แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: เล่อเอิน
เครื่องเพชร?

ฉันขมวดคิ้วเบาๆ ตะเบ็งเสียงพูดกับฟู่ฉีชวนที่เพิ่งเดินเข้าห้องน้ำ "ฉีชวน พี่จินอันมาค่ะ ฉันลงไปดูก่อนนะ"

เรียกได้ว่าเกือบจะวินาทีต่อมา ฟู่ฉีชวนก็กระโจมออกมา สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

"ผมไปเองก็ได้ คุณไม่ต้องสนใจหรอก ไปอาบน้ำเถอะ"

ชายหนุ่มที่อารมณ์มั่นคงและสุขุมมาโดยตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าฉัน แต่น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยอารมณ์บางอย่างที่ยากจะอธิบาย ราวกับทั้งหงุดหงิดทั้งตึงเครียด

ความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นในใจของฉัน "ฉันอาบเสร็จแล้ว ยาสีฟันของคุณ ฉันก็เป็นคนเตรียมเอาไว้ให้เอง ลืมไปแล้วหรอ?"

"ก็ได้ครับ งั้นก็ลงไปด้วยกันนี่แหละ อย่าให้แขกต้องรอนานจะดีกว่า"

ฉันจับมือของเขาเดินลงไปชั้นล่าง

บันไดเป็นดีไซน์แบบบันไดวน ส่วนที่เป็นลักษณะโค้งในครึ่งล่าง ทำให้สามารถมองเห็นฟู่จินอันที่สวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ หล่อนนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสง่าผ่าเผย

เพราะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวหล่อนก็เงยหน้าขึ้น เผยรอยยิ้มเงียบเชียบ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับมือทั้งสองข้างของฉันกับฟู่ฉีชวนที่จับกันอยู่ แก้วน้ำในมือก็สั่นทันที จนน้ำชาในแก้วกระฉอกออกมาเล็กน้อย

"อ๊ะ..."

น่าจะเพราะค่อนข้างร้อน หล่อนจึงเผลอหลุดร้องเสียงหลงออกมา

ฟู่ฉีชวนดึงฝ่ามือของเขาในออกทันที แล้ววิ่งลงไปชั้นล่างด้วยความตื่นตระหนกและร้อนใจ จากนั้นหยิบแก้วน้ำออกจากมือของหล่อน "ทำไมโง่ขนาดนี้ แค่แก้วใบเดียวยังถือให้มั่นไม่ได้?"

น้ำเสียงของเขาจริงจังดุดัน ทว่าจับมือของฟู่จินอันได้ก็พาไปที่อ่างล้างหน้าโดยไม่ลังเล แล้วชำระล้างด้วยน้ำเย็น

ฟู่จินอันรู้สึกจนปัญญา อยากจะดึงมือกลับ "ฉันไม่เป็นไร เอะอะใหญ่โตไปได้"

"หุบปาก ถ้าไม่ระวังแผลลวกไหม้มันจะทิ้งรอยบนผิว รู้หรือเปล่า?"

ฟู่ฉีชวนตำหนิเสียงเย็น โดยที่ยังคงจับมือไม่ปล่อย

ฉันยืนอยู่บนขั้นบันได มองภาพช็อตนั้นด้วยความตะลึง รู้สึกมึนงงไม่น้อย

ราวกับมีภาพอะไรบางอย่างผุดเข้ามาในหัว

เป็นภาพตอนที่เราเพิ่งแต่งงานกัน ฉันรู้ว่าฟู่ฉีชวนท้องไส้ไม่ค่อยดี จึงเริ่มเรียนทำอาหาร

แม้ว่าที่บ้านจะมีป้าหลิวอยู่แล้ว แต่อาหารที่ป้าหลิวทำไม่ค่อยถูกปากเขานัก

คนที่เพิ่งเรียนได้ไม่เท่าไหร่ การจะเผลอทำมีดหั่นโดนนิ้ว หรือถูกลวกเข้าตรงไหนสักที่มักจะเป็นเรื่องที่ห้ามได้ยาก

ครั้งนึงไม่ทันระวังจนทำกระทะคว่ำ น้ำมันเดือดๆ ไหลตามการเคลื่อนไหวของฉัน จนสัมผัสโดนเข้าที่หน้าท้อง

เสื้อผ้าเปียกไปทั้งตัว มันร้อนมากจนใบหน้าของฉันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

ฟู่ฉีชวนได้ยินเสียง เพียงแค่เดินเข้ามา แล้วพูดด้วยความนุ่มนวลอย่างที่เป็นในปกติ "โอเคไหม? คุณไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง"

อ่อนโยนใส่ใจ ทว่ากลับสงบและเรียบเฉย

บางครั้งฉันก็แอบรู้สึกว่า เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่มันไม่ใช่

แต่เพราะฉันแอบชอบเขามานานหลายปี ในสมุดโน้ตล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่พรรณนาถึงเขา

การที่ได้แต่งงานกับเขา ก็นับว่าพอใจมากแล้ว

จึงคิดไปเองว่า นั่นเป็นเพราะเขามีนิสัยเย็นชาและเก็บตัว

……

"ป้าเทเสิร์ฟน้ำมะนาวให้คุณจินอันนี่นา"

ที่ด้านข้าง คำพูดพึมพำของป้าหลิวดึงเอาความคิดของฉันกลับมา

ไม่รู้ว่าสายตาเริ่มเบลอตั้งแต่เมื่อไหร่ หัวใจก็ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบอย่างแรง จนฉันหายใจไม่ออก

ดูสิ

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาเป็นคนดึงแก้วน้ำออกจากมือของฟู่จินอันเอง แต่เพราะเป็นห่วงมาก จนลืมสังเกตุไปว่าน้ำในแก้วมันร้อนหรือเย็น

ฉันสูดหายใจลึก เดินลงบันไดอย่างช้าๆ จับจ้องไปที่พวกเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "ที่รัก ป้าหลิวเสิร์ฟน้ำมะนาวให้พี่จินอัน เป็นน้ำเย็น คงลวกผิวไม่ได้หรอก หรือคุณจะเป็นห่วงอีกว่าน้ำเย็นจะทำให้ผิวช้ำ?"

