Share

บทที่ 2

Author: เล่อเอิน
เครื่องเพชร?

ฉันขมวดคิ้วเบาๆ ตะเบ็งเสียงพูดกับฟู่ฉีชวนที่เพิ่งเดินเข้าห้องน้ำ "ฉีชวน พี่จินอันมาค่ะ ฉันลงไปดูก่อนนะ"

เรียกได้ว่าเกือบจะวินาทีต่อมา ฟู่ฉีชวนก็กระโจมออกมา สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

"ผมไปเองก็ได้ คุณไม่ต้องสนใจหรอก ไปอาบน้ำเถอะ"

ชายหนุ่มที่อารมณ์มั่นคงและสุขุมมาโดยตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าฉัน แต่น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยอารมณ์บางอย่างที่ยากจะอธิบาย ราวกับทั้งหงุดหงิดทั้งตึงเครียด

ความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นในใจของฉัน "ฉันอาบเสร็จแล้ว ยาสีฟันของคุณ ฉันก็เป็นคนเตรียมเอาไว้ให้เอง ลืมไปแล้วหรอ?"

"ก็ได้ครับ งั้นก็ลงไปด้วยกันนี่แหละ อย่าให้แขกต้องรอนานจะดีกว่า"

ฉันจับมือของเขาเดินลงไปชั้นล่าง

บันไดเป็นดีไซน์แบบบันไดวน ส่วนที่เป็นลักษณะโค้งในครึ่งล่าง ทำให้สามารถมองเห็นฟู่จินอันที่สวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ หล่อนนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสง่าผ่าเผย

เพราะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวหล่อนก็เงยหน้าขึ้น เผยรอยยิ้มเงียบเชียบ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับมือทั้งสองข้างของฉันกับฟู่ฉีชวนที่จับกันอยู่ แก้วน้ำในมือก็สั่นทันที จนน้ำชาในแก้วกระฉอกออกมาเล็กน้อย

"อ๊ะ..."

น่าจะเพราะค่อนข้างร้อน หล่อนจึงเผลอหลุดร้องเสียงหลงออกมา

ฟู่ฉีชวนดึงฝ่ามือของเขาในออกทันที แล้ววิ่งลงไปชั้นล่างด้วยความตื่นตระหนกและร้อนใจ จากนั้นหยิบแก้วน้ำออกจากมือของหล่อน "ทำไมโง่ขนาดนี้ แค่แก้วใบเดียวยังถือให้มั่นไม่ได้?"

น้ำเสียงของเขาจริงจังดุดัน ทว่าจับมือของฟู่จินอันได้ก็พาไปที่อ่างล้างหน้าโดยไม่ลังเล แล้วชำระล้างด้วยน้ำเย็น

ฟู่จินอันรู้สึกจนปัญญา อยากจะดึงมือกลับ "ฉันไม่เป็นไร เอะอะใหญ่โตไปได้"

"หุบปาก ถ้าไม่ระวังแผลลวกไหม้มันจะทิ้งรอยบนผิว รู้หรือเปล่า?"

ฟู่ฉีชวนตำหนิเสียงเย็น โดยที่ยังคงจับมือไม่ปล่อย

ฉันยืนอยู่บนขั้นบันได มองภาพช็อตนั้นด้วยความตะลึง รู้สึกมึนงงไม่น้อย

ราวกับมีภาพอะไรบางอย่างผุดเข้ามาในหัว

เป็นภาพตอนที่เราเพิ่งแต่งงานกัน ฉันรู้ว่าฟู่ฉีชวนท้องไส้ไม่ค่อยดี จึงเริ่มเรียนทำอาหาร

แม้ว่าที่บ้านจะมีป้าหลิวอยู่แล้ว แต่อาหารที่ป้าหลิวทำไม่ค่อยถูกปากเขานัก

คนที่เพิ่งเรียนได้ไม่เท่าไหร่ การจะเผลอทำมีดหั่นโดนนิ้ว หรือถูกลวกเข้าตรงไหนสักที่มักจะเป็นเรื่องที่ห้ามได้ยาก

ครั้งนึงไม่ทันระวังจนทำกระทะคว่ำ น้ำมันเดือดๆ ไหลตามการเคลื่อนไหวของฉัน จนสัมผัสโดนเข้าที่หน้าท้อง

เสื้อผ้าเปียกไปทั้งตัว มันร้อนมากจนใบหน้าของฉันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

ฟู่ฉีชวนได้ยินเสียง เพียงแค่เดินเข้ามา แล้วพูดด้วยความนุ่มนวลอย่างที่เป็นในปกติ "โอเคไหม? คุณไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง"

อ่อนโยนใส่ใจ ทว่ากลับสงบและเรียบเฉย

บางครั้งฉันก็แอบรู้สึกว่า เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่มันไม่ใช่

แต่เพราะฉันแอบชอบเขามานานหลายปี ในสมุดโน้ตล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่พรรณนาถึงเขา

การที่ได้แต่งงานกับเขา ก็นับว่าพอใจมากแล้ว

จึงคิดไปเองว่า นั่นเป็นเพราะเขามีนิสัยเย็นชาและเก็บตัว

……

"ป้าเทเสิร์ฟน้ำมะนาวให้คุณจินอันนี่นา"

ที่ด้านข้าง คำพูดพึมพำของป้าหลิวดึงเอาความคิดของฉันกลับมา

ไม่รู้ว่าสายตาเริ่มเบลอตั้งแต่เมื่อไหร่ หัวใจก็ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบอย่างแรง จนฉันหายใจไม่ออก

ดูสิ

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาเป็นคนดึงแก้วน้ำออกจากมือของฟู่จินอันเอง แต่เพราะเป็นห่วงมาก จนลืมสังเกตุไปว่าน้ำในแก้วมันร้อนหรือเย็น

ฉันสูดหายใจลึก เดินลงบันไดอย่างช้าๆ จับจ้องไปที่พวกเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "ที่รัก ป้าหลิวเสิร์ฟน้ำมะนาวให้พี่จินอัน เป็นน้ำเย็น คงลวกผิวไม่ได้หรอก หรือคุณจะเป็นห่วงอีกว่าน้ำเย็นจะทำให้ผิวช้ำ?"

