แชร์

บทที่ 17

ผู้เขียน: เล่อเอิน
สิบกว่านาทีต่อมา รถจึงค่อยๆ แล้วเข้ามาในบ้าน

"ถึงบ้านแล้ว ฟู่ฉีชวน" ฉันเปิดประตูพร้อมกับร้องเรียก

คิดไม่ถึง ว่าผู้ชายที่เมาจนไม่เป็นผู้เป็นคน จะล้มตะแคงลงมาตามการเปิดประตูของฉัน

ฉันขมวดคิ้ว ทำได้แค่กัดฟันประคองเขาไว้ "เธอออกแรงเองบ้างได้มั๊ย?"

ไม่มีปฏิกิริยา

ทำได้แค่โทรศัพท์เรียกป้าหลิวที่กำลังหลับฝันหวาน ให้ออกมาช่วยประคองฟู่ฉีชวนกลับเข้าห้อง

"นายหญิง จะให้ชั้นช่วยอะไรไหมคะ?" ป้าหลิวถาม

"ไม่ต้องแล้ว คุณรีบไปนอนต่อเถอะ"

ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เดิมทีก็รบกวนคนจนตื่นจากฝันแล้ว ไม่อยากจะรบกวนให้มากกว่านี้

หลังจากป้าหลิวออกไป ฉันก็ต้องมาทนกับอาการอึดอัดที่ถูกกลิ่นแอลกอฮอล์รมจนแทบจะอาเจียน ก้มเอวลงถอดรองเท้าหนังกับปลดเข็มขัดให้ฟู่ฉีชวน จากนั้นจึงยืดตัวตรงเตรียมลงไปชั้นล่าง

พอหมุนตัวกลับรู้สึกว่ามือของตนเองจู่ๆ ถูกกุมเอาไว้

เขาหลับตามงึมงำ "คุณภรรยา..."

"..."

อันที่จริงฉันไม่คิดว่าเขากำลังเรียกฉัน

ที่เป็นไปได้มากกว่า คือเขากับฟู่จินอันน่าจะพัฒนากันไปจนถึงขั้นเรียกสามีภรรยากันแล้ว

ฉันยื่นมือไปเลิกหนังตาของเขา "ฟู่ฉีชวน เธอมองดีดีว่าชั้นเป็นใคร"

"คุณภรรยา..."

เขาไม่ให้ความร่วมมือเลย ขณะที่พลิกตั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 18

    ทั้งที่คั่นด้วยเนื้อผ้าชั้นหนึ่งแท้ๆ แต่ผิวที่เอวกลับร้อนจนแทบลวกฉันเหมือนเหมือนถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้น ขยับตัวไม่ได้เลย ยังดีที่ความรู้สึกนึกคิดยังแจ่มชัดอยู่ "พวกเราพูดกันชัดเจนแล้ว ชั้นไม่ยอมแต่งงานไปเป็นคนที่สามที่คั่นกลางอยู่หรอก""ขอโทษ" หน้าผากชายหนุ่มดันแผ่นหลังของฉัน พูดเสียงอู้อี้ออกมาจะใจอ่อนไหมแน่นอนว่าใช่ใครบ้างที่ลบความรู้สึกหลายปีออกไปได้ง่ายๆ ในชั่วข้ามคืนฉันอยากจะโพล่งออกมาเหลือเกิน ว่าจะให้โอกาสเขาอีกสักครั้งแต่เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นช่วงนี้ ก็ร้องเอะอะขึ้นในสมองฉันตลอดเลือกเขา หรือว่าจะเลือกตัวเองฉันพ่นลมออกมา "ฟู่ฉีชวน เธอรู้อยู่แล้วว่ามันผิด แต่ต่อมาก็ยังทำผิดอีก สิ่งนี้มันไม่มีความหมายอะไรเลย"ครั้งนี้ ฉันเลือกตัวเองเลือกเขามาแล้วถึงเจ็ดปี เพียงพอแล้วฟู่ฉีชวนนิ่งงันไปนาน ไม่พูดอะไร"ปล่อยมือเถอะ พวกเราเดินมาได้เท่านี้แหละ" ฉันในอดีตไม่อาจจินตนาการได้เลย ว่าจะมีวันที่ฉันจะพูดเย็นชาแบบนี้กับฟู่ฉีชวนชอบเขาข้างเดียวคืออะไร มันคือการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของตนเองครั้งหนึ่งแค่สายตาเดียวของอีกฝ่าย หรือแค่คล้องนิ้วกัน ก็แจ้นออกไปอย่างดีอกดีใจแล้วมีความสุขสนุกสน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 19

