เช้าวันใหม่กัญญ์วราตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อลงไปซื้อโจ๊กมาให้กับภูเมฆา และยังทำอาหารกลางวันใส่กล่องไว้ให้เขาอุ่นทานอีกด้วย
“พี่ภูรอตรงนี้เดี๋ยวใบตองไปเอาโจ๊กมาให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรพี่เดินไปกินเองได้”
“แต่หน้าพี่ไม่ดีเลย ไหนดูซิมีไข้หรือเปล่า” กัญญ์วราเอามือแตะหน้าผากของเขาเพื่อวัดไข้
“พี่ว่าไม่มีแล้วนะ”
“ยังตัวอุ่นๆ อยู่เลยค่ะเดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักนะคะ ถ้าไม่ไหวจริงก็โทรหาใบตองหรือจะโทรเรียกรถพยาบาลก็เลือกมาหนึ่งอย่าง”
“ถ้าไม่ไหวพี่จะโทรหาใบตองก็แล้วกัน”
พอเขารับปากแบบนั้นกัญญ์วราก็รีบเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางลงบนเตียงจากนั้นก็ตามด้วยชามโจ๊ก แก้วน้ำและยาหลังอาหาร
“รีบกินนะคะ จะได้กินยาแล้วเช้านี้ก็ห้ามอาบน้ำเด็ดขาด”
“ใบตองไม่กินด้วยกันเหรอ”
“ใบตองกินแซนด์วิชแล้วค่ะ ทำเผื่อพี่ภูด้วยนะคะอยู่ในตู้เย็น ส่วนกลางวันใบตองก็ทำกับข้าวไว้ให้แล้วพี่ภูก็แค่เอาออกมาอุ่น ทำได้ใช่ไหมคะ”
“ได้สิ พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ภูเมฆายิ้มกับท่าทางห่วงใยของหญิงสาวที่ทำเหมือนกับเขาเป็นเด็กที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
“ใบตองรู้ว่าพี่ภูไม่ใช่เด็ก แต่เวลาคนเราป่วยก็มักจะกลับไปเป็นเด็กด้วยกันทั้งนั้น ตอนใบตองไม่สบายเป็นช่วงที่ใบตองมีความสุขช่วงหนึ่งเลยทีเดียว”
“ไม่สบายแล้วทำไมมีความสุขล่ะ” เขาถาม ขณะมือก็ตักโจ๊กเข้าปาก
“เพราะพ่อจะหยุดงานและอยู่ดูแลใบตองไงล่ะคะ”
“ปกติพ่อทำงานมากหนักเลยเหรอ”
“ค่ะ พ่อทำงานบริษัทและจะฝากใบตองให้กับป้าข้างบ้านเลี้ยง แต่พอใบตองป่วยพ่อก็จะลางานและดูแลใบตอง”
“ใบตองคงสนิทกับพ่อมาก”
“ค่ะ เรามีกันสองคนพ่อลูก แต่นั่นก็ตอนเด็กๆ นะคะ พอโตขึ้นพ่อก็มีเมียใหม่”
“หมายถึงคนที่จะขายใบตองน่ะเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คนก่อนหน้านี้ค่ะ ส่วนคนที่พี่ภูเห็นเขาเพิ่งมาอยู่กับเราไม่นานค่ะ”
“พี่ขอถามอะไรได้ไหม แต่มันอาจทำให้ใบตองเศร้า”
“ได้ค่ะ ใบตองไม่คิดอะไรมากแล้ว”
“พี่ได้ยินแต่ใบตองพูดถึงพ่อ แล้วแม่ของใบตองไปไหนล่ะ”
“แม้เสียไปตั้งแต่ใบตองสามขวบค่ะ”
“พี่เสียใจด้วยนะ” แม้เขาจะไม่ได้อยู่กับครอบครัวแต่ความทรงจำของเขากับมารดาก็ยังมากกว่ากัญญ์วรากับมารดาของเธอ
“ใบตองยังเด็กมากจำหน้าแม่ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ไม่มีรูปเลยเหรอ”
“เคยมีค่ะ แต่มันหายไปตอนที่เราย้ายบ้าน พี่ภูไม่ต้องทำหน้าสงสารใบตองแบบนั้นหรอกค่ะ เพราะพ่อบอกว่าใบตองเหมือนแม่มาก ถ้าคิดถึงแม่ก็แค่มองกระจก”