ฉันก็อยากอดกลั้น แต่มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ สุดท้ายก็พูดเสียดสีออกไป

ฟู่ฉีชวนหยุดการเคลื่อนไหวทันที แล้วจึงปล่อยมือออก หลบสายตาของฉัน หันไปกล่าวโทษฟู่จินอัน "แค่น้ำเย็นหกใส่มือก็ต้องแหกปาก? เธอนี่มันสำออยจริงๆ"

ฟู่จินอันหันไปค้อนใส่เขาทีนึง แล้วหันมาหาฉันด้วยความอ่อนโยน "เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก"

พูดจบ หล่อนก็เดินมายังโต๊ะรับแขก หยิบกล่องกำมะหยี่ที่แค่ดูด้วยตาก็รู้ว่าราคาไม่ธรรมดาแล้วยื่นให้ฉัน

หล่อนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน "สิ่งนี้ ต้องคืนสู่เจ้าของเดิมของมัน"

ฉันรับมาเปิดดูแวบนึง ทันใดนั้นเล็บคมก็ฝังลึกลงไปในฝ่ามือ

ความว้าวุ่นปั่นป่วนถาโถมเข้ามาในใจ

ผู้หญิงที่อยู่ในคลิป ก็คือฟู่จินอัน?

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ฉันกดความรู้สึกเอาไว้ อยากจะยิ้มทว่ายิ้มไม่ออก

เมื่อคืนฉันยังบีบให้ฟู่ฉีชวนเอาสร้อยคอกลับมา เวลานี้สร้อยก็อยู่ในมือของฉันแล้ว แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่นิดเดียว

สายตาของฉันมองไปยังฟู่ฉีชวนอย่างค้นหา แต่ดวงตาของเขาลึกล้ำจนยากจะคาดเดา จากนั้นกยื่นมือมาโอบกอดฉัน

"ชอบไหม? ถ้าชอบก็เก็บไว้ ถ้าไม่ชอบก็ยกให้ใครไปก็ได้ ถึงยังไงของแค่นี้ไม่สะเทือนขนหน้าแข้งผมอยู่แล้ว ไว้ผมค่อยซื้อของขวัญชิ้นใหม่ให้คุณ"

"ค่ะ"

ฉันเม้มริมฝีปาก เพราะอยู่ต่อหน้าฟู่จินอัน สุดท้ายก็ต้องยอมไว้หน้าเขาหน่อย

หรือจะพูดอีกอย่างคือไว้หน้าตัวฉันเองด้วย

วินาทีนี้ จู่ๆ ฉันเองก็มองไม่ออกถึงจุดประสงค์ที่ฟู่จินอันมาในวันนี้

หล่อนคิดว่าตัวเองไม่สมควรเก็บสร้อยเส้นนี้จริงๆ

หรือกำลังประกาศอะไรอยู่?

เมื่อเห็นแบบนั้น ใบหน้าของฟู่จินอันก็เผยความรู้สึกบางอย่างในชั่วพริบตาแล้วหาย มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถจับเอาไว้ได้

เธอยิ้มบางๆ "ฉันยังนึกกลัวอยู่ว่าสร้อยเส้นนี้ จะทำให้พวกเธอเข้าใจผิดกัน แต่เท่าที่ดูตอนนี้เหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้นสินะ งั้นฉันขอตัวกลับก่อนล่ะ"

ป้าหลิวออกไปส่งหล่อน

วินาทีที่ประตูประกบปิด ฉันปลีกตัวออกมาจากแขนของฟู่ฉีชวน "ไหนคุณบอกว่าไปประมูลให้เฮ่อถิงไม่ใช่หรอ? ที่สำคัญพี่จินอันแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือยัง เธอกลายเป็นหนึ่งในบรรดาสาวๆ ของเฮ่อถิงตั้งแต่เมื่อไหร่...อุ๊บ"

เขาจูบริมฝีปากของฉันโดยไร้ซึ่งเหตุผล บังคับให้ฉันหยุดพูดคำพูดที่เหลือ

เขาใช้กำลังครอบครองด้วยดุดันและเลือดร้อน ราวกับกำลังระบายอะไรบางอย่าง

ขณะที่ฉันเริ่มจะหายใจไม่ออก เขาถึงได้ปล่อยฉันเบาๆ แล้วลูบศีรษะของฉัน เอ่ยปากยอมรับผิด "ผมโกหกคุณเอง"

เขาโอบฉันในอ้อมกอด "หล่อนเพิ่งหย่า ผมกลัวว่าหล่อนจะคิดสั้น ก็เลยมอบของขวัญให้"

ฉันอึ้งไปทันที

เข้าใจในทันทีว่าประโยคที่เขาพูดในคลิป "ยินดีกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่" มันหมายถึงอะไร

ฉันเม้มริมฝีปาก เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "แค่นั้น?"

