Share

บทที่ 9

ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรง

รู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูก

ฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครา

มองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว

"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"

ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"

พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้าน

ฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"

ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ"

"คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา

"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว

"ใจแคบจริง"

ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหาร

ราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอ

ฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจ

ถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกิน

ในเมื่อเธอหน้าไม่อาย แล้วฉันจะกลัวอะไร

ฉันเลยนั่งลงและเริ่มกินข้าว

ฟู่จินอันพูดเบาๆ "รสชาติดีใช่ไหม?"

ฉันยิ้มและตอบว่า "เขาทำอาหารได้อร่อยมาก เวลาอยู่บ้านเขาก็ทำเองตลอด"

แน่นอนว่าคำพูดนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด

แค่ต้องการใช้วิธีตื้นๆ แบบนี้ประกาศสิทธิ์ของตัวเอง

"..."

ฟู่จินอันเหล่มองฟู่ฉีชวนน้อยๆ "ดูไม่ออกเลยนะ ว่านายดีกับคนอื่นแบบนี้ด้วย"

"ขนาดกินข้าวยังเงียบไม่เป็นเลยงั้นเหรอ?"

ฟู่ฉีชวนแขวะเวียงเย็นชา แล้วคีบซี่โครงหมูให้ฉันชิ้นหนึ่ง

ฟู่จินอันหัวเราะเบาๆ แล้วพูดกับฉันเหมือนไม่ใส่ใจว่า "เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงทำอาหารเป็น? เพราะฉันสอนเขานะ โดยเฉพาะเมนูไข่ผัดมะเขือเทศ ที่เป็นเมนูโปรดของฉัน เขาทำเมนูนี้ด้วยความตั้งใจสุดๆ เลย!"

"ใช่แล้ว เขาทำบะหมี่มะเขือเทศใส่ไข่ก็อร่อยเหมือนกัน ช่วงหนึ่งเขาทำให้ฉันกินทุกวันจนฉันเอียนไปเลย ต่อมาเขาก็จะทำเมนูนี้เฉพาะเวลาที่อยากทำอะไรง่ายๆ เท่านั้น"

ฉันจับตะเกียบแน่นจนปลายนิ้วเปลี่ยนเป็นสีขาว เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ

ที่แท้แล้ว บะหมี่ไข่ที่ฉันกินด้วยความยินดีนั้น ก็เป็นอาหารที่คนอื่นกินจนเอียนแล้ว

จู่ๆ ฉันก็นึกถึงคืนวันครบรอบแต่งงาน วันที่ฉันถามเขาว่าเรียนทำอาหารจากใคร เขากลับเหม่อลอยไปครึ่งนาที

ในครึ่งนาทีนั้น

เขากำลังคิดถึงอะไรอยู่นะ

เขากำลังคิดถึงฟู่จินอัน หรือกำลังคิดถึงความทรงจำในตอนที่เขาเรียนทำอาหารกับฟู่จินอันกันแน่

"จะว่าไป เธอต้องขอบคุณฉันด้วยนะ ถ้าไม่มีฉัน เธอคงไม่ได้มีสามีที่ทั้งทำงานเก่งและทำกับข้าวเก่งแบบนี้หรอก" ฟู่จินอันยังคงพูดเสียงสองไม่หยุด

ฉันวางตะเกียบลงทันที อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ยิ้มอย่างเย็นชา "จริงเหรอ แล้วตอนนี้คือชีวิตแต่งงานของเธอไม่ดี เลยอยากให้เขามารับช่วงต่อใช่ไหม?"

"ฟู่ฉีชวน ดูไม่ออกเลยนะว่านายชอบกินของเหลือและรับซื้อขยะแบบนี้" ฉันจ้องมองฟู่ฉีชวนด้วยสายตาที่เย็นชา

"หร่วนหนานจือ เธอหมายความว่ายังไง?!"

ฟู่จินอันโกรธมาก มองฟู่ฉีชวนด้วยตาแดงก่ำ "อาชวน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ หรือว่าพอคุณแต่งงานแล้วแม้แต่คนในครอบครัวก็มีไม่ได้?"

"กินอิ่มแล้วใช่ไหม ฉันจะให้ฉินเจ๋อไปส่ง" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอ

"แม้แต่คุณก็ช่วยเธอรังแกฉัน?"

น้ำตาของฟู่จินอันไหลออกมาทันที เธอทำหน้าตกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดูน่าสงสาร "นายแน่ใจแล้วว่าจะทิ้งฉัน?"

