“ใบตองทางนี้” เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นเมื่อกัญญ์วราเดินมาถึงโรงอาหารของคณะ เธอมักจะมาทานอาหารเช้าที่นี่ก่อนเข้าเรียนเสมอ
“มาถึงนานหรือยังมะเหมี่ยว”
“เพิ่งมาถึงก่อนหน้าใบตองเองยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย ยังคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร” มะเหมี่ยวหรือธิชากรตอบเพื่อน
“ข้าวมันไก่ไหมเดี๋ยวเราไปซื้อเอง”
“ก็ได้นะ” หญิงสาวตอบเพื่อนส่วนตัวเองก็เดินไปซื้อเปล่ามารอ
พอทานอาหารเช้าเสร็จแล้วทั้งสองคนก็เดินมายังห้องเรียนซึ่งขณะนี้เพื่อนมากับเกือบจะครบแล้ว
“ใบตองเมื่อเช้าใครมาส่ง” พิรัชต์หรือพีสะกิดถาม
“อะไรนะ มีคนมาส่งไปใบตองเหรอ” ธิชากรที่นั่งอยู่อีกด้านชะโงกหน้ามาถาม
“ใช่สิ ฉันเห็นนะหล่อน รถคันหรูเชียว ตอบมาซะดีๆ ว่ามีหนุ่มที่ไหนมาส่ง”
“ไม่มีหนุ่มที่ไหนหรอกพี เราก็แค่บังเอิญติดรถเขามา”
“มันไม่มีหรอกเรื่องบังเอิญบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่บอกฉันจะประกาศให้คนรู้เลยว่าตอนนี้ใบตองของเราน่ะมีแฟนแล้ว”
“อย่านะพี”
“งั้นบอกมาสิ”
“เรื่องมันยาวเอาไว้พักกลางวันเราจะเล่าให้ฟังนะ”
“แน่นะอย่าเบี้ยวล่ะ”
“ไม่หรอกน่า ว่าแต่พีเถอะทำไมวันนี้ไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารล่ะ” กัญญ์วราเปลี่ยนเรื่องคุย
“เราไปกินข้าวกับน้องโอ๊ตมาจ้ะ”
“จีบติดแล้วงเหรอ” ธิชากรถามเพื่อนรักที่เพียรจีบหนุ่มรุ่นน้องคณะวิศวะมาถึงสองเดือนด้วยความตื่นเต้น
“ยังไม่ติด น้องเขาขอเป็นพี่เป็นน้องกันไปก่อน” พิรัชต์พูดด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“รีบหน่อยนะพี เดี๋ยวก็ต้องไปฝึกงานแล้ว” กัญญ์วราเตือนเพื่อนเพราะถ้าต้องออกไปฝึกงานข้างนอกก็ไม่ค่อยได้เข้ามาที่มหาวิทยาลัย
“นั่นสิ แล้วนี่เราจะได้ฝึกงานที่เดียวกันไหมนะ”
“เราก็ลุ้นอยู่เหมือนกันนะมะเหมี่ยว ถ้าไปฝึกด้วยกันก็ดีสิมีอะไรจะได้ช่วยกัน”
“คงยาก อาจารย์เขาให้ไปที่ละสองคนเองนะ ยกเว้นว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่มากๆ” พิรัชต์บอกเพื่อนตามที่ตัวเองได้ยินมาจากรุ่นพี่
“พวกเราไม่ได้เก่งขนาดนั้นคงยากที่จะได้ไปฝึกที่บริษัทใหญ่ๆ อาจารย์ไม่อยากให้พวกเราทำขายหน้าน่ะ”
“มาถึงตอนนี้แล้วเราขอแค่มีที่ฝึกงานก็พอ ถ้าจะให้ดีจบแล้วเขารับทำงานเลยก็คงจะดีมาก” กัญญ์วราอยากรีบเรียนให้จบเธอจะได้หางานทำ
“อดทนอีกนิดนะใบตอง อีกไม่กี่เดือนเอง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ย้ายมาอยู่กับเราก่อนก็ได้นะ”