"แค่นั้น"

เขาตอบด้วยความหนักแน่น อธิบายให้ฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนช้าๆ "คุณก็น่าจะรู้ ในตอนนั้นแม่ของหล่อนต้องเกิดอุบัติเหตุขึ้นเพราะช่วยผม ผมจะนิ่งดูดายไม่ได้"

เรื่องนี้ ฉันเองก็เคยได้ยินป้าหลิวเล่าให้ฟังอยู่

แม่แท้ๆ ของฟู่ฉีชวนเสียชีวิตเนื่องจากปัญหาคลอดบุตรยาก ตอนที่เขาอายุได้ห้าขวบ พ่อของเขาก็แต่งงานใหม่ อีกฝ่ายคือแม่ของฟู่จินอัน

แม้ว่าจะเป็นแม่เลี้ยง ทว่าก็ปฏิบัติต่อฟู่ฉีชวนดีมาก ประหนึ่งให้กำเนิดออกมาเอง

ถึงขนาดที่ตอนฟู่ฉีชวนเผชิญหน้ากับอันตราย หล่อนยอมสละชีวิตเพื่อช่วยฟู่ฉีชวน จนกลายเป็นอัมพาต นอนติดเตียงมาหลายปี

ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้

ก็นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว

ฉันโล่งใจในทันที แต่ก็อดเตือนเขาด้วยความน้อยใจไม่ได้ "ฟู่ฉีชวน ฉันเชื่อว่าคุณแค่อยากทดแทนบุญคุณ และเห็นหล่อนเป็นแค่พี่สาวเท่านั้น"

……

สร้อยเส้นนั้น สุดท้ายก็ถูกฉันโยนเข้าไปในห้องเก็บของ

บางที อาจะเป็นเพราะความเคลือบแคลงในใจฉันไม่ได้หายไปโดยสิ้นเชิงแต่อย่างใด

เพียงแต่เก็บมันไว้ชั่วคราว และมันย้อนกลับมาได้ง่ายๆ ในวันนึง เมื่อถูกสะสมซ้ำไปซ้ำมา

จนท่วมท้น

แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ วันนั้นมันจะมาถึงเร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้

สมัยมหาวิทยาลัยฉันเรียนดีไซน์เนอร์ และได้เข้าฝึกงานในแผนกดีไซน์เนอร์ของบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป

การแต่งงานกับฟู่ฉีชวนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนอาชีพการงานของฉันแต่อย่างใด

ผ่านมาสี่ปี ฉันได้ขึ้นเป็นรองผอ.ของแผนกดีไซน์เนอร์

"ผอ.หร่วน ไปกินข้าวไม่เรียกฉันเลยนะ?"

วันนี้ ฉันกินอาหารกลางวันที่โรงอาหารของบริษัท เจียงไหล เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย กำลังยกถาดอาหาร บิดเอวบางๆ นั่งลงตรงหน้าฉันอย่างมีจริต

"ฉันจะรีบกินรีบไปวาดแบบร่างให้เสร็จน่ะ"

หล่อนขยิบตาใส่ฉัน แล้วพูดอย่างจนปัญญา "อะไรกัน?"

"ช่วงเช้าฉันได้ยินแผนก HR บอกว่า เขาเลือกแคนดิเดทตำแหน่งผอ.ของแผนกดีไซน์เนอร์เอาไว้แล้ว!"

ใบหน้าแจ่มใสของหล่อนแผยรอยยิ้มกว้าง "ฉันเดาว่าต้องเป็นเธอแน่ ถึงได้มาแสดงความยินดีล่วงหน้านี่ไง? ร่ำรวย เฮงๆ ไปด้วยกันนะจ๊ะ"

"ก่อนที่ประกาศออกคำสั่งจะลงมา ใครมันจะคาดเดาได้ถูก? พูดให้มันเบาๆ หน่อย"

ผอ.ของแผนกลาออกไปเมื่อกลางเดือนนี้เอง ใครๆ ก็พูดว่า ตำแหน่งนี้ต้องเป็นของฉันแน่นอน

ตัวฉันเองก็ค่อนข้างมั่นใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็แอบกลัวว่าจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมาย

"จะเดาไม่ถูกได้ไง? อย่าว่าแต่เธอเป็นภรรยาท่านประธาน..."

หล่อนพูดได้ครึ่งนึงก็กดเสียงต่ำ เพราะเรื่องที่ฉันกับฟู่ฉีชวนแต่งงานกันไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้ สังคมภายนอกรู้แค่ว่าฟู่ฉีชวนคลั่งรักภรรยา ทว่าไม่รู้ว่าภรรยาของเขาคือฉัน

จากนั้น หล่อนก็อวยฉันไม่หยุด

"ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ก็สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ ทั้งออกแบบแบรนด์ ทั้งงานแฮนด์เมดสั่งตัด มีตั้งกี่บริษัทที่อยากจะแย่งตัวเธอ! แล้วทำไมแซ่ฟู่จะไม่เลื่อนตำแหน่งให้เธอ?"

ขณะที่เจียงไหลเพิ่งจะพูดจบ โทรศัพท์ของฉันกับหล่อนก็ส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน

เป็นหนังสือประกาศคำสั่ง

เมื่อหล่อนเห็นตัวหนังสือตัวใหญ่ในอีเมล ดวงตาก็เป็นประกาย จับจ้องด้วยความตื่นเต้นขั้นสุด คิ้วก็ขมวดขึ้นมา แสดงออกถึงความเกรี้ยวกราดเพราะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม

"ฟู่จินอัน ใครกัน?"

Related chapters

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 3

    ฉันอึ้งไปอย่างแรงอ่านอีเมลนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างละเอียด ราวกับกำลังเช็คให้แน่ใจก็ไม่ปานใช่แล้ว ไม่ผิดแน่ฟู่จินอัน ไม่รู้ว่าโผล่มาจากนั้น จู่ๆ ก็กลายเป็นผอ.แผนกดีไซน์เนอร์ เป็นหัวหน้าของฉัน"หรวนหร่วน เธอรู้จักหล่อนใช่ไหม?"เจียงไหลเห็นว่าฉันแปลกไป ก็ยื่นมือมาโบกตรงหน้าฉัน แล้วเอ่ยการคาดเดาของเธอฉันวางโทรศัพท์ลง "อืม หล่อนเป็นพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ของฟู่ฉีชวน ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยเล่าให้เธอฟัง"หลังจากที่เรียบจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป แต่ฉันกับเจียงไหลสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สัญญากันเอาไว้ว่าจะอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงต่อด้วยกัน จะไม่ไปไหนทั้งนั้นเจียงไหลกระดกลิ้น "เช้ด เด็กเส้นหรอกหรอ!""..."ฉันไม่ได้พูดอะไรในใจก็พลางคิดว่า ไม่ใช่แค่เด็กเส้นธรรมดาด้วยสิ"สมองของฟู่ฉีชวนได้รับการกระทบกระเทือนหรือไง?"เจียงไหลแซะไม่หยุด ต่อสู้กับความอยุติธรรมแทนฉัน "มีสิทธิ์อะไร? ฉันไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าวงการดีไซน์เนอร์มีเบอร์ต้นที่ชื่อนี้อยู่ แล้วดูฟู่ฉีชวนสิ ยกตำแหน่งผอ.ให้นางหน้าตาเฉย? แล้วเธอล่ะ เขาเอาเธอไปไว้ตรงไหน...""ช่างเถอะหน่า"ฉันขัดบทสนทนาของเธอ แล้วพูดเสียงเบา "ของพวกนี้มันไม่สำคัญหรอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 4

