วันนี้กัญญ์วรากลับบ้านเร็วกว่าทุกครั้งเพราะอาจารย์ปล่อยก่อนเวลาเพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมตัวก่อนจะเริ่มไปฝึกงานในวันจันทร์หน้า เนื่องจากบางคนก็ต้องหาเช่าหอใหม่เพราะที่ฝึกงานอยู่ไกลแต่สำหรับกัญญ์วราแล้วนับว่าโชคดีที่บริษัทไม่ได้ไกลมากเท่าไหร่เธอจึงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก
“วันนี้ทำไมกลับเร็วล่ะ” นภาวรรณหรือน้าวรรณถามด้วยความแปลกใจเพราะปกติแล้วลูกเลี้ยงของเธอจะเลิกเรียนก็เกือบจะห้าโมงเย็น
“อาจารย์ปล่อยก่อนเวลาค่ะ แล้ววันนี้น้าวรรณไม่ออกไปไหนเหรอคะ” เธอเห็นว่านภาวรรณยังสวมชุดนอนอยู่ก็อดจะถามไม่ได้
“แกกำลังจะว่าฉันไม่ออกทำงานใช่ไหมล่ะ”
“ใบตองไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อยก็แค่แปลกใจ”
“ก็ขอให้มันจริงเหอะ แล้วเย็นนี้แกจะไปทำงานที่ร้านเหล้าไหม”
“ไปค่ะ น้ามีอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าได้ค่าจ้างมาแล้วก็ไปจ่ายค่าเช่าด้วยนะ”
“อ้าว แล้วเงินที่ใบตองให้น้าไปจ่ายเมื่ออาทิตย์ก่อนล่ะ”
“ฉันเอาไปหมุนหมดแล้ว”
“โธ่ เมื่อไหร่น้าจะเลิกเข้าบ่อนสักที ก็รู้อยู่ว่ามันมีแต่เสีย”
“อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า ฉันรู้ว่าแกมีเงิน”
“เงินที่มีใบตองก็ต้องเก็บไว้ใช้จ่ายบ้าง ถ้าน้าวรรณเอาแต่ใช้เงินแล้วไม่หาแบบนี้ก็แย่สิคะ”
“แกจะบ่นให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะ เอาน่าจ่ายๆ ไปก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะหามาใช้ให้” นภาวรรณเพิ่งตกลงบางอย่างกับเสี่ยสมานและพรุ่งนี้หน้าเธอก็จะได้เงินมาก้อนโต
“วันนี้ยังไม่มีแล้วพรุ่งนี้น้าจะไปหามาจากไหน”
“ฉันก็มีลู่ทางทำมาหากินของฉันแล้วกันน่าแกอย่ารู้เลย”
“คงไม่ใช่ไปทำงานผิดกฎหมายนะคะ” กัญญ์วรารู้สึกเป็นห่วง
“ฉันไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นหรอกน่า”
“ถ้าน้ารู้จักไปทำงานก็ดีค่ะ เพราะถ้าใบตองเรียนจบแล้วใบตองว่าจะย้ายออกแล้วไปเช่าหออยู่”
“แล้วบ้านนี้ใครจะจ่ายค่าเช่าล่ะ”
“ถ้าน้าวรรณอยากอยู่ต่อก็จ่ายค่าเช่าเอง”
“แกนี่มันใจร้ายชะมัดเลยนะใบตอง”
“ถ้าใบตองใจร้ายจริงใบตองก็ย้ายออกนานแล้วค่ะ เงินที่เราได้จากพ่อก็ได้เท่าๆ กันแต่ที่ผ่านมาใบตองจ่ายค่าเช่ามาตลอด น้าไม่เคยจ่ายเลย แล้วจะมาว่าใบตองใจร้ายได้ยังไง” ที่กัญญ์วรายังไม่ย้ายออกก็เพราะเห็นว่าที่นี่ใกล้กับมหาวิทยาลัย แต่ถ้าเรียนจบแล้วจะให้เธอเช่าต่อก็คงไม่ไหวเพราะค่าเช่ามันมากกว่าเช่าหออยู่เกือบเท่าตัว แล้วเงินที่พ่อทิ้งไว้ให้ก็เริ่มจะร่อยหรอลงไปทุกที
