แชร์

บทที่ 6

ผู้แต่ง: เล่อเอิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ฉันรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวที่เย็นเฉียบ

เลือดในร่างกายแทบจะหยุดแข็ง

มีวินาทีหนึ่งที่ฉันสงสัยว่า ตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า

ฉันเคยสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างชัดเจน

แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ถ้าพูดออกไป คนหนึ่งคือคุณชายตระกูลฟู่ อีกคนคือคุณหนูตระกูลฟู่ ยังไงก็ถือว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดี

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้ว

ฟู่ฉีชวนเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้

แต่ทว่า ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่ฉีชวนที่มีดวงตาแดงก่ำกดฟู่จินอันไว้กับผนัง พูดเสียงเย้ยหยันและเย็นชาออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน

"จะหย่าเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกคนที่เลือกจะแต่งงานกับคนอื่นก็คือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?!"

"ฉัน..."

คำถามที่มารัวๆ ทำให้ฟู่จินอันพูดไม่ออก น้ำตาไหลราวกับหยาดน้ำค้างที่หล่นลงมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อของฟู่ฉีชวนไว้อย่างไร้หนทาง

"ฉันผิดไปแล้ว อาชวน ยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหม? แค่ครั้งเดียว และตอนนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ..."

"ฉันแต่งงานแล้ว"

"แต่งงานแล้วมันหย่าไม่ได้หรือไง?"

ฟู่จินอันดื้อดึงไม่ยอมความ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เหมือนถ้าฟู่ฉีชวนปฏิเสธเธอ เธอจะพังทลายลงทันทีอย่างนั้น

ฉันตกใจที่เธอกล้าถามออกมาตรงๆ แบบนี้

ไม่มีความรู้สึกอับอายของคนที่เข้ามาแทรกแซงกลางเลยสักนิด

ฟู่ฉีชวนรู้สึกโมโหจนขำ เขาพูดอย่างกัดฟันกรอดว่า "การแต่งงานสำหรับเธออาจจะเป็นเรื่องเล่นๆ แต่สำหรับฉันไม่ใช่!"

พูดจบ เขาก็เตรียมจะก้าวขาเดินออกไป

แต่ฟู่จินอันยังคงจับชายเสื้อของเขาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย

ที่จริงแล้ว ฉันรู้ดีถึงพละกำลังของฟู่ฉีชวน หากเขาต้องการ เขาก็สามารถสลัดหลุดได้ไม่ยาก

ฉันมองภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอย มองอยู่นาน ในใจกลับคาดหวังบางสิ่งอย่างชัดเจน

คาดหวังว่าเขาจะสลัดหลุด

คาดหวังว่าเขาจะขีดเส้นแบ่งความชัดเจน

การแต่งงานของเรายังพอมีความหวังอยู่บ้าง

และเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ

เขาทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งว่า "พวกเราเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว พูดอะไรโง่ๆ ให้น้อยลงหน่อย"

เรื่องราวมาถึงตรงนี้ น่าจะจบลงแล้ว

ฉันถอนหายใจออกมาทันที

และไม่รู้สึกอยากจะสอดส่องอะไรอีกต่อไป

“คุณรักเธอไหม? อาชวน คุณมองตาฉันแล้วตอบฉัน คุณรักเธอไหม?!”

ฟู่จินอันราวกับเด็กสามขวบที่อ้อนขอขนมกิน ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ เธอจับแขนของเขาอีกครั้ง

ฉันหยุดเดิน หัวใจเต้นระรัวอีกครั้ง

ยังไม่ทันหันกลับไป ก็ได้ยินเสียงของฟู่ฉีชวนที่ยากจะจับความรู้สึกได้ว่า "ไม่เกี่ยวกับเธอ"

"งั้นคุณไม่รักฉันแล้วใช่ไหม? อย่างน้อยเรื่องนี้มันควรเกี่ยวกับฉันบ้างสิ" ฟู่จินอันถาม

มีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ฉันรู้สึกชื่นชมความกล้าที่ฟู่จินอันกล้าถามเซ้าซี้ไม่หยุดแบบนี้

ไม่นานนัก ฉันก็เข้าใจว่านี่ไม่ใช่ความกล้า แต่เป็นความอวดดีที่ไม่มีความกลัว

สิ่งที่ทำให้เธอมั่นใจแบบนี้ เรียกว่า "ความลำเอียง"

ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยมี

ร่างสูงสง่าของฟู่ฉีชวนหยุดนิ่งไปทันที สีหน้าของเขาปกคลุมด้วยความเย็นชา

เขาไม่ได้ตอบ ฟู่จินอันก็ไม่ยอมให้เขาไป

เหมือนกับพระนางในละครน้ำเน่า

ทุกวินาทีที่เขาเงียบ ฉันรู้สึกอึดอัดจนแทบขาดใจ ลืมแม้กระทั่งการหายใจ

"นายหญิง ฉันหาเสื้อคลุมที่คุณเคยใส่เมื่อฤดูใบไม้ผลินี้เจอแล้ว รีบใส่เถอะค่ะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด"

คนรับใช้เดินถือเสื้อคลุมออกมา เนื่องจากอยู่ค่อนข้างไกลจึงต้องพูดเสียงดังกว่าปกติ

ฟู่ฉีชวนที่อยู่ไม่ไกลเงยหน้าขึ้นมามอง

ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนถูกจับได้ว่าแอบฟังเรื่องของคนอื่นโดยสัญชาตญาณ แต่พอคิดอีกทีก็กำจัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป

คนที่ควรจะต้องอธิบาย คือเขาต่างหาก

เขาสะบัดฟู่จินอันออก แล้วสาวเท้าเร็วๆ เข้ามา เสียงของเขาเปลี่ยนจากความเย็นชาเมื่อครู่นี้เป็นอ่อนโยนแต่ก็เหมือนจะเฉยเมย

"คุณได้ยินแล้วเหรอ?"

