ฉันอึ้งไปอย่างแรงอ่านอีเมลนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างละเอียด ราวกับกำลังเช็คให้แน่ใจก็ไม่ปานใช่แล้ว ไม่ผิดแน่ฟู่จินอัน ไม่รู้ว่าโผล่มาจากนั้น จู่ๆ ก็กลายเป็นผอ.แผนกดีไซน์เนอร์ เป็นหัวหน้าของฉัน"หรวนหร่วน เธอรู้จักหล่อนใช่ไหม?"เจียงไหลเห็นว่าฉันแปลกไป ก็ยื่นมือมาโบกตรงหน้าฉัน แล้วเอ่ยการคาดเดาของเธอฉันวางโทรศัพท์ลง "อืม หล่อนเป็นพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ของฟู่ฉีชวน ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยเล่าให้เธอฟัง"หลังจากที่เรียบจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป แต่ฉันกับเจียงไหลสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สัญญากันเอาไว้ว่าจะอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงต่อด้วยกัน จะไม่ไปไหนทั้งนั้นเจียงไหลกระดกลิ้น "เช้ด เด็กเส้นหรอกหรอ!""..."ฉันไม่ได้พูดอะไรในใจก็พลางคิดว่า ไม่ใช่แค่เด็กเส้นธรรมดาด้วยสิ"สมองของฟู่ฉีชวนได้รับการกระทบกระเทือนหรือไง?"เจียงไหลแซะไม่หยุด ต่อสู้กับความอยุติธรรมแทนฉัน "มีสิทธิ์อะไร? ฉันไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าวงการดีไซน์เนอร์มีเบอร์ต้นที่ชื่อนี้อยู่ แล้วดูฟู่ฉีชวนสิ ยกตำแหน่งผอ.ให้นางหน้าตาเฉย? แล้วเธอล่ะ เขาเอาเธอไปไว้ตรงไหน...""ช่างเถอะหน่า"ฉันขัดบทสนทนาของเธอ แล้วพูดเสียงเบา "ของพวกนี้มันไม่สำคัญหรอ
เขาแทบจะตอบรับในทันทีไม่ลังเลหรือครุ่นคิดสักนิดฉันโอบรอบคอของเขา ริมฝีปากทั้งสองด้านยกยิ้ม จับจ้องไปที่เขาไม่วางสายตา "สิบเปอร์เซ็น คุณไม่เสียดายหรอ?"แววตาของเขาบริสุทธิ์ "ก็ให้คุณ ไม่ได้ให้คนอื่นสักหน่อย"วินาทีนี้ฉันต้องยอมรับเลยว่า เงินเป็นสิ่งที่จะใช้แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ได้ดีมากอารมณ์ที่ฝืนกดมันเอาไว้ตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็ได้รับการปลอดล็อคฉันถามยิ้มๆ ราวกับอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง "แล้วถ้าเป็นพี่จินอัน คุณจะให้เธอหรือเปล่า?"เขาเงียบไปชั่วอึดใจ แล้วให้คำตอบที่แน่ชัด "ไม่ให้""จริงหรอ?""อืม ที่ผมจะให้เธอได้ ก็มีแค่ตำแหน่งนั้น"ฟู่ฉีชวนดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอด น้ำเสียงอันอบอุ่นและมุ่งมั่นดังอยู่เหนือศีรษะของฉัน "หนังสือสัญญาโอนหุ้น ตอนบ่ายผมจะให้ฉินเจ๋อส่งมา นับจากวันนี้ไป คุณก็คือหนึ่งในเจ้าของของแซ่ฟู่กรุ๊ป ส่วนคนอื่นๆ ก็เป็นแค่ลูกน้องที่ทำงานให้คุณ""แล้วคุณล่ะ?"ฉันอารมณ์ดีขึ้นเยอะ ก็ถามเขายิ้มๆเขาเลิกคิ้ว "อะไร?""คุณก็ทำงานให้ฉันด้วยหรือเปล่า?""แน่นอน"เขาหุบยิ้ม ลูบศีรษะของฉัน โน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหู พูดจาสองแง่สองง่าม "ผมให้บริการคุณได้ทั้งบนเตียงและหลังลงจากเตียง