กัญญ์วราเล่าไปด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าตอนเด็กจะไม่เข้าใจว่าทำไม่มารดาจะต้องจากไป แต่พอโตขึ้นก็เริ่มเข้าใจและยิ้มให้กับตัวเองในกระจกทุกครั้งที่คิดถึงท่าน
“ใบตองเป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก”
“ชีวิตเราก็เครียดมากพอแล้วมากพอแล้วจะเก็บเอาเรื่องในอดีตมาเป็นความทุกข์อีกทำไมล่ะคะ ถึงยังไงคนเราก็หนีไม่พ้นความตาย”
“อายุยังไม่เท่าไหร่เริ่มปลงแล้วเหรอ”
“ใบตองอยากทำทุกวันให้มีความสุขค่ะ เรื่องอะไรที่ปล่อยผ่านได้ ก็ปล่อยผ่าน ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ หาความสุขใส่ตัวดีกว่า บางคนก็ทำงานเก็บเงินมาตลอดแต่ไม่เคยได้ชีวิตให้มีความสุข สุดท้ายเงินทองพวกนั้นก็เอาติดตัวไปไม่ได้” กัญญ์วราพูดไปตามที่ได้ยินมา
“นี่แอบว่าพี่หรือเปล่า”
“เปล่านะคะใครจะว่าพี่ภูกันล่ะ”
“บางทีพี่ก็คิดนะว่าจะทำงานเก็บเงินไว้ทำไม่เยอะ ในเมื่อที่มีอยู่ก็มากพอแล้ว”
“แต่พี่ภูเป็นผู้ชายก็คงอยากสร้างเนื้อสร้างตัวให้มั่นคงก่อนจะเริ่มสร้างครอบครัว”
“พี่ยังไม่คิดสร้างครอบครัวหรอก ขอใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดีกว่า”
“ใบตองเข้าใจค่ะ หล่อ รวยอย่างพี่ภูอยากมีแฟนเมื่อไหร่สาวๆ ก็คงวิ่งเข้าหา”
“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะใบตองแค่หล่อรวยมันไม่พอ”
“ต้องรักกันด้วยใช่ไหมคะ”
“มันก็ใช่”
“ใบตองของถามอะไรได้ไหม”
“ถามมาสิ”
“พี่ภูมีแฟนหรือยังคะ”
“เคยมีแต่เขาทิ้งไปแล้ว”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ใครกันบังอาจมาทิ้งพี่ภูได้ ทั้งหล่อทั้งรวยแถมยังขยันทำงานแบบนี้หาได้ที่ไหนกัน”
“บางทีแค่นั้นมันก็ไม่พอ”
“ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวก็มีคนอื่นเข้ามาเองแหละ”
“พี่ยังไม่อยากมีใครหรอกนะ”
“พี่ภูอย่าปิดกั้นตัวเองแบบนั้นสิคะ”
“พี่ไม่ได้ปิดกั้นนะ แต่ไม่อยากเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว”
“ใบตองไม่รู้ว่าพี่เจอความรักแบบไหนมากถึงได้เข็ดกับความรักแบบนี้ แต่คนเราไม่เหมือนหรอกกันนะคะ อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน”
“พี่ขอถามใบตองบ้างนะ”
“ค่ะ ถามมาเลย”
“ใบตองเคยมีแฟนไหม”
“สวยๆ อย่างใบตองก็ต้องมีสิคะ”
“แล้วยังคบกันอยู่หรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะ อย่าบอกว่าถูกทิ้งนะ”
“ใบตองทิ้งเขาต่างหากล่ะคะ”
“เพราะอะไร”
“เพราะเขาไม่เหมือนวันแรกที่คบกับ”