"อืม"

ฉันไม่ได้ปิดบัง

แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่รับเสื้อคลุมจากคนรับใช้มาใส่ให้ฉัน โอบไหล่ฉันไว้แล้วพาเดินเข้าไปข้างในอย่างใจเย็น "ลมแรง เข้าไปข้างในก่อนเถอะ"

ราวกับสิ่งที่ฉันได้ยินเมื่อครู่เป็นเพียงบทสนทนาธรรมดาทั่วไป

"อาชวน"

เสียงดื้อดึงของฟู่จินอันดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า "อาชวน!"

เขาทำเหมือนไม่ได้ยิน

หลังจากนั้น เขาดูเหมือนจะใจลอยอยู่บ้าง เช็คโทรศัพท์บ่อยๆ

ในที่สุดก็ทนรอมาจนถึงสามทุ่ม เวลาที่คุณปู่ฟู่จะเข้านอนตามปกติ

"เป็นคนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ทำอะไรก็ต้องรู้จักขอบเขต!"

คุณปู่ฟู่ส่งเรามาถึงหน้าลาน สีหน้าขรึมเคร่งเตือนฟู่ฉีชวนว่า "ดูแลหรวนหร่วนให้ดี อย่าคิดว่าตระกูลเธอไม่มีใครแล้วจะรังแกเธอได้นะ!"

ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้ำตาคลอ

ฟู่ฉีชวนยิ้มบางๆ และพยักหน้า "ครับ ผมจะไม่รังแกเธอ และจะไม่ให้ใครมารังแกเธอด้วย คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วง"

"เด็กโง่ มีอะไรก็มาหาคุณปู่ ปู่จะจัดการให้เอง"

คุณปู่ฟู่ลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน

ฉันยิ้มเล็กน้อย "ค่ะ ถ้าหนูมีเวลาจะมาหาคุณปู่นะคะ คุณปู่รีบเข้าไปพักผ่อนเถอะค่ะ"

ระหว่างทางกลับบ้าน ฉันนั่งง่วงงุนอยู่ที่เบาะข้างคนขับ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเริ่มมีอาการแพ้ท้องหรือเพราะอะไร ช่วงนี้ฉันง่วงบ่อยเหลือเกิน

แต่ตอนนี้กลับนอนไม่หลับเลย ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียแต่ความคิดกลับแจ่มชัดอย่างยิ่ง

ตอนแรกคิดว่าจะรอให้ถึงบ้านแล้วค่อยให้เขาอธิบาย

แต่ตอนนี้มันทรมานเกินไป

ฉันทนรอไม่ไหวอีกต่อไป เลยเปิดปากถามอย่างใช้เหตุผล "คุณกับฟู่จินอัน มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?"

เป็นแค่รักแรกธรรมดา

หรือเป็นชู้รักที่แอบคบกัน

เมื่อได้ยิน ฟู่ฉีชวนก็ผ่อนความเร็วรถลง ตอบอย่างใจเย็นว่า "ฉันกับเธอ เกือบเคยได้อยู่ด้วยกัน"

ฉันขยับริมฝีปาก เหมือนมีก้อนฟองน้ำจุกอยู่ในลำคอ พักใหญ่กว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้

"ตอนคุณเรียนมหาวิทยาลัยหรือเปล่า?"

เศษเสี้ยวความทรงจำที่ถูกเก็บไว้เริ่มหลั่งไหลออกมา

จะว่าไป ฟู่ฉีชวนเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของฉัน เป็นคนดังในมหาวิทยาลัย

มีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนพระเจ้าลำเอียงให้มา เป็นผู้สืบทอดของบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ความสามารถโดดเด่น ท่าทางสูงส่งและเย็นชา

ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะไม่ชอบ

ในกระเป๋านักเรียนของเขา เพียงล้วงมือเข้าไปก็จะเจอจดหมายรักที่สาวๆ เขียนให้

แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะสารภาพรัก ก็ได้ยินมาว่าเขามีผู้หญิงที่ชอบแล้ว

ที่แท้ ก็คือฟู่จินอันสินะ

"คุณรู้ได้ยังไง?"

ฟู่ฉีชวนมองฉันอย่างแปลกใจ

ฉันหันหน้าไปมองเขา เสียงของฉันแฝงไปด้วยความขมขื่น "ฟู่ฉีชวน คุณลืมหรือเปล่า ฉันก็เรียนที่ม.เจียงเหมือนกัน"

"อ้อ จริงด้วย"

เขากลับไปทำท่าทีเฉยเมยเหมือนเคย "ขอโทษ เวลาผ่านมานานมากแล้ว"

มันเป็นเพราะเวลานานมากแล้ว หรือว่าไม่เคยสนใจ ไม่เคยใส่ใจเลย?