ฉันก็อยากอดกลั้น แต่มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ สุดท้ายก็พูดเสียดสีออกไป

ฟู่ฉีชวนหยุดการเคลื่อนไหวทันที แล้วจึงปล่อยมือออก หลบสายตาของฉัน หันไปกล่าวโทษฟู่จินอัน "แค่น้ำเย็นหกใส่มือก็ต้องแหกปาก? เธอนี่มันสำออยจริงๆ"

ฟู่จินอันหันไปค้อนใส่เขาทีนึง แล้วหันมาหาฉันด้วยความอ่อนโยน "เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก"

พูดจบ หล่อนก็เดินมายังโต๊ะรับแขก หยิบกล่องกำมะหยี่ที่แค่ดูด้วยตาก็รู้ว่าราคาไม่ธรรมดาแล้วยื่นให้ฉัน

หล่อนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน "สิ่งนี้ ต้องคืนสู่เจ้าของเดิมของมัน"

ฉันรับมาเปิดดูแวบนึง ทันใดนั้นเล็บคมก็ฝังลึกลงไปในฝ่ามือ

ความว้าวุ่นปั่นป่วนถาโถมเข้ามาในใจ

ผู้หญิงที่อยู่ในคลิป ก็คือฟู่จินอัน?

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ฉันกดความรู้สึกเอาไว้ อยากจะยิ้มทว่ายิ้มไม่ออก

เมื่อคืนฉันยังบีบให้ฟู่ฉีชวนเอาสร้อยคอกลับมา เวลานี้สร้อยก็อยู่ในมือของฉันแล้ว แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่นิดเดียว

สายตาของฉันมองไปยังฟู่ฉีชวนอย่างค้นหา แต่ดวงตาของเขาลึกล้ำจนยากจะคาดเดา จากนั้นกยื่นมือมาโอบกอดฉัน

"ชอบไหม? ถ้าชอบก็เก็บไว้ ถ้าไม่ชอบก็ยกให้ใครไปก็ได้ ถึงยังไงของแค่นี้ไม่สะเทือนขนหน้าแข้งผมอยู่แล้ว ไว้ผมค่อยซื้อของขวัญชิ้นใหม่ให้คุณ"

"ค่ะ"

ฉันเม้มริมฝีปาก เพราะอยู่ต่อหน้าฟู่จินอัน สุดท้ายก็ต้องยอมไว้หน้าเขาหน่อย

หรือจะพูดอีกอย่างคือไว้หน้าตัวฉันเองด้วย

วินาทีนี้ จู่ๆ ฉันเองก็มองไม่ออกถึงจุดประสงค์ที่ฟู่จินอันมาในวันนี้

หล่อนคิดว่าตัวเองไม่สมควรเก็บสร้อยเส้นนี้จริงๆ

หรือกำลังประกาศอะไรอยู่?

เมื่อเห็นแบบนั้น ใบหน้าของฟู่จินอันก็เผยความรู้สึกบางอย่างในชั่วพริบตาแล้วหาย มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถจับเอาไว้ได้

เธอยิ้มบางๆ "ฉันยังนึกกลัวอยู่ว่าสร้อยเส้นนี้ จะทำให้พวกเธอเข้าใจผิดกัน แต่เท่าที่ดูตอนนี้เหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้นสินะ งั้นฉันขอตัวกลับก่อนล่ะ"

ป้าหลิวออกไปส่งหล่อน

วินาทีที่ประตูประกบปิด ฉันปลีกตัวออกมาจากแขนของฟู่ฉีชวน "ไหนคุณบอกว่าไปประมูลให้เฮ่อถิงไม่ใช่หรอ? ที่สำคัญพี่จินอันแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือยัง เธอกลายเป็นหนึ่งในบรรดาสาวๆ ของเฮ่อถิงตั้งแต่เมื่อไหร่...อุ๊บ"

เขาจูบริมฝีปากของฉันโดยไร้ซึ่งเหตุผล บังคับให้ฉันหยุดพูดคำพูดที่เหลือ

เขาใช้กำลังครอบครองด้วยดุดันและเลือดร้อน ราวกับกำลังระบายอะไรบางอย่าง

ขณะที่ฉันเริ่มจะหายใจไม่ออก เขาถึงได้ปล่อยฉันเบาๆ แล้วลูบศีรษะของฉัน เอ่ยปากยอมรับผิด "ผมโกหกคุณเอง"

เขาโอบฉันในอ้อมกอด "หล่อนเพิ่งหย่า ผมกลัวว่าหล่อนจะคิดสั้น ก็เลยมอบของขวัญให้"

ฉันอึ้งไปทันที

เข้าใจในทันทีว่าประโยคที่เขาพูดในคลิป "ยินดีกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่" มันหมายถึงอะไร

ฉันเม้มริมฝีปาก เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "แค่นั้น?"

"แค่นั้น"

เขาตอบด้วยความหนักแน่น อธิบายให้ฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนช้าๆ "คุณก็น่าจะรู้ ในตอนนั้นแม่ของหล่อนต้องเกิดอุบัติเหตุขึ้นเพราะช่วยผม ผมจะนิ่งดูดายไม่ได้"

เรื่องนี้ ฉันเองก็เคยได้ยินป้าหลิวเล่าให้ฟังอยู่

แม่แท้ๆ ของฟู่ฉีชวนเสียชีวิตเนื่องจากปัญหาคลอดบุตรยาก ตอนที่เขาอายุได้ห้าขวบ พ่อของเขาก็แต่งงานใหม่ อีกฝ่ายคือแม่ของฟู่จินอัน