ฟู่ฉีชวนพูดด้วยเสียงเรียบๆ "เธอเคยสัญญาอะไรกับฉันไว้ เธอก็จำได้หนิ ต่อไปถ้ามีอะไรให้ช่วย เธอติดต่อฉินเจ๋อได้โดยตรงเลย"

ไหล่ของฟู่จินอันสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับเธอเจ็บปวดอย่างมาก

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของฟู่ฉีชวนไม่มีความรู้สึกหวั่นไหวใดๆ เธอก็ยิ้มออกมาและพูดด้วยความน้อยใจว่า "ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคุณอีก ต่อไปนี้ไม่ว่าฉันจะเป็นหรือตาย ก็ไม่เกี่ยวกับคุณแล้ว"

เธอลุกขึ้นและดึงกระเป๋าเดินทางออกไปโดยไม่ลังเล

ฉินเจ๋อกำลังรอเธออยู่ในรถ เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรีบลงจากรถเพื่อช่วยเธอยกกระเป๋า

ตลอดเวลาฉีชวนไม่ได้มองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

ฉันเองก็รู้สึกแปลกใจที่เขาตัดความสัมพันธ์ได้รวดเร็วเช่นนี้

เมื่อคืนฉันเพิ่งรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จินอัน วันนี้พวกเขาก็ตัดความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดแล้ว

เร็วมากจนฉันแทบไม่อยากเชื่อ

"คิดอะไรอยู่? กินข้าวต่อดีๆ เถอะ"

ฟู่ฉีชวนลูบหัวฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน ทำให้ฉันกลับมาสู่ความคิดปัจจุบัน

ราวกับว่าไม่มีความขัดแย้งใดๆ ระหว่างเราเลย

วันนี้เขาอยู่กับฉันทั้งวันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันไปเดินย่อยอาหารในสวน เขาก็เดินตาม ฉันไปให้อาหารปลา เขาก็ไปด้วย

ฉันวาดแบบร่าง เขาก็นั่งทำงานอยู่ข้างๆ

เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ฉันก็พอจะเห็นว่าเขาพยายามง้ออยู่

พอตกกลางคืน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันก็ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี

ฉันหยิบยาผดุงครรภ์ออกมาเม็ดหนึ่งแล้วใส่เข้าปาก

ฟู่ฉีชวนถือแก้วนมอุ่นเข้ามาแล้วถามว่า "กินยาอะไรอยู่เหรอ?"

"ก็แค่ยาบำรุงน่ะ"

ฉันมองดวงตาที่ล้ำลึกของเขาแล้วพูดขึ้นว่า "วันเสาร์หน้าว่างไหม? ไปโรงพยาบาลกับฉันหน่อยนะ ฉันอยากตรวจสุขภาพ แล้วก็มีที่ๆ อยากพาคุณไปด้วย"

ควรไปตรวจที่โรงพยาบาลได้แล้ว

เขายอมตัดขาดจากฟู่จินอัน ก็ถือว่าเขาได้เลือกแล้ว

แต่ฉันยังไม่สบายใจพอ กลัวว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น เลยยังไม่อยากบอกเขาเรื่องที่ฉันท้องตอนนี้

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด วันตรวจสุขภาพนั้นเขาก็คงจะรู้เรื่องนี้

เขาจะได้หยิบผลอัลตราซาวด์ออกมาด้วยมือของตัวเอง และเห็นกับตาว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคน

เขาจะได้รู้ว่าเรามีลูกด้วยกันแล้ว

พอคิดแบบนี้แล้ว ฉันก็อดที่จะตั้งตารอไม่ได้

"ได้สิ ยังปวดท้องอยู่ไหม? ถ้างั้นไม่ต้องรอถึงวันเสาร์ พรุ่งนี้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลกันก่อนดีกว่า"

"ไม่ต้องหรอก ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร"

หลังจากเริ่มทานยา ฉันก็แทบไม่ปวดท้องแล้ว และก็ไม่มีเลือดออกด้วย น่าจะแค่ไปตรวจตามเวลาที่หมอนัดก็พอ

เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟู่ฉีชวนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาวางแก้วนมไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วดึงฉันเข้าไปกอดพร้อมพูดว่า "ช่วงนี้ทำให้คุณลำบากแล้ว ไม่โกรธแล้วนะ หืม?"

มันเหมือนกับว่าฉันเป็นแมวที่ถูกคนลูบขนเอาใจ

ฉันทนไม่ไหวที่ถูกเขาโอ๋แบบนี้ ทำให้ความโกรธในใจฉันลดลง แล้วฉันก็บอกเขาอย่างชัดเจนว่า "ฉันไม่โกรธก็ได้ แต่ฟู่ฉีชวน ห้ามมีครั้งหน้าอีก"

ถ้ามีครั้งหน้าอีก

เราสองคนก็จบกัน

บ่ายวันถัดมา เจียงไหล่มาหาฉันที่ออฟฟิศเพื่อแอบอู้

"แผนกการตลาดว่างขนาดนั้นเลยเหรอ?"