    เขาแทบจะตอบรับในทันทีไม่ลังเลหรือครุ่นคิดสักนิดฉันโอบรอบคอของเขา ริมฝีปากทั้งสองด้านยกยิ้ม จับจ้องไปที่เขาไม่วางสายตา "สิบเปอร์เซ็น คุณไม่เสียดายหรอ?"แววตาของเขาบริสุทธิ์ "ก็ให้คุณ ไม่ได้ให้คนอื่นสักหน่อย"วินาทีนี้ฉันต้องยอมรับเลยว่า เงินเป็นสิ่งที่จะใช้แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ได้ดีมากอารมณ์ที่ฝืนกดมันเอาไว้ตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็ได้รับการปลอดล็อคฉันถามยิ้มๆ ราวกับอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง "แล้วถ้าเป็นพี่จินอัน คุณจะให้เธอหรือเปล่า?"เขาเงียบไปชั่วอึดใจ แล้วให้คำตอบที่แน่ชัด "ไม่ให้""จริงหรอ?""อืม ที่ผมจะให้เธอได้ ก็มีแค่ตำแหน่งนั้น"ฟู่ฉีชวนดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอด น้ำเสียงอันอบอุ่นและมุ่งมั่นดังอยู่เหนือศีรษะของฉัน "หนังสือสัญญาโอนหุ้น ตอนบ่ายผมจะให้ฉินเจ๋อส่งมา นับจากวันนี้ไป คุณก็คือหนึ่งในเจ้าของของแซ่ฟู่กรุ๊ป ส่วนคนอื่นๆ ก็เป็นแค่ลูกน้องที่ทำงานให้คุณ""แล้วคุณล่ะ?"ฉันอารมณ์ดีขึ้นเยอะ ก็ถามเขายิ้มๆเขาเลิกคิ้ว "อะไร?""คุณก็ทำงานให้ฉันด้วยหรือเปล่า?""แน่นอน"เขาหุบยิ้ม ลูบศีรษะของฉัน โน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหู พูดจาสองแง่สองง่าม "ผมให้บริการคุณได้ทั้งบนเตียงและหลังลงจากเตียง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 5

    ทั้งที่รู้ว่าฟู่ฉีชวนกำลังรอฉันหล่อนที่ขออาศัยติดรถ กลับนั่งตำแหน่งข้างคนขับฉันอยากจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนี แต่สติสัมปชัญญะสั่งให้ฉันหยุดความคิดนั้น แล้วยื่นมือไปหาฟู่ฉีชวน "กุญแจรถ"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่วางกุญแจรถลงบนมือฉันเดินอ้อมกระโปรงรถ เข้าไปนั่งบนตำแหน่งคนขับ ขณะที่ฟู่จินอันกำลังอึ้งและหน้าแข็งไป ฉันก็ยิ้มน้อยๆ "เครื่องแค่นี้เอง? พี่เองก็นับว่าเป็นพี่สาวของฉีชวน แค่ขอติดรถด้วยปกติจะตาย"จากนั้น ก็ยื่นหน้าออกไปมองฟู่ฉีชวนที่อยู่นอกรถ "รีบขึ้นรถสิคะ คุณปู่กำลังรอพวกเราอยู่แหงๆ"ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบสงัดเงียบราวกับอยู่ในป่าช้าเดิมทีฟู่จินอันอยากจะคุยกับฟู่ฉีชวน แต่คงเป็นเพราะต้องหันหลังไปคุย ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติอาจจะเป็นเพราะสังเกตได้ว่าฉันรู้สึกไม่ดี จู่ๆ ฟู่ฉีชวนก็เปิดกระป๋องเครื่องดื่มแล้วส่งให้ "น้ำมะม่วงที่คุณชอบ"ฉันดื่มไปคำนึง ก็ขมวดคิ้วแล้วส่งคืนกลับไป "หวานเกินไป คุณดื่มเถอะ"ช่วงนี้ฉันชอบกินของเปรี้ยวๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเจออะไรที่ไม่ค่อยถูกปาก ฉันพอจะฝืนกินมันลงไปเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองแต่ตอนนี้ แค่คำเดียวก็ไม่สามารถฝืนได้"โอเค"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 6

    ฉันรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวที่เย็นเฉียบเลือดในร่างกายแทบจะหยุดแข็งมีวินาทีหนึ่งที่ฉันสงสัยว่า ตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่าฉันเคยสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างชัดเจนแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ถ้าพูดออกไป คนหนึ่งคือคุณชายตระกูลฟู่ อีกคนคือคุณหนูตระกูลฟู่ ยังไงก็ถือว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้วฟู่ฉีชวนเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้แต่ทว่า ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่ฉีชวนที่มีดวงตาแดงก่ำกดฟู่จินอันไว้กับผนัง พูดเสียงเย้ยหยันและเย็นชาออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน"จะหย่าเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกคนที่เลือกจะแต่งงานกับคนอื่นก็คือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?!""ฉัน..."คำถามที่มารัวๆ ทำให้ฟู่จินอันพูดไม่ออก น้ำตาไหลราวกับหยาดน้ำค้างที่หล่นลงมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อของฟู่ฉีชวนไว้อย่างไร้หนทาง"ฉันผิดไปแล้ว อาชวน ยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหม? แค่ครั้งเดียว และตอนนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ...""ฉันแต่งงานแล้ว""แต่งงานแล้วมันหย่าไ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 7