“ขอบใจนะมะเหมี่ยว แต่ตอนนี่เรายังไหวอยู่”
“เราว่าถ้าใบตองเรียนจบหางานทำได้แล้วก็ย้ายออกเถอะ ให้น้าวรรณเขาพึ่งพาตัวเองบ้าง นี่อะไรวันๆ เอาแต่เข้าบ่อนแล้วมาขอเงินกับคนที่ยังเรียนไม่จบ” พิรัชต์บ่น
“เราก็คิดแบบนั้นแหละ แต่ไม่รู้ว่าจะใจร้ายเกินไปไหมถ้าให้น้าวรรณอยู่คนเดียว”
“ใบตองใจดีเกินไปแล้ว น้าวรรณเขาก็มีมือมีเท้า ควรทำมาหากินเองได้ อย่าลืมนะว่าเขาเป็นแค่เมียใหม่ของพ่อใช่แม่สักหน่อย เงินจากประกันชีวิตเขาก็ได้คนละครึ่งกับใบตองนะ แต่เขาใช้หมดก่อนเอง” ธิชากรที่รู้จักกับกัญญ์วรามาตังแต่เรียนอยู่ชั้น ม .4 ก็พูดขึ้น
“เราจะลองคุยกับน้าวรรณดู”
“อย่าใจอ่อนไปให้เงินเขาอีกนะ ใช้จ่ายแบบน้าวรรณเท่าไหร่ก็ไม่พอ” พิรัชต์รีบกำชับเพราะรู้ว่าเพื่อนเป็นคนใจอ่อน
“อือ” กัญญ์วราพยักหน้ารับ
ทั้งสามคนหยุดบทสนทนาไว้แค่นั้นเพราะอาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดี
วันนี้เป็นวันที่จะได้รู้ว่านักศึกษาแต่ละคนจะได้ไปฝึกงานที่ไหน ปีที่ผ่านมาอาจารย์จะเลือกให้ตามความเหมาะ แต่ปีนี้อาจารย์ปรับใหม่ให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกว่าอยากไปฝึกที่ไหนโดยการจับฉลากรายชื่อขึ้นมาแล้วให้นักศึกษาเป็นคนเลือกเอง
“ตื่นเต้นจัง”
“นั้นสิ มะเหมี่ยวอยากไปฝึกที่ไหนล่ะ”
“บริษัท PM Real estate”
“ทำไมล่ะ”
“อยู่ใกล้บ้านไง เดินทางสะดวกถ้าได้มาฝึกงานที่นี่ก็ไม่ต้องตื่นเช้า ใบตองมานอนกับเราได้นะ”
“ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เลือกก่อนไหม”
“แต่เราว่ายังไงก็ต้องได้แหละ เพราะบริษัทนี้เปิดมาแค่ 6 ปีเองพวกคนเก่งๆ คงไม่เลือกหรอก” ธิชากรตั้งข้อสังเกตเพราะยังมีอีกหลายบริษัทที่ดูน่าสนใจกว่า
“พีล่ะ ว่าไง”
“เราก็ว่าจะเลือกที่ใกล้บ้านเหมือนกัน ถ้าเราได้เลือกก่อนนะ ใบตองกับมะเหมียวก็ไปค้างบ้านเรา ตกลงตามนี้นะ”
“อือ”
อาจารย์จับรายชื่อขึ้นมาทีละคนพอมาถึงพิรัชต์ชายหนุ่มก็เลือกบริษัทที่ตนเองเล็งเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่ยังไม่ทันที่ธิชากรและกัญญ์วราจะได้เลือกก็มีคนอื่นเลือกไปฝึกที่นี่ตัดหน้าไปก่อนแล้ว
“ไม่เป็นไร ยังเหลืออีกตั้งหลายที่ใบตอง” ธิชากรปลอบใจเพื่อน
แล้วอาจารย์ก็จับรายชื่อของธิชากรขึ้นมาหญิงสาวไม่ลังเลเลยที่จะเลือกบริษัทที่อยู่ใกล้บ้านของตนเอง จากนั้นก็อาจารย์ก็จับรายชื่อมาอีกหลายคน
กัญญ์วราได้แต่นั่งลุ้นว่าขออย่าให้มีใครเลือกไปฝึกงานที่เดียวกับธิชากรเลย แล้วคำขอของเธอก็เป็นผลเมื่ออาจารย์จับรายชื่อเธอขึ้นมา หญิงสาวรีบบอกชื่อบริษัทออกไปด้วยความดีใจ