ทั้งที่รู้ว่าฟู่ฉีชวนกำลังรอฉันหล่อนที่ขออาศัยติดรถ กลับนั่งตำแหน่งข้างคนขับฉันอยากจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนี แต่สติสัมปชัญญะสั่งให้ฉันหยุดความคิดนั้น แล้วยื่นมือไปหาฟู่ฉีชวน "กุญแจรถ"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่วางกุญแจรถลงบนมือฉันเดินอ้อมกระโปรงรถ เข้าไปนั่งบนตำแหน่งคนขับ ขณะที่ฟู่จินอันกำลังอึ้งและหน้าแข็งไป ฉันก็ยิ้มน้อยๆ "เครื่องแค่นี้เอง? พี่เองก็นับว่าเป็นพี่สาวของฉีชวน แค่ขอติดรถด้วยปกติจะตาย"จากนั้น ก็ยื่นหน้าออกไปมองฟู่ฉีชวนที่อยู่นอกรถ "รีบขึ้นรถสิคะ คุณปู่กำลังรอพวกเราอยู่แหงๆ"ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบสงัดเงียบราวกับอยู่ในป่าช้าเดิมทีฟู่จินอันอยากจะคุยกับฟู่ฉีชวน แต่คงเป็นเพราะต้องหันหลังไปคุย ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติอาจจะเป็นเพราะสังเกตได้ว่าฉันรู้สึกไม่ดี จู่ๆ ฟู่ฉีชวนก็เปิดกระป๋องเครื่องดื่มแล้วส่งให้ "น้ำมะม่วงที่คุณชอบ"ฉันดื่มไปคำนึง ก็ขมวดคิ้วแล้วส่งคืนกลับไป "หวานเกินไป คุณดื่มเถอะ"ช่วงนี้ฉันชอบกินของเปรี้ยวๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเจออะไรที่ไม่ค่อยถูกปาก ฉันพอจะฝืนกินมันลงไปเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองแต่ตอนนี้ แค่คำเดียวก็ไม่สามารถฝืนได้"โอเค"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร
ฉันรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวที่เย็นเฉียบเลือดในร่างกายแทบจะหยุดแข็งมีวินาทีหนึ่งที่ฉันสงสัยว่า ตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่าฉันเคยสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างชัดเจนแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ถ้าพูดออกไป คนหนึ่งคือคุณชายตระกูลฟู่ อีกคนคือคุณหนูตระกูลฟู่ ยังไงก็ถือว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้วฟู่ฉีชวนเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้แต่ทว่า ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่ฉีชวนที่มีดวงตาแดงก่ำกดฟู่จินอันไว้กับผนัง พูดเสียงเย้ยหยันและเย็นชาออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน"จะหย่าเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกคนที่เลือกจะแต่งงานกับคนอื่นก็คือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?!""ฉัน..."คำถามที่มารัวๆ ทำให้ฟู่จินอันพูดไม่ออก น้ำตาไหลราวกับหยาดน้ำค้างที่หล่นลงมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อของฟู่ฉีชวนไว้อย่างไร้หนทาง"ฉันผิดไปแล้ว อาชวน ยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหม? แค่ครั้งเดียว และตอนนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ...""ฉันแต่งงานแล้ว""แต่งงานแล้วมันหย่าไ
