทานเพราะเห็นเขาจ้องเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง“พี่ภูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“เปล่าๆ” เขารีบปฏิเสธก่อนแล้วหยิบพิซซ่าขึ้นมาทานไปสองชิ้นก็รู้สึกอิ่มขณะที่กัญญ์วรายังคงนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย“ใบตองรู้ไหม ตอนเด็กๆ กว่าพี่จะได้กินพิซซ่าต้องรอแล้วรออีก” ภูเมฆาพูดเรื่องในอดีตขึ้นทั้งที่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมานั่งทานพิซซ่าในร้านกับเขาเนื่องจากที่ผ่านมาเขามักจะสั่งไปทานที่ห้องคนเดียว“ใบตองก็เหมือนกันค่ะ พ่อบอกว่ามันแพงถ้าเราเอาเงินค่าพิซซ่าไปซื้อกับข้าวก็จะได้หลายมื้อ ที่บ้านพี่ภูก็เป็นเหมือนกันเหรอคะ”
หลายวันแล้วที่กัญญ์วราย้ายมาอยู่กับภูเมฆาเธอกับเขาทานอาหารเช้าและเย็นด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูง่ายๆ“พี่ภูคะ พรุ่งนี้เช้าใบตองจะทำข้าวต้มกุ้งไว้ให้นะคะ ถ้ามันไม่ร้อนพี่ภูอุ่นเอานะคะ” กัญญ์วราบอกชายหนุ่มที่นั่งดูทีวีอยู่กลางห้องรับแขก“จะทำตั้งแต่เช้าเลยเหรอ”“ค่ะพรุ่งนี้ใบตองต้องไปฝึกงานแล้วค่ะ”“จริงสิ พี่ลืมไปเลยแล้วไปฝึกที่บริษัทไหนล่ะ ไกลจากที่นี่ไหม ต้องออกแต่เช้าหรือเปล่า”“ฝึกที่บริษัท PM Real estate ค่ะ พี่ภูรู้จักไหมคะ”“อะไรนะใบตอง”“บริษัท PM Real estate ค่ะ” กัญญ์วราย้ำอีกครั้ง“ไปฝึกที่แผนกไหนล่ะ”“แผนกบัญชีค่ะ”“อ้อ”“พี่ภูทำหน้าแปลกๆ”“ก็นั้นมันบริษัทของพี่”“ล้อเล่นหรือเปล่าคะ จะเป็นไปได้ยังคะ”“มันเป็นไปแล้ว งั้นใบตองก็ไปทำงานพร้อมกับพี่เลย”“ไม่ได้หรอกค่ะ ใบตองไม่อยากให้ใครรู้ว่ารู้จักกับพี่ภู” กัญญ์วรารีบปฏิเสธเสียงแข็งพลางสั่นศีรษะ“จะกลัวอะไรพี่ไม่ได้เป็นคนให้คะแนนสักหน่อย”“ไม่ได้กลัวเรื่องนั้นค่ะ”“แล้วกลัวอะไร”“กลัวพี่ภูจะเสียหายถ้าคนอื่นรู้ว่าใบตองมาอยู่กับพี่ภู”“พี่เป็นผู้ชายนะจะเสียหายยังไง” ภูเมฆาพูดพลางหัวเราะกับความคิดของกัญญ์วรา“พี่ภูอย่าขำสิคะ
“สุดยอดเลยค่ะพี่ แบบนี้มะเหมี่ยวชักอยากทำงานที่นี่แล้ว เขารับพนักงานเพิ่มไหมคะ”“ถ้าเป็นแผนกบัญชียังไม่รับจ้ะ แต่แผนกอื่นพี่ก็ไม่แน่ใจเพราะบริษัทเพิ่งได้งานใหญ่มาก็คงต้องการคนเพิ่ม”“ว้าแย่จังมะเหมี่ยวนึกว่าจะได้ทำงานเสียอีก”“มะเหมี่ยวลืมไปหรือเปล่าว่าที่บ้านตัวเองก็มีบริษัทนะ จะไม่กลับไปช่วยงานที่บ้านเหรอ” กัญญ์วราเตือนสติเพื่อน“ก็ที่นี่น่าสนใจกว่านี่ เจ้านายก็หล่อด้วย”สี่สาวจบบทสนทนากับแค่นั้นเพราะอาหารที่พวกเธอสั่งมาเสิร์ฟแล้ว