กัญญ์วราเล่าเรื่องแฟนเก่าของตนเองให้กับภูเมฆาฟัง เธอกับแฟนเก่าคบกันตอนเรียนชั้นปี 1 แต่คบได้ไม่นานก็ต้องเลิกกันเพราะเขาไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เขาติดต่อยากขึ้น เจอกันน้อยลงและในขณะที่เธอมีปัญหาต้องการใครสักคนอยู่ใกล้ๆ เขากลับไม่เคยอยู่ใกล้ๆ เลย เธอจึงตัดสินใจบอกเลิกเขา
“แสดงว่าเป็นคนติดแฟนใช่ไหม”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ใบตองก็แค่คิดว่าคนเราถ้าเป็นแฟนกันก็ต้องติดต่อกันได้ตลอด มีเรื่องไรก็ปรึกษาพูดคุยกันได้ ไม่ใช่ปล่อยให้อีกคนเหงาอยู่ตามลำพัง”
“มันก็จริงนะ”
“พี่ภูล่ะคะ ทำไมถึงเลิกกันแฟนล่ะ ใบตองว่าผู้ใหญ่คงคบกันด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์นะคะ”
“พี่ขอถามใบตองบ้างนะ ถ้าจะมีแฟนอยากได้แฟนแบบไหนล่ะ”
“ตอบแบบโลกสวยเลยนะคะ ขอแค่คนที่รักและเข้าใจเราก็พอค่ะ แต่ในความเป็นจริงมันก็มีมากกว่านั้นค่ะ บางครั้งตอนที่ใบตองเหนื่อยๆ ก็อยากได้แฟนรวยๆ แต่พอเดินผ่านคนหล่อก็อยากแฟนหล่อ แต่พออยู่คนเดียวเหงาๆ ก็อยากแฟนที่มีเวลาให้แต่ไม่มีใครเพอร์เฟกต์แบบนั้นหรอกใช่ไหมคะ”
“แล้วถ้า เขาหล่อรวย มีเวลาให้และตามใจทุกอย่างเพียงแต่เขาไม่ได้มาจากตระกูลที่ร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงล่ะ”
“สำหรับคนอื่นใบตองไม่รู้ แต่สำหรับคนที่เหลือตัวคนเดียวอย่างใบตอง เรื่องชาติตระกูลพวกนั้นไม่ได้อยู่ในหัวเลยค่ะ”
“อือ แต่บางคนไม่ได้คิดแบบนั้นนะ”
“เขาเลิกกับพี่ภูเพราะเรื่องครอบครัวเหรอคะ”
“ก็ประมาณนั้น”
“มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด คนเราเลือกเกิดได้ที่ไหนกันล่ะ ถ้าคนคิดแบบนั้นกันหมดคนไม่มีครอบครัวไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างใบตองคงได้อยู่คนเดียวจนแก่แน่ๆ”
“เรื่องมันนานมาแล้วใบตองไม่ต้องอินขนาดนั้นก็ได้นะ”
“ก็มันน่าโมโหนี่คะ” กัญญ์วรารู้สึกโกรธแทนเขาที่ถูกทิ้งเพราะเรื่องนี้
“พี่ว่าตอนนี้ใบตองกำลังโมโหจนลืมอะไรไปหรือเปล่า”
“จริงสิ สายแล้วใบตองขอไปทำงานก่อนนะคะ กลัวว่าไปสายเดี๋ยวเจ้าของบริษัทจะไม่ผ่าน” พูดจบหญิงสาวก็รีบออกไปจากห้องนอนของภูเมฆาอย่างรวดเร็ว
หลังจากกัญญ์วราออกไปจากห้องนอนแล้วภูเมฆาก็เริ่มคิดตามที่เธอพูด ตอนนี้เขาสร้างเนื้อสร้างตัวได้แล้ว ขาดก็แต่สร้างครอบครัว แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวแบบนี้ก็ไม่เดือดร้อนถึงแก่ไปจะไม่มีใครดูแลแต่จะต้องกลัวเรื่องนั้นทำไมในเมื่อเขามีเงินมากพอที่จะจ้างคนมาดูแลกี่คนก็ได้ภูเมฆาไม่อยากเจ็บกับความรักอีกแล้ว เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่อยากผูกมัดกับใคร แม้ว่าในกลุ่มเพื่อนจะมีคนที่แต่งงานและมีครอบครัวที่อบอุ่นแล้วแต่ภูเมฆาก็ยังนึกภาพตัวเองไม่ออกเลยว่าจะเป็นหัวหน้าครอบครัวได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่เติบโตมาครอบครัวของเขาก็ไม่เคยอบอุ่นเลย และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่อยากมีครอบครัวชายหนุ่มเอาชามไปเก็บจากนั้นก็กลับมาจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เขาลังเลว่าจะอาบน้ำดีหรือเปล่าแต่ก็นึกขึ้นได้ว่ากัญญ์วราสั่งเอาไว้เขามองตัวเองในกระจกแล้วหัวเราะที่เชื่อคำพูดของคนที่จ้างมาเพื่อทำงานบ้านให้อันที่จริงภูเมฆาก็ไม่ได้มองว่ากัญญ์วราเป็นลูกจ้างเท่าไหร่เขามองเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง และก็เผลอคิดว่าคงดีไม่น้อยที่เธอจะอยู่กับเขาแบบนี้ไปตลอดทางด้านกัญญ์วราก็นั่งทำงานไปด้วย อีกมือก็คอยจับโทรศัพท
ตลอดทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์กัญญ์วราดูแลภูเมฆาอย่างดี จนถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็อาการดีขึ้น เขามีไข้ครั้งสุดท้ายก็เช้าวันเสาร์ เช้านี้เขาจึงไปทำงานได้“ใบตอง เย็นนี้ไม่ต้องกับข้าวนะ”“ทำไมคะ พี่ภูเบื่อฝีมือใบตองแล้วเหรอคะ”“เปล่าๆ พี่เห็นใบตองเหนื่อยมาหลายวันแล้วเย็นนี้เลยว่าจะพาไปกินข้าวข้างนอกบ้าง”“จะไปได้ยังไงคะ เดี๋ยวก็เจอคนอื่น”“ถ้าอย่างนั้นเราสั่งมากินก็ได้นะ อยากกินอะไรล่ะ”“พิซซ่าดีไหมคะ ตั้งแต่วันนั้นเรายังไม่ได้กินอีกเลยนะคะ”“ได้สิ ใบตองมาถึงก่อนก็สั่งเลยนะ”“ได้ค่ะ”“พี่ภูคะ ขอสั่งไก่ทอดมากินด้วยได้ไหม”“เอาสิ ตามใจใบตองเลย เดี๋ยวโอนเงินเพิ่มให้นะ”“เงินยังเหลืออยู่เลยค่ะ ถ้าใช้หมดแล้วจะบอกนะคะ”“แน่ใจเหรอว่าจะกล้าบอก”“แน่ใจสิคะ”“แล้วทำไมเงินเดือนของเดือนนี้ถึงไม่กล้าบอกล่ะว่าพี่ลืมโอนให้”“ก็ใบตองเห็นว่าพี่ไม่สบายก็เลยไม่กล้าทวง”“ต่อไปต้องทวงนะรู้ไหม เพราะบางครั้งพี่อาจจะลืมแล้วตีมึนใช้งานใบตองฟรีๆ ก็ได้”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงพี่ไม่จ่ายใบตองก็ไม่เดือดร้อนอะไรเลยเพราะยังไงก็กินฟรีอยู่ฟรี”“แล้วถ้าจากนี้พี่ไม่จ่ายล่ะ เราจะเอาเงินที่ไหนใช้”“ใบตองพอมีเงินเก็บอยู่ค่ะ แล้วถ้า
สามเดือนที่ภูเมฆาให้กัญญ์วราเข้ามาอยู่ด้วย ทั้งสองคนสนิทกันมากขึ้น เขาพูดคุยกับเธอได้ทุกเรื่องอย่างสบายใจ จากคนที่ชอบอยู่เดียวกลับกลายเป็นว่าถ้าไม่เห็นกัญญ์วราเขาก็จะมองหาตลอด จนบางครั้งก็ลืมนึกไปว่าเธอก็อยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างแต่กัญญ์วราเองก็ไม่ต่างกัน ถ้าเขานั่งทำงานในห้องไม่ยอมออกมาก็เป็นเธอเองที่เข้าไปนั่งอ่านหนังสือหรือนอนเล่นโทรศัพท์บนโซฟาในห้องทำงานของเขามันเป็นความเคยชินอย่างหนึ่งที่ต้องทานอาหารเช้าและอาหารค่ำด้วยกัน