    ฟู่ฉีชวนดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า "แล้วคืนแต่งงานล่ะ เพราะอะไร?"ยังคงจำได้ลางๆ ว่าคืนนั้นฉันนั่งรออยู่ที่ระเบียงทั้งคืนคืนแต่งงาน เขาทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานแล้วออกไปโดยไม่สนใจใยดีฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา อีกทั้งยังคิดฟุ้งซ่านว่าตัวเองทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะกลับบ้านเร็วๆตอนนั้นฉันเพิ่งอายุยี่สิบสามปี บังเอิญได้แต่งงานกับคนที่แอบชอบมานานหลายปีจะไม่คาดหวังอะไรกับการแต่งงานและเขาได้อย่างไรแต่จนถึงวันนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า ตอนที่ฉันนั่งรอเขากลับบ้านด้วยความหวังเต็มหัวใจ เขากลับไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนทั้งหมดนี้ ช่างเหมือนกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่งจริงๆตอนนี้ฟู่ฉีชวนไม่ได้ปิดบังฉันอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ "คืนนั้นเธอไปแข่งรถกับคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตำรวจจึงแจ้งให้ฉันไปรับ"ช่างบังเอิญจริงๆในวันแต่งงานของฉันกับฟู่ฉีชวน เธอกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นในช่วงดึกแต่ฉันจำได้ว่าในงานเลี้ยงที่บ้านหลังงานแต่งเพียงไม่กี่วัน เธอก็อยู่ในงาน ทั้งยังไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลยสักนิดฉันล

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 8

    ฉันไม่อยากเข้าใจในทันที แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าใจเจียงไหลหัวเราะเบาๆ แล้วพูดวิจารณ์ว่า "ก็แค่ทั่วไปนั่นแหละ""..."ฉันมองเธอด้วยความประหลาดใจ ส่งสายตาเป็นคำถาม ???"เคยนอนด้วยครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แย่มาก"เจียงไหลรีวิวอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าเฮ่อถิงจะอยู่ด้วยเฮ่อถิงโวยวาย "นั่นมันครั้งแรกของฉัน เธอจะไปรู้อะไร!""หยุด หยุด หยุด ฉันไม่ขอรับผิดชอบเรื่องนี้ นายเป็นคนเจ้าชู้ อย่ามาพูดถึงเรื่องครั้งแรกกับฉันเลย อย่างน้อยๆ ครั้งแรกของนายก็น่าจะเป็นกับมันหรือมันต่างหาก" เจียงไหลพูดขัดแล้วชี้ไปที่มือซ้ายและขวาของเขาฉันมองเฮ่อถิงที่ปกติมักจะทำตัวไม่จริงจัง แต่เมื่อเจียงไหลพูดแบบนี้ เขาก็หน้าแดงขึ้นมา และในที่สุดฉันก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันคือความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเฮ่อถิงน่าจะกำลังตามจีบเจียงไหลเจียงไหลไม่สนใจเฮ่อถิงอีกต่อไป จูงมือฉันเดินไปที่ห้องวีไอพี "มีรุ่นพี่คนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ เฮ่อถิงกับพวกเขาจัดงานเลี้ยงให้ แล้วชวนฉันมาร่วมสนุก""รุ่นพี่คนไหนเหรอ?" ฉันถามเบาๆ"เธอน่าจะรู้จักนะ ก็คือ..."เจียงไหลพูดขณะเปิดประตูห้องวีไอพีในห้องวีไอพีมีผู้ชายหลายคนนั่งอยู่

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 9

    ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรงรู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูกฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครามองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้านฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ""คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว"ใจแคบจริง"ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหารราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกินในเมื่อเธอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 10

    วันครบรอบการจากไปของพ่อแม่ฉันก็ตรงกับวันเสาร์นี้พอดีช่วงเช้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่ได้ไม่น่าจะใช้เวลามากนักแต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดออกไปอย่างมั่นใจไม่สามารถบอกฟู่ฉีชวนไปเมื่อวานนี้ได้ว่าฉันตั้งครรภ์แล้วและไม่สามารถบอกเจียงไหลในตอนนี้อย่างมั่นใจได้ว่าจะพาฟู่ฉีชวนไปด้วยกลัวว่าแผนที่วางไว้จะตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอัน สำหรับฉันแล้วมันเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดในทุกเมื่อเจียงไหลเห็นฉันไม่ค่อยมีอารมณ์สนใจนัก จึงเหลือบมองไปที่ออฟฟิศของฟู่จินอัน แล้วถามว่า "เรื่องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์นั่น ฟู่ฉีชวนจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?""ก็คงประมาณนั้น"เราคุยกันอีกสักพัก จากนั้นเธอก็กลับไปแผนกการตลาดอย่างวางใจ…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟู่จินอันเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว หรือว่าจู่ๆ ก็คิดได้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเราอยู่กัยอย่างสงบสุขแต่เดิมฉันกังวลว่าการออกแบบรุ่นพิเศษสำหรับปีใหม่อาจจะติดขัดเพราะเธอ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นจนเข้าสู่ขั้นตอนการทำต้นแบบ"พวกเธอคิดว่าคนที่เพิ่งเข้ามามีความสัมพ