“นึกว่าจะต้องแยกกันซะแล้วนะใบตอง” ธิชากรดีใจที่ได้ไปฝึกงานที่เดียวกับเพื่อนสนิท
“นั้นสิ เราลุ้นแทบแย่เลย”
“แล้วอย่างนี้ใบตองจะย้ายไปอยู่กับมะเหมี่ยวไหม” พิรัชต์ถามขึ้น
“ถ้าดูจากกูเกิ้ลแมพแล้วเราว่าไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ เราคงไม่ย้ายหรอก”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“เราเกรงใจ ไม่ได้ไปฝึกแค่สองสามวันนะ ฝึกตั้งสามเดือน”
“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยเราเป็นเพื่อนกันนะใบตอง”
“เรารู้ เอางี้นะ ถ้าวันไหนต้องกลับบ้านค่ำเราก็จะค้างกับมะเหมี่ยวที่บ้าน”
“ก็ได้” ธิชากรรู้ว่าเพื่อนเป็นคนขี้เกรงใจจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรมาก
หลังจากได้ที่ฝึกงานกันครบทุกคนแล้วอาจารย์ก็ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้นักศึกษาฟังก่อนจะปล่อยให้ทุกคนได้พักทานอาหารกลางวัน
วันนี้กัญญ์วรากลับบ้านเร็วกว่าทุกครั้งเพราะอาจารย์ปล่อยก่อนเวลาเพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมตัวก่อนจะเริ่มไปฝึกงานในวันจันทร์หน้า เนื่องจากบางคนก็ต้องหาเช่าหอใหม่เพราะที่ฝึกงานอยู่ไกลแต่สำหรับกัญญ์วราแล้วนับว่าโชคดีที่บริษัทไม่ได้ไกลมากเท่าไหร่เธอจึงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก“วันนี้ทำไมกลับเร็วล่ะ” นภาวรรณหรือน้าวรรณถามด้วยความแปลกใจเพราะปกติแล้วลูกเลี้ยงของเธอจะเลิกเรียนก็เกือบจะห้าโมงเย็น“อาจารย์ปล่อยก่อนเวลาค่ะ แล้ววันนี้น้าวรรณไม่ออกไปไหนเหรอคะ” เธอเห็นว่านภาวรรณยังสวมชุดนอนอยู่ก็อดจะถามไม่ได้“แกกำลังจะว่าฉันไม่ออกทำงานใช่ไหมล่ะ”“ใบตองไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อยก็แค่แปลกใจ” “ก็ขอให้มันจริงเหอะ แล้วเย็นนี้แกจะไปทำงานที่ร้านเหล้าไหม” “ไปค่ะ น้ามีอะไรหรือเปล่า” “ถ้าได้ค่าจ้างมาแล้วก็ไปจ่ายค่าเช่าด้วยนะ” “อ้าว แล้วเงินที่ใบตองให้น้าไปจ่ายเมื่ออาทิตย์ก่อนล่ะ” “ฉันเอาไปหมุนหมดแล้ว” “โธ่ เมื่อไหร่น้าจะเลิกเข้าบ่อนสักที ก็รู้อยู่ว่ามันมีแต่เสีย” “อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า ฉันรู้ว่าแกมีเงิน” “เงินที่มีใบตองก็ต้องเก็บไว้ใช