แม้จะมีบ้างที่เขาออกไปดื่มกับเพื่อนแต่ก็ยังคงกลับมาค้างที่คอนโดทุกคืน“ปีใหม่หยุดตั้งหลายวันไปเที่ยวกันดีไหมวะ เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วนะ” ธนสิทธิ์เอ่ยชวนเพื่อนที่นัดกันมาดื่มเป็นประจำทุกคืนวันศุกร์“ไม่ล่ะ กูว่าจะพาเด็กไปเที่ยว” เมคินตอบพลางยกแก้วขึ้นมาดื่ม “มึงพูดเหมือนมึงมีแฟนเลยนะไอ้คิน หรือว่ามึงแอบมีแล้วไม่บอกพวกกู” “มึงสองคนก็น่าจะรู้นะว่ากูไม่ชอบผูกมัด เรื่องมีแฟนเป็นตัวเป็นตนคงยากว่ะ” เมคินเป็นคนชอบสนุกและเบื่อง่ายเขาเลยไม่คิดจริงจังกับผู้หญิงคนไหน “แล้วยังไง ไม่ชอบผูกมัดแต่จะพาเขาไปเที่ยว ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยเขาก็ต้
เขาเปิดประตูห้องเข้ามาทุกอย่างก็เงียบอย่างเคย เพราะเป็นอันรู้กันว่าคืนวันศุกร์เขาจะกลับดึกและกัญญ์วราก็จะเข้านอนก่อน แต่คืนนี้ไม่เป็นแบบนั้นเพราะคนที่เขาคิดว่าเข้านอนไปแล้วเปิดประตูออกมาในขณะที่เขากำลังล้มตัวพิงบนโซฟา “พี่ภู เมาเหรอคะถึงมานอนตรงนี้” หญิงสาวถามก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วนั้นก็ทำให้เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาจากตัวเธอกลิ่นที่เขาคุ้นเคยมาตลอด โดยเฉพาะช่วงที่เขาไม่สบาย นั่นทำให้เธอกับเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม “ไม่เมา แค่อยากนั่งพักน่ะ ใบตองยังไม่นอนอีกเหรอ” “นอนไปแล้วค่ะ แต่หิวน้ำก็เลยออกมากิน พี่ภูกินน้ำไหมคะจะได้สดชื่น” กัญญ์วราเดินไปดื่มน้ำจากนั้นก็เทใส่แก้วแล้วเดินกลับมาส่งให้กับชายหนุ่ม “เข้านอนเถอะเดี๋ยวพี่ก็จะเข้านอนแล้ว” เขาไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของกัญญ์วราแต่ความรู้สึกของเขานั้นช่างดีเหลือเกิน ดีที่รู้ว่ามีคนรอและคอยเป็นห่วงแบบนี้ “เดินไหวหรือเปล่า ให้ใบตองช่วยพาไปนอนไหม” เธอได้กลิ่นเหล้าจากตัวเขาเลยอาสาจะเดินไปส่งเพราะไม่อยากให้เขานอนอยู่บนโซฟาถึงเช้า “คิดว่าพี่เมาเหรอ แล้วที่บอ
ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ขณะที่ภูเมฆานั่งทำงานอยู่ในห้องโดยมีกัญญ์วราเข้ามานอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเสี่ยงโทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้นทำให้ต้องรับออกมารับข้างนอกห้องเพราะกลัวจะรบกวนการทำงานของชายหนุ่ม หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาที “ใบตองถ้าอยากออกไปเที่ยวเพื่อนก็ไปได้นะ” เราตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันที่นี่เขาก็ไม่เคยเห็นหญิงสาวออกไปเที่ยวไหนกับเพื่อนๆ เลย “พี่ภูคิดว่าเพื่อนใบตองชวนไปเที่ยวเหรอคะ” “พี่เดาถูกใช่ไหมล่ะ” “เขาโทรมาชวนไปเที่ยวจริงๆค่ะ แต่ไม่ใช่เพื่อน” “ถ้าไม่ใช่เพื่อนก็คงจะเป็นแฟนใช่ไหม” “ไม่ใช่อีกเหมือนกันค่ะ คนที่โทรมาชวนไปเที่ยวเป็นพี่ที่โมเดลลิ่งที่ใบตองเคยทำงานพริตตี้ให้เขาค่ะ” “จะไปทำงานอีกแล้วเหรอ” “ครั้งนี้ไม่ได้ไปเป็นพริตตี้ค่ะ ใบตองไม่รู้จะอธิบายยังไง คือใบตองเคยรับงานเพื่อนเที่ยวไว้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจค่ะ” “มันคืองานอะไร” กัญญ์วราอธิบายลักษณะงานให้เขาฟังตามที่ตนเองได้รู้มาแต่ก็ยังไม่เคยรับงานสักครั้งเพราะส่วนใหญ่คนที่เรี
แล้ววันเดินทางไปเที่ยวก็มาถึงกัญญ์วราตื่นเต้นมากเพราะนี่เป็นการเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรกของตนเองพวกเขานั่งโดยสารในชั้นธุรกิจซึ่งกว่าจะตกลงกันเรื่องจองตั๋วได้ก็แทบแย่เพราะกัญญ์วราอยากนั่งชั้นประหยัดเพราะราคาถูกแต่ภูเมฆาอยากนั่งชั้นเฟิร์สคลาสเพราะอยากนั่งสบายๆ สุดท้ายก็เลยยอมมาเจอกันครึ่งทางพอลงจากเครื่องที่สนามบินนาริตะจากนั้นภูเมฆาก็เลือกที่จะเช่ารถสำหรับการเที่ยวครั้งนี้มากกว่าการนั่งรถไฟรู้สึกเป็นส่วนตัวมากกว่าซึ่งเรื่องนี้กัญญ์วราเองก็เห็นด้วยเพราะเธอเองก็อยากจะแวะถ่ายระหว่างทางไปด้วยเขาสนามบินมายังเมืองคามาคุระ เพื่อกราบขอพรที่วัดหลวงพ่อโตไดบุทสึซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่กลางแจ้งจากนั้นทั้งสองคนก็แวะทาอาหารกลางวันก่อนจะขับรถไปชมปราสาทโอดาวาระซึ่งเป็นปราสาทที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยเขาขับรถมาจอดที่หน้าโกเท็มบะพรีเมี่ยมเอาท์เล็ท ซึ่งอยู่ระหว่างทางไปโรงแรม“ใบตองอยากได้อะไรไหมที่นี่มีสินค้าเยอะมากเลยนะ” เขาสังเกตจากป้ายทางเข้าที่มีซื้อสินค้าแบรนด์เนมอยู่เกือบครบทุกชนิด“ไม่หรอกค่ะ” “พี่รู้ว่าก
ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ขณะที่ปากก็ยังคงจูบกันไม่ยอมห่าง กัญญ์วราแทบจะหลอมละลายอยู่บนตักของเขาอุณหภูมิของน้ำบวกกับความร้อนในกายทำให้อารมณ์ของทั้งสองพุ่งขึ้นสูงได้อย่างรวดเร็ว“พี่ภูคะ”หญิงสาวเรียกแผ่วเบาเมื่อเขายอมถอนจูบออก สายตาของทั้งสองที่ประสานกันนั้นเต็มไปด้วยไฟแห่งตัณหา“ใบตองรู้ใช่ไหมว่าจากนี้มันจะเป็นยังไง”“รู้ค่ะ แต่ใบตองกลัว”“กลัวอะไร” เขาเกลี่ยไรผมเธอพลางไล้มือไปบนแก้มที่แดงก่ำเพราะความร้อนจากน้ำในอ่างและความเขินอาย“กลัวพี่ภูจะไม่ชอบ ไม่ถูกใจเพราะใบตองไม่เก่ง”“เด็กน้อย เรื่องนั้นมันฝึกกันได้นี่ ถ้าใบตองยินดีจะให้พี่สอนได้ไหม”เธอมองหน้าเขาอย่างลังเลขณะที่เขาก็จับสะโพกของเธอโยกไปกับความแข็งร้อนที่ขยายตัวพร้อมใช้งานอยู่เบื้องล่าง เพียงแค่ได้สัมผัสเพลิงพิศวาสก็โหมกระหน่ำขึ้นอย่างรวดเร็วใบหน้าของทั้งสองก้มเข้ากันอีกครั้ง ภูเมฆาครางในลำคออย่างพอใจที่นักเรียนของเขานั้นกำลังจูบกลับมาอย่างเร่าร้อนและยั่วยวน“เราอยู่ในน้ำนานเกินไปแล้วนะ ขึ้นข้างบนกันเถอะ”พูดจบเขาดันเธอขึ้นจากบ่อน้ำจากนั้นก็รีบเช็ดตัวให้แห้งก่อนจะอุ้มคนที่หมดเรี่ยวแรงจะเดินกลับเข้ามายังห้อ