    บ้านหลังนี้ หลังจากเขาส่งมาถึงมือแันไม่กี่วัน ก็เริ่มตกแต่งแล้วเพื่อจะตกแต่งมัน ฉันลงแรงอย่างหนักเลยทีเดียวเขาไม่เคยถามถึงมาก่อนต่อให้ฉันกลับบ้านค่ำแค่ไหน อย่างมากสุดเขาก็แค่พูดออกมาตามมารยาทคำสองคำ อย่างกลับมาค่ำจัง หรือไม่ก็ดูท่างานออกแบบจะวุ่นมากไม่เคยมีสองคำนี้ ว่าฉันไปไหน ไปทำอะไรมาไม่อยู่ในขอบเขตที่เขาจำเป็นต้องมากังวลพอมาถึงขั้นที่ต้องหย่าร้าง ฉันเองก็ไม่คิดจะทนต่อไปอีก "น่าจะเป็นตอนที่เธอไปอยู่กับฟู่จินอันนั่นล่ะ"แล้วก็ตามคาด มองเห็นอาการแข็งทื่อบนหน้าเขาในใจฉันสบายขึ้นเยอะเลย"ชั้นกับหล่อนช่วงนี้ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว""ไม่จำเป็นต้องมาอธิบายกับชั้น"ตอนนี้ไม่จำเป็นอีกแล้ว ฉันพูดต่อว่า "ขอแค่เธอเต็มใจ รอให้เรื่องหย่าจัดการเสร็จก่อน จะแต่งหล่อนเข้าบ้านตอนไหนก็เชิญ""หร่วนหนานจือ ตอนนี้ทำไมเธอต้องพูดจาเหน็บแนมขนาดนี้?" เขาขมวดคิ้วแน่น เหมือนรู้สึกจำใจหน่อยๆ"แล้วชั้นควรต้องพูดว่าอะไรล่ะ?""ไม่ว่าจะหย่าหรือไม่หย่า หล่อนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับความสัมพันธ์ของพวกเรา""หลอกตัวเองแล้วยังหลอกคนอื่นอีก"ฉันทิ้งคำนี้ออกมา เดินไปโถงหน้าเปลี่ยนรองเท้าลงจากตึกโชเฟอร์รออยู่ในรถมาตลอด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 20

    ก่อนหน้านี้มองไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นพวกเอาคืนกับเรื่องเล็กๆ แค่นี้ฉันทำได้แค่กัดฟันเดินตามหลังเขาไป คิดไม่ถึงว่า ฉันยังไม่ทันอธิบาย คุณปู่ฟู่ก็ยิ้มแป้นแล้น เอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่นว่า"ได้ยินป้าหลิวบอกว่า หนานจือย้ายออกไปแล้วหรือ?""ใช่ค่ะ คุณปู่"ฉันทำได้แค่ยอมรับ ถ้าหากคุณปู่โกรธขึ้นมาค่อยหาวิธีปลอบเขาคุณปู่กลับไม่โมโหฉัน แต่ไปถลึงตาใส่ฟู่ฉีชวนแทน "เจ้าคนไม่ได้เรื่อง แค่ภรรยาของตัวเองก็ยังปกป้องไว้ไม่ได้!""คุณปู่ พูดกันด้วยเหตุผลหน่อย เป็นเธอที่ย้ายออกไปเอง แล้วผมจะทำอะไรได้?""หล่อนหนีไป แกก็ไม่รู้จักไล่ตามหรือ?"คุณปู่เตือนขึ้นอย่างหวังดี "แกนี่นะ ได้พ่อแกมาเต็มๆ เลย คานบนไม่ตรงอย่างไรคานล่างมันก็เอียงอย่างนั้น""แล้วปู่ไม่ใช่คานบนของพ่อผมหรือ?" ฟู่ฉีชวนหัวเราะขึ้นมา"ไอ้เด็กเวร!"ปู่คว้าถ้วยชาทำท่าจะเขวี้ยง แต่ก็วางลง ตั้งท่าจะพูดแต่ก็ยั้งไว้นาน สุดท้ายจึงพูดแค่ "หิวแล้ว กินข้าวเถอะ"ข้าวมือนี้กินกันอย่างสนุกสนานคุณปู่คีบกับข้าวให้ฉันบ่อยมาก ชามข้าวตรงหน้าฉันแทบจะกองขึ้นเป็นภูเขาย่อมๆ แล้ว"กินเยอะๆ หน่อย ดูหลานสิ ช่วงนี้ผอมเกินไปแล้ว กินเยอะๆ ให้มีน้ำมีนวลหน่อย""ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณปู

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 21

    "วางใจเถอะคุณปู่"ฉันคีบเต้าหู้หมักชิ้นหนึ่งให้คุณปู่ เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน "เขารังแกหนูไม่ได้หรอก"ถึงอย่างไร ก็จะหย่ากันอยู่แล้วนี่กินข้าวเสร็จ ฟู่ฉีชวนก็ลงไปเล่นหมากล้อมกับคุณปู่ที่เรือนหลังฉันคอยชงชาให้อยู่ข้างๆฟู่ฉีชวนฝีมือวางหมากซับซ้อนมหัศจรรย์มาก รีบไล่รีบปิดฉาก กินไปอีกกระดาน คุณปู่โมโหถลึงตาใส่เขา "แกคิดว่าเล่นกับคนนอกอยู่หรือไง ไม่คิดจะเหลือทางไว้ให้ปู่บ้าง?""ก็ได้"ฟู่ฉีชวนหัวเราะ หลังจากนั้นก็ต่อให้จริงๆ คุณปู่ก็ดูดีอกดีใจ หัวเราะอย่างเบิกบาน ชี้แนะมาคำหนึ่ง "เด็กอย่างแกนี่นะจงจำเอาไว้ คนในครอบครัวกับคนนอกนั้นแตกต่างกัน"ฉันยื่นถ้วยชาส่งออกไป "คุณปู่คะ ดื่มชาหน่อย""อืม"คุณปู่ขานรับคำหนึ่ง รับไปจิบๆ เอ่ยขึ้นอย่างปลื้มอกปลื้มใจ "ถ้าพวกแกปรองดองกันได้ตลอด วันที่ชั้นจะได้อุ้มเหลนก็คงอยู่ไม่ไกลแล้ว!""..."ใจฉันสั่นเล็กน้อย ยื่นมือมากุมท้องตัวเองด้วยสัญชาตญาณพอเห็นใบหน้าคุณปูที่แก่ตัวลงทุกวัน ก็เกิดความรู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมาหน่อยๆถ้าหาก ระหว่างฉันกับฟู่ฉีชวนไม่มีเส้นแบ่งเหล่านั้น ไม่มีปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้นฉันตอนนี้ก็คงบอกคุณปู่ได้ ว่าฉันตั้งท้องแล้ว คุณปู่ใกล้จะได้อุ้มเห

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 22

    หมายความว่าอะไร?สงสัยว่าฉันยังไม่ทันหย่าก็จะสวมเขาให้เขาแล้วอย่างนั้นหรือ?เขาเป็นคนแบบนี้จริงๆฉันขี้เกียจจะอธิบาย เอ่ยขึ้นอย่างเป็นปกติ "เพื่อนสนิท""เพื่อนคนไหน?""ฟู่ฉีชวน"ฉันยิ้มขึ้นมา เอ่ยขึ้นเสียงอ่อนโยน "คนตายเขาไม่ถามนั่นถามนี่หรอกนะ"ในเมื่อเขายอมจะเป็นแฟนเก่าที่ตายไปแล้ว เช่นนั้นทำตัวให้เหมือนตายหน่อยฟู่ฉีชวนเกือบจะโมโหออกมา ปลายลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หัวเราะเย็นชาออกมา "ได้"พอมาถึงสุสาน หลังจากลงรถ ฉันก็เดินตรงไปยังบันไดขึ้นเขาพอเห็นเขาไม่ตามมา แันจึงต้องหันกลับไปรอเขาพอหมุนตัว เห็นเขาหิ้วตะกร้าที่ไม่รู้ไปเตรียมมาตอนไหน ดอกเบญจมาศเหลือบกับขาวอยู่ด้านใน จึงอดตะลึงขึ้นมาไม่ได้ฉันเม้มปาก "ขอบคุณ""ขอบคุณอะไร? เดิมทีนี่ก็เป็นสิ่งที่ชั้นควรทำอยู่แล้ว" เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบรอจนเขาเดินตามขึ้นมา พวกเราจึงเดินเคียงไหลไปยังหลุมศพของพ่อแม่ฉันเช่นนี้ก็ดี แม้จะเป็นความรักใคร่ที่ปรากฏอยู่ในใจ แต่พ่อกับแม่ในปรโลกถ้ารู้เข้า ก็น่าจะวางใจได้ระดับหนึ่งกระมังสุสานมีคนมาคอยดูแลให้ตลอดทั้งปี ป้ายสุสานมีฝุ่นอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นพูดขึ้นมา พ่อแม่ของฉันจากไปตั้งหลายปีแล้ว อันที่จริงฉันก็ไ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 23