Latest chapter

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 272

    "?"ฉันสงสัยว่า "รอฉันทำงานเสร็จก่อนเหรอ?"นี่มันการกระทำแบบไหนกัน"เพื่อนส่งฉันมาที่นี่เมื่อกี้ ฉันไม่มีรถ"ขณะที่เขาพูด เขาก็ยื่นข้อมือมาให้ฉันและขอให้ฉันดูเวลา "คุณกำลังจะเลิกงานแล้ว ช่วยมารับฉันกลับด้วย""ฉันจะโทรเรียกรถให้คุณ"ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมา และเขาก็ขมวดคิ้วก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ฉันไม่เคยนั่งแท็กซี่มาก่อน"เอาล่ะเป็นเรื่องธรรมดาที่นายน้อยจะมีลักษณะเฉพาะของเขาฉันไม่มีอะไรจะพูด "งั้นคุณก็รอได้เลย"ฉันหันศีรษะและเข้าไปในห้องทำงานของฉัน เจียงไหลเอื้อมมือมาอย่างรวดเร็วเธอขยิบตาให้ฉันและพูดว่า "ทำไมนายน้อยของตระกูลโจวยังไม่ไปจากที่นี่?""กำลังรอรถ"ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบเจียงไหลนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามฉัน โดยวางข้อศอกบนโต๊ะและเอามือประคองใบหน้า“ก่อนหน้านี้ ฉันสังเกตเห็นว่าแม่ลูกตระกูลเสิ่นดูกลัวเขามาก บางทีคุณควรพยายามทำความรู้จักกับเขาหน่อย ถ้าเกิดอะไรขึ้น เขาอาจช่วยคุณได้”“ช่างมันเถอะ”ฉันปฏิเสธความคิดนั้นโดยไม่ลังเล “คุณคิดว่าเขาเป็นคนประเภทที่ปล่อยให้ตัวเองถูกหลอกใช้หรือเปล่า?”เขาดูเย้ยหยัน แต่ที่จริงแล้ว เขารู้ทุกอย่างในใจของเขาไ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 271

    เมื่อเห็นเขาเข้ามา เสิ่นซิงหยูก็ระงับสีหน้าเยาะเย้ยทันที แต่ยังคงอารมณ์ฉุนเฉียวและพึมพำว่า “เข้าข้างคนนอกเสมอ!”แม่เสิ่นไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนก่อนหน้านี้ เธอแค่ถาม "ทำไม?"“ผมบอกคุณย่าไปแล้วว่าผมจะเอาชุดที่สั่งตัดมาให้เธอสองสามชุด”โจวฟางยิ้มและเสริมว่า “สุดสัปดาห์นี้ผมจะพาหร่วนหนานจือไปพบเธอเพื่อฟังความคิดของเธอ ถ้าตอนนี้คุณรังแกเธอแล้วเธออารมณ์เสียและปฏิเสธผม ผมจะอธิบายเรื่องนี้กับคุณย่าได้ยังไง”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นซิงหยู่ก็ยกคิ้วและจ้องมองทันที "คุณจะพาเธอไปหาคุณย่าโจวเหรอ?""ใช่เรื่องของเธอเหรอ?"โจวฟางพูดอย่างประหยัด ไม่เต็มใจที่จะเสียเวลาแม้แต่พยางค์เดียวเสิ่นซิงหยู่ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา "คุณย่าโจวมักจะกังวลเกี่ยวกับกฎเกณฑ์และชื่อเสียงอยู่เสมอ จะยอมให้หญิงมั่วชายอย่างนางพบได้ยังไง?""เสิ่นซิงหยู่ แม้ว่าเธอจะเป็นแบบนี้ คุณย่าของฉันก็ยังทนได้ ฉันแน่ใจว่าคุณหร่วนจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี"แม้แต่ต่อหน้าแม่เสิ่น โจวฟางก็ไม่ไว้หน้าให้เสิ่นซิงหยู่แม่เสิ่นระงับความโกรธและประนีประนอมโดยกล่าว: "เมื่อเป็นอย่างนั้น เราจะไว้หน้าให้เธอและไม่โต้เถียงกับเธอในตอนนี้"“ดูแลตัวเอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 270

    หากยืนกรานที่จะทำให้ฉันอับอายอย่างตั้งใจ นั่นฟังดูน่ายินดีมากแสดงความรักอย่างลึกซึ้งในอดีต แต่ฉันจำคำพูดตรงไปตรงมาที่ เธอพูดกับฟู่ฉีชวนในโรงพยาบาลได้อย่างชัดเจนอย่างไรก็ตาม แม่เสิ่นก็ตกตะลึงจนจับหน้าผากของเธอด้วยความหงุดหงิด "นี่ลูก! ทำไมลูกถึงรักฟู่ฉีชวนทั้งหัวใจแบบนี้!”เสิ่นซิงหยูยิ้มอย่างเชื่อฟังและพูดว่า "เขาเป็นคนดีมาก บางคนไม่รู้ว่าจะดูแลเขายังไง แต่ฉันจะทำแน่นอน"ชอบพูดจาแขวะคนอื่นฉันพบว่ามันน่าขบขันแต่ก็ไม่อยากยุ่งกับเธอ ฉันแค่อยากจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ฉันเลยถามอีกครั้งว่า “แล้วคุณบอกความต้องการของคุณให้ฉันรู้ได้ไหม?”"ต้องสูงศักดิ์!"เธอสั่งอย่างเย่อหยิ่งและเสริมว่า “ควรมีเพชรจำนวนมาก แวววาวไปทั่วทุกจุด คอเสื้อควรประดับด้วยไข่มุก ต้องดูแพงมาก โอ้ แล้วก็ทับทิมด้วย ฉันชอบสีแดง…”สุดท้ายแล้ว ฉันรู้สึกมีแรงบันดาลใจเล็กน้อยเพชร ไข่มุก ทับทิมนี่ไม่ใช่ชุดราตรี แต่เป็นตู้โชว์เครื่องประดับฉันบอกไม่ได้ว่าเธอชอบสไตล์นี้จริงๆ หรือเธอจงใจทำให้ทุกอย่างยากขึ้นฉันเม้มปากและพูดจากมุมมองของมืออาชีพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้: "คุณหนูเสิ่น องค์ประกอบนี้อาจมากเกินไปหน่อย ซึ่ง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 269