ปริ๊น! ปริ๊น!เสียงแตรรถทำให้คนที่กำลังอุ้มกัญญ์วราอยู่ตกใจและไม่ทันระวังหญิงสาวจึงดิ้นจนตัวเองหลุดออกมาได้ เธอรีบวิ่งไปขวางรถคันนั้นพร้อมทั้งตะโกนขอความช่วยเหลือ“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ พวกนั้นกำลังจะจับฉัน” เธอวิ่งมาเคาะกระจกฝั่งคนขับรัวๆคนที่นั่งอยู่ด้านในที่เห็นว่าเมื่อครู่หญิงสาวกำลังจะถูกอุ้มขึ้นรถก็รีบเปิดประตูลงมาเพราะถ้าปล่อยให้เธอถูกจับไปเขาก็คงรู้สึกผิดมาก“อ้าว เธอนั้นเอง” ภูเมฆาตกใจไม่น้อยที่เปิดประตูรถออกมาแล้วเห็นว่าผู้หญิงที่กำลังจะถูกจับไปนั้นคือกัญญ์วรา“คุณภู คุณภูช่วยใบตองด้วยพวกนั้นจะจับใบตองใบ”“ผมว่าคุณอย่ายุ่งเลย ปล่อยเธอมาดีกว่า” ชายร่างกำยำเดินตรงเข้ามาขณะที่กัญญ์วรานั้นไปหลบอยู่หลังภูเมฆาอย่างต้องการที่พึ่ง”“ไม่นะคุณภู” หญิงสาวเกาะแขนเขาแน่น“ในเมื่อเธอไม่เต็มใจไปด้วยฉันว่าพวกนายปล่อยเธอไปดีกว่านะ”“ไม่จำเป็นหรอกว่าจะเต็มใจไหม ในเมื่อน้าเธอรับเงินไปแล้ว ยังไงวันนี้ใบตองก็ต้องไปกับฉัน”“ก็บอกแล้วไงว่าใครรับเงินก็เอาคนนั้นไปสิ เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” กัญญ์วราเถียง“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ใบตอง เธอรับเงินเขามาหรือเปล่า” ภูเมฆาถามเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเก็บช่วยอะไรเธอ
“คุณภูจะจ้างใบตองจริงๆ ใช่ไหมคะ” กัญญ์วราถามย้ำ“อือ”“จะจ้างนานไหม ต้องเซ็นสัญญาหรือเปล่าคะ”“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอก เธออาจจะอยากไปหางานอื่นหลังเรียนจบแล้วก็ได้”“แล้วถ้าใบตองทำงานด้วยแล้วรับจ้างคุณภูไปด้วยได้ไหมคะ”“ได้สิ”เมื่อตกลงกันได้แล้วกัญญ์วราก็เก็บของต่ออีกนิดหน่อยก็พอดีกับได้ยินเสียงเสี่ยสมานที่มาเรียกลูกน้องให้กลับเพราะได้เงินตามที่ตัวเองต้องการแล้วภูเมฆาพากัญญ์วรามายังคอนโดมิเนียมของตนเองจากนั้นก็ช่วยกันเอาของลงจากรถโดยมีแม่บ้านประจำคอนโดและนิติกรที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์เข้ามาช่วย“ของเยอะเลยนะครับคุณภู”“ครับคุณวินัย”“น้องสาวเหรอครับ” นิติการมองหน้ากัญญ์วราสลับกับภูเมฆาที่ดูคล้ายกันจนคิดว่าเป็นน้องสาวของชายหนุ่ม“ครับ” เมื่อนิติกรเข้าใจอย่างนั้นภูเมฆาก็ไม่อยากอธิบายอะไรเพราะมันก็ดีกับเขาและกัญญ์วราถ้าคนอื่นจะคิดว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน“คุณภูทำไมบอกเขาไปแบบนั้นล่ะคะ” กัญญ์วราถามเมื่อขึ้นมาถึงบนห้องแล้ว “แล้วจะให้บอกว่าเป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นลูกจ้าง เป็นแม่บ้านไงคะ” “ถ้าผมบอกไปแบบนั้นแม่บ้านประจำที่นี่มาได้ยินก็คงไม่ค่อยชอบหน้าใบตองแน่ เพราะเ