แม้ว่าจะเป็นแม่เลี้ยง ทว่าก็ปฏิบัติต่อฟู่ฉีชวนดีมาก ประหนึ่งให้กำเนิดออกมาเอง

ถึงขนาดที่ตอนฟู่ฉีชวนเผชิญหน้ากับอันตราย หล่อนยอมสละชีวิตเพื่อช่วยฟู่ฉีชวน จนกลายเป็นอัมพาต นอนติดเตียงมาหลายปี

ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้

ก็นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว

ฉันโล่งใจในทันที แต่ก็อดเตือนเขาด้วยความน้อยใจไม่ได้ "ฟู่ฉีชวน ฉันเชื่อว่าคุณแค่อยากทดแทนบุญคุณ และเห็นหล่อนเป็นแค่พี่สาวเท่านั้น"

……

สร้อยเส้นนั้น สุดท้ายก็ถูกฉันโยนเข้าไปในห้องเก็บของ

บางที อาจะเป็นเพราะความเคลือบแคลงในใจฉันไม่ได้หายไปโดยสิ้นเชิงแต่อย่างใด

เพียงแต่เก็บมันไว้ชั่วคราว และมันย้อนกลับมาได้ง่ายๆ ในวันนึง เมื่อถูกสะสมซ้ำไปซ้ำมา

จนท่วมท้น

แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ วันนั้นมันจะมาถึงเร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้

สมัยมหาวิทยาลัยฉันเรียนดีไซน์เนอร์ และได้เข้าฝึกงานในแผนกดีไซน์เนอร์ของบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป

การแต่งงานกับฟู่ฉีชวนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนอาชีพการงานของฉันแต่อย่างใด

ผ่านมาสี่ปี ฉันได้ขึ้นเป็นรองผอ.ของแผนกดีไซน์เนอร์

"ผอ.หร่วน ไปกินข้าวไม่เรียกฉันเลยนะ?"

วันนี้ ฉันกินอาหารกลางวันที่โรงอาหารของบริษัท เจียงไหล เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย กำลังยกถาดอาหาร บิดเอวบางๆ นั่งลงตรงหน้าฉันอย่างมีจริต

"ฉันจะรีบกินรีบไปวาดแบบร่างให้เสร็จน่ะ"

หล่อนขยิบตาใส่ฉัน แล้วพูดอย่างจนปัญญา "อะไรกัน?"

"ช่วงเช้าฉันได้ยินแผนก HR บอกว่า เขาเลือกแคนดิเดทตำแหน่งผอ.ของแผนกดีไซน์เนอร์เอาไว้แล้ว!"

ใบหน้าแจ่มใสของหล่อนแผยรอยยิ้มกว้าง "ฉันเดาว่าต้องเป็นเธอแน่ ถึงได้มาแสดงความยินดีล่วงหน้านี่ไง? ร่ำรวย เฮงๆ ไปด้วยกันนะจ๊ะ"

"ก่อนที่ประกาศออกคำสั่งจะลงมา ใครมันจะคาดเดาได้ถูก? พูดให้มันเบาๆ หน่อย"

ผอ.ของแผนกลาออกไปเมื่อกลางเดือนนี้เอง ใครๆ ก็พูดว่า ตำแหน่งนี้ต้องเป็นของฉันแน่นอน

ตัวฉันเองก็ค่อนข้างมั่นใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็แอบกลัวว่าจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมาย

"จะเดาไม่ถูกได้ไง? อย่าว่าแต่เธอเป็นภรรยาท่านประธาน..."

หล่อนพูดได้ครึ่งนึงก็กดเสียงต่ำ เพราะเรื่องที่ฉันกับฟู่ฉีชวนแต่งงานกันไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้ สังคมภายนอกรู้แค่ว่าฟู่ฉีชวนคลั่งรักภรรยา ทว่าไม่รู้ว่าภรรยาของเขาคือฉัน

จากนั้น หล่อนก็อวยฉันไม่หยุด

"ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ก็สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ ทั้งออกแบบแบรนด์ ทั้งงานแฮนด์เมดสั่งตัด มีตั้งกี่บริษัทที่อยากจะแย่งตัวเธอ! แล้วทำไมแซ่ฟู่จะไม่เลื่อนตำแหน่งให้เธอ?"

ขณะที่เจียงไหลเพิ่งจะพูดจบ โทรศัพท์ของฉันกับหล่อนก็ส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน

เป็นหนังสือประกาศคำสั่ง

เมื่อหล่อนเห็นตัวหนังสือตัวใหญ่ในอีเมล ดวงตาก็เป็นประกาย จับจ้องด้วยความตื่นเต้นขั้นสุด คิ้วก็ขมวดขึ้นมา แสดงออกถึงความเกรี้ยวกราดเพราะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม

"ฟู่จินอัน ใครกัน?"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 3

    ฉันอึ้งไปอย่างแรงอ่านอีเมลนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างละเอียด ราวกับกำลังเช็คให้แน่ใจก็ไม่ปานใช่แล้ว ไม่ผิดแน่ฟู่จินอัน ไม่รู้ว่าโผล่มาจากนั้น จู่ๆ ก็กลายเป็นผอ.แผนกดีไซน์เนอร์ เป็นหัวหน้าของฉัน"หรวนหร่วน เธอรู้จักหล่อนใช่ไหม?"เจียงไหลเห็นว่าฉันแปลกไป ก็ยื่นมือมาโบกตรงหน้าฉัน แล้วเอ่ยการคาดเดาของเธอฉันวางโทรศัพท์ลง "อืม หล่อนเป็นพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ของฟู่ฉีชวน ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยเล่าให้เธอฟัง"หลังจากที่เรียบจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป แต่ฉันกับเจียงไหลสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สัญญากันเอาไว้ว่าจะอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงต่อด้วยกัน จะไม่ไปไหนทั้งนั้นเจียงไหลกระดกลิ้น "เช้ด เด็กเส้นหรอกหรอ!""..."ฉันไม่ได้พูดอะไรในใจก็พลางคิดว่า ไม่ใช่แค่เด็กเส้นธรรมดาด้วยสิ"สมองของฟู่ฉีชวนได้รับการกระทบกระเทือนหรือไง?"เจียงไหลแซะไม่หยุด ต่อสู้กับความอยุติธรรมแทนฉัน "มีสิทธิ์อะไร? ฉันไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าวงการดีไซน์เนอร์มีเบอร์ต้นที่ชื่อนี้อยู่ แล้วดูฟู่ฉีชวนสิ ยกตำแหน่งผอ.ให้นางหน้าตาเฉย? แล้วเธอล่ะ เขาเอาเธอไปไว้ตรงไหน...""ช่างเถอะหน่า"ฉันขัดบทสนทนาของเธอ แล้วพูดเสียงเบา "ของพวกนี้มันไม่สำคัญหรอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 4