ก่อนพ่อเสียชีวิตพ่อได้ทำประกันชีวิตไว้แล้วระบุในกรมธรรม์ว่าให้เธอกับนภาวรรณคนละครึ่งจำนวนเงินไม่ได้มากเท่าไหร่แต่มันก็พอสำหรับค่าเทอมและค่าเช่าบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาหนึ่งปีกัญญ์วราเป็นคนจ่ายค่าเช่าคนเดียวมาตลอด ถึงตอนนี้เธอก็เริ่มจะไม่ไหวเพราะนอกจากนภาวรรณจะไม่ช่วยค่าใช้จ่ายแล้วยังเอาเงินค่าเช่าที่เธอฝากให้เจ้าของบ้านไปเข้าบ่อนอีกด้วย
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อกัญญ์วราก็คงลำบากเพราะเรียนจบเธอก็ต้องหางานทำจะให้มารับผิดชอบทุกอย่างก็คงเป็นไปไม่ได้ นภาวรรณเข้ามาอยู่กับบิดาของกัญญ์วราเพียงไม่ถึงสองปีจึงไม่มีความผูกพันอะไรมาก
“อยากย้ายก็ย้ายเลย ฉันไม่ง้อแกหรอกย่ะ” นภาวรรณกำลังคิดถึงเงินก้อนโตที่ตัวเองจะได้จากการกู้เสี่ยสมานซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนที่เธอเข้าไปเล่นเป็นประจำ
พอวันรุ่งขึ้นนภาวรรณก็เอาเงินค่าเช่ามาคืนให้กับกัญญ์วราซึ่งทำให้หญิงสาวแปลกใจมากที่จู่ๆ แม่เลี้ยงของเธอก็มีเงินมาคืน
อีกห้าวันก็จะเริ่มไปฝึกงานแล้วกัญญ์วราเลยอ่านหนังสือทบทวนความรู้อยู่ที่บ้าน แต่ก็ต้องวางหนังสือลงเมื่อได้ยินเสียงนภาวรรณคุยกับใครสักหญิงสาวเลยเดินออกมาดู
“คนนี้เหรอ”
“อือ”
“แน่นะว่ายังซิง”
“แน่นอน”
“ให้เท่าไหร่”
“สองแสน”
“สองแสนห้าไม่ได้เหรอ รับรองว่าเสี่ยจะไม่ผิดหวัง”
“ถ้าย้อมแมวขายคงรู้นะว่าเสี่ยจะจัดการยังไง”
“รับประกันได้เลย ฉันต้องได้เงินสดแสนหนึ่งนะ”
“ถ้าของถูกใจเสี่ยจะเพิ่มให้ด้วย”
กัญญ์วรายังจับใจความยังไม่ได้ว่านภาวรรณกำลังพูดถึงอะไร แต่เธอเห็นสายตาของผู้ชายที่ยืนอยู่แล้วไม่น่าไว้ใจเลยหันหลังจะเดินกลับเข้าบ้าน
“อ้าว จะไปไหนล่ะหนู” ชายคนหนึ่งรูปร่างกำยำเดินเข้ามาขวางกัญญ์วราไว้
“หลีกทางหน่อยค่ะ ฉันจะเข้าบ้าน”
“จะเข้าไปทำให้เสียเวลาไปกับเสี่ยเถอะ” ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของชายคนแรกพูดขึ้น
“ทำไมฉันจะต้องไปกับคุณด้วยล่ะ” กัญญ์วราหันมาถาม
“อ้าว ไหนว่าเด็กมันยอมไงล่ะวรรณ” เสี่ยสมานหันมาถาม
“ตอนนี้ยังไม่ยอมเดี๋ยวมันก็ยอมเองนั่นแหละ ลูกน้องเสี่ยมีตั้งเยอะจะกลัวอะไร”
“น้าวรรณหมายความว่ายังไงคะ ใครยอมอะไร” กัญญ์วราสงสัยกับคำพูดของแม่เลี้ยง
“อย่าเสียเวลาถามเลยน่า หนูไปอยู่กับเสี่ยเถอะรับรองเสี่ยจะเลี้ยงอย่างสุขสบายเลย”
“ใครจะไปอยู่กับเสียกันล่ะปล่อยฉันนะ” เธอสะบัดแขนออกจากมือของเสี่ยที่มองเธอราวกับเป็นของเล่นชิ้นโปรด