“พี่ภูชอบกินพิซซ่าเหรอคะ” กัญญ์วราถามชายหนุ่มขณะที่รอให้พนักงานนำพิซซ่ามาเสิร์ฟ“กินแล้วมันทำให้พี่คิดถึงวัยเด็ก”“มีคนบอกว่าคนที่ชอบพูดถึงเรื่องอดีตจะเป็นคนแก่ แต่พี่ภูยังไม่แก่เลยนะคะ”“พี่อายุ 35 แล้วนะใบตอง”“35 แล้วไงอาจารย์ของใบตอง 40 กว่ายังบอกว่าตัวเองวัยรุ่นอยู่เลย ของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจค่ะ ถ้าใจเราไม่แก่เราก็จะไม่แก่”“เข้าใจพูดนะ” ภูเมฆายิ้มอย่างผ่อนคลายเมื่อพนักงานนำพิซซ่ามาเสิร์ฟภูเมฆาก็ได้แต่นั่งจ้องจนกัญญ์วราไม่กล้าหยิบขึ้นมาทานเพราะเห็นเขาจ้องเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง“พี่ภูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“เปล่าๆ” เขารีบปฏิเสธก่อนแล้วหยิบพิซซ่าขึ้นมาทานไปสองชิ้นก็รู้สึกอิ่มขณะที่กัญญ์วรายังคงนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย“ใบตองรู้ไหม ตอนเด็กๆ กว่าพี่จะได้กินพิซซ่าต้องรอแล้วรออีก” ภูเมฆาพูดเรื่องในอดีตขึ้นทั้งที่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมานั่งทานพิซซ่าในร้านกับเขาเนื่องจากที่ผ่านมาเขามักจะสั่งไปทานที่ห้องคนเดียว“ใบตองก็เหมือนกันค่ะ พ่อบอกว่ามันแพงถ้าเราเอาเงินค่าพิซซ่าไปซื้อกับข้าวก็จะได้หลายมื้อ ที่บ้านพี่ภูก็เป็นเหมือนกันเหรอคะ”
หลายวันแล้วที่กัญญ์วราย้ายมาอยู่กับภูเมฆาเธอกับเขาทานอาหารเช้าและเย็นด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูง่ายๆ“พี่ภูคะ พรุ่งนี้เช้าใบตองจะทำข้าวต้มกุ้งไว้ให้นะคะ ถ้ามันไม่ร้อนพี่ภูอุ่นเอานะคะ” กัญญ์วราบอกชายหนุ่มที่นั่งดูทีวีอยู่กลางห้องรับแขก“จะทำตั้งแต่เช้าเลยเหรอ”“ค่ะพรุ่งนี้ใบตองต้องไปฝึกงานแล้วค่ะ”“จริงสิ พี่ลืมไปเลยแล้วไปฝึกที่บริษัทไหนล่ะ ไกลจากที่นี่ไหม ต้องออกแต่เช้าหรือเปล่า”“ฝึกที่บริษัท PM Real estate ค่ะ พี่ภูรู้จักไหมคะ”“อะไรนะใบตอง”“บริษัท PM Real estate ค่ะ” กัญญ์วราย้ำอีกครั้ง“ไปฝึกที่แผนกไหนล่ะ”“แผนกบัญชีค่ะ”“อ้อ”“พี่ภูทำหน้าแปลกๆ”“ก็นั้นมันบริษัทของพี่”“ล้อเล่นหรือเปล่าคะ จะเป็นไปได้ยังคะ”“มันเป็นไปแล้ว งั้นใบตองก็ไปทำงานพร้อมกับพี่เลย”“ไม่ได้หรอกค่ะ ใบตองไม่อยากให้ใครรู้ว่ารู้จักกับพี่ภู” กัญญ์วรารีบปฏิเสธเสียงแข็งพลางสั่นศีรษะ“จะกลัวอะไรพี่ไม่ได้เป็นคนให้คะแนนสักหน่อย”“ไม่ได้กลัวเรื่องนั้นค่ะ”“แล้วกลัวอะไร”“กลัวพี่ภูจะเสียหายถ้าคนอื่นรู้ว่าใบตองมาอยู่กับพี่ภู”“พี่เป็นผู้ชายนะจะเสียหายยังไง” ภูเมฆาพูดพลางหัวเราะกับความคิดของกัญญ์วรา“พี่ภูอย่าขำสิคะ