    เขาแทบจะตอบรับในทันทีไม่ลังเลหรือครุ่นคิดสักนิดฉันโอบรอบคอของเขา ริมฝีปากทั้งสองด้านยกยิ้ม จับจ้องไปที่เขาไม่วางสายตา "สิบเปอร์เซ็น คุณไม่เสียดายหรอ?"แววตาของเขาบริสุทธิ์ "ก็ให้คุณ ไม่ได้ให้คนอื่นสักหน่อย"วินาทีนี้ฉันต้องยอมรับเลยว่า เงินเป็นสิ่งที่จะใช้แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ได้ดีมากอารมณ์ที่ฝืนกดมันเอาไว้ตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็ได้รับการปลอดล็อคฉันถามยิ้มๆ ราวกับอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง "แล้วถ้าเป็นพี่จินอัน คุณจะให้เธอหรือเปล่า?"เขาเงียบไปชั่วอึดใจ แล้วให้คำตอบที่แน่ชัด "ไม่ให้""จริงหรอ?""อืม ที่ผมจะให้เธอได้ ก็มีแค่ตำแหน่งนั้น"ฟู่ฉีชวนดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอด น้ำเสียงอันอบอุ่นและมุ่งมั่นดังอยู่เหนือศีรษะของฉัน "หนังสือสัญญาโอนหุ้น ตอนบ่ายผมจะให้ฉินเจ๋อส่งมา นับจากวันนี้ไป คุณก็คือหนึ่งในเจ้าของของแซ่ฟู่กรุ๊ป ส่วนคนอื่นๆ ก็เป็นแค่ลูกน้องที่ทำงานให้คุณ""แล้วคุณล่ะ?"ฉันอารมณ์ดีขึ้นเยอะ ก็ถามเขายิ้มๆเขาเลิกคิ้ว "อะไร?""คุณก็ทำงานให้ฉันด้วยหรือเปล่า?""แน่นอน"เขาหุบยิ้ม ลูบศีรษะของฉัน โน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหู พูดจาสองแง่สองง่าม "ผมให้บริการคุณได้ทั้งบนเตียงและหลังลงจากเตียง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 5

    ทั้งที่รู้ว่าฟู่ฉีชวนกำลังรอฉันหล่อนที่ขออาศัยติดรถ กลับนั่งตำแหน่งข้างคนขับฉันอยากจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนี แต่สติสัมปชัญญะสั่งให้ฉันหยุดความคิดนั้น แล้วยื่นมือไปหาฟู่ฉีชวน "กุญแจรถ"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่วางกุญแจรถลงบนมือฉันเดินอ้อมกระโปรงรถ เข้าไปนั่งบนตำแหน่งคนขับ ขณะที่ฟู่จินอันกำลังอึ้งและหน้าแข็งไป ฉันก็ยิ้มน้อยๆ "เครื่องแค่นี้เอง? พี่เองก็นับว่าเป็นพี่สาวของฉีชวน แค่ขอติดรถด้วยปกติจะตาย"จากนั้น ก็ยื่นหน้าออกไปมองฟู่ฉีชวนที่อยู่นอกรถ "รีบขึ้นรถสิคะ คุณปู่กำลังรอพวกเราอยู่แหงๆ"ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบสงัดเงียบราวกับอยู่ในป่าช้าเดิมทีฟู่จินอันอยากจะคุยกับฟู่ฉีชวน แต่คงเป็นเพราะต้องหันหลังไปคุย ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติอาจจะเป็นเพราะสังเกตได้ว่าฉันรู้สึกไม่ดี จู่ๆ ฟู่ฉีชวนก็เปิดกระป๋องเครื่องดื่มแล้วส่งให้ "น้ำมะม่วงที่คุณชอบ"ฉันดื่มไปคำนึง ก็ขมวดคิ้วแล้วส่งคืนกลับไป "หวานเกินไป คุณดื่มเถอะ"ช่วงนี้ฉันชอบกินของเปรี้ยวๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเจออะไรที่ไม่ค่อยถูกปาก ฉันพอจะฝืนกินมันลงไปเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองแต่ตอนนี้ แค่คำเดียวก็ไม่สามารถฝืนได้"โอเค"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 6

    ฉันรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวที่เย็นเฉียบเลือดในร่างกายแทบจะหยุดแข็งมีวินาทีหนึ่งที่ฉันสงสัยว่า ตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่าฉันเคยสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างชัดเจนแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ถ้าพูดออกไป คนหนึ่งคือคุณชายตระกูลฟู่ อีกคนคือคุณหนูตระกูลฟู่ ยังไงก็ถือว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้วฟู่ฉีชวนเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้แต่ทว่า ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่ฉีชวนที่มีดวงตาแดงก่ำกดฟู่จินอันไว้กับผนัง พูดเสียงเย้ยหยันและเย็นชาออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน"จะหย่าเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกคนที่เลือกจะแต่งงานกับคนอื่นก็คือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?!""ฉัน..."คำถามที่มารัวๆ ทำให้ฟู่จินอันพูดไม่ออก น้ำตาไหลราวกับหยาดน้ำค้างที่หล่นลงมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อของฟู่ฉีชวนไว้อย่างไร้หนทาง"ฉันผิดไปแล้ว อาชวน ยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหม? แค่ครั้งเดียว และตอนนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ...""ฉันแต่งงานแล้ว""แต่งงานแล้วมันหย่าไ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 7