ขณะที่ฉันกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง มือถือของเขาก็สั่นขึ้นมา

เขาไม่แม้แต่จะมอง ตัดสายทิ้งไปเลย

แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ดังซ้ำแล้วซ้ำอีก

ราวกับว่าถ้าเขาไม่รับ โทรศัพท์จะดังไปจนถึงวันสิ้นโลก

ฟู่ฉีชวนตัดสายอีกครั้ง ใบหน้าของเขาดูเย็นชา เหมือนจะรำคาญเต็มที แล้วอธิบายกับฉันว่า "เธอถูกคุณป้าเวินกับพ่อฉันตามใจจนเสียคนแล้ว"

ฉันยิ้มเล็กน้อย หยิบมือถือของเขามา บล็อกและลบเบอร์ไป ก่อนจะยื่นคืนให้เขา

"ตอนนี้สงบแล้ว"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 7

    ฟู่ฉีชวนดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า "แล้วคืนแต่งงานล่ะ เพราะอะไร?"ยังคงจำได้ลางๆ ว่าคืนนั้นฉันนั่งรออยู่ที่ระเบียงทั้งคืนคืนแต่งงาน เขาทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานแล้วออกไปโดยไม่สนใจใยดีฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา อีกทั้งยังคิดฟุ้งซ่านว่าตัวเองทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะกลับบ้านเร็วๆตอนนั้นฉันเพิ่งอายุยี่สิบสามปี บังเอิญได้แต่งงานกับคนที่แอบชอบมานานหลายปีจะไม่คาดหวังอะไรกับการแต่งงานและเขาได้อย่างไรแต่จนถึงวันนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า ตอนที่ฉันนั่งรอเขากลับบ้านด้วยความหวังเต็มหัวใจ เขากลับไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนทั้งหมดนี้ ช่างเหมือนกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่งจริงๆตอนนี้ฟู่ฉีชวนไม่ได้ปิดบังฉันอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ "คืนนั้นเธอไปแข่งรถกับคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตำรวจจึงแจ้งให้ฉันไปรับ"ช่างบังเอิญจริงๆในวันแต่งงานของฉันกับฟู่ฉีชวน เธอกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นในช่วงดึกแต่ฉันจำได้ว่าในงานเลี้ยงที่บ้านหลังงานแต่งเพียงไม่กี่วัน เธอก็อยู่ในงาน ทั้งยังไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลยสักนิดฉันล

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 8

    ฉันไม่อยากเข้าใจในทันที แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าใจเจียงไหลหัวเราะเบาๆ แล้วพูดวิจารณ์ว่า "ก็แค่ทั่วไปนั่นแหละ""..."ฉันมองเธอด้วยความประหลาดใจ ส่งสายตาเป็นคำถาม ???"เคยนอนด้วยครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แย่มาก"เจียงไหลรีวิวอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าเฮ่อถิงจะอยู่ด้วยเฮ่อถิงโวยวาย "นั่นมันครั้งแรกของฉัน เธอจะไปรู้อะไร!""หยุด หยุด หยุด ฉันไม่ขอรับผิดชอบเรื่องนี้ นายเป็นคนเจ้าชู้ อย่ามาพูดถึงเรื่องครั้งแรกกับฉันเลย อย่างน้อยๆ ครั้งแรกของนายก็น่าจะเป็นกับมันหรือมันต่างหาก" เจียงไหลพูดขัดแล้วชี้ไปที่มือซ้ายและขวาของเขาฉันมองเฮ่อถิงที่ปกติมักจะทำตัวไม่จริงจัง แต่เมื่อเจียงไหลพูดแบบนี้ เขาก็หน้าแดงขึ้นมา และในที่สุดฉันก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันคือความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเฮ่อถิงน่าจะกำลังตามจีบเจียงไหลเจียงไหลไม่สนใจเฮ่อถิงอีกต่อไป จูงมือฉันเดินไปที่ห้องวีไอพี "มีรุ่นพี่คนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ เฮ่อถิงกับพวกเขาจัดงานเลี้ยงให้ แล้วชวนฉันมาร่วมสนุก""รุ่นพี่คนไหนเหรอ?" ฉันถามเบาๆ"เธอน่าจะรู้จักนะ ก็คือ..."เจียงไหลพูดขณะเปิดประตูห้องวีไอพีในห้องวีไอพีมีผู้ชายหลายคนนั่งอยู่

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 9

    ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรงรู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูกฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครามองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้านฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ""คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว"ใจแคบจริง"ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหารราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกินในเมื่อเธอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 10

    วันครบรอบการจากไปของพ่อแม่ฉันก็ตรงกับวันเสาร์นี้พอดีช่วงเช้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่ได้ไม่น่าจะใช้เวลามากนักแต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดออกไปอย่างมั่นใจไม่สามารถบอกฟู่ฉีชวนไปเมื่อวานนี้ได้ว่าฉันตั้งครรภ์แล้วและไม่สามารถบอกเจียงไหลในตอนนี้อย่างมั่นใจได้ว่าจะพาฟู่ฉีชวนไปด้วยกลัวว่าแผนที่วางไว้จะตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอัน สำหรับฉันแล้วมันเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดในทุกเมื่อเจียงไหลเห็นฉันไม่ค่อยมีอารมณ์สนใจนัก จึงเหลือบมองไปที่ออฟฟิศของฟู่จินอัน แล้วถามว่า "เรื่องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์นั่น ฟู่ฉีชวนจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?""ก็คงประมาณนั้น"เราคุยกันอีกสักพัก จากนั้นเธอก็กลับไปแผนกการตลาดอย่างวางใจ…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟู่จินอันเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว หรือว่าจู่ๆ ก็คิดได้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเราอยู่กัยอย่างสงบสุขแต่เดิมฉันกังวลว่าการออกแบบรุ่นพิเศษสำหรับปีใหม่อาจจะติดขัดเพราะเธอ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นจนเข้าสู่ขั้นตอนการทำต้นแบบ"พวกเธอคิดว่าคนที่เพิ่งเข้ามามีความสัมพ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 11

