ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ขณะที่ภูเมฆานั่งทำงานอยู่ในห้องโดยมีกัญญ์วราเข้ามานอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเสี่ยงโทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้นทำให้ต้องรับออกมารับข้างนอกห้องเพราะกลัวจะรบกวนการทำงานของชายหนุ่ม หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาที “ใบตองถ้าอยากออกไปเที่ยวเพื่อนก็ไปได้นะ” เราตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันที่นี่เขาก็ไม่เคยเห็นหญิงสาวออกไปเที่ยวไหนกับเพื่อนๆ เลย “พี่ภูคิดว่าเพื่อนใบตองชวนไปเที่ยวเหรอคะ” “พี่เดาถูกใช่ไหมล่ะ” “เขาโทรมาชวนไปเที่ยวจริงๆค่ะ แต่ไม่ใช่เพื่อน” “ถ้าไม่ใช่เพื่อนก็คงจะเป็นแฟนใช่ไหม” “ไม่ใช่อีกเหมือนกันค่ะ คนที่โทรมาชวนไปเที่ยวเป็นพี่ที่โมเดลลิ่งที่ใบตองเคยทำงานพริตตี้ให้เขาค่ะ” “จะไปทำงานอีกแล้วเหรอ” “ครั้งนี้ไม่ได้ไปเป็นพริตตี้ค่ะ ใบตองไม่รู้จะอธิบายยังไง คือใบตองเคยรับงานเพื่อนเที่ยวไว้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจค่ะ” “มันคืองานอะไร” กัญญ์วราอธิบายลักษณะงานให้เขาฟังตามที่ตนเองได้รู้มาแต่ก็ยังไม่เคยรับงานสักครั้งเพราะส่วนใหญ่คนที่เรี
แล้ววันเดินทางไปเที่ยวก็มาถึงกัญญ์วราตื่นเต้นมากเพราะนี่เป็นการเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรกของตนเองพวกเขานั่งโดยสารในชั้นธุรกิจซึ่งกว่าจะตกลงกันเรื่องจองตั๋วได้ก็แทบแย่เพราะกัญญ์วราอยากนั่งชั้นประหยัดเพราะราคาถูกแต่ภูเมฆาอยากนั่งชั้นเฟิร์สคลาสเพราะอยากนั่งสบายๆ สุดท้ายก็เลยยอมมาเจอกันครึ่งทางพอลงจากเครื่องที่สนามบินนาริตะจากนั้นภูเมฆาก็เลือกที่จะเช่ารถสำหรับการเที่ยวครั้งนี้มากกว่าการนั่งรถไฟรู้สึกเป็นส่วนตัวมากกว่าซึ่งเรื่องนี้กัญญ์วราเองก็เห็นด้วยเพราะเธอเองก็อยากจะแวะถ่ายระหว่างทางไปด้วยเขาสนามบินมายังเมืองคามาคุระ เพื่อกราบขอพรที่วัดหลวงพ่อโตไดบุทสึซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่กลางแจ้งจากนั้นทั้งสองคนก็แวะทาอาหารกลางวันก่อนจะขับรถไปชมปราสาทโอดาวาระซึ่งเป็นปราสาทที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยเขาขับรถมาจอดที่หน้าโกเท็มบะพรีเมี่ยมเอาท์เล็ท ซึ่งอยู่ระหว่างทางไปโรงแรม“ใบตองอยากได้อะไรไหมที่นี่มีสินค้าเยอะมากเลยนะ” เขาสังเกตจากป้ายทางเข้าที่มีซื้อสินค้าแบรนด์เนมอยู่เกือบครบทุกชนิด“ไม่หรอกค่ะ” “พี่รู้ว่าก
ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ขณะที่ปากก็ยังคงจูบกันไม่ยอมห่าง กัญญ์วราแทบจะหลอมละลายอยู่บนตักของเขาอุณหภูมิของน้ำบวกกับความร้อนในกายทำให้อารมณ์ของทั้งสองพุ่งขึ้นสูงได้อย่างรวดเร็ว“พี่ภูคะ”หญิงสาวเรียกแผ่วเบาเมื่อเขายอมถอนจูบออก สายตาของทั้งสองที่ประสานกันนั้นเต็มไปด้วยไฟแห่งตัณหา“ใบตองรู้ใช่ไหมว่าจากนี้มันจะเป็นยังไง”“รู้ค่ะ แต่ใบตองกลัว”“กลัวอะไร” เขาเกลี่ยไรผมเธอพลางไล้มือไปบนแก้มที่แดงก่ำเพราะความร้อนจากน้ำในอ่างและความเขินอาย“กลัวพี่ภูจะไม่ชอบ ไม่ถูกใจเพราะใบตองไม่เก่ง”“เด็กน้อย เรื่องนั้นมันฝึกกันได้นี่ ถ้าใบตองยินดีจะให้พี่สอนได้ไหม”เธอมองหน้าเขาอย่างลังเลขณะที่เขาก็จับสะโพกของเธอโยกไปกับความแข็งร้อนที่ขยายตัวพร้อมใช้งานอยู่เบื้องล่าง เพียงแค่ได้สัมผัสเพลิงพิศวาสก็โหมกระหน่ำขึ้นอย่างรวดเร็วใบหน้าของทั้งสองก้มเข้ากันอีกครั้ง ภูเมฆาครางในลำคออย่างพอใจที่นักเรียนของเขานั้นกำลังจูบกลับมาอย่างเร่าร้อนและยั่วยวน“เราอยู่ในน้ำนานเกินไปแล้วนะ ขึ้นข้างบนกันเถอะ”พูดจบเขาดันเธอขึ้นจากบ่อน้ำจากนั้นก็รีบเช็ดตัวให้แห้งก่อนจะอุ้มคนที่หมดเรี่ยวแรงจะเดินกลับเข้ามายังห้อ
ภูเมฆายิ้มเมื่อเห็นเธอตอบรับ เขาเคล้นคลึงเต้าคู่สวยของเธออีกครั้งอย่างหนักหน่วงเรียกเสียงหวานครางกระเส่าขณะที่มือก็จับความเป็นชายลากขึ้นลงกางกายสาวอย่างปลุกเร้า “อ๊ะ! พี่ภู” “ไม่ต้องกลัวนะคนเก่ง มันจะไม่เจ็บเชื่อพี่” ชายหนุ่มกดความเป็นชายเข้าไปได้เพียงนิดหญิงสาวก็สะดุ้งและทำท่าจะถอยหนี “พี่ภู ใบตองเจ็บ” “อดทนอีกนิดเดี๋ยวพี่จะทำให้หายเจ็บเชื่อพี่นะคะคนเก่ง” ใช่ว่าเธอจะเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวเพราะเขาเองก็ปวดร้าวและทรมานกับความคับแน่นที่กำลังโอบรัดความเป็นชายทั่วทิศทางอย่างไม่ปรานีเขาเองก็เคยนอนกับสาวบริสุทธิ์มาก่อนแต่มันต่างกับครั้งนี้มากมายนัก ทุกครั้งเขาจะเอาแต่ใจและหาความสุขให้กับตัวเองแต่ครั้งนี้ภูเมฆาตั้งใจจะให้ครั้งแรกของเขาและเธอมีแต่ความสุขและความทรงจำที่ดี “อ่าห์ ใบตองหนูอย่ารัดแน่นสิ” เขากัดกรามแน่นขณะที่กดท่อนเอ็นร้อนของตนเองเข้าไปอย่างช้าแม้น้ำหวานจะอาบจนทั่วแต่ช่องทางรักของหญิงสาวที่ไม่เคยมีใครล่วงล้ำก็คับแน่นจนเขาต้องอดทนเป็นอย่างมากเพื่อที่จะพาตัวตนเข้าไปด้านใน ปากร้อนก้มลงดุนด
ภูเขาไฟฟูจิกำลังอวดโฉมอยู่ทางด้านหน้า แม้แสงข้างนอกจะสว่างแล้วแต่ภายในห้องก็ยังคงมืดสลัวเพราะกระจกนั้นกันแสงได้เป็นอย่างดี ทำให้เขาไม่ต้องออกไปนอกห้องก็สามารถเห็นความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิได้จากบนเตียงนอน แต่คนที่อยากมาดูนั้นกลับยังไม่ยอมตื่นไม่รู้ว่าเพราะอากาศดีหรือเพราะเมื่อคืนเธอใช้พลังงานไปเยอะกันแน่ เขาจำได้ดีว่าเมื่อคืนตนเองนั้นไปถึงสวรรค์มากที่สุดเท่าที่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่ใช่ว่าอยากจะหยุดแค่นั้นความรู้สึกอยากยังคงอยู่ในตัวเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและยิ่งยามเช้าแบบนี้อะไรๆ มันก็ตื่นตัวได้ง่ายดายเหลือเกินแต่ก็ต้องอดใจไว้เพราะกลัวว่าวันนี้จะไม่ได้เที่ยวอย่างที่ตั้งใจ ภูเมฆาลุกไปเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จ พอออกมาจากห้องน้ำกัญญ์วราก็ตื่นแล้ว“สวยไหม” เขาถามคนที่นั่งมองออกไปนอกห้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“สวยค่ะ สวยมากๆ ไม่คิดเลยว่าจะตื่นมาแล้วเห็นภูเขาไฟแบบนี้ ขอบคุณนะคะพี่ภูที่พาใบตองมาเที่ยว”“ถ้าชอบเรามากันบ่อยๆ ก็ได้นะ”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ได้เห็นครั้งเดียวก็พอแล้ว”“ไหนว่าจะถ่ายรูปไปอวดเพื่อน”“นั้นสิ แต่สภาพตอนนี้ดูไม่ได้เลยค่ะ ขอไ
“พี่ภูคะ เราจะออกไปเที่ยวตอนกี่โมงคะ” “หนูพร้อมเวลาไหนเราก็ไปเวลานั้นแหละ วันนี้เรามีเวลาทั้งวัน ใบตองอยากถ่ายรูปแบบนี้ไหม” เขาส่งใบปลิวของโรงแรมที่วางอยู่บนหัวเตียงให้เธอดูซึ่งในนั้นมีรูปผู้หญิงเปลือยแผ่นหลังแช่ออนเซ็นและทางด้านหน้าเป็นวิวภูเขาไฟฟูจิ “จะดีเหรอคะ ใบตองว่ามันโป๊ไปนิด” “ไม่หรอกครับพี่ว่ามุมนี้ได้อารมณ์ญี่ปุ่นมากๆ เลยนะ เราถ่ายเก็บไว้ดูเองก็ได้นี่ครับ” กัญญ์วรายังลังเลแต่ก็คิดตามที่ชายหนุ่มพูด ในเมื่อมีโอกาสแบบนี้เธอก็ควรจะรีบคว้าไว้เพราะคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวแบบนี้บ่อยๆ หรืออาจจะเป็นแค่ครั้งเดียวในชีวิตก็ได้ “ก็ได้ค่ะ พี่ภูรอตรงนี้ก่อนถ้าใบตองพร้อมจะเรียกนะคะ” หญิงสาวเดินมายังจุดที่เป็นออนเซ็นซึ่งจากนั้นแช่เท้าเพียงครู่ก่อนจะลงไปแช่ทั้งตัว “พี่ภูมาได้แล้วค่ะ” ภูเมฆาหยิบทั้งกล้องและมือถือก่อนจะเดินไปหากัญญ์วราที่ลงไปแช่น้ำจนเห็นแค่ศีรษะ “ใบตอง ยืนขึ้นหน่อยได้ไหม” “แต่...” “ข้างหน้าไม่มีใครสักหน่อยนะ แล้วที่เราอยู่กันแค่สองคนในห้องไม่มีคนเห็นหรอกค
แผนการเดินทางที่วางแผนไว้นั้นต้องเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก จากที่คิดว่าจะเดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะก่อนจะไปศาลเจ้าอีกหลายที่ก็เป็นอันว่าทั้งสองเลือกที่จะไปศาลเจ้าอาราคุระ เซ็นเก็นเพื่อขึ้นชมเจดีย์ชุเรโต เจดีย์ขนาดใหญ่สีแดงห้าชั้นซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นเมืองฟูจิโยชิดะและภูเขาไฟฟูจิได้อย่างสวยงาม แต่กว่าจะขึ้นมาถึงด้านบนกัญญ์วราก็เกือบแย่เพราะมีบันไดมากถึง 398 ขั้นแต่เธอก็พยายามเดินขึ้นมาจนถึงเพราะไม่อยากพลาดชมความสวยงาม “ขากลับหนูขี่หลังพี่ลงก็ได้นะ” “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไหว” “แต่หน้าหนูซีดมาก จิบน้ำหน่อยนะ” “ขอบคุณค่ะ” ถ้ารู้ว่าจะเหนื่อยและหมดแรงแบบนี้เมื่อเช้าเธอคงไม่ยอมให้พาขึ้นเตียงอย่างแน่นอน “พี่ภูไม่ถ่ายบ้างเหรอคะ เดี๋ยวหนูถ่ายให้” ภูเมฆาแทบจะได้ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะส่วนใหญ่จะให้เธอมากกว่า “พี่อยากเก็บรูปหนูไว้เยอะๆ มากกว่า” “แต่หนูอยากถ่ายรูปคู่กับพี่” เสียงนั้นค่อนข้างเบาเพราะกลัวเขาจะไม่พอใจ “พี่เข้าใจแล้ว เดี๋ยวพี่เอาขาตั้งกล้องออกจากเป้ก่อน หนูถือกล้องให้พี่หน่อยนะ”