หลังทานอาหารกลางวันเสร็จพี่ทั้งสองคนก็กลับขึ้นไปด้านบนส่วนกัญญ์วราและธิชากรก็ขอเดินเล่นดูร้านต่างๆ รอบบริษัทซึ่งรุ่นพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ขอให้กลับขึ้นไปก่อนบ่ายโมง ทั้งสองคนพากันมายังร้านกาแฟที่อยู่ไกลออกมาอีกสองช่วงตึกระหว่างนั้นธิชากรก็ไลน์ถามรุ่นพี่ทั้งสองว่าจะกินอะไรเพราะพวกเธอจะซื้อขึ้นไปฝาก พอได้คำตอบแล้วก็มานั่งรอที่มุมหนึ่งของร้าน “มะเหมี่ยว” “ว่าไง” ธิชากรที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ขานรับเพื่อนแต่ยังไม่ยอมละมือออกจากหน้าจอ “เรามีความลับจะบอก” “อือ บอกมาเลย” “มะเหมี่ยว เราจริงจังนะ” เมื่อเห็นเพ
การได้ฟังเรื่องราวของภูเมฆาจากรุ่นพี่ทำให้กัญญ์วราปลื้มในตัวชายหนุ่มมากขึ้น ไม่ใช่เพราะเขาหล่อหรือรวยแต่เพราะชอบที่เขาเป็นคนขยันและสร้างตัวขึ้นมาได้ด้วยตนเองถึงแม้ไม่มีแรงสนับสนุนจากครอบครัวก็ตามในทุกวันที่อยู่ร่วมกันนอกจากกัญญ์วราจะทำหน้าที่แม่บ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอตื่นนอนแต่เช้าทำความสะอาดบ้านและห้องนอนของชายหนุ่มขณะที่เขาลงไปออกกำลังกาย จากนั้นก็เตรียมอาหารเช้าง่าย พอตกเย็นก็แวะซื้อของสดที่ซุเปอร์มาร์เก็ตเพื่อมาทำอาหารให้เขา อันที่จริงกัญญ์วราก็อยากไปซื้อของในตลาดสดมากกว่าเพราะราคาถูกกว่ากันมาก แต่บริเวณที่เธออยู่นั้นไม่มีตลาดสดเลย ถ้าจะนั่งรถไปซื้อก็คงกินเวลาไปมาก และภูเมฆาก็เป็นคนบอกให้เธอซื้อที่นี่เพราะประหยัดเวลาได้มากขณะที่กำลังคิดว่าจะเมนูอะไรให้กับเจ้านายสำหรับมื้อเย็นพี่ฟ้าก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจนทุกคนในแผนกตกใจ“ข่าวใหญ่ๆ”“ข่าวอะไรฟ้า วิ่งหน้าตื่นมาเชียว”“ฟ้าได้ยินแผนกวิศวะคุยกันว่าบอสของเราโดนแทง”“อะไรนะคะพี่ฟ้า ใครโดนแทง” กัญญ์วราภาวนาให้ตนเองหูฟาด“ก็บอสของเรานะสิ โดนแทง”“ใครแทงคะ แล้วเจ็บมากไหม”“คนงานเมาทะเลาะกันแล้วบอสไปห้ามก็เลยโดนแทง ตอนนี้กำลังพาไ
“พี่ภูไปนอนในห้องดีกว่าไหม ตรงนี้นอนไม่สบายหรอกค่ะ เดี๋ยวใบตองพาไปนะคะ”“ไม่เป็นไรพี่อยากนอนตรงนี้”“แต่มันไม่สบายเหมือนนอนบนเตียงนะคะ” กัญญ์วราสังเกตว่าเขามีท่าทีแปลกก็เลยเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงใย“พี่ภู ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะบอกใบตองได้นะ”“ไม่มีอะไรหรอก”“แต่ใบตองว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เล่าให้ใบตองฟังนะคะ”“พี่ไม่รู้ว่าควรเล่าดีไหม