ฟู่ฉีชวนดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า "แล้วคืนแต่งงานล่ะ เพราะอะไร?"ยังคงจำได้ลางๆ ว่าคืนนั้นฉันนั่งรออยู่ที่ระเบียงทั้งคืนคืนแต่งงาน เขาทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานแล้วออกไปโดยไม่สนใจใยดีฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา อีกทั้งยังคิดฟุ้งซ่านว่าตัวเองทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะกลับบ้านเร็วๆตอนนั้นฉันเพิ่งอายุยี่สิบสามปี บังเอิญได้แต่งงานกับคนที่แอบชอบมานานหลายปีจะไม่คาดหวังอะไรกับการแต่งงานและเขาได้อย่างไรแต่จนถึงวันนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า ตอนที่ฉันนั่งรอเขากลับบ้านด้วยความหวังเต็มหัวใจ เขากลับไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนทั้งหมดนี้ ช่างเหมือนกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่งจริงๆตอนนี้ฟู่ฉีชวนไม่ได้ปิดบังฉันอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ "คืนนั้นเธอไปแข่งรถกับคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตำรวจจึงแจ้งให้ฉันไปรับ"ช่างบังเอิญจริงๆในวันแต่งงานของฉันกับฟู่ฉีชวน เธอกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นในช่วงดึกแต่ฉันจำได้ว่าในงานเลี้ยงที่บ้านหลังงานแต่งเพียงไม่กี่วัน เธอก็อยู่ในงาน ทั้งยังไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลยสักนิดฉันล
ฉันไม่อยากเข้าใจในทันที แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าใจเจียงไหลหัวเราะเบาๆ แล้วพูดวิจารณ์ว่า "ก็แค่ทั่วไปนั่นแหละ""..."ฉันมองเธอด้วยความประหลาดใจ ส่งสายตาเป็นคำถาม ???"เคยนอนด้วยครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แย่มาก"เจียงไหลรีวิวอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าเฮ่อถิงจะอยู่ด้วยเฮ่อถิงโวยวาย "นั่นมันครั้งแรกของฉัน เธอจะไปรู้อะไร!""หยุด หยุด หยุด ฉันไม่ขอรับผิดชอบเรื่องนี้ นายเป็นคนเจ้าชู้ อย่ามาพูดถึงเรื่องครั้งแรกกับฉันเลย อย่างน้อยๆ ครั้งแรกของนายก็น่าจะเป็นกับมันหรือมันต่างหาก" เจียงไหลพูดขัดแล้วชี้ไปที่มือซ้ายและขวาของเขาฉันมองเฮ่อถิงที่ปกติมักจะทำตัวไม่จริงจัง แต่เมื่อเจียงไหลพูดแบบนี้ เขาก็หน้าแดงขึ้นมา และในที่สุดฉันก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันคือความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเฮ่อถิงน่าจะกำลังตามจีบเจียงไหลเจียงไหลไม่สนใจเฮ่อถิงอีกต่อไป จูงมือฉันเดินไปที่ห้องวีไอพี "มีรุ่นพี่คนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ เฮ่อถิงกับพวกเขาจัดงานเลี้ยงให้ แล้วชวนฉันมาร่วมสนุก""รุ่นพี่คนไหนเหรอ?" ฉันถามเบาๆ"เธอน่าจะรู้จักนะ ก็คือ..."เจียงไหลพูดขณะเปิดประตูห้องวีไอพีในห้องวีไอพีมีผู้ชายหลายคนนั่งอยู่
ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรงรู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูกฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครามองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้านฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ""คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว"ใจแคบจริง"ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหารราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกินในเมื่อเธอ
วันครบรอบการจากไปของพ่อแม่ฉันก็ตรงกับวันเสาร์นี้พอดีช่วงเช้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่ได้ไม่น่าจะใช้เวลามากนักแต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดออกไปอย่างมั่นใจไม่สามารถบอกฟู่ฉีชวนไปเมื่อวานนี้ได้ว่าฉันตั้งครรภ์แล้วและไม่สามารถบอกเจียงไหลในตอนนี้อย่างมั่นใจได้ว่าจะพาฟู่ฉีชวนไปด้วยกลัวว่าแผนที่วางไว้จะตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอัน สำหรับฉันแล้วมันเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดในทุกเมื่อเจียงไหลเห็นฉันไม่ค่อยมีอารมณ์สนใจนัก จึงเหลือบมองไปที่ออฟฟิศของฟู่จินอัน แล้วถามว่า "เรื่องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์นั่น ฟู่ฉีชวนจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?""ก็คงประมาณนั้น"เราคุยกันอีกสักพัก จากนั้นเธอก็กลับไปแผนกการตลาดอย่างวางใจ…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟู่จินอันเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว หรือว่าจู่ๆ ก็คิดได้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเราอยู่กัยอย่างสงบสุขแต่เดิมฉันกังวลว่าการออกแบบรุ่นพิเศษสำหรับปีใหม่อาจจะติดขัดเพราะเธอ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นจนเข้าสู่ขั้นตอนการทำต้นแบบ"พวกเธอคิดว่าคนที่เพิ่งเข้ามามีความสัมพ
"ใช่"ฉันยกริมฝีปากขึ้นและรวบรวมความกล้าพูดว่า "ถ้าเป็นอย่างหลัง ฉันกังวลว่าคุณอาจจะเริ่มมีความรู้สึกต่อฉัน"เขาขมวดคิ้วและพูดว่า "กังวลเหรอ? อาจเป็นเพราะฉันรักคุณและทำให้คุณกระสับกระส่ายหรือเปล่า?"“อะไรประมาณนั้น”ฉันพูดอย่างตรงไปตรงมาและพูดว่า “คุณมีบุคลิกที่ดี มีพื้นเพครอบครัวที่ดี และทุ่มเท การที่ใครสักคนอย่างคุณชอบเป็นเรื่องยากที่จะไม่รู้สึกซาบซึ้ง แต่เพราะเหตุนี้เอง เราเลยเป็นไปไม่ได้”“เป็นไปไม่ได้เหรอ?”“ใช่ เป็นไปไม่ได้”ฉันหายใจเข้าลึกๆ และมองเขาอย่างจริงจัง "ฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มมีความรัก ฉันไม่มีทางรู้ว่าข้างหน้ามีอันตราย แต่ยังเลือกที่จะเดินเข้าไปหามัน ความรักที่มั่นคงของคุณ สำหรับฉันแล้ว...มันคือไม่มีอะไรดี""เมื่อกี้คุณช่วยฉัน และฉันจะช่วยคุณรับมือกับพ่อแม่ของคุณด้วย นอกจากนี้ เราทุกคนควรมีเหตุผลมากขึ้น"……คืนนั้น หลังจากอาบน้ำในห้องรับรองแขกที่คุณย่าจัดให้ฉัน ฉันนอนบนเตียงโดยที่ยังตื่นอยู่ตอนกลางวัน โจวฟางตอบอะไรกับฉันเขาบอกว่า หร่วนหนานจือ อย่าคิดว่าคุณเป็นคนเดียวที่กลัวก่อนที่ฉันจะเข้าใจความหมายของประโยคนี้ เขาก็ผลักฉันเข้าไปในรถ