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย ยังไงวันนี้เธอก็ต้องไปอยู่กับเสี่ย”
“ขอเหตุผล” กัญญ์วราถามเสียงแข็ง
“ก็น้าของเธอขายเธอให้ฉันแล้วไงล่ะ”
“ตลกแล้วเสี่ย ฉันไม่ใช่สิ่งของนะจะมาขายได้ยังไง”
“แต่น้าของเธอเอาเงินจากฉันไปแล้วนะ ไหนจะหนี้ที่ติดไว้อีก”
“ให้เงินใครไปก็ไปเอากับคนนั้นสิ จะมาเอาที่ฉันได้ยังไงล่ะ” กัญญ์วราไม่มีทางยอม
“อย่าเรื่องมากเลยใบตอง น้าว่าแกยอมๆ ไปกับเสี่ยเถอะ เสียเงินทองเยอะแยะแกจะสบายไปทั้งชาติ” นภาวรรณช่วยกล่อม
“น้าวรรณก็ไปเองสิ”
“โอ๊ย นังนี่ อย่ามาย้อนนะ”
“ก็น้าวรรณบอกว่าดีก็ไปเองสิ” กัญญ์วราเถียงไม่เลิก
“อย่าเสียเวลาเลย ไอ้คมจับขึ้นรถ” เสี่ยสมานออกคำสั่งเพราะถ้ายังเถียงกันอยู่แบบนี้เขากลัวว่าชาวบ้านใกล้เคียงจะได้ยินแล้วมีคนเอาไปบอกภรรยาของเขา
“อย่าเข้ามานะ”
“ตัวเท่าลูกหมาทำเก่ง” ชายร่างกำยำหัวเราะก่อนจะเดินมาอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินออกจากรั้วบ้าน
กัญญ์วราทั้งตีทั้งทุบปากก็ร้องตะโกนให้คนช่วย แต่เพราะเป็นเวลากลางวันคนแถวนี้ออกไปทำงานกันหมดจึงมีใครได้ยิน
ปริ๊น! ปริ๊น!เสียงแตรรถทำให้คนที่กำลังอุ้มกัญญ์วราอยู่ตกใจและไม่ทันระวังหญิงสาวจึงดิ้นจนตัวเองหลุดออกมาได้ เธอรีบวิ่งไปขวางรถคันนั้นพร้อมทั้งตะโกนขอความช่วยเหลือ“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ พวกนั้นกำลังจะจับฉัน” เธอวิ่งมาเคาะกระจกฝั่งคนขับรัวๆคนที่นั่งอยู่ด้านในที่เห็นว่าเมื่อครู่หญิงสาวกำลังจะถูกอุ้มขึ้นรถก็รีบเปิดประตูลงมาเพราะถ้าปล่อยให้เธอถูกจับไปเขาก็คงรู้สึกผิดมาก“อ้าว เธอนั้นเอง” ภูเมฆาตกใจไม่น้อยที่เปิดประตูรถออกมาแล้วเห็นว่าผู้หญิงที่กำลังจะถูกจับไปนั้นคือกัญญ์วรา“คุณภู คุณภูช่วยใบตองด้วยพวกนั้นจะจับใบตองใบ”“ผมว่าคุณอย่ายุ่งเลย ปล่อยเธอมาดีกว่า” ชายร่างกำยำเดินตรงเข้ามาขณะที่กัญญ์วรานั้นไปหลบอยู่หลังภูเมฆาอย่างต้องการที่พึ่ง”“ไม่นะคุณภู” หญิงสาวเกาะแขนเขาแน่น“ในเมื่อเธอไม่เต็มใจไปด้วยฉันว่าพวกนายปล่อยเธอไปดีกว่านะ”“ไม่จำเป็นหรอกว่าจะเต็มใจไหม ในเมื่อน้าเธอรับเงินไปแล้ว ยังไงวันนี้ใบตองก็ต้องไปกับฉัน”“ก็บอกแล้วไงว่าใครรับเงินก็เอาคนนั้นไปสิ เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” กัญญ์วราเถียง“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ใบตอง เธอรับเงินเขามาหรือเปล่า” ภูเมฆาถามเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเก็บช่วยอะไรเธอ