เรื่องมันนานมาแล้ว” ภูเมฆาคิดว่าตนเองลืมเรื่องนี้ไปสนิทแล้วแต่พอวันนี้ภาพในวันเก่าๆ มันก็ชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง ความทรงจำที่เขาอยากจะลืมไปให้หมด“เรื่องมันนานมาแล้วแต่พี่ภูยังเก็บมาคิดอีก แสดงว่ามันต้องสำคัญมากๆ ใช่ไหมคะ”“อือ”“เล่ามาเถอะค่ะ พี่ก็รู้ใบตองเป็นผู้ฟังที่ดี”“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่โดนแทง”“อะไรนะคะ แล้วครั้งแรกตอนไหนคะ”“น่าจะห้าขวบได้มั้ง”“พี่ภู” กัญญ์วราขยับเข้ามานั่งบนพื้นขณะที่เขานอนเล่าอยู่บนโซฟา แล้วหันหน้าออกมาทางที่เธอนั่งอยู่ ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างเพียงนิด เธอเห็นความเจ็บปวดอยู่ในแววตาคู่นั้นภูเมฆาหลับตาลงจากนั้นก็เล่าเรื่องราวในอดีตของตนเองให้กับกัญญ์วราฟังเรื่องมันเกิดขึ้นในขณะที่เขายังเด็กมาก แต่ชายหนุ่มก็จำไ
ภูเมฆาหลับไปนานพอสมควร เขารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกัญญ์วรากลับเข้ามา“ใบตองเหรอ” เขาถามออกไปทั้งที่ยังไม่ลืมตา“ใบตองเองค่ะพี่ภู ขอโทษนะคะที่ทำเสียงดังจนพี่ตื่น”“เอาน้ำให้หน่อยได้ไหมคอแห้งมากเลย”“ได้ค่ะ ใบตองซื้อน้ำส้มมาด้วย คั้นสดๆ เลยนะคะ” เธอส่งน้ำส้มขวดเล็กให้ก่อนจะเดินกลับมาเก็บของที่เพิ่งซื้อมาเข้าตู้เย็น“อร่อยดีไม่เปรี้ยวอย่างที่คิดนะ”“ถ้าชอบเดี๋ยววันหลังใบตองจะซื้อให้อีกนะคะ ไหนๆ ที่ภูก็ตื่นมาแล้วใบตองจะถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไรคะ”“เอาเหมือนตอนกลางวันก็ได้นะ อร่อยดี”“ไม่เบื่อเหรอคะ”“ยังไม่เบื่อนะ” ภูเมฆาเป็นคนกินง่ายไม่ว่ากัญญ์วราจะทำเมนูไหนเขาก็ทานได้หมด“ได้ค่ะ ว่าแต่พี่ภูมียาก่อนอาหารไหมคะ เดี๋ยวใบตองดูให้ค่ะ” เมื่อเห็นเขาจะลุกจากโซฟากัญญ์วราเลยรีบเดินมาหยิบถุงย่าที่อยู่บนโต๊ะทานข้าว เธอเปิดถุงยาของเขาดูอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไม่มีก็เก็บเข้าที่เดิม“ไม่มีใช่ไหม”“ไม่มีค่ะ”กัญญ์วราลงมือทำอาหารเย็นอีกครั้งนอกจากจะมีข้าวผัดกุ้ง ต้มจืดเต้าหู้หมูสับแล้วเธอยังเพิ่มฉู่ฉี่กุ้งอีกอย่างเพราะเห็นว่ากุ้งที่ซื้อมายังพอทำได้อีกเมนู“อาหารพร้อมแล้วค่ะพี่ภู” กัญญ์วราเดินไป