    ความหวังทั้งหมดดับวูบลงในทันที รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัวหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง คงจะเป็นแบบนี้นี่เองฉันถือโทรศัพท์ไว้ในมือ แต่พูดอะไรไม่ออกอยู่นานอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่มีความหมายอะไรแล้วเขาไปที่ไหน มันชัดเจนอยู่แล้วฉันพูดกับเขาไว้แล้วว่าจะไม่มีครั้งหน้าดังนั้น นี่ก็แสดงว่าเขาได้ตัดสินใจแล้วไม่ใช่หรือ?คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักการเลือกและการพิจารณาผลดีผลเสียหรอกฉันคือคนที่ถูกเขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แล้วถูกทิ้งไปคนนั้นฉันยกมือขึ้นลูบท้องโดยไม่รู้ตัว และคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าควรจะเก็บเด็กคนนี้ไว้จริงๆ หรือถ้าหากฉันเก็บเด็กคนนี้ไว้ ต่อให้ฉันอยากตัดขาดกับเขา ก็ยากที่จะตัดขาดได้อย่างสมบูรณ์สิทธิในการเลี้ยงดูลูกก็คือปัญหาใหญ่ที่ปลายสาย เขาเรียกฉันเบาๆ "หนานจือ?""อืม"ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก หรืออาจจะบอกได้ว่า ในเวลานี้ ฉันไม่อยากพูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ฉันขับรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองที่อยากให้เขามาด้วย เพราะตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ให้เขาทำไมต้องลำบากคุณป้าหลิวด้วย ฉันยังไม่ได้ท้องโตจนขยับตัวลำบากสักหน่อยบางทีเพราะในใจสับสนวุ่นวายมาก รถค

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 12

    ครั้งที่สามแล้วสามครั้งที่ฉันพยายามจะบอกเขา แต่เขากลับปฏิเสธทุกครั้งคิดๆ ดูแล้ว ก็คงไม่มีวาสนากันมั้งฉันก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้บอกเขา แบบนี้จะได้หย่ากันได้อย่างง่ายมากขึ้นเมืองเจียงเฉิงใหญ่ขนาดนี้ หย่ากันแล้วคงยากที่จะเจอกันอีกบางทีตลอดชีวิตนี้เขาอาจจะไม่มีวันรู้ว่าเรามีลูกด้วยกันคนหนึ่งก็ได้เจียงไหลฟังความคิดของฉันแล้วก็เห็นด้วย "ลูกคงไม่อยากมีพ่อที่แย่แบบนี้หรอก ไม่บอกเขาก็ดีแล้ว"ตอนที่ให้น้ำเกลือเสร็จและเดินออกจากโรงพยาบาล ก็เพิ่งบ่ายสองกว่าๆเจียงไหลควงแขนฉันเดินไปที่ลานจอดรถ ขณะเดินไปก็พูดว่า "รถของเธอส่งไปซ่อมที่ศูนย์แล้ว ชนค่อนข้างหนักต้องใช้เวลาซ่อมประมาณหนึ่งอาทิตย์ รอซ่อมเสร็จแล้วฉันจะไปเอารถกับเธอเอง ช่วงนี้ถ้าอยากไปไหนก็แค่โทรหาฉัน คนขับรถเสี่ยวเจียงคนนี้จะมาบริการเธอทันที""..."ฉันหัวเราะทั้งน้ำตา "เธอจะคอยอยู่ใกล้ๆ ฉันตลอดเวลาเลยหรือไง ไม่ทำงานแล้วเหรอ? ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันยังมีรถอีกคัน"ฟู่ฉีชวนอาจไม่เคยให้ความรักอะไรกับฉัน แต่ทั้งบ้าน รถ และเงิน ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกขาดอะไรเลยแต่เขาไม่รู้เลยว่า สิ่งเดียวที่ฉันต้องการก็คือความรัก"หมอบอกแล้วว่าเธอต้องกลับบ้านไปพักผ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 13

    "อะไรนะ?"ฉันรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะฟู่ฉีชวนทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ "ลู่สือเยี่ยน""คืนนั้นไม่ใช่เขาหรอกหรือที่ส่งคุณกลับมา? เขาเพิ่งกลับมา คุณก็รีบแจ้นไปหาเขาทันที" น้ำเสียงของเขาทั้งเยาะเย้ยทั้งเสียดสีตัวเองฉันขมวดคิ้วแน่น มองตรงเข้าไปในสายตาของเขาและพูดอย่างไม่เชื่อว่า "คุณกำลังบอกว่าฉันชอบลู่สือเยี่ยนงั้นเหรอ?""ไม่ใช่เหรอ?" เขาเหยียดยิ้มออกมา ทั้งเย็นชาและเย้ยหยันในสายตาฉัน มันช่างเป็นการดูถูกอย่างที่สุดความรู้สึกโกรธแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนพุ่งขึ้นมา ฉันยกมือขึ้นตบหน้าเขาเต็มแรง "ฟู่ฉีชวน คุณมันเลว!"แม้ฉันจะพยายามควบคุมตัวเอง แต่ใบหน้าก็ยังคงเปียกชื้นไปหมดร้องไปๆ ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้มันช่างน่าขำเหลือเกินฉันรักเขาอย่างหมดใจมาตลอดหลายปี สุดท้ายกลับได้รับเพียงคำพูดว่า คุณจะหย่ากับผมเพราะผู้ชายคนอื่นหรือ?มันช่างน่าผิดหวังเหลือเกินไม่รู้เจียงไหลมาถึงตั้งแต่เมื่อไร ด้านหลังเธอมาเฮ่อถิงตามมาด้วยเจียงไหลดึงฉันออกไปข้างนอก พร้อมกับมองเฮ่อถิงที่ยืนตกตะลึงแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า "ยืนเซ่ออะไรอยู่? มาช่วยขนของสิ คิดว่าฉันเรียกมาดูละครหรือไง?"เฮ่อถิงมองกระเป๋าเดินทาง จากนั้นก็มองฉ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 14