    เมื่อแม่เสิ่นปรากฏตัวที่สำนักงาน หน้าอกของเธอยังคงไม่เท่ากันเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกว่าเธอกำลังวิตกกังวลใครๆ ก็บอกได้ในทันทีว่าเธอใส่ใจลูกสาวของเธอ เสิ่นซิงหยูมากเพียงใดไม่ต่างอะไรกับการปกป้องอัญมณีอันล้ำค่าเสิ่นซิงหยูเห็นผู้สนับสนุนของเธอเข้ามาและยื่นปากออกมา ดูเหมือนว่าเธออยากจะร้องไห้ "แม่ ฉันสงสารเธอที่หย่าร้างและจะช่วยอุดหนุนธุรกิจของเธอ เธอถึงกับเรียกฉันว่าหมากับเพื่อนของเธอด้วยซ้ำ"แม่เสิ่นขมวดคิ้วและจ้องมองฉันอย่างโกรธเคือง "หร่วนหนานจือ อย่าไม่รู้จักบุญคุณกันเกินไปนะ! ขอโทษลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!""ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น"เจียงไหลไม่สามารถฟังได้อีกต่อไป "การไม่รู้จักบุญคุณหมายความว่ายังไง? ใครเป็นคนขอร้องให้ลูกสาวของคุณอุดหนุนธุรกิจของเรา ฉันบอกไปแล้วว่าเราไม่รับออเดอร์ เธอจะยืนกรานอย่างไม่ลดละ""แล้วเธอคิดว่าเธอเป็นใคร ถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้?”หลังจากพูดจาเหยียดหยาม สายตาของแม่เสิ่นก็จับจ้องมาที่ฉัน เต็มไปด้วยความคุกคาม "หร่วนหนานจือ คราวที่แล้ว ฉันปล่อยให้เธอออกไปเพราะไว้หน้าเธอ ถ้าวันนี้เธอควบคุมปากไม่ได้ ฉันจะทำให้เธอหายไปจากเมืองเจียงเฉิง"เจียงไหลที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อการ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 268

    ส่วนที่เหลือ ค่อยๆ รับสมัคร……ในช่วงบ่าย ขณะที่ฉันกำลังจดจ่ออยู่กับการออกแบบคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิใหม่ ฉันได้ยินเสียงการโต้เถียงดังมาจากภายนอกหนึ่งในนั้นชัดเจนมาก ฉันคุ้นเคยเป็นพิเศษและอีกอันก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าเช่นกันทันทีที่ฉันเปิดประตูและเดินออกไป ฉันได้ยินเจียงไหลพูดว่า "เธอไม่เข้าใจเหรอ ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันจะไม่ทำธุรกิจกับเธอ การออกแบบเสื้อผ้าให้เธอ ฉันคิดว่าฉันกำลังทำให้มือของหรวนหร่วนของฉันสกปรก"ฮึ่ม"อีกคนกรนเสียงเย็นชาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งและชอบบงการตามปกติของเขา “งั้นฉันขอพูดให้ชัดเจนนะ เธอจะทำไม่ว่าเธอจะต้องการหรือไม่ก็ตาม”มีเพียงเสิ่นซิงหยูเท่านั้นที่สามารถทำตัวให้หยิ่งผยองได้“ถ้าฉันปฏิเสธล่ะ เธอจะทำยังไง?”เจียงไหลก็ไม่กลัวเธอเช่นกัน เขาทำท่ายักไหล่แล้วพูดว่า "ทำไมเธอไม่โทรเรียกตำรวจล่ะ? อ้อ ถ้าเราจับคุณได้ เราคงต้องหาทีมจับสุนัขให้เจอ อย่าไปโทร 110 เลย เธอจะเสียทรัพยากรของตำรวจไปเปล่าๆ"เธอไม่เคยแพ้ใครในการด่าทอเลยเสิ่นซิงหยู่โกรธมากจนกัดฟันแล้วพูดว่า “เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ทำ? โอเค งั้นฉันจะทำให้แน่ใจว่าบริษัทของเธอปิดตัวลงในวันที่เปิดทำการ”"เราจะทำ!"ฉันก

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 267

    ฉันกับเจียงไหลคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะมีใครทำเรื่องดีๆ เช่นนี้"ลืมไปเถอะ อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ตอนนี้ การเปิดประตูเพื่อทำธุรกิจ การมีออเดอร์เป็นสิ่งที่ดี"เจียงไหลมองโลกในแง่ดีขณะที่เธอยืดตัวอย่างขี้เกียจ “มีคนมาสัมภาษณ์เร็วๆ นี้ เธอพร้อมไหม? อยากร่วมสัมภาษณ์กับฉันไหม?”"ได้"ฉันตกลงมีหลายอย่างที่ต้องทำเมื่อบริษัทใหม่เปิดขึ้นแค่ฉันกับเจียงไหลทำงานไม่หยุดตลอด 24 ชั่วโมงไม่เพียงพอการจ้างงานเป็นเรื่องเร่งด่วนระหว่างการสัมภาษณ์ เจียงไหลรับผิดชอบในการถามคำถาม ในขณะที่ฉันรับผิดชอบแค่การทบทวน เราสามารถตัดสินใจร่วมกันในภายหลังฉันคิดว่าสองสามคนแรกโอเค แต่ฉันบอกไม่ได้ว่าดีตรงไหนจนกระทั่งมีหญิงสาวผลักประตูเปิด โค้งตัวเล็กน้อยให้เรา นั่งลงอย่างเชื่อฟัง และแนะนำตัว "สวัสดี ฉันชื่อโจวโม่...."ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับท่าทางไร้เดียงสาของเธอเสมอเมื่อเธอพูด สายตาของเธอหันมาทางฉันเป็นครั้งคราว ดวงตาที่เปียกชื้นของเธอเป็นประกายสดใสเจียงไหลรู้สึกขบขันและถามเธอว่า “คุณรู้จักประธานหร่วนของเราไหม? หรือคุณแค่คิดว่าเธอสวยเกินไป?”“ประธานหร่วน...”เธอยิ้มอย่างเขินอายและถามอย่างระมั