ภูเมฆายิ้มเมื่อเห็นเธอตอบรับ เขาเคล้นคลึงเต้าคู่สวยของเธออีกครั้งอย่างหนักหน่วงเรียกเสียงหวานครางกระเส่าขณะที่มือก็จับความเป็นชายลากขึ้นลงกางกายสาวอย่างปลุกเร้า “อ๊ะ! พี่ภู” “ไม่ต้องกลัวนะคนเก่ง มันจะไม่เจ็บเชื่อพี่” ชายหนุ่มกดความเป็นชายเข้าไปได้เพียงนิดหญิงสาวก็สะดุ้งและทำท่าจะถอยหนี “พี่ภู ใบตองเจ็บ” “อดทนอีกนิดเดี๋ยวพี่จะทำให้หายเจ็บเชื่อพี่นะคะคนเก่ง” ใช่ว่าเธอจะเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวเพราะเขาเองก็ปวดร้าวและทรมานกับความคับแน่นที่กำลังโอบรัดความเป็นชายทั่วทิศทางอย่างไม่ปรานีเขาเองก็เคยนอนกับสาวบริสุทธิ์มาก่อนแต่มันต่างกับครั้งนี้มากมายนัก ทุกครั้งเขาจะเอาแต่ใจและหาความสุขให้กับตัวเองแต่ครั้งนี้ภูเมฆาตั้งใจจะให้ครั้งแรกของเขาและเธอมีแต่ความสุขและความทรงจำที่ดี “อ่าห์ ใบตองหนูอย่ารัดแน่นสิ” เขากัดกรามแน่นขณะที่กดท่อนเอ็นร้อนของตนเองเข้าไปอย่างช้าแม้น้ำหวานจะอาบจนทั่วแต่ช่องทางรักของหญิงสาวที่ไม่เคยมีใครล่วงล้ำก็คับแน่นจนเขาต้องอดทนเป็นอย่างมากเพื่อที่จะพาตัวตนเข้าไปด้านใน ปากร้อนก้มลงดุนด
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”
เช้าวันจันทร์กัญญ์วราก็มาทำงานตั้งแต่เช้าเหมือนอย่างทุกครั้งแต่พอมาถึงแผนกก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะพี่ฟ้ามาถึงที่ทำงานก่อนทั้งพี่ปกติแล้วพี่ฟ้าจะเข้ามาทำงานทีหลังเธอครึ่งชั่วโมง “สวัสดีค่ะพี่ฟ้า วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ” “สวัสดีจ้ะใบตอง” “พี่ฟ้ามองหน้าใบตองแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่า” “อันที่จริงพี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ถามก็คงไม่สบายใจและระแวงอยู่แบบนี้แน่ๆ เอาเป็นว่าพี่จะถามคำถามใบตองสักคำถามหนึ่งถ้าคำตอบคือไม่ใช่ใบตองต้องสัญญาว่าจะไม่ถามอะไรเพิ่มเติม” “พี่ฟ้า ทำไมมันซับซ้อนจังคะ ใบตองชักจะกลัวกับคำถามของพี่แล้วนะคะ” “คำถามง่ายเองๆ”“อย่าเพิ่งถามได้ไหม รอให้มะเหมี่ยวมาก่อน” “เรื่องนี้มันเป็นความลับพี่ไม่อยากให้คนอื่นรู้พี่ถึงต้องมาคุยกับใบตองตั้งแต่เช้าไงล่ะ” “ใบตองใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ พี่ฟ้าจะถามอะไรคะ แล้วถ้าคำตอบไม่ดี พี่จะฟ้าจะประเมินให้ใบตองผ่านงานไหม” “คะแนนประเมินของใบตองกับมะเหมี่ยวพี่ส่งให้พี่พรตั้งแต่วันศุกร์แล้วเพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับคะแนนเลย” “แบบนี้ค่อย