ฉันตกใจ “? ”"คุณเชื่อฉันไหม"โจวโม่นั่งขัดสมาธิบนโซฟาด้วยสีหน้ามั่นใจ "ตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับตัวเอง เขาชอบคุณ แต่เขากลัวที่จะชอบคุณ"ฉันยิ้มและพูดว่า "อย่าเดามั่วสิ คนที่เขาชอบคือเสิ่นชิงหลี่ แค่เพราะว่าพวกเรามีคิ้วและดวงตาที่คล้ายกัน...""ไม่จริงหรอก!"โจวโม่แย้งว่า "พี่ชายฉันไม่ใช่คนแบบนั้น หลายปีที่ผ่านมามีคนมากมายที่เหมือนพี่ชิงหลี่มากกว่าคุณ แต่เขาไม่เคยเหลียวแลด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าฉันพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขาแต่เขาไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล ถ้าเขาไม่มีความรู้สึกต่อคุณ ทำไมเขาถึงคอยช่วยเหลือคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า"“นั่นเป็นเพราะว่า…”ฉันพยายามโต้แย้งกลับแต่ก็พบว่าตัวเองพูดไม่ออกเมื่อพูดไปครึ่งประโยคเหตุการณ์ของจินซื่อเจี๋ย และแม่เสิ่นบังคับให้ฉันคุกเข่าในหิมะ… ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้กำลังช่วยเหลือซึ่งกันและกันหลังจากนั้น เขาไม่ได้ขอให้ฉันสัญญาอะไรกับเขา……เมื่อฉันจากไป ฉันยังคงเหม่อลอยเล็กน้อยเมื่อวานนี้ คุณย่าตั้งใจจะจับคู่เรา และวันนี้ โจวโม่ก็เล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังอีกครั้งไม่ว่าใครจะตั้งใจแค่ไหน พวกเขาก็ยังคงได้รับผลกระทบอยู่ดีฉันไม่คาดคิดว่า จะได้เห็นรถคัลลิแนนที่คุ้นเค
"สาวน้อยโง่เขลา"หญิงชรายิ้มและพูดว่า "ถ้าฉันไม่รู้จักเธอ ฉันจะพาเธอเข้าบ้านได้ยังไง ฉันยังรู้ด้วยว่า อดีตสามีของเธอคือฟู่ฉีชวน""ก็..."ฉันคิดอะไรขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะถาม "คุณรู้แล้วเหรอว่าครั้งก่อนที่คุณหนูเสิ่นพาฟู่ฉีชวนกลับมา?""ฉันจงใจสร้างความยากลำบากสำหรับเขา"หญิงชรายกคิ้วขึ้นและพูดว่า “ถ้าเขาปกป้องภรรยาของเขาเองไม่ได้ ก็สมน้ำหน้า”“ถูกต้อง สมน้ำหน้าเขา”"ฟังคำแนะนำของย่านะ ฟู่ฉีชวนเป็นคนดี แต่เขาคิดเยอะเกินไป และการอยู่กับเขาจะเหนื่อยและยากลำบากเกินไปสำหรับเธอ"“คุณย่า เราหย่ากันแล้วค่ะ” ฉันยิ้มหญิงชราถามด้วยความอยากรู้ “เธอลืมเขาไปแล้วจริงๆ เหรอ?”“ลืมไปเลย”ฉันเหลือบมองไปที่ท้องของตัวเอง ความรู้สึกขมขื่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย “เราเกือบจะมีลูกกันแล้ว แต่เขากลับไม่สนใจฉันเพื่อช่วยชีวิตคนอื่น และลูกก็... จากไป”ตอนที่ฉันเลิกสนใจเขาจริงๆก็คือตอนนั้นเองต่อมา หลายคนรู้สึกว่าถ้ารู้เร็วกว่านี้ ก็ไม่จำเป็นต้องทำตั้งแต่แรกกระจกที่แตกก็คือกระจกที่แตก ไม่ว่าจะใช้เวลาและความพยายามมากเพียงใดในการประสานกระจกเข้าด้วยกัน รอยร้าวเหล่านั้นก็จะเตือนเสมอว่าบาดแผลบางอย่างมีอยู่จ