    ไม่เช่นนั้น เครือตระกูลฟู่คงไม่ส่งต่อถึงมือฟู่ฉีชวนทันทีหรอก"แล้วเธอล่ะ มีชีวิตที่ดีไหม?" ฉันเงยหน้า มองดูเส้นกรามคมของเขา ถามขึ้นแช่มช้า"ก็สามปีนี้ที่แต่งงานกับเธอมา"เขายังคงฉีกยิ้ม ทอดถอนใจออกมาเสียหงนึ่ง "มีชีวิตที่ดีมาก"คำตอบนี้ ทำเอาฉันยิ่งอยากจะร้องไห้น่าจะเป็นความเสียดายกระมังเห็นๆ อยู่ ถ้าหากไม่มีเรื่องพวกนั้น พวกเขาก็สามารถครองรักกันจนแก่เฒ่าได้……ระหว่างทางกลับ ฉันกับเขาต่างฝ่ายต่างรู้ในใจ ไม่พูดอะไรกันอีกคำบางคำพูดมากไปก็ไร้ความหมายเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนฉันเองก็อยู่อย่างมีไมตรีสุขไม่ได้เหมือนกันปล่อยวางไวหน่อย ถือโอกาสขณะที่ในสายตาของต่างฝ่ายต่างยังไม่ถึงขั้นที่เกลียดชังกันฤดูใบไม้ร่วงช่วงกลางวันสั้นกลางคืนยาว มองผ่านกระจกรถ เงาของเขาถูกแสงตะวันยามเย็นฉาบจนเป็นประกายทองชั้นหนึ่ง"ชั้นจะส่งเธอขึ้นไป"ตอนมาถึงหลินเจียงการ์เด้น ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไร เขาก็เอ่ยขึ้นมาก่อนฉันยังไม่ทันปฏิเสธ ทั้งสองคนก็ขึ้นไปข้างบนด้วยกัน ตอนยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ฉันเม้มปาก "ชั้นมาถึงแล้ว เธอกลับไปเถอะ""ได้"ฟู่ฉีชวนพยักหน้าเล็กน้อย แต่เท้ากลับไม่ขยับฉันไม่สนใจเข

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 24

    ลู่สือเยี่ยนไม่รู้ว่าฟังออกถึงความนัยหรือเปล่า ยังคงไม่คิดเล็กคิดน้อย แค่ยิ้มกลับอย่างอบอุ่น "เรื่องเล็ก รีบล้างมือเถอะ เตรียมกินกันได้แล้ว"ลู่สือเยี่ยนฝีมือทำครัวดีมาก อาหารเต็มโต๊ะส่งกลิ่นหอมกรุ่น ทำเอาน้ำลายสอไปหมดแล้วเฮ่อถิงกับเจียงไหลล้วนชมไม่ขาดปากฉันเองก็ยังอดชมขึ้นมาไม่ได้ "รุ่นพี่ หน้าตาอาหารของพี่นี่ดูดีจริงๆ !""รีบกินเถอะ ลองดูว่าถูกปากพวกเธอไหม"ลู่สือเยี่ยนยกสองจานสุดท้ายออกจากครัว วางกุ้งรสเผ็ดจานหนึ่งลงตรงหน้าฉัน ยิ้มอย่างอบอุ่น "เจ้านี่เธอน่าจะชอบกิน"ฉันเองก็รู้สึกเกินคาดนอกจากเจียงไหล คนทั้งหมดล้วนคิดว่าฉันชอบรสชาติแบบเดียวกับฟู่ฉีชวน รสจืดแต่ว่า ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไร ฟู่ฉีชวนก็พูดเสียงเย็นขึ้นมา "หล่อนไม่กินเผ็ดนะ พวกนายแม้ว่าตอนเรียนจะสนิทกัน แต่รสชาติของหล่อนเหมือนนายจะยังไม่ค่อยเข้าใจ...""ประธานฟู่"เจียงไหลไม่พอใจแทนฉัน แต่ใบหน้ากลับกระหยิ่มยิ้มย่อง พูดน้ำเสียงหยอกขึ้นมา "แต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว หัวใจของนายเอาใครไปใส่ไว้กันแน่หา? หรวนหร่วนชอบกินเผ็ดมากที่สุดเลยต่างหาก ถ้าไม่เผ็ดนี่คือเกลียดเลย!"ใจฉันฝาดขึ้นมาทันทีจริงสิใจของเขาวางใครใส่ไว้กันนะแต่ไหนแต

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 25

    ทั้งสองคนยังเตรียมของขวัญย้ายมามาให้กันอีกด้วยลู่สือเยี่ยนเองก็หยิบกล่องของขวัญที่ดูประณีตใบหนึ่งยื่นให้ฉัน "หวังว่าเธอจะชอบนะ""ขอบคุณค่ะรุ่นพี่"ฉันยิ้มขอบคุณพอเห็นว่าในกล่องเป็นชุดที่ดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ชุดหนึ่ง ก็เลยรู้สึกประหลาดใจ มองไปทางเขา "พี่ออกแบบเองหรือ?""อืม แค่ตัวนี้ตัวเดียวด้วยนะ" ลู่สือเยี่ยนยิ้มตอบ"รุ่นพี่ลู่ดูตั้งใจจริงๆ!"เจียงไหลชมเสร็จ ก็จงใจทำให้ฟู่ฉีชวนลำบากใจ "ประธานฟู่ ในเมื่อมาร่วมงานขึ้นบ้านแล้ว ก็น่าจะติดของขวัญอะไรมาบ้างสิ?"เดิมทีฉันคิดจะตัดบท แต่ก็ถูกเจียงไหลขวางเอาไว้ขนาดก่อนที่ฉันจะเข้าบ้านมา ยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาเตรียมงานขึ้นบ้านใหม่ให้ฉัน ฟู่ฉีชวนจะเตรียมของขวัญให้ล่วงหน้าได้อย่างไรกันดวงตาดำขลับทั้งคู่ของฟู่ฉีชวนจ้องมองฉัน ยื่นมือล้วงกล่องกำมะหยี่สี่เหลี่ยมใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสูท วางไว้ตรงหน้าฉันเขาซ่อนคลื่นผันผวนใต้ตาลงไป มุมปากยกขึ้นเป็นวงอย่างชัดเจน "เดิมทียังหาโอกาสให้เธอไม่ได้เลย ดูท่าตอนนี้ได้จังหวะพอดี""คืออะไรหรือ?"เจียงไหลพุ่งเข้ามาอย่างอยากรู้อยากเห็นฉันเปิดออกดู ก็มองฟู่ฉีชวนอย่างประหลาดใจ "เธอประมูลมาหรือ?"เป็นต่างหูอัญมณีสี