“คุณภูจะจ้างใบตองจริงๆ ใช่ไหมคะ” กัญญ์วราถามย้ำ“อือ”“จะจ้างนานไหม ต้องเซ็นสัญญาหรือเปล่าคะ”“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอก เธออาจจะอยากไปหางานอื่นหลังเรียนจบแล้วก็ได้”“แล้วถ้าใบตองทำงานด้วยแล้วรับจ้างคุณภูไปด้วยได้ไหมคะ”“ได้สิ”เมื่อตกลงกันได้แล้วกัญญ์วราก็เก็บของต่ออีกนิดหน่อยก็พอดีกับได้ยินเสียงเสี่ยสมานที่มาเรียกลูกน้องให้กลับเพราะได้เงินตามที่ตัวเองต้องการแล้วภูเมฆาพากัญญ์วรามายังคอนโดมิเนียมของตนเองจากนั้นก็ช่วยกันเอาของลงจากรถโดยมีแม่บ้านประจำคอนโดและนิติกรที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์เข้ามาช่วย“ของเยอะเลยนะครับคุณภู”“ครับคุณวินัย”“น้องสาวเหรอครับ” นิติการมองหน้ากัญญ์วราสลับกับภูเมฆาที่ดูคล้ายกันจนคิดว่าเป็นน้องสาวของชายหนุ่ม“ครับ” เมื่อนิติกรเข้าใจอย่างนั้นภูเมฆาก็ไม่อยากอธิบายอะไรเพราะมันก็ดีกับเขาและกัญญ์วราถ้าคนอื่นจะคิดว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน“คุณภูทำไมบอกเขาไปแบบนั้นล่ะคะ” กัญญ์วราถามเมื่อขึ้นมาถึงบนห้องแล้ว “แล้วจะให้บอกว่าเป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นลูกจ้าง เป็นแม่บ้านไงคะ” “ถ้าผมบอกไปแบบนั้นแม่บ้านประจำที่นี่มาได้ยินก็คงไม่ค่อยชอบหน้าใบตองแน่ เพราะเ
“พี่ภูชอบกินพิซซ่าเหรอคะ” กัญญ์วราถามชายหนุ่มขณะที่รอให้พนักงานนำพิซซ่ามาเสิร์ฟ“กินแล้วมันทำให้พี่คิดถึงวัยเด็ก”“มีคนบอกว่าคนที่ชอบพูดถึงเรื่องอดีตจะเป็นคนแก่ แต่พี่ภูยังไม่แก่เลยนะคะ”“พี่อายุ 35 แล้วนะใบตอง”“35 แล้วไงอาจารย์ของใบตอง 40 กว่ายังบอกว่าตัวเองวัยรุ่นอยู่เลย ของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจค่ะ ถ้าใจเราไม่แก่เราก็จะไม่แก่”“เข้าใจพูดนะ” ภูเมฆายิ้มอย่างผ่อนคลายเมื่อพนักงานนำพิซซ่ามาเสิร์ฟภูเมฆาก็ได้แต่นั่งจ้องจนกัญญ์วราไม่กล้าหยิบขึ้นมาทานเพราะเห็นเขาจ้องเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง“พี่ภูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“เปล่าๆ” เขารีบปฏิเสธก่อนแล้วหยิบพิซซ่าขึ้นมาทานไปสองชิ้นก็รู้สึกอิ่มขณะที่กัญญ์วรายังคงนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย“ใบตองรู้ไหม ตอนเด็กๆ กว่าพี่จะได้กินพิซซ่าต้องรอแล้วรออีก” ภูเมฆาพูดเรื่องในอดีตขึ้นทั้งที่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมานั่งทานพิซซ่าในร้านกับเขาเนื่องจากที่ผ่านมาเขามักจะสั่งไปทานที่ห้องคนเดียว“ใบตองก็เหมือนกันค่ะ พ่อบอกว่ามันแพงถ้าเราเอาเงินค่าพิซซ่าไปซื้อกับข้าวก็จะได้หลายมื้อ ที่บ้านพี่ภูก็เป็นเหมือนกันเหรอคะ”