เมื่อเจอคำถามของกัญญ์วราภูเมฆาก็นิ่งไปชั่วครู่ทำให้คนที่รอฟังคำตอบรู้สึกใจเสียขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ “พี่ภูไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ” “อย่าใจร้อนสิ พี่กำลังคิดว่าเริ่มชอบตั้งแต่ตอนไหน” “แล้วตอนไหนคะ” เธอถามด้วยความตื่นเต้นเพราะถ้าเขากำลังคิดนั่นก็หมายความว่าชอบเธอขึ้นมาบ้างแล้ว “น่าจะเป็นช่วงที่พี่โดนแทงนั่นแหละ ใบตองทำให้พี่รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว” “เวลาคนเจ็บป่วยก็มักจะอ่อนไหวง่ายๆ” “บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ พี่ว่าพี่ชอบที่เห็นใบตองอยู่ใกล้ ชอบที่ได้คุยกับใครสักคนได้ทุกเรื่อง เวลาทำงานกลับมาที่ห้องแล้วมีคนทำอาหารไว้รอ มีคนถามว่าเหนื่อยไหมพี่ว่ามันรู้สึกดีมากๆ” ภูเมฆาพูดทุกอย่างออกไปตามที่ตนเองรู้สึกและนั่นก็ทำให้คนที่นอนหนุนตักอยู่ยิ้มจนตาหยี “ดูท่าจะง่วงแล้วใช่ไหม” “นิดหน่อยค่ะ” “วันนี้คงเหนื่อยมาก พี่ว่าจะให้แช่เท้าในน้ำอุ่นเพราะวันนี้เดินเยอะมากแต่ดูแล้วใบตองคงไม่อยากลุกแล้วใช่ไหม” “ใช่ค่ะ ใบตองไม่มีแรงลุกไปแล้ว รู้พี่ภูแอบเอายานอนหลับหนูกินหรือเปล่า” “ถ
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”
เช้าวันจันทร์กัญญ์วราก็มาทำงานตั้งแต่เช้าเหมือนอย่างทุกครั้งแต่พอมาถึงแผนกก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะพี่ฟ้ามาถึงที่ทำงานก่อนทั้งพี่ปกติแล้วพี่ฟ้าจะเข้ามาทำงานทีหลังเธอครึ่งชั่วโมง “สวัสดีค่ะพี่ฟ้า วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ” “สวัสดีจ้ะใบตอง” “พี่ฟ้ามองหน้าใบตองแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่า” “อันที่จริงพี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ถามก็คงไม่สบายใจและระแวงอยู่แบบนี้แน่ๆ เอาเป็นว่าพี่จะถามคำถามใบตองสักคำถามหนึ่งถ้าคำตอบคือไม่ใช่ใบตองต้องสัญญาว่าจะไม่ถามอะไรเพิ่มเติม” “พี่ฟ้า ทำไมมันซับซ้อนจังคะ ใบตองชักจะกลัวกับคำถามของพี่แล้วนะคะ” “คำถามง่ายเองๆ”“อย่าเพิ่งถามได้ไหม รอให้มะเหมี่ยวมาก่อน” “เรื่องนี้มันเป็นความลับพี่ไม่อยากให้คนอื่นรู้พี่ถึงต้องมาคุยกับใบตองตั้งแต่เช้าไงล่ะ” “ใบตองใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ พี่ฟ้าจะถามอะไรคะ แล้วถ้าคำตอบไม่ดี พี่จะฟ้าจะประเมินให้ใบตองผ่านงานไหม” “คะแนนประเมินของใบตองกับมะเหมี่ยวพี่ส่งให้พี่พรตั้งแต่วันศุกร์แล้วเพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับคะแนนเลย” “แบบนี้ค่อย
