"อะไรนะ?"ฉันรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะฟู่ฉีชวนทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ "ลู่สือเยี่ยน""คืนนั้นไม่ใช่เขาหรอกหรือที่ส่งคุณกลับมา? เขาเพิ่งกลับมา คุณก็รีบแจ้นไปหาเขาทันที" น้ำเสียงของเขาทั้งเยาะเย้ยทั้งเสียดสีตัวเองฉันขมวดคิ้วแน่น มองตรงเข้าไปในสายตาของเขาและพูดอย่างไม่เชื่อว่า "คุณกำลังบอกว่าฉันชอบลู่สือเยี่ยนงั้นเหรอ?""ไม่ใช่เหรอ?" เขาเหยียดยิ้มออกมา ทั้งเย็นชาและเย้ยหยันในสายตาฉัน มันช่างเป็นการดูถูกอย่างที่สุดความรู้สึกโกรธแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนพุ่งขึ้นมา ฉันยกมือขึ้นตบหน้าเขาเต็มแรง "ฟู่ฉีชวน คุณมันเลว!"แม้ฉันจะพยายามควบคุมตัวเอง แต่ใบหน้าก็ยังคงเปียกชื้นไปหมดร้องไปๆ ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้มันช่างน่าขำเหลือเกินฉันรักเขาอย่างหมดใจมาตลอดหลายปี สุดท้ายกลับได้รับเพียงคำพูดว่า คุณจะหย่ากับผมเพราะผู้ชายคนอื่นหรือ?มันช่างน่าผิดหวังเหลือเกินไม่รู้เจียงไหลมาถึงตั้งแต่เมื่อไร ด้านหลังเธอมาเฮ่อถิงตามมาด้วยเจียงไหลดึงฉันออกไปข้างนอก พร้อมกับมองเฮ่อถิงที่ยืนตกตะลึงแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า "ยืนเซ่ออะไรอยู่? มาช่วยขนของสิ คิดว่าฉันเรียกมาดูละครหรือไง?"เฮ่อถิงมองกระเป๋าเดินทาง จากนั้นก็มองฉ
เรายังไม่ได้หย่ากันจริงๆ เลย เธอรีบร้อนขนาดนี้เลยเหรอมูลค่าหุ้นสูงเกินไป จนเหมือนถ่านร้อนที่ฉันก็ไม่อยากเก็บไว้ในมือเพียงแต่แค่ไม่อยากให้ฟู่จินอันสมปรารถนาเร็วก็เท่านั้นฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย "เธอกำลังถามฉันในฐานะอะไร?"ฟู่จินอันหัวเราะเบาๆ อย่างถือตัว "หรือเธอคิดจะฮุบหุ้นไว้? นั่นเป็นของที่อาชวนให้ภรรยาของเขา ถ้าเธอหย่ากันแล้ว หุ้นก็ไม่ใช่ของเธออีกต่อไป!""เธอยังไม่ได้ไปหาหมออีกเหรอ?"ฉันถามด้วยท่าทางสงสัย "ต้องรักษาให้เร็วนะ ไม่งั้นถ้าปล่อยไว้จนยาเอาไม่อยู่ คงต้องส่งไปที่ศูนย์บำบัดแล้วล่ะ"เธอหรี่ตาลง "หรวนหร่วน เธอกำลังด่าว่าฉันบ้าหรือไง?!"ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอ จึงถามเสียงเรียบๆ "ได้รับใบลาออกของฉันแล้วใช่ไหม? เร่งอนุมัติให้หน่อยล่ะ""ต้องให้บอกด้วยเหรอ? ฉันส่งให้ฝ่ายบุคคลตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว" เธอคงอยากให้ฉันไสหัวออกตั้งแต่วันนี้แล้วฉันไม่ตอบอะไรอีก นั่งลงที่โต๊ะทำงานแล้วเริ่มจัดการงานที่ต้องส่งต่อฟู่ฉีชวนก็คงอยากให้ฉันออกไปเร็วๆ เหมือนกันเรื่องการลาออก น่าจะเสร็จภายในวันสองวันนี้แล้วฟู่จินอันเห็นว่าฉันไม่ยอมตอบโต้ก็เริ่มร้อนใจ "ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องคืนหุ้นมา อย่าหน้าด้านไปหน่อ