หลายวันแล้วที่กัญญ์วราย้ายมาอยู่กับภูเมฆาเธอกับเขาทานอาหารเช้าและเย็นด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูง่ายๆ“พี่ภูคะ พรุ่งนี้เช้าใบตองจะทำข้าวต้มกุ้งไว้ให้นะคะ ถ้ามันไม่ร้อนพี่ภูอุ่นเอานะคะ” กัญญ์วราบอกชายหนุ่มที่นั่งดูทีวีอยู่กลางห้องรับแขก“จะทำตั้งแต่เช้าเลยเหรอ”“ค่ะพรุ่งนี้ใบตองต้องไปฝึกงานแล้วค่ะ”“จริงสิ พี่ลืมไปเลยแล้วไปฝึกที่บริษัทไหนล่ะ ไกลจากที่นี่ไหม ต้องออกแต่เช้าหรือเปล่า”“ฝึกที่บริษัท PM Real estate ค่ะ พี่ภูรู้จักไหมคะ”“อะไรนะใบตอง”“บริษัท PM Real estate ค่ะ” กัญญ์วราย้ำอีกครั้ง“ไปฝึกที่แผนกไหนล่ะ”“แผนกบัญชีค่ะ”“อ้อ”“พี่ภูทำหน้าแปลกๆ”“ก็นั้นมันบริษัทของพี่”“ล้อเล่นหรือเปล่าคะ จะเป็นไปได้ยังคะ”“มันเป็นไปแล้ว งั้นใบตองก็ไปทำงานพร้อมกับพี่เลย”“ไม่ได้หรอกค่ะ ใบตองไม่อยากให้ใครรู้ว่ารู้จักกับพี่ภู” กัญญ์วรารีบปฏิเสธเสียงแข็งพลางสั่นศีรษะ“จะกลัวอะไรพี่ไม่ได้เป็นคนให้คะแนนสักหน่อย”“ไม่ได้กลัวเรื่องนั้นค่ะ”“แล้วกลัวอะไร”“กลัวพี่ภูจะเสียหายถ้าคนอื่นรู้ว่าใบตองมาอยู่กับพี่ภู”“พี่เป็นผู้ชายนะจะเสียหายยังไง” ภูเมฆาพูดพลางหัวเราะกับความคิดของกัญญ์วรา“พี่ภูอย่าขำสิคะ
“สุดยอดเลยค่ะพี่ แบบนี้มะเหมี่ยวชักอยากทำงานที่นี่แล้ว เขารับพนักงานเพิ่มไหมคะ”“ถ้าเป็นแผนกบัญชียังไม่รับจ้ะ แต่แผนกอื่นพี่ก็ไม่แน่ใจเพราะบริษัทเพิ่งได้งานใหญ่มาก็คงต้องการคนเพิ่ม”“ว้าแย่จังมะเหมี่ยวนึกว่าจะได้ทำงานเสียอีก”“มะเหมี่ยวลืมไปหรือเปล่าว่าที่บ้านตัวเองก็มีบริษัทนะ จะไม่กลับไปช่วยงานที่บ้านเหรอ” กัญญ์วราเตือนสติเพื่อน“ก็ที่นี่น่าสนใจกว่านี่ เจ้านายก็หล่อด้วย”สี่สาวจบบทสนทนากับแค่นั้นเพราะอาหารที่พวกเธอสั่งมาเสิร์ฟแล้ว หลังทานอาหารกลางวันเสร็จพี่ทั้งสองคนก็กลับขึ้นไปด้านบนส่วนกัญญ์วราและธิชากรก็ขอเดินเล่นดูร้านต่างๆ รอบบริษัทซึ่งรุ่นพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ขอให้กลับขึ้นไปก่อนบ่ายโมง ทั้งสองคนพากันมายังร้านกาแฟที่อยู่ไกลออกมาอีกสองช่วงตึกระหว่างนั้นธิชากรก็ไลน์ถามรุ่นพี่ทั้งสองว่าจะกินอะไรเพราะพวกเธอจะซื้อขึ้นไปฝาก พอได้คำตอบแล้วก็มานั่งรอที่มุมหนึ่งของร้าน “มะเหมี่ยว” “ว่าไง” ธิชากรที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ขานรับเพื่อนแต่ยังไม่ยอมละมือออกจากหน้าจอ “เรามีความลับจะบอก” “อือ บอกมาเลย” “มะเหมี่ยว เราจริงจังนะ” เมื่อเห็นเพ