ดูเหมือนว่าหัวใจของฉัน จะถูกดึงด้วยอะไรบางอย่างอย่างที่โจวฟางพูด มันเป็นจิตใต้สำนึกและไม่รู้ว่ามาจากไหนเมื่อเห็นความเศร้าโศกบนสีหน้าของเขา ฉันจึงเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ ย่องขึ้นเขย่งเท้าและเอื้อมมือไปยีผมเขาอย่างสบายใจแต่พอมือยื่นออกไปได้ครึ่งทาง ฉันก็หยุดนิ่งกลางอากาศ เมื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขา ฉันจึงปลอบใจเขาเบาๆ ว่า “โจวฟาง เธอจะไม่โทษคุณหรอก”ชั่วขณะหนึ่ง แสงสว่างวาบขึ้นในดวงตาของเขา แต่ทันทีที่มือของฉันหยุดลง เขาก็กลับมาเฉยเมยเช่นเคย “คุณไม่ใช่เธอ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอคิดอย่างไร?”“เพราะฉันเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว”ฉันลดสายตาลงเล็กน้อย ความขมขื่นปรากฏขึ้น “พวกเราต่างก็มีชีวิตที่ดี… จนกระทั่งจู่ๆ เราก็สูญเสียพ่อแม่ไป และต้องดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยตัวเอง เพียงเพื่อจะดำเนินชีวิตต่อไป”ฉันเงยหน้ามองเขาอีกครั้งและยิ้มอย่างอ่อนโยน “ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่โทษคุณ และฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะโทษคุณเช่นกัน”คนที่มีชีวิตที่ยากลำบาก ย่อมเข้าใจกันดีเขาสามารถรอคอยมาหลายปีแล้ว ซึ่งก็เพียงพอแล้วเขาค่อนข้างจะซาบซึ้งใจ ไม่ค่อยมีอารมณ์รุนแรงเหมือนเดิม “หลายปีที่ผ่านมา… คุณลำบากหรือเป
เธอกำลังคุยกับโจวฟาง ขณะที่ฉันอยู่ข้างๆ กำลังแขวนเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้คนแก่อย่างเธอและรีดอย่างระมัดระวัง"หนานจือ!"หญิงชราแสร้งทำเป็นไม่พอใจและลุกขึ้นดึงฉันลงบนโซฟา "เรื่องพวกนี้ให้คนรับใช้ทำก็ได้ เธอจะได้นั่งลงจิบชาและคุยกับฉัน เธอต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเลยหรือ?"ฉันยิ้มออกมาก่อน “แต่ยังไงนี่ก็เป็นงานของฉัน”“นังเด็กคนนี้นี่”หญิงชราจับมือฉันแล้วหันไปหาโจวฟาง “ฉันเพิ่งได้ยินเธอบอกว่าเธอวางแผนให้หนานจือช่วยหลอกพ่อแม่ของเธอเหรอ?”ความสัมพันธ์ระหว่างโจวฟางกับหญิงชรานั้นลึกซึ้งมาก จนเขาพูดทุกอย่าง "ใช่"หญิงชรามองฉันด้วยความกังวลและพูดว่า "เขาบังคับเธอเหรอ?""คุณย่า คุณคิดว่าผมเป็นคนยังไง?" โจวฟางพูดทั้งน้ำตาทั้งรอยยิ้มฉันก็ยิ้มเหมือนกัน “ไม่หรอก ฉันมีเรื่องจะขอร้องเขาเหมือนกัน”หญิงชราไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงต่อ แต่แสดงความกังวลอย่างหนึ่ง"ชิงหลี่... ฉันกลัวว่าเธอจะไม่กลับมาแล้ว"หญิงชรากลั้นน้ำตาไว้และมองโจวฟาง ด้วยท่าทางของผู้เฒ่าที่สง่างาม "ไม่ว่าเธอกับหนานจือจะเป็นแกล้งทำหรือเป็นเรื่องจริง ฉันก็ดีใจที่เห็นพวกเธอประสบความสำเร็จ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น แม้จะเป็นเพียงการแส