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉันก็รู้สึกได้ว่า นอกจากคุณปู่แล้ว ยังมีสายตาอีกคู่ที่จับจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่คำถามนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออกไม่อยากโกหกคุณปู่ แต่ถ้าพูดความจริง คุณปู่จะต้องไม่ยอมให้เราหย่ากันแน่นอนฉันลังเลอยู่นาน ยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณปู่ก็รู้ทันและพูดขึ้นว่า "เอาล่ะ ปู่รู้แล้ว ก็ถือว่าเห็นแก่ปู่หน่อยเถอะนะ ไอ้เด็กคนนี้น่ะ โตมาโดยไม่มีแม่อยู่ข้างกาย ถึงได้โตมามีนิสัยแบบนี้ อย่าไปถือสาเขาเลย"แล้วคุณปู่ก็ดึงหูของฟู่ฉีชวนพร้อมพูดว่า "ถ้าแกคิดว่าฉันตายยากยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของแกเกินไป ก็ทำให้ฉันโมโหตายไปซะเลยสิ พอฉันตายแล้ว แกอยากจะหย่าเมื่อไรก็ได้ ไม่มีใครมาขวางแกอีก""นี้ถึงกับต้องขู่กันด้วยชีวิตแล้วเหรอครับ?" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยรอยยิ้มแฝงความประชดประชัน"พูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง?!"คุณปู่โกรธจัด เตรียมจะตีเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฟู่ฉีชวนหลบได้ แล้วตอบแบบยอมจำนนว่า "ผมเข้าใจแล้วครับ ผมยังไงก็ได้ คุณปู่ลองถามเธอเถอะ"ท่าทางที่ดูไม่สนใจอะไรเลยนั้นอีกแล้วพูดจบ เขาก็ดูนาฬิกาข้อมือแล้วบอกว่า "ผมจะไปประชุมนะ"เขาออกไปอย่างง่ายดาย ปล่อยให้ฉันอยู่กับคุณปู่เพียงลำพังหลังจากผ่านไปสักพัก คุณปู
พอมองเวลา ก็ตีสองกว่าแล้วเขาไม่ใช่ว่าเลิกงานพร้อมกับฟู่จินอันหรอกหรือทำไมถึงไปดื่มเหล้ากับพวกเฮ่อถิงแล้วล่ะ ฟังจากเฮ่อถิง ฟู่จินอันเหมือนจะไม่ได้อยู่ด้วยพอโทรศัพท์ไปหา ก็ปิดเครื่องไปแล้ว น่าจะแบตหมดฉันทำได้แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากบ้าน โบกรถตรงไปจุดรวมตัวเก่าในวันปกติของพวกเขา คลับเฮาส์ส่วนตัวแห่งหนึ่งตอนไปถึง คนก็แยกย้ายกันเกือบหมดแล้วในห้องเหมาเหลือแค่เฮ่อถิงกับลู่สือเยี่ยนและยังมีฟู่ฉีชวนในชุดสูทสั่งตัด หลับขาไขว้กันอยู่บนโซฟาอีกคนหนึ่งพอเห็นฉัน เฮ่อถิงก็ทำหน้าจำใจ "พี่สะใภ้ พี่ชวนวันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เอาแต่ดึงสือเยี่ยนให้ดื่มเหล้าอยู่นั่นล่ะ ห้ามก็ไม่ฟัง""..."ฉันเหมือนเดาเหตุผลได้รางๆเขายังคงดื้อแพ่งเข้าใจว่า ระหว่างฉันกับลู่สือเยี่ยนมีอะไรกันสินะผู้ชายก็เป็นแบบนี้ ตัวเองจะทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามให้ภรรยามีความเป็นไปได้ที่จะสวมเขาแม้แต่น้อยต่อให้ความเป็นไปได้จุดนี้ จะมาจากความสงสัยที่ไม่มีมูลของเขาฉันมองอย่างขอโทษไปทางลู่สือเยี่ยนที่ดูสง่าอ่อนโยนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ "รุ่นพี่ พี่ยังไหวไหม ชั้นเอายาแก้แฮงค์มาด้วย จะกินหน่อยไหม?"เขาเหมือนถูกกรอกเหล้าลงไปไม่น้อย สายตาเลื่อนลอยไปแ
สิบกว่านาทีต่อมา รถจึงค่อยๆ แล้วเข้ามาในบ้าน"ถึงบ้านแล้ว ฟู่ฉีชวน" ฉันเปิดประตูพร้อมกับร้องเรียกคิดไม่ถึง ว่าผู้ชายที่เมาจนไม่เป็นผู้เป็นคน จะล้มตะแคงลงมาตามการเปิดประตูของฉันฉันขมวดคิ้ว ทำได้แค่กัดฟันประคองเขาไว้ "เธอออกแรงเองบ้างได้มั๊ย?"