การได้ฟังเรื่องราวของภูเมฆาจากรุ่นพี่ทำให้กัญญ์วราปลื้มในตัวชายหนุ่มมากขึ้น ไม่ใช่เพราะเขาหล่อหรือรวยแต่เพราะชอบที่เขาเป็นคนขยันและสร้างตัวขึ้นมาได้ด้วยตนเองถึงแม้ไม่มีแรงสนับสนุนจากครอบครัวก็ตามในทุกวันที่อยู่ร่วมกันนอกจากกัญญ์วราจะทำหน้าที่แม่บ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอตื่นนอนแต่เช้าทำความสะอาดบ้านและห้องนอนของชายหนุ่มขณะที่เขาลงไปออกกำลังกาย จากนั้นก็เตรียมอาหารเช้าง่าย พอตกเย็นก็แวะซื้อของสดที่ซุเปอร์มาร์เก็ตเพื่อมาทำอาหารให้เขา อันที่จริงกัญญ์วราก็อยากไปซื้อของในตลาดสดมากกว่าเพราะราคาถูกกว่ากันมาก แต่บริเวณที่เธออยู่นั้นไม่มีตลาดสดเลย ถ้าจะนั่งรถไปซื้อก็คงกินเวลาไปมาก และภูเมฆาก็เป็นคนบอกให้เธอซื้อที่นี่เพราะประหยัดเวลาได้มากขณะที่กำลังคิดว่าจะเมนูอะไรให้กับเจ้านายสำหรับมื้อเย็นพี่ฟ้าก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจนทุกคนในแผนกตกใจ“ข่าวใหญ่ๆ”“ข่าวอะไรฟ้า วิ่งหน้าตื่นมาเชียว”“ฟ้าได้ยินแผนกวิศวะคุยกันว่าบอสของเราโดนแทง”“อะไรนะคะพี่ฟ้า ใครโดนแทง” กัญญ์วราภาวนาให้ตนเองหูฟาด“ก็บอสของเรานะสิ โดนแทง”“ใครแทงคะ แล้วเจ็บมากไหม”“คนงานเมาทะเลาะกันแล้วบอสไปห้ามก็เลยโดนแทง ตอนนี้กำลังพาไ
“พี่ภูไปนอนในห้องดีกว่าไหม ตรงนี้นอนไม่สบายหรอกค่ะ เดี๋ยวใบตองพาไปนะคะ”“ไม่เป็นไรพี่อยากนอนตรงนี้”“แต่มันไม่สบายเหมือนนอนบนเตียงนะคะ” กัญญ์วราสังเกตว่าเขามีท่าทีแปลกก็เลยเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงใย“พี่ภู ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะบอกใบตองได้นะ”“ไม่มีอะไรหรอก”“แต่ใบตองว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เล่าให้ใบตองฟังนะคะ”“พี่ไม่รู้ว่าควรเล่าดีไหม เรื่องมันนานมาแล้ว” ภูเมฆาคิดว่าตนเองลืมเรื่องนี้ไปสนิทแล้วแต่พอวันนี้ภาพในวันเก่าๆ มันก็ชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง ความทรงจำที่เขาอยากจะลืมไปให้หมด“เรื่องมันนานมาแล้วแต่พี่ภูยังเก็บมาคิดอีก แสดงว่ามันต้องสำคัญมากๆ ใช่ไหมคะ”“อือ”“เล่ามาเถอะค่ะ พี่ก็รู้ใบตองเป็นผู้ฟังที่ดี”“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่โดนแทง”“อะไรนะคะ แล้วครั้งแรกตอนไหนคะ”“น่าจะห้าขวบได้มั้ง”“พี่ภู” กัญญ์วราขยับเข้ามานั่งบนพื้นขณะที่เขานอนเล่าอยู่บนโซฟา แล้วหันหน้าออกมาทางที่เธอนั่งอยู่ ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างเพียงนิด เธอเห็นความเจ็บปวดอยู่ในแววตาคู่นั้นภูเมฆาหลับตาลงจากนั้นก็เล่าเรื่องราวในอดีตของตนเองให้กับกัญญ์วราฟังเรื่องมันเกิดขึ้นในขณะที่เขายังเด็กมาก แต่ชายหนุ่มก็จำไ