    เรายังไม่ได้หย่ากันจริงๆ เลย เธอรีบร้อนขนาดนี้เลยเหรอมูลค่าหุ้นสูงเกินไป จนเหมือนถ่านร้อนที่ฉันก็ไม่อยากเก็บไว้ในมือเพียงแต่แค่ไม่อยากให้ฟู่จินอันสมปรารถนาเร็วก็เท่านั้นฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย "เธอกำลังถามฉันในฐานะอะไร?"ฟู่จินอันหัวเราะเบาๆ อย่างถือตัว "หรือเธอคิดจะฮุบหุ้นไว้? นั่นเป็นของที่อาชวนให้ภรรยาของเขา ถ้าเธอหย่ากันแล้ว หุ้นก็ไม่ใช่ของเธออีกต่อไป!""เธอยังไม่ได้ไปหาหมออีกเหรอ?"ฉันถามด้วยท่าทางสงสัย "ต้องรักษาให้เร็วนะ ไม่งั้นถ้าปล่อยไว้จนยาเอาไม่อยู่ คงต้องส่งไปที่ศูนย์บำบัดแล้วล่ะ"เธอหรี่ตาลง "หรวนหร่วน เธอกำลังด่าว่าฉันบ้าหรือไง?!"ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอ จึงถามเสียงเรียบๆ "ได้รับใบลาออกของฉันแล้วใช่ไหม? เร่งอนุมัติให้หน่อยล่ะ""ต้องให้บอกด้วยเหรอ? ฉันส่งให้ฝ่ายบุคคลตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว" เธอคงอยากให้ฉันไสหัวออกตั้งแต่วันนี้แล้วฉันไม่ตอบอะไรอีก นั่งลงที่โต๊ะทำงานแล้วเริ่มจัดการงานที่ต้องส่งต่อฟู่ฉีชวนก็คงอยากให้ฉันออกไปเร็วๆ เหมือนกันเรื่องการลาออก น่าจะเสร็จภายในวันสองวันนี้แล้วฟู่จินอันเห็นว่าฉันไม่ยอมตอบโต้ก็เริ่มร้อนใจ "ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องคืนหุ้นมา อย่าหน้าด้านไปหน่อ

บทล่าสุด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 100

    พอฟังจบ ฉันก็รู้สึกถูกอกถูกใจ ทว่าไม่นานฉันก็เข้าใจเหตุผลเจียงไหลขมวดคิ้วแน่น มองมาที่ฉันอย่างไม่เข้าใจและพูดเสียงเบา "ฟู่ฉีชวนจู่ๆ ก็เป็นคนละคนเลย?""ไม่ใช่หรอก"ฉันมองฟู่จินอันถูกบอดี้การ์ดลากตัวไปและเม้มปากเบาๆ "เขาก้แค่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ เลยแค่อยากชดเชย"ก่อนท่านปู่จะจากไป เขาในฐานะหลากรักของท่านปู่กลับไม่ได้อยู่ข้างกาย อีกทั้งยังทำให้ท่านปู่โมโหวันเดียวกันกับที่ท่านปู่เสียเขาจะไม่รู้สึกผิด ไม่เสียใจ ไม่โทษตัวเองได้ไงเพื่อแสดงให้เห็นในตอนสุดท้าย เขาเลือกจะฟังท่านปู่ ให้ฉันเป็นนายหญิงตระกูลฟู่ตลอดไปส่วนสำหรับฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยหลังจากพิธีศพของท่านปู่ ฉันกลับไปยังคฤหาสน์หลังเก่า ช่วยลุงเฉิงจัดเก็บข้าวของของท่านปู่คนรับใช้จัดเก็บให้แล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นพวกเสื้อที่มักใส่ประจำของท่านปู่เสื้อผ้าแต่ละตัวที่ฉันหยิบมา ทำให้รู้สึกเหมือนท่านปู่ไม่ได้ไปไหนขณะฉันเก็บข้าวของ ฉันก็ครุ่นคิดและพูดออกมา "ลุงเฉิง คุณมั่นใจไหมว่าสองวันก่อนในกระเป๋าเสื้อของท่านปู่มียาใส่ไว้จริงๆ?""มีแน่นอนครับ คุณสั่งกับผมเอาไว้ โดยเฉพาะตอนอากาศเปลี่ยน ต้องเตรียมยาไว้ให้คุณท่า