กลับมาถึงห้องพักกัญญ์วราก็รีบขอตัวไปอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัวจากไอศกรีมที่เปื้อนตอนที่ชนกับเลขาของภูเมฆา อาบน้ำเสร็จเธอก็ออกมายังมุมของระเบียงเพื่อนอนดูดาวและฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ไม่นานนักภูเมฆาก็ตามออกมานั่งด้วย “ชอบที่นี่ไหม” “ค่ะ บรรยากาศดีมาก วิวกลางคืนก็สวยค่ะ” เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเธอจึงมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน “ระหว่างทะเลกับภูเขาใบตองชอบอะไรมากกว่ากัน” “ชอบทะเลค่ะ เพราะตอนที่ยังเป็นเด็ก หนูอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ก็เลยเห็นภูเขามาเยอะแล้ว” “พี่ภูล่ะคะ” “พี่ก็ชอบทะเลนะ พี่ได้เที่ยวทะเลครั้งแรกก็ตอนเรียนอยู่ ม.4 ถ้าคุณครูที่โรงเรียนไม่ให้มีการจัดทัศนศึกษาพี่ก็คงไม่มีโอกาสหรอก เรื่องเที่ยวสำหรับพี่ตอนนั้นมันไกลตัวมาก” “ตอนนี้พี่ภูมีทุกอย่างแล้วพี่เที่ยวบ่อยไหมคะ” “ไม่นะ ส่วนใหญ่ก็จะทำงานแล้วถือโอกาสเที่ยว ถ้าตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ น้อยมาก” “ทำไมล่ะคะ พี่ภูมีเงินตั้งเยอะ” “ไปเที่ยวคนเดียวมันไม่สนุกหรอกนะใบตอง” น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าและตัดพ
กัญญ์วราเลือกซื้ออาหารและเดินทานไปด้วยบางครั้งก็หันมาป้อนให้คนตัวโตที่เดินอยู่ข้างๆ การเดินเที่ยวแบบนี้ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับคู่รักที่มาออกเดตและนั่นก็ทำให้หญิงสาวเดินยิ้มอย่างมีความสุข แต่คงเพราะเอาแต่ยิ้มและอยู่กับความคิดของตัวเองมากไปหน่อยเธอเลยเดินชนกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” กัญญ์วรารีบขอโทษ “ไม่เป็นไรค่ะ” อีกคนก็เดินเหม่อมาเหมือนกันเลยไม่ติดใจอะไร “เป็นอะไรไหมคะ” “พี่ไม่เป็นไรค่ะ แต่เสื้อน้องเลอะไปหมดแล้ว ไปหาที่เปลี่ยนก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวพี่ซื้อตัวใหม่ให้” พอหญิงสาวคนนั้นพูดกัญญ์วราเลยก้มหน้ามองก็เห็นว่าเสื้อยืดของตัวเองนั้นเปื้อนไปด้วยคราบไอติมเต็มไปหมด “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง” “ใบตองมันยืนทำอะไรอยู่” ภูเมฆาที่เดินล่วงหน้าไปแล้วย้อนกลับมาตามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่เดินตามเขาไปที่รถ “บอส” “คุณดา” “บอสมาเที่ยวเหรอคะ” “ครับ” กัญญ์วรามองหน้าคนรักสลับกับผู้หญิงที่เธอเดินชนแล้วก็พอจะเดาออกว่าเธอน่าจะเป็นเลขาของภูเมฆาเพราะเคยได้ย