ไม่มีปฏิกิริยาทำได้แค่โทรศัพท์เรียกป้าหลิวที่กำลังหลับฝันหวาน ให้ออกมาช่วยประคองฟู่ฉีชวนกลับเข้าห้อง"นายหญิง จะให้ชั้นช่วยอะไรไหมคะ?" ป้าหลิวถาม"ไม่ต้องแล้ว คุณรีบไปนอนต่อเถอะ"ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เดิมทีก็รบกวนคนจนตื่นจากฝันแล้ว ไม่อยากจะรบกวนให้มากกว่านี้หลังจากป้าหลิวออกไป ฉันก็ต้องมาทนกับอาการอึดอัดที่ถูกกลิ่นแอลกอฮอล์รมจนแทบจะอาเจียน ก้มเอวลงถอดรองเท้าหนังกับปลดเข็มขัดให้ฟู่ฉีชวน จากนั้นจึงยืดตัวตรงเตรียมลงไปชั้นล่างพอหมุนตัวกลับรู้สึกว่ามือของตนเองจู่ๆ ถูกกุมเอาไว้เขาหลับตามงึมงำ "คุณภรรยา...""..."อันที่จริงฉันไม่คิดว่าเขากำลังเรียกฉันที่เป็นไปได้มากกว่า คือเขากับฟู่จินอันน่าจะพัฒนากันไปจนถึงขั้นเรียกสามีภรรยากันแล้วฉันยื่นมือไปเลิกหนังตาของเขา "ฟู่ฉีชวน เธอมองดีดีว่าชั้นเป็นใคร""คุณภรรยา..."เขาไม่ให้ความร่วมมือเลย ขณะที่พลิกตั
ทั้งที่คั่นด้วยเนื้อผ้าชั้นหนึ่งแท้ๆ แต่ผิวที่เอวกลับร้อนจนแทบลวกฉันเหมือนเหมือนถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้น ขยับตัวไม่ได้เลย ยังดีที่ความรู้สึกนึกคิดยังแจ่มชัดอยู่ "พวกเราพูดกันชัดเจนแล้ว ชั้นไม่ยอมแต่งงานไปเป็นคนที่สามที่คั่นกลางอยู่หรอก""ขอโทษ" หน้าผากชายหนุ่มดันแผ่นหลังของฉัน พูดเสียงอู้อี้ออกมาจะใจอ่อนไหมแน่นอนว่าใช่ใครบ้างที่ลบความรู้สึกหลายปีออกไปได้ง่ายๆ ในชั่วข้ามคืนฉันอยากจะโพล่งออกมาเหลือเกิน ว่าจะให้โอกาสเขาอีกสักครั้งแต่เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นช่วงนี้ ก็ร้องเอะอะขึ้นในสมองฉันตลอดเลือกเขา หรือว่าจะเลือกตัวเองฉันพ่นลมออกมา "ฟู่ฉีชวน เธอรู้อยู่แล้วว่ามันผิด แต่ต่อมาก็ยังทำผิดอีก สิ่งนี้มันไม่มีความหมายอะไรเลย"ครั้งนี้ ฉันเลือกตัวเองเลือกเขามาแล้วถึงเจ็ดปี เพียงพอแล้วฟู่ฉีชวนนิ่งงันไปนาน ไม่พูดอะไร"ปล่อยมือเถอะ พวกเราเดินมาได้เท่านี้แหละ" ฉันในอดีตไม่อาจจินตนาการได้เลย ว่าจะมีวันที่ฉันจะพูดเย็นชาแบบนี้กับฟู่ฉีชวนชอบเขาข้างเดียวคืออะไร มันคือการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของตนเองครั้งหนึ่งแค่สายตาเดียวของอีกฝ่าย หรือแค่คล้องนิ้วกัน ก็แจ้นออกไปอย่างดีอกดีใจแล้วมีความสุขสนุกสน
บ้านหลังนี้ หลังจากเขาส่งมาถึงมือแันไม่กี่วัน ก็เริ่มตกแต่งแล้วเพื่อจะตกแต่งมัน ฉันลงแรงอย่างหนักเลยทีเดียวเขาไม่เคยถามถึงมาก่อนต่อให้ฉันกลับบ้านค่ำแค่ไหน อย่างมากสุดเขาก็แค่พูดออกมาตามมารยาทคำสองคำ อย่างกลับมาค่ำจัง หรือไม่ก็ดูท่างานออกแบบจะวุ่นมากไม่เคยมีสองคำนี้ ว่าฉันไปไหน ไปทำอะไรมาไม่อยู่ในขอบเขตที่เขาจำเป็นต้องมากังวลพอมาถึงขั้นที่ต้องหย่าร้าง ฉันเองก็ไม่คิดจะทนต่อไปอีก "น่าจะเป็นตอนที่เธอไปอยู่กับฟู่จินอันนั่นล่ะ"แล้วก็ตามคาด มองเห็นอาการแข็งทื่อบนหน้าเขาในใจฉันสบายขึ้นเยอะเลย"ชั้นกับหล่อนช่วงนี้ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว""ไม่จำเป็นต้องมาอธิบายกับชั้น"ตอนนี้ไม่จำเป็นอีกแล้ว ฉันพูดต่อว่า "ขอแค่เธอเต็มใจ รอให้เรื่องหย่าจัดการเสร็จก่อน จะแต่งหล่อนเข้าบ้านตอนไหนก็เชิญ""หร่วนหนานจือ ตอนนี้ทำไมเธอต้องพูดจาเหน็บแนมขนาดนี้?" เขาขมวดคิ้วแน่น เหมือนรู้สึกจำใจหน่อยๆ"แล้วชั้นควรต้องพูดว่าอะไรล่ะ?""ไม่ว่าจะหย่าหรือไม่หย่า หล่อนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับความสัมพันธ์ของพวกเรา""หลอกตัวเองแล้วยังหลอกคนอื่นอีก"ฉันทิ้งคำนี้ออกมา เดินไปโถงหน้าเปลี่ยนรองเท้าลงจากตึกโชเฟอร์รออยู่ในรถมาตลอด