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 99

    เขากลัวว่าฉันจะแจ้งความอีก เขาเลยไม่ไปบริษัท เลยประชุมออนไลน์ที่ห้องหนังสือแทนฉันถูกเขาเฝ้าเหมือนกับตัวเองนั่งอยู่บนพรมเข็ม ฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ในบ้าน……วันต่อมา เป็นงานพิธีศพของท่านปู่ บรรยากาศอึมครึมโศกเศร้าฝนตกลงมาโปรยปราย หอบลมหนาวพัดผ่านลึกถึงใจกลางทรวงส่วนฉันก็ต้องออกจากคฤหาสน์หลังเก่านี้ไปงานกับฟู่ฉีชวน ถูกเขาลากอย่างกับเป็นหุ่นเชิดให้คอยรับแขกภายในงานศพเขาสองวันนี้อารมณ์หงุดหงิดมาก ถึงจะบอกว่านิสัยเปลี่ยนไป แต่เหมือนเผยธาตุแท้ออกมามากกว่าฉันขัดขืนไม่ได้เลยเมื่อคืนฉันพูดกับเขาอีกครั้ง ก่อนท่านปู่จากไปไม่ได้ขอร้องว่าห้ามพวกเราหย่า ก็แค่ห้ามไม่ให้ฟู่จินอันแต่งเข้ามาในตระกูลฟู่เขาไม่เชื่อบอกว่าฉันโกหกส่วนฉันเหนื่อยมาก ไม่มีอารมณ์มาเถียงกับเขาตอนพิธีศพเริ่มขึ้น ฉันสวมเสื้อโค๊ทสีดำ ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ ฟังบทสวดให้ท่านปู่ไปสู่สุขติเขาอายุ 80 ปี บทสรุปสุดท้ายของชีวิตกลับแสนง่ายดายสองวันก่อนเขายังยิ้มให้กับฉันอยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงแค่ธุลี"คุณปู่!"ฟู่จินอันจู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในงาน สีหน้าเศร้าสร้อยคุกเข่าตรงหน้าป้ายศพ "คุณปู่...ทำไมท่านถึงจากไปกระทันหัน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 98

    วันต่อมา ฉันถูกคนใช้ขวางเอาไว้ตรงหน้าประตูคฤหาสน์หลังเก่า ไม่ให้ฉันออกไปแม้แต่ก้าว ฉันเข้าใจแล้วเมื่อคืน ที่แท้แค่แจ้งให้ฉันทราบฉันรู้ว่านี่คือความคิดของฟู่ฉีชวน ไม่เกี่ยวอะไรกับคนใช้ ฉันเลยได้แต่ถาม "ฟู่ฉีชวนล่ะ?""นายน้อยออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลยค่ะ""ลุงเฉิงกลับมาแล้วหรือยัง?""ยังเจ้าค่ะ ลุงเฉิงกำลังยุ่งกับพิธีศพของคุณท่าน""..."ฉันกล่าวน้ำเสียงเรียบๆ "แล้วถ้าหาก ฉันต้องออกไปข้างนอกตอนนี้ล่ะ?""นายหญิง ท่านออกไปไม่ได้"คนใช้ชี้ออกไปด้านนอกหน้าต่าง บอดี้การ์ดยืนกันอยู่หลายคนฉันอดตกใจไม่ได้สามปีมานี้ นิสัยโกหกของฟู่ฉีชวนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนจริงๆบอกกับฉันว่าอยู่ที่นี่แค่คืนเดียว ตอนนี้กลับไม่ให้ฉันออกจากบ้านด้วยซ้ำฉันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เขาอาจไม่ได้ใจดีเหมือนตอนนั้นที่ส่งฉันไปโรงพยาบาล เขาตอนนั้นระวังดูแลความนับถือในตัวเองของฉัน พยายามคิดหาวิธีเชิญฉันไปทานอาหารระยะแปดปี เพียงพอจะเปลี่ยนให้คนจากอีกคนเป็นอีกคนได้เลยหรอ?ตอนเช้า มือถือมีข้อความไลน์ส่งมามากมาย พวกเขาคงรู้เรื่องการจากไปของท่านปู่ เลยมาปลอบใจฉันเจียงไหล ลู่สือเยี่ยน ทั้งสองคนแตกต่างกันอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 97

    ฉันคิดถึงสิ่งที่ท่านปู่บอกซ้ำไปซ้ำมาก่อนหน้านี้ท่านปู่ไม่ยอมรับให้ฟู่ฉีชวนและฟู่จินอันอยู่ด้วยกัน รู้แค่ว่านางดูเป็นคนซับซ้อน แต่วันนี้...แตกต่างอย่างสิ้นเชิงฟู่จินอันพูดอะไรกับท่านปู่ขณะรถค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปยังคฤหาสน์หลังเก่า ฉันเปิดประตูลงจากรถเพื่อจะเดิน ฟู่ฉีชวนรีบวิ่งตามฉันมาและคว้าฉันเข้าไปกอดฉันนิ่งไม่ขยับ ศีรษะของเขาซุกเข้ามาตรงไหล่ฉันพร้อมกับกล่าวขอร้อง "หนานจือ อยุ่กับผมคืนนึงได้ไหม""แค่คืนเดียว""ผมขอร้อง"พอได้ฟัง ประวัติผู้ป่วยในแฟ้มสีเหลืองตอนอยู่ในห้องหนังสือเมื่อตอนกลางวันก้ปรากฎขึ้นในหัวฉัน จนฉันรู้สึกเห็นใจ "ได้"บรรยากาศในคฤหาสน์หลังเก่าหนักอึ้งขึ้นอย่างมาก แต่ท่านปู่ไม่อยู่ คฤหาสน์ทั้งหลังกลับดูว่างเปล่าขึ้นมาพอมาถึงห้องนอน ฉันก็ไปอาบน้ำร้อน พอออกมาก้ไม่เห็นฟู่ฉีชวนแล้วจนฉันนอนหลับจนถึงกลางดึก ด้านหลังก็ค่อยๆ มีคนขยับเข้ามาใกล้ ฉันไม่ต้องพลิกตัวก็รู้ว่าเป็นใครไม่รู้ว่าทำไม ท่าทางของฟู่ฉีชวนทุกอย่างในคืนนี้ ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความเสียใจ"คุณหลับหรือยัง?"หน้าผากของเขาแนบกับหัวของฉัน พร้อมกับถามอย่างเแผ่วเบาฉันไม่ตอบ และก็ไม่ได้ขยับ ไม่นานนัก