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 266

    ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกราวกับว่าน้ำตาได่้ไหลรินลงมาราวกับฝนตก แต่ใบหน้าของฉันยังคงสะอาดและแห้งแม้แต่การมองเห็นก็ยังชัดเจนเป็นพิเศษเมื่อฉันกลับถึงบ้าน ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ก็โทรมาหาฉันทันทีและบอกว่ามีผู้ซื้อรายหนึ่งตัดสินใจซื้อบ้านในหลินเจียงการ์เด้นและยังใจกว้างมาก โดยไม่ต้องลดราคาใดๆ ทั้งสิ้นพวกเขาขอให้ฉันพบกับผู้ซื้อเพื่อหารือรายละเอียด หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราก็สามารถเซ็นสัญญาและดำเนินการตามกระบวนการต่อไปได้ระหว่างทางไปหลินเจียงการ์เด้น ฉันคิดอยู่ตลอดว่าถ้าบ้านหลังนี้สามารถหาผู้ซื้อได้เร็วกว่านี้สักหน่อย หนานซีก็คงไม่ต้องพึ่งการลงทุนของ RF กรุ๊ปน่าเสียดาย ที่ไม่มีคำว่าถ้าอย่างไรก็ตาม การพิงต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงาก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเองเมื่อฉันมาถึงหลินเจียงการ์เด้น ฉันเห็น "ผู้ซื้อ" ยืนอยู่ข้างๆ ตัวแทน และอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ "คุณเฉิน คุณชอบอพาร์ตเมนต์นี้หรือเปล่า?""ฉันเอง"เฉินเย่ดูไม่แปลกใจเลยและเป็นกันเองมาก “คุณหร่วน เราเจอกันอีกแล้ว”ฉันหัวเราะและพูดว่า "บังเอิญจริงๆ คุณลงทุนกับฉันตอนเที่ยงและซื้อบ้านของฉันในช่วงบ่าย

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 265

    ทันทีที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกอำเภอ ฉันรู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเดิมทีเจียงไหลต้องการอยู่เป็นเพื่อนฉัน แต่ฉันปล่อยให้เธอกลับไปก่อนฉันเริ่มการเดินทางนี้เพียงลำพัง และตอนนี้ ฉันควรจะจบมันเพียงลำพังเช่นกันฉันมองดูรถที่วิ่งผ่านไปมาบนท้องถนน และคู่รักที่เข้าออก บางคนแต่งงาน บางคนหย่าร้างมันง่ายที่จะบอกความแตกต่างคนที่ยิ้มคือคู่บ่าวสาว ในขณะที่คนที่หน้านิ่งเฉยหรือดูถูกซึ่งกันและกันคือคนที่หย่าร้างความสัมพันธ์ที่พังทลายมักจะไม่จบลงด้วยดีโชคดีที่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฟู่ฉีชวนและฉันเขาไม่มีความรู้สึกต่อฉันเลย และฉันก็รักเขามาเพียงแปดปีเพราะความเข้าใจผิดสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็คือฟู่ฉีชวนไม่ได้มาคนเดียวเขาเดินลงจากรถมายบัคสีดำเงาวับ ตามด้วยเสิ่นซิงหยูสีหน้าของเขาเย็นชาและเฉยเมยเหมือนเคย ไม่แสดงสัญญาณใดๆ ว่ามีสิ่งผิดปกติ เขาพูดด้วยมือข้างหนึ่งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง "ไปกันเถอะ"น้ำเสียงของเขาดูเป็นกันเอง มากกว่าจะบอกว่ากำลังชวนไปกินข้าวมากกว่าจะหย่าร้างนั่นเป็นตัวอย่างของธรรมชาติที่ปราศจากความเสแสร้งของเขา"โอเค"ฉันก้มตาลงและพยักหน้าเมื่อเสิ่นซิงหยูกำลังจะตามเข้า

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 264

    เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลู่สือเยี่ยนก็รู้สึกใจสลายเล็กน้อยเช่นกัน "เมื่อฉันได้พบคุณอีกครั้งในวิทยาลัย ฉันเกลียดตัวเองที่หายไปจากชีวิตของคุณเป็นเวลาหลายปีและทำให้คุณต้องทนทุกข์ทรมาน""รุ่นพี่ นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ"เมื่อฉันเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เขายังเป็นเพียงเด็กบางเส้นทางในชีวิตต้องเดินเองไม่มีใครช่วยได้มันยอดเยี่ยมมากที่เขาสามารถช่วยเหลือฉันได้เมื่อฉันต้องการมากที่สุดในระหว่างการสนทนา เจียงไหลออกมาพร้อมกับหม้อไฟและยิ้มกล่าว "พวกคุณคุยกันยังไงบ้าง เรามาเริ่มกินข้าวกันไหม?"ลู่สือเยี่ยนเล่นตามอย่างกระตือรือร้น “เอาเลย! ฉันไม่ได้มีโอกาสได้กินข้าวเที่ยงเลย และฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”เมื่อเจียงไหลอยู่แถวนั้น หม้อไฟก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขทีละน้อย ฉันค่อยๆ ลืมข่าวที่กำลังเป็นกระแสออกไปจากหัวแล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปวันรุ่งขึ้น หิมะก็ยังคงไม่หยุดตก ลมหนาวหอนดังจนพื้นดินปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนเมื่อคืนก่อน เจียงไหลยังไม่กลับบ้าน เธอรับสายโทรศัพท์และกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น“หรวนหร่วน อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง! วันนี้เธอออกไปข้างนอกได้ไหม?”ฉันจิบน้ำ “เกิดอะไร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status