“สุดยอดเลยค่ะพี่ แบบนี้มะเหมี่ยวชักอยากทำงานที่นี่แล้ว เขารับพนักงานเพิ่มไหมคะ”“ถ้าเป็นแผนกบัญชียังไม่รับจ้ะ แต่แผนกอื่นพี่ก็ไม่แน่ใจเพราะบริษัทเพิ่งได้งานใหญ่มาก็คงต้องการคนเพิ่ม”“ว้าแย่จังมะเหมี่ยวนึกว่าจะได้ทำงานเสียอีก”“มะเหมี่ยวลืมไปหรือเปล่าว่าที่บ้านตัวเองก็มีบริษัทนะ จะไม่กลับไปช่วยงานที่บ้านเหรอ” กัญญ์วราเตือนสติเพื่อน“ก็ที่นี่น่าสนใจกว่านี่ เจ้านายก็หล่อด้วย”สี่สาวจบบทสนทนากับแค่นั้นเพราะอาหารที่พวกเธอสั่งมาเสิร์ฟแล้ว หลังทานอาหารกลางวันเสร็จพี่ทั้งสองคนก็กลับขึ้นไปด้านบนส่วนกัญญ์วราและธิชากรก็ขอเดินเล่นดูร้านต่างๆ รอบบริษัทซึ่งรุ่นพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ขอให้กลับขึ้นไปก่อนบ่ายโมง ทั้งสองคนพากันมายังร้านกาแฟที่อยู่ไกลออกมาอีกสองช่วงตึกระหว่างนั้นธิชากรก็ไลน์ถามรุ่นพี่ทั้งสองว่าจะกินอะไรเพราะพวกเธอจะซื้อขึ้นไปฝาก พอได้คำตอบแล้วก็มานั่งรอที่มุมหนึ่งของร้าน “มะเหมี่ยว” “ว่าไง” ธิชากรที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ขานรับเพื่อนแต่ยังไม่ยอมละมือออกจากหน้าจอ “เรามีความลับจะบอก” “อือ บอกมาเลย” “มะเหมี่ยว เราจริงจังนะ” เมื่อเห็นเพ
การได้ฟังเรื่องราวของภูเมฆาจากรุ่นพี่ทำให้กัญญ์วราปลื้มในตัวชายหนุ่มมากขึ้น ไม่ใช่เพราะเขาหล่อหรือรวยแต่เพราะชอบที่เขาเป็นคนขยันและสร้างตัวขึ้นมาได้ด้วยตนเองถึงแม้ไม่มีแรงสนับสนุนจากครอบครัวก็ตามในทุกวันที่อยู่ร่วมกันนอกจากกัญญ์วราจะทำหน้าที่แม่บ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอตื่นนอนแต่เช้าทำความสะอาดบ้านและห้องนอนของชายหนุ่มขณะที่เขาลงไปออกกำลังกาย จากนั้นก็เตรียมอาหารเช้าง่าย พอตกเย็นก็แวะซื้อของสดที่ซุเปอร์มาร์เก็ตเพื่อมาทำอาหารให้เขา อันที่จริงกัญญ์วราก็อยากไปซื้อของในตลาดสดมากกว่าเพราะราคาถูกกว่ากันมาก แต่บริเวณที่เธออยู่นั้นไม่มีตลาดสดเลย ถ้าจะนั่งรถไปซื้อก็คงกินเวลาไปมาก และภูเมฆาก็เป็นคนบอกให้เธอซื้อที่นี่เพราะประหยัดเวลาได้มากขณะที่กำลังคิดว่าจะเมนูอะไรให้กับเจ้านายสำหรับมื้อเย็นพี่ฟ้าก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจนทุกคนในแผนกตกใจ“ข่าวใหญ่ๆ”“ข่าวอะไรฟ้า วิ่งหน้าตื่นมาเชียว”“ฟ้าได้ยินแผนกวิศวะคุยกันว่าบอสของเราโดนแทง”“อะไรนะคะพี่ฟ้า ใครโดนแทง” กัญญ์วราภาวนาให้ตนเองหูฟาด“ก็บอสของเรานะสิ โดนแทง”“ใครแทงคะ แล้วเจ็บมากไหม”“คนงานเมาทะเลาะกันแล้วบอสไปห้ามก็เลยโดนแทง ตอนนี้กำลังพาไ