เช้าวันใหม่กัญญ์วราตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อลงไปซื้อโจ๊กมาให้กับภูเมฆา และยังทำอาหารกลางวันใส่กล่องไว้ให้เขาอุ่นทานอีกด้วย“พี่ภูรอตรงนี้เดี๋ยวใบตองไปเอาโจ๊กมาให้นะคะ”“ไม่เป็นไรพี่เดินไปกินเองได้”“แต่หน้าพี่ไม่ดีเลย ไหนดูซิมีไข้หรือเปล่า” กัญญ์วราเอามือแตะหน้าผากของเขาเพื่อวัดไข้“พี่ว่าไม่มีแล้วนะ”“ยังตัวอุ่นๆ อยู่เลยค่ะเดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักนะคะ ถ้าไม่ไหวจริงก็โทรหาใบตองหรือจะโทรเรียกรถพยาบาลก็เลือกมาหนึ่งอย่าง”“ถ้าไม่ไหวพี่จะโทรหาใบตองก็แล้วกัน”พอเขารับปากแบบนั้นกัญญ์วราก็รีบเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางลงบนเตียงจากนั้นก็ตามด้วยชามโจ๊ก แก้วน้ำและยาหลังอาหาร“รีบกินนะคะ จะได้กินยาแล้วเช้านี้ก็ห้ามอาบน้ำเด็ดขาด”“ใบตองไม่กินด้วยกันเหรอ”“ใบตองกินแซนด์วิชแล้วค่ะ ทำเผื่อพี่ภูด้วยนะคะอยู่ในตู้เย็น ส่วนกลางวันใบตองก็ทำกับข้าวไว้ให้แล้วพี่ภูก็แค่เอาออกมาอุ่น ทำได้ใช่ไหมคะ”“ได้สิ พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ภูเมฆายิ้มกับท่าทางห่วงใยของหญิงสาวที่ทำเหมือนกับเขาเป็นเด็กที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้“ใบตองรู้ว่าพี่ภูไม่ใช่เด็ก แต่เวลาคนเราป่วยก็มักจะกลับไปเป็นเด็กด้วยกันทั้งนั้น ตอนใบตองไม่สบายเป็นช่วงที่ใบตองมีค
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”
เช้าวันจันทร์กัญญ์วราก็มาทำงานตั้งแต่เช้าเหมือนอย่างทุกครั้งแต่พอมาถึงแผนกก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะพี่ฟ้ามาถึงที่ทำงานก่อนทั้งพี่ปกติแล้วพี่ฟ้าจะเข้ามาทำงานทีหลังเธอครึ่งชั่วโมง “สวัสดีค่ะพี่ฟ้า วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ” “สวัสดีจ้ะใบตอง” “พี่ฟ้ามองหน้าใบตองแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่า” “อันที่จริงพี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ถามก็คงไม่สบายใจและระแวงอยู่แบบนี้แน่ๆ เอาเป็นว่าพี่จะถามคำถามใบตองสักคำถามหนึ่งถ้าคำตอบคือไม่ใช่ใบตองต้องสัญญาว่าจะไม่ถามอะไรเพิ่มเติม” “พี่ฟ้า ทำไมมันซับซ้อนจังคะ ใบตองชักจะกลัวกับคำถามของพี่แล้วนะคะ” “คำถามง่ายเองๆ”“อย่าเพิ่งถามได้ไหม รอให้มะเหมี่ยวมาก่อน” “เรื่องนี้มันเป็นความลับพี่ไม่อยากให้คนอื่นรู้พี่ถึงต้องมาคุยกับใบตองตั้งแต่เช้าไงล่ะ” “ใบตองใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ พี่ฟ้าจะถามอะไรคะ แล้วถ้าคำตอบไม่ดี พี่จะฟ้าจะประเมินให้ใบตองผ่านงานไหม” “คะแนนประเมินของใบตองกับมะเหมี่ยวพี่ส่งให้พี่พรตั้งแต่วันศุกร์แล้วเพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับคะแนนเลย” “แบบนี้ค่อย