ภูเมฆาหลับไปนานพอสมควร เขารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกัญญ์วรากลับเข้ามา“ใบตองเหรอ” เขาถามออกไปทั้งที่ยังไม่ลืมตา“ใบตองเองค่ะพี่ภู ขอโทษนะคะที่ทำเสียงดังจนพี่ตื่น”“เอาน้ำให้หน่อยได้ไหมคอแห้งมากเลย”“ได้ค่ะ ใบตองซื้อน้ำส้มมาด้วย คั้นสดๆ เลยนะคะ” เธอส่งน้ำส้มขวดเล็กให้ก่อนจะเดินกลับมาเก็บของที่เพิ่งซื้อมาเข้าตู้เย็น“อร่อยดีไม่เปรี้ยวอย่างที่คิดนะ”“ถ้าชอบเดี๋ยววันหลังใบตองจะซื้อให้อีกนะคะ ไหนๆ ที่ภูก็ตื่นมาแล้วใบตองจะถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไรคะ”“เอาเหมือนตอนกลางวันก็ได้นะ อร่อยดี”“ไม่เบื่อเหรอคะ”“ยังไม่เบื่อนะ” ภูเมฆาเป็นคนกินง่ายไม่ว่ากัญญ์วราจะทำเมนูไหนเขาก็ทานได้หมด“ได้ค่ะ ว่าแต่พี่ภูมียาก่อนอาหารไหมคะ เดี๋ยวใบตองดูให้ค่ะ” เมื่อเห็นเขาจะลุกจากโซฟากัญญ์วราเลยรีบเดินมาหยิบถุงย่าที่อยู่บนโต๊ะทานข้าว เธอเปิดถุงยาของเขาดูอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไม่มีก็เก็บเข้าที่เดิม“ไม่มีใช่ไหม”“ไม่มีค่ะ”กัญญ์วราลงมือทำอาหารเย็นอีกครั้งนอกจากจะมีข้าวผัดกุ้ง ต้มจืดเต้าหู้หมูสับแล้วเธอยังเพิ่มฉู่ฉี่กุ้งอีกอย่างเพราะเห็นว่ากุ้งที่ซื้อมายังพอทำได้อีกเมนู“อาหารพร้อมแล้วค่ะพี่ภู” กัญญ์วราเดินไป
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”
เช้าวันจันทร์กัญญ์วราก็มาทำงานตั้งแต่เช้าเหมือนอย่างทุกครั้งแต่พอมาถึงแผนกก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะพี่ฟ้ามาถึงที่ทำงานก่อนทั้งพี่ปกติแล้วพี่ฟ้าจะเข้ามาทำงานทีหลังเธอครึ่งชั่วโมง “สวัสดีค่ะพี่ฟ้า วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ” “สวัสดีจ้ะใบตอง” “พี่ฟ้ามองหน้าใบตองแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่า” “อันที่จริงพี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ถามก็คงไม่สบายใจและระแวงอยู่แบบนี้แน่ๆ เอาเป็นว่าพี่จะถามคำถามใบตองสักคำถามหนึ่งถ้าคำตอบคือไม่ใช่ใบตองต้องสัญญาว่าจะไม่ถามอะไรเพิ่มเติม” “พี่ฟ้า ทำไมมันซับซ้อนจังคะ ใบตองชักจะกลัวกับคำถามของพี่แล้วนะคะ” “คำถามง่ายเองๆ”“อย่าเพิ่งถามได้ไหม รอให้มะเหมี่ยวมาก่อน” “เรื่องนี้มันเป็นความลับพี่ไม่อยากให้คนอื่นรู้พี่ถึงต้องมาคุยกับใบตองตั้งแต่เช้าไงล่ะ” “ใบตองใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ พี่ฟ้าจะถามอะไรคะ แล้วถ้าคำตอบไม่ดี พี่จะฟ้าจะประเมินให้ใบตองผ่านงานไหม” “คะแนนประเมินของใบตองกับมะเหมี่ยวพี่ส่งให้พี่พรตั้งแต่วันศุกร์แล้วเพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับคะแนนเลย” “แบบนี้ค่อย