    ฟู่ฉีชวนดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า "แล้วคืนแต่งงานล่ะ เพราะอะไร?"ยังคงจำได้ลางๆ ว่าคืนนั้นฉันนั่งรออยู่ที่ระเบียงทั้งคืนคืนแต่งงาน เขาทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานแล้วออกไปโดยไม่สนใจใยดีฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา อีกทั้งยังคิดฟุ้งซ่านว่าตัวเองทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะกลับบ้านเร็วๆตอนนั้นฉันเพิ่งอายุยี่สิบสามปี บังเอิญได้แต่งงานกับคนที่แอบชอบมานานหลายปีจะไม่คาดหวังอะไรกับการแต่งงานและเขาได้อย่างไรแต่จนถึงวันนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า ตอนที่ฉันนั่งรอเขากลับบ้านด้วยความหวังเต็มหัวใจ เขากลับไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนทั้งหมดนี้ ช่างเหมือนกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่งจริงๆตอนนี้ฟู่ฉีชวนไม่ได้ปิดบังฉันอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ "คืนนั้นเธอไปแข่งรถกับคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตำรวจจึงแจ้งให้ฉันไปรับ"ช่างบังเอิญจริงๆในวันแต่งงานของฉันกับฟู่ฉีชวน เธอกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นในช่วงดึกแต่ฉันจำได้ว่าในงานเลี้ยงที่บ้านหลังงานแต่งเพียงไม่กี่วัน เธอก็อยู่ในงาน ทั้งยังไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลยสักนิดฉันล

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 8

    ฉันไม่อยากเข้าใจในทันที แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าใจเจียงไหลหัวเราะเบาๆ แล้วพูดวิจารณ์ว่า "ก็แค่ทั่วไปนั่นแหละ""..."ฉันมองเธอด้วยความประหลาดใจ ส่งสายตาเป็นคำถาม ???"เคยนอนด้วยครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แย่มาก"เจียงไหลรีวิวอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าเฮ่อถิงจะอยู่ด้วยเฮ่อถิงโวยวาย "นั่นมันครั้งแรกของฉัน เธอจะไปรู้อะไร!""หยุด หยุด หยุด ฉันไม่ขอรับผิดชอบเรื่องนี้ นายเป็นคนเจ้าชู้ อย่ามาพูดถึงเรื่องครั้งแรกกับฉันเลย อย่างน้อยๆ ครั้งแรกของนายก็น่าจะเป็นกับมันหรือมันต่างหาก" เจียงไหลพูดขัดแล้วชี้ไปที่มือซ้ายและขวาของเขาฉันมองเฮ่อถิงที่ปกติมักจะทำตัวไม่จริงจัง แต่เมื่อเจียงไหลพูดแบบนี้ เขาก็หน้าแดงขึ้นมา และในที่สุดฉันก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันคือความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเฮ่อถิงน่าจะกำลังตามจีบเจียงไหลเจียงไหลไม่สนใจเฮ่อถิงอีกต่อไป จูงมือฉันเดินไปที่ห้องวีไอพี "มีรุ่นพี่คนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ เฮ่อถิงกับพวกเขาจัดงานเลี้ยงให้ แล้วชวนฉันมาร่วมสนุก""รุ่นพี่คนไหนเหรอ?" ฉันถามเบาๆ"เธอน่าจะรู้จักนะ ก็คือ..."เจียงไหลพูดขณะเปิดประตูห้องวีไอพีในห้องวีไอพีมีผู้ชายหลายคนนั่งอยู่

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 9

    ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรงรู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูกฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครามองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้านฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ""คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว"ใจแคบจริง"ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหารราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกินในเมื่อเธอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 10

    วันครบรอบการจากไปของพ่อแม่ฉันก็ตรงกับวันเสาร์นี้พอดีช่วงเช้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่ได้ไม่น่าจะใช้เวลามากนักแต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดออกไปอย่างมั่นใจไม่สามารถบอกฟู่ฉีชวนไปเมื่อวานนี้ได้ว่าฉันตั้งครรภ์แล้วและไม่สามารถบอกเจียงไหลในตอนนี้อย่างมั่นใจได้ว่าจะพาฟู่ฉีชวนไปด้วยกลัวว่าแผนที่วางไว้จะตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอัน สำหรับฉันแล้วมันเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดในทุกเมื่อเจียงไหลเห็นฉันไม่ค่อยมีอารมณ์สนใจนัก จึงเหลือบมองไปที่ออฟฟิศของฟู่จินอัน แล้วถามว่า "เรื่องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์นั่น ฟู่ฉีชวนจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?""ก็คงประมาณนั้น"เราคุยกันอีกสักพัก จากนั้นเธอก็กลับไปแผนกการตลาดอย่างวางใจ…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟู่จินอันเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว หรือว่าจู่ๆ ก็คิดได้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเราอยู่กัยอย่างสงบสุขแต่เดิมฉันกังวลว่าการออกแบบรุ่นพิเศษสำหรับปีใหม่อาจจะติดขัดเพราะเธอ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นจนเข้าสู่ขั้นตอนการทำต้นแบบ"พวกเธอคิดว่าคนที่เพิ่งเข้ามามีความสัมพ