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 96

    เดิมคิดว่า ท่านคงอยากจะบอกให้ฉันอย่าหย่ากับฟู่ฉีชวนแต่ว่า ท่านปู่ไม่ได้พูดแบบนั้นฉันสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าชีวิตของท่านปู่ค่อยๆ ริบหรี่ น้ำเสียงอ่อนแรงอย่างที่สุด "ไม่ว่า...ยังไง...ก็อย่าให้ฟู่จินอันแต่งเข้าตระกูลของเรา ปกป้องตระกูลฟู่แทนปู่ด้วย""ค่ะ ท่านปู่..."ฉันใกล้จะทนรับไม่ไหวแล้ว ฉันทั้งร้องไห้และพยักหน้าไม่หยุด "ท่านปู่ ฟู่จินอันพูดอะไรกับท่านใช่ไหม ไม่งั้นอาการท่านคงไม่กำเริบแบบนี้...""นาง..."แววตาของท่านสะท้อนความเกลียดแค้นและโทสะ จนสุดท้ายท่านก็ถอนหายใจ "หนูจำคำพูดของปู่เอาไว้ให้ดีก็พอ""ค่ะ...หรวนหร่วนจะจำเอาไว้ หนูจะจดจำเอาไว้ทุกคำ"ฉันพูดสะอึกสะอื้น ไม่กล้าถามอีกแม้แต่คำเดียว กลัวว่าท่านปู่จะโมโหอีกทว่าในใจกลับได้ฝังเมล็ดความสงสัยเอาไว้ฟู่จินอันจะต้องพูดอะไรกับท่านปู่แน่นอน"ยัยหนู อย่าเสียใจเลย ดูแลลูกในท้องของหนูให้ดีๆ"ท่านปู่พยายามใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย หันมองและยิ้มให้กับฉัน "เท่านี้ ปู่ก็จะได้ตายตาหลับสักที....""ตี๊ด——"เครื่องตรวจชีพจรส่งเสียงแหลมดังยาว!ฉันมองท่านปู่หลับตาสนิททั้งสองข้างพร้อมกับรอยยิ้มตรงมุมปาก ทันใดนั้นทุกอย่างพังทลายลงมาใ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 95

    "ไม่ต้อง..."ฟู่จินอันดึงแขนเสื้อของเขา "ฉันอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน ครู่เดียวก็พอแล้ว ได้ไหม? ถ้าไม่ได้ งั้นก็ปล่อยให้ฉันทนเจ็บจนตายเถอะ!""งั้นก็ทนเจ็บจะตายไปเลย"ฟู่ฉีชวนสีหน้าเย็นชา แม้เขาจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยังรินน้ำอุ่นให้กับเธอพร้อมกับพูดห้วนๆ "ดื่มน้ำอุ่นมากๆ"ฟู่จินอันไม่พอใจ "น้ำอุ่นไม่ได้ช่วยให้หายปวด"ฉันถูกเขากระแทกตัวเซ อีกนิดก้เกือบจะล้ม พอเงยหน้าขึ้นก็เห็พวกเขาทำเหมือนเป็นปกติอีกคนเสแสร้ง อีกคนก็พร้อมเชื่อหลังจากท่านปู่ส่งตัวเข้า ICU หมอไม่แนะนำให้เข้าเยี่ยม เพื่อจะพิจารณาสุขภาพของคุณท่านพวกเราเลยได้แต่ยืนอยู่หน้าประตู มองเข้าไปด้านในโดยมีเพียงแค่กระจกกั้นท่านปู่ซึ่งมักเมตตาและอัธยาศัยดี ตอนนี้กลับต้องพึ่งหน้ากากออกซิเจนหายใจ ฉันเสียใจอยากมากเกินกว่าจะบรรยาทันใดนั้น ฉันก็เห็นท่านปู่เหมือนขยับนิ้วมือฉันดีใจจนหันไปหาลุงเฉิง "ลุงเฉิง ท่านปู่ขยับนิ้วใช่ไหม?""ใช่ ใช่ครับ! คุณไม่ได้ตาฝาด ตอนนี้กำลังขยับนิ้ว"ลุงเฉิงตื่นเต้นมากเดิมทีไม่รู้ว่าท่านปู่จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่คาดคิดว่าจะฟื้นได้สติเร็วขนาดนี้ฉันทั้งตื่นเต้นและดีใจ รีบร้อนรีบออกไปตามหมอ ก้า