กลับมาถึงห้องพักกัญญ์วราก็รีบขอตัวไปอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัวจากไอศกรีมที่เปื้อนตอนที่ชนกับเลขาของภูเมฆา อาบน้ำเสร็จเธอก็ออกมายังมุมของระเบียงเพื่อนอนดูดาวและฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ไม่นานนักภูเมฆาก็ตามออกมานั่งด้วย “ชอบที่นี่ไหม” “ค่ะ บรรยากาศดีมาก วิวกลางคืนก็สวยค่ะ” เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเธอจึงมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน “ระหว่างทะเลกับภูเขาใบตองชอบอะไรมากกว่ากัน” “ชอบทะเลค่ะ เพราะตอนที่ยังเป็นเด็ก หนูอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ก็เลยเห็นภูเขามาเยอะแล้ว” “พี่ภูล่ะคะ” “พี่ก็ชอบทะเลนะ พี่ได้เที่ยวทะเลครั้งแรกก็ตอนเรียนอยู่ ม.4 ถ้าคุณครูที่โรงเรียนไม่ให้มีการจัดทัศนศึกษาพี่ก็คงไม่มีโอกาสหรอก เรื่องเที่ยวสำหรับพี่ตอนนั้นมันไกลตัวมาก” “ตอนนี้พี่ภูมีทุกอย่างแล้วพี่เที่ยวบ่อยไหมคะ” “ไม่นะ ส่วนใหญ่ก็จะทำงานแล้วถือโอกาสเที่ยว ถ้าตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ น้อยมาก” “ทำไมล่ะคะ พี่ภูมีเงินตั้งเยอะ” “ไปเที่ยวคนเดียวมันไม่สนุกหรอกนะใบตอง” น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าและตัดพ
กัญญ์วราเลือกซื้ออาหารและเดินทานไปด้วยบางครั้งก็หันมาป้อนให้คนตัวโตที่เดินอยู่ข้างๆ การเดินเที่ยวแบบนี้ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับคู่รักที่มาออกเดตและนั่นก็ทำให้หญิงสาวเดินยิ้มอย่างมีความสุข แต่คงเพราะเอาแต่ยิ้มและอยู่กับความคิดของตัวเองมากไปหน่อยเธอเลยเดินชนกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” กัญญ์วรารีบขอโทษ “ไม่เป็นไรค่ะ” อีกคนก็เดินเหม่อมาเหมือนกันเลยไม่ติดใจอะไร “เป็นอะไรไหมคะ” “พี่ไม่เป็นไรค่ะ แต่เสื้อน้องเลอะไปหมดแล้ว ไปหาที่เปลี่ยนก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวพี่ซื้อตัวใหม่ให้” พอหญิงสาวคนนั้นพูดกัญญ์วราเลยก้มหน้ามองก็เห็นว่าเสื้อยืดของตัวเองนั้นเปื้อนไปด้วยคราบไอติมเต็มไปหมด “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง” “ใบตองมันยืนทำอะไรอยู่” ภูเมฆาที่เดินล่วงหน้าไปแล้วย้อนกลับมาตามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่เดินตามเขาไปที่รถ “บอส” “คุณดา” “บอสมาเที่ยวเหรอคะ” “ครับ” กัญญ์วรามองหน้าคนรักสลับกับผู้หญิงที่เธอเดินชนแล้วก็พอจะเดาออกว่าเธอน่าจะเป็นเลขาของภูเมฆาเพราะเคยได้ย