นอนหลับไม่สนิท แถมยังใส่หน้ากาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำได้คล่องแคล่ว แม้จะนอนอยู่ก็ตามด้วยความโล่งใจ ฉันรีบใส่ที่อุดหูไว้ในมือของเขาเขาใส่ที่อุดหูสองสามครั้งแล้วกลับไปนอนต่อโจวโม่ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ เอนตัวไปข้างๆ แล้วเงียบไปสักพักก่อนจะกระซิบเบาๆ"พี่ ฉันแค่แกล้งพี่ชายของฉันเมื่อกี้... จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนดีมากเลยนะ""อืม?"ฉันไม่รู้ว่าเธอมาบอกฉันแบบนี้ทำไมโจวโม่เอียงศีรษะพิงไหล่ฉันแล้วพูดว่า "พ่อกับฉันไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเพราะเขาพาเมียน้อยกลับบ้าน ฉันเกลียดเขา ฉันเกลียดเขาที่ทรยศต่อแม่ของฉัน"ฉันตกตะลึง"ตอนเด็กๆ ฉันอ่อนแอและต้องเติบโตในบ้านโดยไม่ได้ออกจากประตูหน้าหรือเดินออกไปข้างนอก"โจวโม่ถอนหายใจแล้วพูดว่า "หลังจากเหตุการณ์นั้น ฉันจึงย้ายออกจากคฤหาสน์ตระกูลโจวและถึงกับตำหนิพี่ชายของฉันที่ไม่ไปกับฉัน"ฉันหลับตาแล้วพูดว่า "เขา... น่าจะฉลาดเกินเด็ก""ใช่"มีเค้าลางของการตำหนิตัวเองในน้ำเสียงของโจวโม่ "ต่อมา ฉันรู้ว่าเขาฉลาดและมีเหตุผลมากกว่าฉันมาก การทำแบบเขาเป็นวิธีที่ถูกต้อง""ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับสละทุกสิ่งที่เป็นของแม่และของเราไป""ฉันเด็กเกินไปและเอาแต
ฉันพยักหน้าและยิ้ม "ใช่ แล้วเธอล่ะ? ตรุษจีนแล้ว เธอจะกลับเมื่อไหร่?"ถึงแม้ฉันจะไม่บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับโจวฟาง ฉันก็ยังต้องไปเสื้อผ้าของคุณย่าเสิ่นและคุณย่าโจวต้องส่งมอบการตัดเย็บเสื้อผ้าตามสั่งไม่ใช่แค่เรื่องของสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของบริการด้วย นอกจากนี้ หนานซียังต้องการผู้หญิงที่น่าเคารพทั้งสองคนนี้เพื่อช่วยโปรโมตแบรนด์ของเราการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับฉัน"ฉันจะกลับกับพวกคุณ รอฉันด้วย!"โจวโม่เปิดประตูทิ้งไว้ รีบวิ่งเข้าไป คว้าเป้สะพายหลัง และเริ่มยัดของลงไปอย่างบ้าคลั่งก่อนจะรีบวิ่งออกไป"โจวโม่ เธอกระโดดโลดเต้นอะไรในบ้าน? ถ้าจะหาเรื่องอีกก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น เธอจะได้ไม่มีบ้านอยู่!"เสียงคำรามหงุดหงิดของโจวฟางดังก้องไปทั่วอพาร์ตเมนต์จากห้องนั่งเล่นผู้คนบอกว่าฉันอารมณ์ร้ายในตอนเช้า แต่ชัดเจนว่าของเขาแย่กว่าโจวโม่สั่งให้เขาเงียบ “ทำไมพี่ถึงหงุดหงิดจัง พี่สาวหนานจือรอเราอยู่ที่ประตูแล้ว ลุกขึ้นมา!”“ขอเวลาอีกสามนาที”และทันใดนั้น ความเงียบก็กลับคืนมาฉันยกมือขึ้นและมองดูนาฬิกา ดีเลย เหลือเวลาอีกเพียงห้านาทีเท่านั้นก่อนที่เวลาที่เขานัดที่น่า