บทล่าสุด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 340

    สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 339

    ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 338

    "คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 337

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 336

    "ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 335

    "แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 334

    เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนั้น อันตรายยิ่งกว่าฟู่จินอันที่เคยเจอเสียอีกฉันไม่อยากสร้างปัญหา[ทำไมคุณไม่ไปตรวจ DNA ด้วยล่ะ][หร่วนหนานจือ ตอบฉันหน่อย][หนีอีกแล้วเหรอ?]……บรรยากาศในห้องยังคงดูผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่โทรศัพท์ของฉันยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความไม่หยุดฉันขมวดคิ้ว เปลี่ยนการตั้งค่าแชทของโจวฟางเป็นห้ามรบกวนแม้เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าฉันคือตัวจริงอยู่ดี“คุณหร่วน คุณเพิ่งหย่า แต่โทรศัพท์ของคุณกลับไม่หยุดสั่น”แม่เสิ่นสังเกตเห็นการกระทำของฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน "มูฟออนได้เร็วจริง ๆ เลยนะ"โจวฟางส่งเสียงเฮอะออกมา และกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาในทันทีฉันไม่อยากยุ่งกับเขาในตอนนี้ ฉันจึงชิงพูดก่อน "โดยทั่วไปแล้ว ฉันไม่สามารถเทียบกับความเร็วของเสิ่นซิงหยูได้ พอฉันเพิ่งหย่าเสร็จ เธอก็หมั้นหมายกับอดีตสามีของฉันไปแล้ว"“…เธอ!”แม่เสิ่นจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเธอจงใจจงใจทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนจำนวนมากการใช้คำพูดทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด มีใครบ้างที่ทำไม่ได้?คุณย่าโจวสังเกตเห็นบางอย่างและขมวดคิ้ว "หนานจือ งั้นอดีตสามีของเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 333

    แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยความคิดนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปในทิศทางที่พวกเขาอยู่ หลังจากที่เสิ่นชิงหลี่กระโจนเข้าหาเขา เขาก็ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนไม่สบายใจและกลัวที่จะทำให้เสิ่นชิงหลี่เศร้าเขาจับแขนของเธอแล้วดึงออก เสียงของเขากลับเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไร "วิ่งช้าๆ หน่อย""แต่ฉันคิดถึงคุณนะ"เสิ่นชิงหลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆ ใบหน้าซีดขาวและท่าทางเหมือนกระต่ายตัวน้อย "เมื่อวานคุณออกไปแต่เช้า และฉันไม่ได้เจอคุณมาเกือบยี่สิบชั่วโมงแล้ว"นับกระทั่งชั่วโมงฉันรวบรวมความคิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และเห็นสายตาของโจวฟางจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าฉันสงบและไม่มีอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยเขาปล่อยมือของเสิ่นชิงหลี่ แล้วยิ้มกวนๆ ทักทายกับคุณยายทั้งสองก่อน จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉันอย่างขี้เกียจคุณย่าโจวมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและพูด “ไอ้เด็กเวร ดูแลชิงหลี่ให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ เธอเพิ่งกลับมา...”"โอ้ย เธอกำลังพูดอะไรอยู่? ชิงหลี่อยู่ที่บ้านของเธอเอง เธอยังต้องการให้อาฟางดูแลเธออีกเหรอ?"คุณย่าเสิ่นยิ้มตอบ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 332

    ฉันปลอบใจว่า "อาจจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้อาย? ในอนาคตยังมีเวลาอีกเยอะ ถ้าได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น คงจะดีขึ้นเอง""แต่ฉันรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ"หญิงชรารู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เด็กสาวคนนั้น ตอนเด็กๆ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรกลายเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้…”ขณะที่ฉันกำลังจะพูด หญิงชราถอนหายใจและพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ดี เธอยังอยู่เมืองจิ่งเฉิงอยู่ไหม?"ฉันตอบตามตรง “อืม ฉันยังอยู่ค่ะ”“ดีมากเลย! ฉันจะส่งคนขับรถไปรับเธอ”หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม "คืนนี้ฉันกำลังวางแผนจัดงานเลี้ยงต้อนรับชิงหลี่ และฉันต้องการให้เธอมา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ฉันกับย่าโจวสวมเสื้อผ้าที่เธอออกแบบให้เราสำหรับช่วงตรุษจีน และหลายคนถามว่าสั่งจากที่ไหน ฉันจะใช้โอกาสนี้แนะนำเธอ สัญญาว่าเธอจะไม่ขาดลูกค้าไปทั้งปี!!"".....ดีจังค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า"ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตกลงทำข้อตกลงทางธุรกิจตั้งแต่ที่เลือกทำงานออกแบบชุดที่สั่งทำพิเศษแบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดต่อกับคุณหญิงคุณนายจากตระกูลใหญ่ แม้ตอนนี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status