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 94

    "ผิดปกติ..."ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติฟู่ฉีชวนถามต่อ "ตรงไหนผิดปกติ?"ฉันครุ่นคิดอย่างสงสัย "ท่านปู่ปกติตอนอาการกำเริบจะต้องทานยาทันที ปกติอาการจะทุเลาลง ทำไมครั้งนี้ถึงหมดสติไปเลย?""ใช่ครับ แต่ก่อนคุณท่านตอนมาตรวจสุขภาพ ผมสังเกตเห็นกระเป๋าเสื้อคุณท่านจะเตรียมยาไว้ตลอด แต่สถานการณ์วันนี้ หากท่านทานยาได้ทันเวลา อาการคงไม่สาหัส" ผอ.กล่าวฉันเหลือบมองฟู่ฉีชวน "ฟู่จินอันล่ะ?""เธอพักอยู่ในห้องผู้ป่วย"ฟู่ฉีชวนสีหน้าเคร่งขรึมหลังจากตอบ จากนั้นก็กล่าวอย่างมั่นใจ "คุณสงสัยเธอหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก แม้นิสัยเธอจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่เธอก็เป็นคนจิตใจดี อีกอย่างเธอก็เชื่อฟังคุณปู่ตลอดเมื่ออยู่ต่อหน้า"พอฉันฟังจบ ฉันกลับรู้สึกโมโหอย่างควบคุมไม่ได้เป็นครั้งแรกคนจิตใจดี คงไม่พยายามมาตอแยแย่งผัวชาวบ้านหรอกแต่ว่าคงไม่มีใครไปปลุกฟู่จินอันที่แกล้งหลับหรอก ตรงจุดนี้ฉันเข้าใจดีขี้เกียจจะไปเถียงอะไรกับเขา ฉันหันไปหาผอ. "เสื้อผ้าตอนท่านปู่มาถึงโรงพยาบาลยังอยู่ไหมคะ? รบกวนช่วยดูให้ฉันทีว่ากระเป๋าเสื้อมียารึเปล่า""ได้ครับ"ผอ.รีบสั่งให้แพทย์ด้านหลังไปตรวจดูเสื้อผ้าผานไปอึดใจหมอก็เดินกลับม

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 93

    "แล้วฟู่จินอันล่ะ?"ฉันปัดมือเขาออกพร้อมกับสะอึกสะอื้นถามท่านปู่หมดสติตอนอยู่กับฟู่จินอัน ฟู่จินอันทำไมถึงไม่อยู่นี่?พอฉันถาม เสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นตรงทางเดิน ดูกระวนกระวายชัดเจน ฟู่จินอันวิ่งพรวดเข้ามา ทำท่าตกใจ "อาชวน ท่านปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันขอโทษ ตรงนั้นฉันเรียกรถไม่ได้เลย ฉันเลยมาช้า..."ฉันพูดขัดในทันที "ท่านปู่ทำไมถึงหมดสติ?"ฟู่จินอันเผยสีหน้าวิตกกังวลจากนั้นก็พูด "ฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ จู่ๆ ท่านปู่ก็หายใจหอบขึ้นมาแล้วก็หมดสติไป""จู่ๆ ก็เป็นแบบนี้เลยหรอ? เธอไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ทำอะไรเลยงั้นหรอ?" ฉันไม่เชื่อนางสองปีมานี้ ท่านปู่ดูแลสุขภาพตัวเองดีมาก ตรวจสุขภาพตรงตตามนัดขนาดตอนเขาลงมือทำร้ายฟู่ฉีชวนก็ยังไม่เป็นอะไรเลย ยิ่งไม่มีทางจะล้มป่วยอย่างไม่มีสาเหตุ"เธอหมายความว่าไง? หนานจือ หรือว่าเธอสงสัยว่าฉันทำให้ท่านปู่โมโหจนล้มป่วยงั้นเหรอ?"ฟู่จินอันสีหน้าสับสน ทันใดนั้นเธอก็กุมท้อง หันไปมองฟู่ฉีชวนอย่างเจ็บปวด "อาชวน ฉันเจ็บท้อง..."ฟู่ฉีชวนสีหน้าสงสัย "เจ็บท้อง?""อืม!"พอเห็นฟู่จินอันตอบกลับเขาอย่างมั่นใจ เขาก็รีบอุ้มนางขึ้นมาและรีบเดินออกไป "หมอครับ! เธอต

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 92

    ท่านปู่มองได้เฉียบขาด ฉันก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและพยักหน้า "ใช่ค่ะ"ท่านปู่ยกมือขึ้นมา เป็นสัญญาณบอกให้ลุงเฉิงอาของบางอย่างเข้ามา มันเป็นแฟ้มประวัติผู้ป่วยสีเหลืองฉันรับเอามาอ่านดู หัวใจก็เหมือนถูกมือล่องหนข้างหนึ่งบีบรัดเอาไว้ฟู่ฉีชวนตอนเด็กไปพบแพทย์โรคหัวใจหลายครั้ง...ฉันเงยหน้าขึ้นมองอย่างช้าๆ ราวกลับไม่เชื่อเรื่องนี้เขาผู้เป็นเหมือนลูกคนโปรด กลับกลายเป็นผู้ป่วยประจำของแผนกโรคหัวใจผ่านไปนานกว่าฉันจะขมวดความคิดของตนเองได้จนฉันเผลอกัดริมฝีปาก "เขา เข้าทำไมถึง..."พอลองคิดอีกด้าน ก็รู้สึกว่ามีเค้าลางเสียแม่มาตั้งแต่เกิด พ่อเขาเองทำให้ครอบครัววุ่นวายจนบ้านแตกเพราะผู้หญิงอื่นแค่คนเดียว อีกทั้งยังเอาแต่รักลูกต่างแม่เขาจะมีปัญหาสภาพจิตใจก็เป็นเรื่องปกติ"หลายปีมานี้ ปู่ก็เคยคิดว่าควรจะบอกเขาดีไหม"ท่านปู่ถอนหายใจ แววตาของคนผ่านโลกมานานก็ดูเฉียบคมขึ้นมาทันที "ทว่ายังไงก็ต้องมีสักวันที่เขาจะต้องรู้ ปิดบังเขาไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก"……ฉันออกมาจากบ้านตระกูลฟู่ด้วยอารมณ์ซับซ้อน บนถนนขณะกลับบ้าน ตาข้างขวาก็กระตุกไม่หยุดปกติฉันไม่เชื่อเรื่องโชคลางพวกนี้ ทว่าวันนี้ฉันรู้สึกอึดอั

DMCA.com Protection Status