“พี่ภูไปนอนในห้องดีกว่าไหม ตรงนี้นอนไม่สบายหรอกค่ะ เดี๋ยวใบตองพาไปนะคะ”“ไม่เป็นไรพี่อยากนอนตรงนี้”“แต่มันไม่สบายเหมือนนอนบนเตียงนะคะ” กัญญ์วราสังเกตว่าเขามีท่าทีแปลกก็เลยเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงใย“พี่ภู ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะบอกใบตองได้นะ”“ไม่มีอะไรหรอก”“แต่ใบตองว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เล่าให้ใบตองฟังนะคะ”“พี่ไม่รู้ว่าควรเล่าดีไหม เรื่องมันนานมาแล้ว” ภูเมฆาคิดว่าตนเองลืมเรื่องนี้ไปสนิทแล้วแต่พอวันนี้ภาพในวันเก่าๆ มันก็ชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง ความทรงจำที่เขาอยากจะลืมไปให้หมด“เรื่องมันนานมาแล้วแต่พี่ภูยังเก็บมาคิดอีก แสดงว่ามันต้องสำคัญมากๆ ใช่ไหมคะ”“อือ”“เล่ามาเถอะค่ะ พี่ก็รู้ใบตองเป็นผู้ฟังที่ดี”“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่โดนแทง”“อะไรนะคะ แล้วครั้งแรกตอนไหนคะ”“น่าจะห้าขวบได้มั้ง”“พี่ภู” กัญญ์วราขยับเข้ามานั่งบนพื้นขณะที่เขานอนเล่าอยู่บนโซฟา แล้วหันหน้าออกมาทางที่เธอนั่งอยู่ ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างเพียงนิด เธอเห็นความเจ็บปวดอยู่ในแววตาคู่นั้นภูเมฆาหลับตาลงจากนั้นก็เล่าเรื่องราวในอดีตของตนเองให้กับกัญญ์วราฟังเรื่องมันเกิดขึ้นในขณะที่เขายังเด็กมาก แต่ชายหนุ่มก็จำไ
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”
เช้าวันจันทร์กัญญ์วราก็มาทำงานตั้งแต่เช้าเหมือนอย่างทุกครั้งแต่พอมาถึงแผนกก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะพี่ฟ้ามาถึงที่ทำงานก่อนทั้งพี่ปกติแล้วพี่ฟ้าจะเข้ามาทำงานทีหลังเธอครึ่งชั่วโมง “สวัสดีค่ะพี่ฟ้า วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ” “สวัสดีจ้ะใบตอง” “พี่ฟ้ามองหน้าใบตองแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่า” “อันที่จริงพี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ถามก็คงไม่สบายใจและระแวงอยู่แบบนี้แน่ๆ เอาเป็นว่าพี่จะถามคำถามใบตองสักคำถามหนึ่งถ้าคำตอบคือไม่ใช่ใบตองต้องสัญญาว่าจะไม่ถามอะไรเพิ่มเติม” “พี่ฟ้า ทำไมมันซับซ้อนจังคะ ใบตองชักจะกลัวกับคำถามของพี่แล้วนะคะ” “คำถามง่ายเองๆ”“อย่าเพิ่งถามได้ไหม รอให้มะเหมี่ยวมาก่อน” “เรื่องนี้มันเป็นความลับพี่ไม่อยากให้คนอื่นรู้พี่ถึงต้องมาคุยกับใบตองตั้งแต่เช้าไงล่ะ” “ใบตองใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ พี่ฟ้าจะถามอะไรคะ แล้วถ้าคำตอบไม่ดี พี่จะฟ้าจะประเมินให้ใบตองผ่านงานไหม” “คะแนนประเมินของใบตองกับมะเหมี่ยวพี่ส่งให้พี่พรตั้งแต่วันศุกร์แล้วเพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับคะแนนเลย” “แบบนี้ค่อย