บทล่าสุด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 324

    "ใช่"ฉันยกริมฝีปากขึ้นและรวบรวมความกล้าพูดว่า "ถ้าเป็นอย่างหลัง ฉันกังวลว่าคุณอาจจะเริ่มมีความรู้สึกต่อฉัน"เขาขมวดคิ้วและพูดว่า "กังวลเหรอ? อาจเป็นเพราะฉันรักคุณและทำให้คุณกระสับกระส่ายหรือเปล่า?"“อะไรประมาณนั้น”ฉันพูดอย่างตรงไปตรงมาและพูดว่า “คุณมีบุคลิกที่ดี มีพื้นเพครอบครัวที่ดี และทุ่มเท การที่ใครสักคนอย่างคุณชอบเป็นเรื่องยากที่จะไม่รู้สึกซาบซึ้ง แต่เพราะเหตุนี้เอง เราเลยเป็นไปไม่ได้”“เป็นไปไม่ได้เหรอ?”“ใช่ เป็นไปไม่ได้”ฉันหายใจเข้าลึกๆ และมองเขาอย่างจริงจัง "ฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มมีความรัก ฉันไม่มีทางรู้ว่าข้างหน้ามีอันตราย แต่ยังเลือกที่จะเดินเข้าไปหามัน ความรักที่มั่นคงของคุณ สำหรับฉันแล้ว...มันคือไม่มีอะไรดี""เมื่อกี้คุณช่วยฉัน และฉันจะช่วยคุณรับมือกับพ่อแม่ของคุณด้วย นอกจากนี้ เราทุกคนควรมีเหตุผลมากขึ้น"……คืนนั้น หลังจากอาบน้ำในห้องรับรองแขกที่คุณย่าจัดให้ฉัน ฉันนอนบนเตียงโดยที่ยังตื่นอยู่ตอนกลางวัน โจวฟางตอบอะไรกับฉันเขาบอกว่า หร่วนหนานจือ อย่าคิดว่าคุณเป็นคนเดียวที่กลัวก่อนที่ฉันจะเข้าใจความหมายของประโยคนี้ เขาก็ผลักฉันเข้าไปในรถ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 323

    ฉันตกใจ “? ”"คุณเชื่อฉันไหม"โจวโม่นั่งขัดสมาธิบนโซฟาด้วยสีหน้ามั่นใจ "ตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับตัวเอง เขาชอบคุณ แต่เขากลัวที่จะชอบคุณ"ฉันยิ้มและพูดว่า "อย่าเดามั่วสิ คนที่เขาชอบคือเสิ่นชิงหลี่ แค่เพราะว่าพวกเรามีคิ้วและดวงตาที่คล้ายกัน...""ไม่จริงหรอก!"โจวโม่แย้งว่า "พี่ชายฉันไม่ใช่คนแบบนั้น หลายปีที่ผ่านมามีคนมากมายที่เหมือนพี่ชิงหลี่มากกว่าคุณ แต่เขาไม่เคยเหลียวแลด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าฉันพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขาแต่เขาไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล ถ้าเขาไม่มีความรู้สึกต่อคุณ ทำไมเขาถึงคอยช่วยเหลือคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า"“นั่นเป็นเพราะว่า…”ฉันพยายามโต้แย้งกลับแต่ก็พบว่าตัวเองพูดไม่ออกเมื่อพูดไปครึ่งประโยคเหตุการณ์ของจินซื่อเจี๋ย และแม่เสิ่นบังคับให้ฉันคุกเข่าในหิมะ… ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้กำลังช่วยเหลือซึ่งกันและกันหลังจากนั้น เขาไม่ได้ขอให้ฉันสัญญาอะไรกับเขา……เมื่อฉันจากไป ฉันยังคงเหม่อลอยเล็กน้อยเมื่อวานนี้ คุณย่าตั้งใจจะจับคู่เรา และวันนี้ โจวโม่ก็เล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังอีกครั้งไม่ว่าใครจะตั้งใจแค่ไหน พวกเขาก็ยังคงได้รับผลกระทบอยู่ดีฉันไม่คาดคิดว่า จะได้เห็นรถคัลลิแนนที่คุ้นเค

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 322

    "สาวน้อยโง่เขลา"หญิงชรายิ้มและพูดว่า "ถ้าฉันไม่รู้จักเธอ ฉันจะพาเธอเข้าบ้านได้ยังไง ฉันยังรู้ด้วยว่า อดีตสามีของเธอคือฟู่ฉีชวน""ก็..."ฉันคิดอะไรขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะถาม "คุณรู้แล้วเหรอว่าครั้งก่อนที่คุณหนูเสิ่นพาฟู่ฉีชวนกลับมา?""ฉันจงใจสร้างความยากลำบากสำหรับเขา"หญิงชรายกคิ้วขึ้นและพูดว่า “ถ้าเขาปกป้องภรรยาของเขาเองไม่ได้ ก็สมน้ำหน้า”“ถูกต้อง สมน้ำหน้าเขา”"ฟังคำแนะนำของย่านะ ฟู่ฉีชวนเป็นคนดี แต่เขาคิดเยอะเกินไป และการอยู่กับเขาจะเหนื่อยและยากลำบากเกินไปสำหรับเธอ"“คุณย่า เราหย่ากันแล้วค่ะ” ฉันยิ้มหญิงชราถามด้วยความอยากรู้ “เธอลืมเขาไปแล้วจริงๆ เหรอ?”“ลืมไปเลย”ฉันเหลือบมองไปที่ท้องของตัวเอง ความรู้สึกขมขื่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย “เราเกือบจะมีลูกกันแล้ว แต่เขากลับไม่สนใจฉันเพื่อช่วยชีวิตคนอื่น และลูกก็... จากไป”ตอนที่ฉันเลิกสนใจเขาจริงๆก็คือตอนนั้นเองต่อมา หลายคนรู้สึกว่าถ้ารู้เร็วกว่านี้ ก็ไม่จำเป็นต้องทำตั้งแต่แรกกระจกที่แตกก็คือกระจกที่แตก ไม่ว่าจะใช้เวลาและความพยายามมากเพียงใดในการประสานกระจกเข้าด้วยกัน รอยร้าวเหล่านั้นก็จะเตือนเสมอว่าบาดแผลบางอย่างมีอยู่จ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 321