บางทีอาจเป็นเพราะฉันรู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิดต่อเขามากเกินไป ฉันเลยไม่ใส่ใจและยิ้ม "ไม่เป็นไร มันไม่เจ็บมาก"เขาถอนมือออก ถอนหายใจเงียบๆ แล้วพูดว่า "เข้าบ้านเถอะ ฉันแค่แวะมาหาคุณเท่านั้น ฉันสบายใจเมื่อเห็นว่าคุณสบายดีก็พอแล้ว""โอเค"อากาศหนาวมาก ฉันเลยสูดอากาศและโบกมือให้เขา ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูบ้านเมื่อนึกถึงบ้านที่เขาเพิ่งพูดถึง ฉันจึงหันกลับไปหาเขาแล้วพูดว่า “ยังไงก็ตาม รุ่นพี่ ฉันจะย้ายออกไปโดยเร็วที่สุด...”เมื่อฉันย้ายมาที่นี่ ฉันคิดว่ามันเป็นแค่เพราะมิตรภาพตอนนี้ฉันรู้เรื่องเหล่านี้แล้ว และต้องการเป็นเพื่อนกันต่อไป จะดีกว่าถ้าจะไม่ก่อปัญหา"ไม่จำเป็น!"หลังจากพยายามอยู่พักหนึ่ง ลู่สือเยี่ยนดูเหมือนจะประนีประนอมและพูด: "คุณสามารถอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขได้ โจวฟางอยู่ตรงข้ามกับคุณ... คนทั่วไปคงไม่กล้ามาที่นี่เพื่อก่อเรื่อง ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยสำหรับคุณ""ขอบคุณค่ะ...""หนานจือ เรายังเป็นเพื่อนกันนะ"เขาเห็นความไม่สบายใจของฉัน จึงตัดสินใจพูดออกมาตรง ๆ "คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระใดๆ เพียงเพราะฉันชอบคุณ และคุณไม่ได้ทำให้ฉันเสียเวลาอะไรใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้เราเปิดใจพูดกันแล้ว
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "วันหยุดจะเริ่มวันมะรืนนี้สินะ""ใช่แล้ว"เขาพูดอย่างไม่ลังเลว่า "เราจะออกเดินทางไปเมืองจิงเฉิงตอนเจ็ดโมงเช้า"“……?”ฉันมองเขาแล้วพูดว่า "คุณไม่ได้ช่วยฉันจัดการกับฟู่ฉีชวนก่อนเหรอ?"เขายกคิ้ว แล้วพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่:"ตอนนี้คุณกำลังขอร้องให้ฉันช่วย อย่างน้อยก็แสดงความจริงใจให้ฉันดูก่อนสิ?""......"นักธุรกิจทุกคนก็เหมือนกันฟู่ฉีชวนเป็นยังไง เขาก็เช่นกันมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน และฉันตัดสินใจที่จะกำหนดขอบเขตบางอย่างไว้ล่วงหน้า “ฉันช่วยเล่นละครกับพ่อแม่คุณได้ แต่ฉันหย่าร้าง พวกเขาคงไม่ยอมรับฉันหรอก…”โจวฟางไม่ได้ใส่ใจเลย "นั่นเป็นเรื่องของฉัน"ลิฟต์มาถึงชั้นแล้ว ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ “โอเค ฉันสัญญา”ทันทีที่พูดจบ ประตูก็เปิดออกแล้วเราแยกย้ายกันไป แต่ทันทีที่ออกไป ฉันก็แปลกใจที่เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่หน้าบ้านตระกูลลู่ยอมให้เขามาหาฉันจริงๆจากหางตา โจวฟางเหลือบมองมาทางเราแต่ก็ไม่หยุด เขาปลดล็อกประตูอย่างนุ่มนวล ก้าวเข้าไปข้างใน และปิดประตูตามหลังเขาไปในคราวเดียวนอกประตู เงียบมากจนได้ยินเพียงเสียงลมหอนในคืนฤดูหนาวด้วยคำเตือนของลู่สือจิ่ง ฉันรู้สึ