กลับมาถึงห้องพักกัญญ์วราก็รีบขอตัวไปอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัวจากไอศกรีมที่เปื้อนตอนที่ชนกับเลขาของภูเมฆา อาบน้ำเสร็จเธอก็ออกมายังมุมของระเบียงเพื่อนอนดูดาวและฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ไม่นานนักภูเมฆาก็ตามออกมานั่งด้วย “ชอบที่นี่ไหม” “ค่ะ บรรยากาศดีมาก วิวกลางคืนก็สวยค่ะ” เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเธอจึงมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน “ระหว่างทะเลกับภูเขาใบตองชอบอะไรมากกว่ากัน” “ชอบทะเลค่ะ เพราะตอนที่ยังเป็นเด็ก หนูอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ก็เลยเห็นภูเขามาเยอะแล้ว” “พี่ภูล่ะคะ” “พี่ก็ชอบทะเลนะ พี่ได้เที่ยวทะเลครั้งแรกก็ตอนเรียนอยู่ ม.4 ถ้าคุณครูที่โรงเรียนไม่ให้มีการจัดทัศนศึกษาพี่ก็คงไม่มีโอกาสหรอก เรื่องเที่ยวสำหรับพี่ตอนนั้นมันไกลตัวมาก” “ตอนนี้พี่ภูมีทุกอย่างแล้วพี่เที่ยวบ่อยไหมคะ” “ไม่นะ ส่วนใหญ่ก็จะทำงานแล้วถือโอกาสเที่ยว ถ้าตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ น้อยมาก” “ทำไมล่ะคะ พี่ภูมีเงินตั้งเยอะ” “ไปเที่ยวคนเดียวมันไม่สนุกหรอกนะใบตอง” น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าและตัดพ
กัญญ์วราเลือกซื้ออาหารและเดินทานไปด้วยบางครั้งก็หันมาป้อนให้คนตัวโตที่เดินอยู่ข้างๆ การเดินเที่ยวแบบนี้ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับคู่รักที่มาออกเดตและนั่นก็ทำให้หญิงสาวเดินยิ้มอย่างมีความสุข แต่คงเพราะเอาแต่ยิ้มและอยู่กับความคิดของตัวเองมากไปหน่อยเธอเลยเดินชนกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” กัญญ์วรารีบขอโทษ “ไม่เป็นไรค่ะ” อีกคนก็เดินเหม่อมาเหมือนกันเลยไม่ติดใจอะไร “เป็นอะไรไหมคะ” “พี่ไม่เป็นไรค่ะ แต่เสื้อน้องเลอะไปหมดแล้ว ไปหาที่เปลี่ยนก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวพี่ซื้อตัวใหม่ให้” พอหญิงสาวคนนั้นพูดกัญญ์วราเลยก้มหน้ามองก็เห็นว่าเสื้อยืดของตัวเองนั้นเปื้อนไปด้วยคราบไอติมเต็มไปหมด “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง” “ใบตองมันยืนทำอะไรอยู่” ภูเมฆาที่เดินล่วงหน้าไปแล้วย้อนกลับมาตามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่เดินตามเขาไปที่รถ “บอส” “คุณดา” “บอสมาเที่ยวเหรอคะ” “ครับ” กัญญ์วรามองหน้าคนรักสลับกับผู้หญิงที่เธอเดินชนแล้วก็พอจะเดาออกว่าเธอน่าจะเป็นเลขาของภูเมฆาเพราะเคยได้ย