กลับมาถึงห้องพักกัญญ์วราก็รีบขอตัวไปอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัวจากไอศกรีมที่เปื้อนตอนที่ชนกับเลขาของภูเมฆา อาบน้ำเสร็จเธอก็ออกมายังมุมของระเบียงเพื่อนอนดูดาวและฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ไม่นานนักภูเมฆาก็ตามออกมานั่งด้วย “ชอบที่นี่ไหม” “ค่ะ บรรยากาศดีมาก วิวกลางคืนก็สวยค่ะ” เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเธอจึงมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน “ระหว่างทะเลกับภูเขาใบตองชอบอะไรมากกว่ากัน” “ชอบทะเลค่ะ เพราะตอนที่ยังเป็นเด็ก หนูอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ก็เลยเห็นภูเขามาเยอะแล้ว” “พี่ภูล่ะคะ” “พี่ก็ชอบทะเลนะ พี่ได้เที่ยวทะเลครั้งแรกก็ตอนเรียนอยู่ ม.4 ถ้าคุณครูที่โรงเรียนไม่ให้มีการจัดทัศนศึกษาพี่ก็คงไม่มีโอกาสหรอก เรื่องเที่ยวสำหรับพี่ตอนนั้นมันไกลตัวมาก” “ตอนนี้พี่ภูมีทุกอย่างแล้วพี่เที่ยวบ่อยไหมคะ” “ไม่นะ ส่วนใหญ่ก็จะทำงานแล้วถือโอกาสเที่ยว ถ้าตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ น้อยมาก” “ทำไมล่ะคะ พี่ภูมีเงินตั้งเยอะ” “ไปเที่ยวคนเดียวมันไม่สนุกหรอกนะใบตอง” น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าและตัดพ
กัญญ์วราเลือกซื้ออาหารและเดินทานไปด้วยบางครั้งก็หันมาป้อนให้คนตัวโตที่เดินอยู่ข้างๆ การเดินเที่ยวแบบนี้ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับคู่รักที่มาออกเดตและนั่นก็ทำให้หญิงสาวเดินยิ้มอย่างมีความสุข แต่คงเพราะเอาแต่ยิ้มและอยู่กับความคิดของตัวเองมากไปหน่อยเธอเลยเดินชนกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” กัญญ์วรารีบขอโทษ “ไม่เป็นไรค่ะ” อีกคนก็เดินเหม่อมาเหมือนกันเลยไม่ติดใจอะไร “เป็นอะไรไหมคะ” “พี่ไม่เป็นไรค่ะ แต่เสื้อน้องเลอะไปหมดแล้ว ไปหาที่เปลี่ยนก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวพี่ซื้อตัวใหม่ให้” พอหญิงสาวคนนั้นพูดกัญญ์วราเลยก้มหน้ามองก็เห็นว่าเสื้อยืดของตัวเองนั้นเปื้อนไปด้วยคราบไอติมเต็มไปหมด “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง” “ใบตองมันยืนทำอะไรอยู่” ภูเมฆาที่เดินล่วงหน้าไปแล้วย้อนกลับมาตามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่เดินตามเขาไปที่รถ “บอส” “คุณดา” “บอสมาเที่ยวเหรอคะ” “ครับ” กัญญ์วรามองหน้าคนรักสลับกับผู้หญิงที่เธอเดินชนแล้วก็พอจะเดาออกว่าเธอน่าจะเป็นเลขาของภูเมฆาเพราะเคยได้ย