ก่อนหน้านี้มองไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นพวกเอาคืนกับเรื่องเล็กๆ แค่นี้ฉันทำได้แค่กัดฟันเดินตามหลังเขาไป คิดไม่ถึงว่า ฉันยังไม่ทันอธิบาย คุณปู่ฟู่ก็ยิ้มแป้นแล้น เอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่นว่า"ได้ยินป้าหลิวบอกว่า หนานจือย้ายออกไปแล้วหรือ?""ใช่ค่ะ คุณปู่"ฉันทำได้แค่ยอมรับ ถ้าหากคุณปู่โกรธขึ้นมาค่อยหาวิธีปลอบเขาคุณปู่กลับไม่โมโหฉัน แต่ไปถลึงตาใส่ฟู่ฉีชวนแทน "เจ้าคนไม่ได้เรื่อง แค่ภรรยาของตัวเองก็ยังปกป้องไว้ไม่ได้!""คุณปู่ พูดกันด้วยเหตุผลหน่อย เป็นเธอที่ย้ายออกไปเอง แล้วผมจะทำอะไรได้?""หล่อนหนีไป แกก็ไม่รู้จักไล่ตามหรือ?"คุณปู่เตือนขึ้นอย่างหวังดี "แกนี่นะ ได้พ่อแกมาเต็มๆ เลย คานบนไม่ตรงอย่างไรคานล่างมันก็เอียงอย่างนั้น""แล้วปู่ไม่ใช่คานบนของพ่อผมหรือ?" ฟู่ฉีชวนหัวเราะขึ้นมา"ไอ้เด็กเวร!"ปู่คว้าถ้วยชาทำท่าจะเขวี้ยง แต่ก็วางลง ตั้งท่าจะพูดแต่ก็ยั้งไว้นาน สุดท้ายจึงพูดแค่ "หิวแล้ว กินข้าวเถอะ"ข้าวมือนี้กินกันอย่างสนุกสนานคุณปู่คีบกับข้าวให้ฉันบ่อยมาก ชามข้าวตรงหน้าฉันแทบจะกองขึ้นเป็นภูเขาย่อมๆ แล้ว"กินเยอะๆ หน่อย ดูหลานสิ ช่วงนี้ผอมเกินไปแล้ว กินเยอะๆ ให้มีน้ำมีนวลหน่อย""ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณปู
สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ
ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ
"คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส
"ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด
"แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั
เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนั้น อันตรายยิ่งกว่าฟู่จินอันที่เคยเจอเสียอีกฉันไม่อยากสร้างปัญหา[ทำไมคุณไม่ไปตรวจ DNA ด้วยล่ะ][หร่วนหนานจือ ตอบฉันหน่อย][หนีอีกแล้วเหรอ?]……บรรยากาศในห้องยังคงดูผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่โทรศัพท์ของฉันยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความไม่หยุดฉันขมวดคิ้ว เปลี่ยนการตั้งค่าแชทของโจวฟางเป็นห้ามรบกวนแม้เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าฉันคือตัวจริงอยู่ดี“คุณหร่วน คุณเพิ่งหย่า แต่โทรศัพท์ของคุณกลับไม่หยุดสั่น”แม่เสิ่นสังเกตเห็นการกระทำของฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน "มูฟออนได้เร็วจริง ๆ เลยนะ"โจวฟางส่งเสียงเฮอะออกมา และกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาในทันทีฉันไม่อยากยุ่งกับเขาในตอนนี้ ฉันจึงชิงพูดก่อน "โดยทั่วไปแล้ว ฉันไม่สามารถเทียบกับความเร็วของเสิ่นซิงหยูได้ พอฉันเพิ่งหย่าเสร็จ เธอก็หมั้นหมายกับอดีตสามีของฉันไปแล้ว"“…เธอ!”แม่เสิ่นจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเธอจงใจจงใจทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนจำนวนมากการใช้คำพูดทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด มีใครบ้างที่ทำไม่ได้?คุณย่าโจวสังเกตเห็นบางอย่างและขมวดคิ้ว "หนานจือ งั้นอดีตสามีของเ
แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยความคิดนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปในทิศทางที่พวกเขาอยู่ หลังจากที่เสิ่นชิงหลี่กระโจนเข้าหาเขา เขาก็ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนไม่สบายใจและกลัวที่จะทำให้เสิ่นชิงหลี่เศร้าเขาจับแขนของเธอแล้วดึงออก เสียงของเขากลับเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไร "วิ่งช้าๆ หน่อย""แต่ฉันคิดถึงคุณนะ"เสิ่นชิงหลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆ ใบหน้าซีดขาวและท่าทางเหมือนกระต่ายตัวน้อย "เมื่อวานคุณออกไปแต่เช้า และฉันไม่ได้เจอคุณมาเกือบยี่สิบชั่วโมงแล้ว"นับกระทั่งชั่วโมงฉันรวบรวมความคิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และเห็นสายตาของโจวฟางจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าฉันสงบและไม่มีอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยเขาปล่อยมือของเสิ่นชิงหลี่ แล้วยิ้มกวนๆ ทักทายกับคุณยายทั้งสองก่อน จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉันอย่างขี้เกียจคุณย่าโจวมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและพูด “ไอ้เด็กเวร ดูแลชิงหลี่ให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ เธอเพิ่งกลับมา...”"โอ้ย เธอกำลังพูดอะไรอยู่? ชิงหลี่อยู่ที่บ้านของเธอเอง เธอยังต้องการให้อาฟางดูแลเธออีกเหรอ?"คุณย่าเสิ่นยิ้มตอบ
ฉันปลอบใจว่า "อาจจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้อาย? ในอนาคตยังมีเวลาอีกเยอะ ถ้าได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น คงจะดีขึ้นเอง""แต่ฉันรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ"หญิงชรารู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เด็กสาวคนนั้น ตอนเด็กๆ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรกลายเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้…”ขณะที่ฉันกำลังจะพูด หญิงชราถอนหายใจและพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ดี เธอยังอยู่เมืองจิ่งเฉิงอยู่ไหม?"ฉันตอบตามตรง “อืม ฉันยังอยู่ค่ะ”“ดีมากเลย! ฉันจะส่งคนขับรถไปรับเธอ”หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม "คืนนี้ฉันกำลังวางแผนจัดงานเลี้ยงต้อนรับชิงหลี่ และฉันต้องการให้เธอมา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ฉันกับย่าโจวสวมเสื้อผ้าที่เธอออกแบบให้เราสำหรับช่วงตรุษจีน และหลายคนถามว่าสั่งจากที่ไหน ฉันจะใช้โอกาสนี้แนะนำเธอ สัญญาว่าเธอจะไม่ขาดลูกค้าไปทั้งปี!!"".....ดีจังค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า"ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตกลงทำข้อตกลงทางธุรกิจตั้งแต่ที่เลือกทำงานออกแบบชุดที่สั่งทำพิเศษแบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดต่อกับคุณหญิงคุณนายจากตระกูลใหญ่ แม้ตอนนี