    ดูเหมือนว่าหัวใจของฉัน จะถูกดึงด้วยอะไรบางอย่างอย่างที่โจวฟางพูด มันเป็นจิตใต้สำนึกและไม่รู้ว่ามาจากไหนเมื่อเห็นความเศร้าโศกบนสีหน้าของเขา ฉันจึงเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ ย่องขึ้นเขย่งเท้าและเอื้อมมือไปยีผมเขาอย่างสบายใจแต่พอมือยื่นออกไปได้ครึ่งทาง ฉันก็หยุดนิ่งกลางอากาศ เมื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขา ฉันจึงปลอบใจเขาเบาๆ ว่า “โจวฟาง เธอจะไม่โทษคุณหรอก”ชั่วขณะหนึ่ง แสงสว่างวาบขึ้นในดวงตาของเขา แต่ทันทีที่มือของฉันหยุดลง เขาก็กลับมาเฉยเมยเช่นเคย “คุณไม่ใช่เธอ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอคิดอย่างไร?”“เพราะฉันเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว”ฉันลดสายตาลงเล็กน้อย ความขมขื่นปรากฏขึ้น “พวกเราต่างก็มีชีวิตที่ดี… จนกระทั่งจู่ๆ เราก็สูญเสียพ่อแม่ไป และต้องดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยตัวเอง เพียงเพื่อจะดำเนินชีวิตต่อไป”ฉันเงยหน้ามองเขาอีกครั้งและยิ้มอย่างอ่อนโยน “ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่โทษคุณ และฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะโทษคุณเช่นกัน”คนที่มีชีวิตที่ยากลำบาก ย่อมเข้าใจกันดีเขาสามารถรอคอยมาหลายปีแล้ว ซึ่งก็เพียงพอแล้วเขาค่อนข้างจะซาบซึ้งใจ ไม่ค่อยมีอารมณ์รุนแรงเหมือนเดิม “หลายปีที่ผ่านมา… คุณลำบากหรือเป

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 320

    เธอกำลังคุยกับโจวฟาง ขณะที่ฉันอยู่ข้างๆ กำลังแขวนเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้คนแก่อย่างเธอและรีดอย่างระมัดระวัง"หนานจือ!"หญิงชราแสร้งทำเป็นไม่พอใจและลุกขึ้นดึงฉันลงบนโซฟา "เรื่องพวกนี้ให้คนรับใช้ทำก็ได้ เธอจะได้นั่งลงจิบชาและคุยกับฉัน เธอต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเลยหรือ?"ฉันยิ้มออกมาก่อน “แต่ยังไงนี่ก็เป็นงานของฉัน”“นังเด็กคนนี้นี่”หญิงชราจับมือฉันแล้วหันไปหาโจวฟาง “ฉันเพิ่งได้ยินเธอบอกว่าเธอวางแผนให้หนานจือช่วยหลอกพ่อแม่ของเธอเหรอ?”ความสัมพันธ์ระหว่างโจวฟางกับหญิงชรานั้นลึกซึ้งมาก จนเขาพูดทุกอย่าง "ใช่"หญิงชรามองฉันด้วยความกังวลและพูดว่า "เขาบังคับเธอเหรอ?""คุณย่า คุณคิดว่าผมเป็นคนยังไง?" โจวฟางพูดทั้งน้ำตาทั้งรอยยิ้มฉันก็ยิ้มเหมือนกัน “ไม่หรอก ฉันมีเรื่องจะขอร้องเขาเหมือนกัน”หญิงชราไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงต่อ แต่แสดงความกังวลอย่างหนึ่ง"ชิงหลี่... ฉันกลัวว่าเธอจะไม่กลับมาแล้ว"หญิงชรากลั้นน้ำตาไว้และมองโจวฟาง ด้วยท่าทางของผู้เฒ่าที่สง่างาม "ไม่ว่าเธอกับหนานจือจะเป็นแกล้งทำหรือเป็นเรื่องจริง ฉันก็ดีใจที่เห็นพวกเธอประสบความสำเร็จ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น แม้จะเป็นเพียงการแส

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 319

    นอนหลับไม่สนิท แถมยังใส่หน้ากาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำได้คล่องแคล่ว แม้จะนอนอยู่ก็ตามด้วยความโล่งใจ ฉันรีบใส่ที่อุดหูไว้ในมือของเขาเขาใส่ที่อุดหูสองสามครั้งแล้วกลับไปนอนต่อโจวโม่ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ เอนตัวไปข้างๆ แล้วเงียบไปสักพักก่อนจะกระซิบเบาๆ"พี่ ฉันแค่แกล้งพี่ชายของฉันเมื่อกี้... จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนดีมากเลยนะ""อืม?"ฉันไม่รู้ว่าเธอมาบอกฉันแบบนี้ทำไมโจวโม่เอียงศีรษะพิงไหล่ฉันแล้วพูดว่า "พ่อกับฉันไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเพราะเขาพาเมียน้อยกลับบ้าน ฉันเกลียดเขา ฉันเกลียดเขาที่ทรยศต่อแม่ของฉัน"ฉันตกตะลึง"ตอนเด็กๆ ฉันอ่อนแอและต้องเติบโตในบ้านโดยไม่ได้ออกจากประตูหน้าหรือเดินออกไปข้างนอก"โจวโม่ถอนหายใจแล้วพูดว่า "หลังจากเหตุการณ์นั้น ฉันจึงย้ายออกจากคฤหาสน์ตระกูลโจวและถึงกับตำหนิพี่ชายของฉันที่ไม่ไปกับฉัน"ฉันหลับตาแล้วพูดว่า "เขา... น่าจะฉลาดเกินเด็ก""ใช่"มีเค้าลางของการตำหนิตัวเองในน้ำเสียงของโจวโม่ "ต่อมา ฉันรู้ว่าเขาฉลาดและมีเหตุผลมากกว่าฉันมาก การทำแบบเขาเป็นวิธีที่ถูกต้อง""ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับสละทุกสิ่งที่เป็นของแม่และของเราไป""ฉันเด็กเกินไปและเอาแต