กลับมาถึงห้องพักกัญญ์วราก็รีบขอตัวไปอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัวจากไอศกรีมที่เปื้อนตอนที่ชนกับเลขาของภูเมฆา อาบน้ำเสร็จเธอก็ออกมายังมุมของระเบียงเพื่อนอนดูดาวและฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ไม่นานนักภูเมฆาก็ตามออกมานั่งด้วย “ชอบที่นี่ไหม” “ค่ะ บรรยากาศดีมาก วิวกลางคืนก็สวยค่ะ” เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเธอจึงมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน “ระหว่างทะเลกับภูเขาใบตองชอบอะไรมากกว่ากัน” “ชอบทะเลค่ะ เพราะตอนที่ยังเป็นเด็ก หนูอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ก็เลยเห็นภูเขามาเยอะแล้ว” “พี่ภูล่ะคะ” “พี่ก็ชอบทะเลนะ พี่ได้เที่ยวทะเลครั้งแรกก็ตอนเรียนอยู่ ม.4 ถ้าคุณครูที่โรงเรียนไม่ให้มีการจัดทัศนศึกษาพี่ก็คงไม่มีโอกาสหรอก เรื่องเที่ยวสำหรับพี่ตอนนั้นมันไกลตัวมาก” “ตอนนี้พี่ภูมีทุกอย่างแล้วพี่เที่ยวบ่อยไหมคะ” “ไม่นะ ส่วนใหญ่ก็จะทำงานแล้วถือโอกาสเที่ยว ถ้าตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ น้อยมาก” “ทำไมล่ะคะ พี่ภูมีเงินตั้งเยอะ” “ไปเที่ยวคนเดียวมันไม่สนุกหรอกนะใบตอง” น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าและตัดพ
กัญญ์วราเลือกซื้ออาหารและเดินทานไปด้วยบางครั้งก็หันมาป้อนให้คนตัวโตที่เดินอยู่ข้างๆ การเดินเที่ยวแบบนี้ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับคู่รักที่มาออกเดตและนั่นก็ทำให้หญิงสาวเดินยิ้มอย่างมีความสุข แต่คงเพราะเอาแต่ยิ้มและอยู่กับความคิดของตัวเองมากไปหน่อยเธอเลยเดินชนกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” กัญญ์วรารีบขอโทษ “ไม่เป็นไรค่ะ” อีกคนก็เดินเหม่อมาเหมือนกันเลยไม่ติดใจอะไร “เป็นอะไรไหมคะ” “พี่ไม่เป็นไรค่ะ แต่เสื้อน้องเลอะไปหมดแล้ว ไปหาที่เปลี่ยนก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวพี่ซื้อตัวใหม่ให้” พอหญิงสาวคนนั้นพูดกัญญ์วราเลยก้มหน้ามองก็เห็นว่าเสื้อยืดของตัวเองนั้นเปื้อนไปด้วยคราบไอติมเต็มไปหมด “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง” “ใบตองมันยืนทำอะไรอยู่” ภูเมฆาที่เดินล่วงหน้าไปแล้วย้อนกลับมาตามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่เดินตามเขาไปที่รถ “บอส” “คุณดา” “บอสมาเที่ยวเหรอคะ” “ครับ” กัญญ์วรามองหน้าคนรักสลับกับผู้หญิงที่เธอเดินชนแล้วก็พอจะเดาออกว่าเธอน่าจะเป็นเลขาของภูเมฆาเพราะเคยได้ย