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 318

    ฉันพยักหน้าและยิ้ม "ใช่ แล้วเธอล่ะ? ตรุษจีนแล้ว เธอจะกลับเมื่อไหร่?"ถึงแม้ฉันจะไม่บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับโจวฟาง ฉันก็ยังต้องไปเสื้อผ้าของคุณย่าเสิ่นและคุณย่าโจวต้องส่งมอบการตัดเย็บเสื้อผ้าตามสั่งไม่ใช่แค่เรื่องของสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของบริการด้วย นอกจากนี้ หนานซียังต้องการผู้หญิงที่น่าเคารพทั้งสองคนนี้เพื่อช่วยโปรโมตแบรนด์ของเราการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับฉัน"ฉันจะกลับกับพวกคุณ รอฉันด้วย!"โจวโม่เปิดประตูทิ้งไว้ รีบวิ่งเข้าไป คว้าเป้สะพายหลัง และเริ่มยัดของลงไปอย่างบ้าคลั่งก่อนจะรีบวิ่งออกไป"โจวโม่ เธอกระโดดโลดเต้นอะไรในบ้าน? ถ้าจะหาเรื่องอีกก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น เธอจะได้ไม่มีบ้านอยู่!"เสียงคำรามหงุดหงิดของโจวฟางดังก้องไปทั่วอพาร์ตเมนต์จากห้องนั่งเล่นผู้คนบอกว่าฉันอารมณ์ร้ายในตอนเช้า แต่ชัดเจนว่าของเขาแย่กว่าโจวโม่สั่งให้เขาเงียบ “ทำไมพี่ถึงหงุดหงิดจัง พี่สาวหนานจือรอเราอยู่ที่ประตูแล้ว ลุกขึ้นมา!”“ขอเวลาอีกสามนาที”และทันใดนั้น ความเงียบก็กลับคืนมาฉันยกมือขึ้นและมองดูนาฬิกา ดีเลย เหลือเวลาอีกเพียงห้านาทีเท่านั้นก่อนที่เวลาที่เขานัดที่น่า

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 317

    บางทีอาจเป็นเพราะฉันรู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิดต่อเขามากเกินไป ฉันเลยไม่ใส่ใจและยิ้ม "ไม่เป็นไร มันไม่เจ็บมาก"เขาถอนมือออก ถอนหายใจเงียบๆ แล้วพูดว่า "เข้าบ้านเถอะ ฉันแค่แวะมาหาคุณเท่านั้น ฉันสบายใจเมื่อเห็นว่าคุณสบายดีก็พอแล้ว""โอเค"อากาศหนาวมาก ฉันเลยสูดอากาศและโบกมือให้เขา ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูบ้านเมื่อนึกถึงบ้านที่เขาเพิ่งพูดถึง ฉันจึงหันกลับไปหาเขาแล้วพูดว่า “ยังไงก็ตาม รุ่นพี่ ฉันจะย้ายออกไปโดยเร็วที่สุด...”เมื่อฉันย้ายมาที่นี่ ฉันคิดว่ามันเป็นแค่เพราะมิตรภาพตอนนี้ฉันรู้เรื่องเหล่านี้แล้ว และต้องการเป็นเพื่อนกันต่อไป จะดีกว่าถ้าจะไม่ก่อปัญหา"ไม่จำเป็น!"หลังจากพยายามอยู่พักหนึ่ง ลู่สือเยี่ยนดูเหมือนจะประนีประนอมและพูด: "คุณสามารถอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขได้ โจวฟางอยู่ตรงข้ามกับคุณ... คนทั่วไปคงไม่กล้ามาที่นี่เพื่อก่อเรื่อง ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยสำหรับคุณ""ขอบคุณค่ะ...""หนานจือ เรายังเป็นเพื่อนกันนะ"เขาเห็นความไม่สบายใจของฉัน จึงตัดสินใจพูดออกมาตรง ๆ "คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระใดๆ เพียงเพราะฉันชอบคุณ และคุณไม่ได้ทำให้ฉันเสียเวลาอะไรใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้เราเปิดใจพูดกันแล้ว

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 316

    เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "วันหยุดจะเริ่มวันมะรืนนี้สินะ""ใช่แล้ว"เขาพูดอย่างไม่ลังเลว่า "เราจะออกเดินทางไปเมืองจิงเฉิงตอนเจ็ดโมงเช้า"“……?”ฉันมองเขาแล้วพูดว่า "คุณไม่ได้ช่วยฉันจัดการกับฟู่ฉีชวนก่อนเหรอ?"เขายกคิ้ว แล้วพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่:"ตอนนี้คุณกำลังขอร้องให้ฉันช่วย อย่างน้อยก็แสดงความจริงใจให้ฉันดูก่อนสิ?""......"นักธุรกิจทุกคนก็เหมือนกันฟู่ฉีชวนเป็นยังไง เขาก็เช่นกันมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน และฉันตัดสินใจที่จะกำหนดขอบเขตบางอย่างไว้ล่วงหน้า “ฉันช่วยเล่นละครกับพ่อแม่คุณได้ แต่ฉันหย่าร้าง พวกเขาคงไม่ยอมรับฉันหรอก…”โจวฟางไม่ได้ใส่ใจเลย "นั่นเป็นเรื่องของฉัน"ลิฟต์มาถึงชั้นแล้ว ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ “โอเค ฉันสัญญา”ทันทีที่พูดจบ ประตูก็เปิดออกแล้วเราแยกย้ายกันไป แต่ทันทีที่ออกไป ฉันก็แปลกใจที่เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่หน้าบ้านตระกูลลู่ยอมให้เขามาหาฉันจริงๆจากหางตา โจวฟางเหลือบมองมาทางเราแต่ก็ไม่หยุด เขาปลดล็อกประตูอย่างนุ่มนวล ก้าวเข้าไปข้างใน และปิดประตูตามหลังเขาไปในคราวเดียวนอกประตู เงียบมากจนได้ยินเพียงเสียงลมหอนในคืนฤดูหนาวด้วยคำเตือนของลู่สือจิ่ง ฉันรู้สึ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status