ฉันหยุดทำงานแล้วมองไปที่เธอพร้อมกับพูดเย้า

วันนี้เธอใส่เสื้อเชิ้ตผ้าไหมคอวี กระโปรงหางปลาสีเบจ เดินเข้ามาพร้อมรองเท้าส้นสูง ท่าทางเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์ จนทำให้ใครเห็นก็ต้องหันมามอง

"ทำไมล่ะ คุณนายเจ้าของบริษัทไม่ยอมให้พนักงานอย่างเราหายใจหายคอกันบ้างหรือไง?"

เธอยิ้มบางๆ พร้อมกับยื่นชานมสองแก้วในมือมาให้ฉันหนึ่งแก้ว แล้วพูดไม่หยุดว่า "ดื่มได้สบายใจเถอะ ฉันบอกให้ร้านไม่ใส่ชาลงไป ฉันไปถามเพื่อนหมอมาแล้ว เขาบอกว่าตอนท้องต้องลดการดื่มชา แต่เรื่องที่ต้องระวังมีเยอะมาก เดี๋ยวฉันส่งรายละเอียดให้ทางไลน์ เธอต้องระวังให้ดีนะ การตั้งครรภ์เป็นเรื่องใหญ่ เข้าใจไหม..."

"เจียงไหล"

ฉันตัดบทเธอ แล้วพูดออกไปอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่เธอมองมาอย่างสงสัยว่า "เธอเหมือนแม่ฉันเลยนะ"

พ่อแม่ของฉันจากไปแล้ว เนื่องจากบริษัทล้มละลาย พวกคนทวงหน้าตามมาดักฉันถึงหน้าประตูโรงเรียน คิดจะใช้ฉํนบังคับพ่อให้จ่ายหนี้คืน

พ่อแม่ของฉันตกใจมาก รีบขับรถมาหาฉัน พอดีเจอรถที่วิ่งย้อนศรมา ก็เกิดอุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรง

ตอนนั้นฉันอายุแค่แปดขวบ

หลายปีที่ผ่านมา ฉันจมอยู่กับความรู้สึกผิดและโทษตัวเองว่าพวกเขาตายเพราะฉัน

หลังจากนั้น เจียงไหลก็บอกฉันว่าพวกเขาทำไปเพราะรักฉัน

ใช่แล้ว ในความทรงจำที่เริ่มเลือนลางนั้น พวกเขาได้มอบความรักให้ฉันอย่างมากมายเหลือเกิน

บริษัทที่บ้านทำธุรกิจใหญ่มาก แต่ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน พ่อก็จะอยู่บ้านกับฉันและแม่ในทุกๆ สุดสัปดาห์

ลุงของฉันเคยเร่งให้พวกเขามีลูกคนที่สอง บอกว่าธุรกิจครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ ควรมีลูกชายไว้สืบทอด

แม่ของฉันพูดขึ้นทันทีว่า ใครเป็นคนกำหนดว่าต้องเป็นลูกชายเท่านั้นที่จะสืบทอดได้? พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแบ่งแยกสิ่งที่เป็นของฉันไป ทั้งความรักหรือทรัพย์สมบัติ ทุกอย่างเป็นของฉันคนเดียว

ถ้าไม่มีอุบัติเหตุในครั้งนั้น เมื่อรู้ว่าฉันตั้งครรภ์ แม่ของฉันคงจะดูแลฉันอย่างใกล้ชิด

"คิดถึงคุณลุงกับคุณป้าเหรอ?"

เจียงไหลหยุดนิ่งไปสักพักแล้วพูดว่า "ฉันจำได้ว่าน่าจะใกล้วันครบรอบการจากไปของพวกท่านแล้วสินะ"

เธอหยุดพูดชั่วครู่แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู "ใกล้ถึงแล้วจริงด้วย เธอจะพาฟู่ฉีชวนไปเยี่ยมพวกท่านด้วยไหมปีนี้?"

"อืม ตั้งใจไว้แบบนั้น"

จะว่าไป แต่งงานมาก็สามปีแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยพาฟู่ฉีชวนไปเยี่ยมพ่อแม่ของฉันเลย

อย่างแรกก็เพราะเขายุ่ง อย่างที่สองคือฉันรู้สึกว่ามันเหมือนยังขาดอะไรไปสักอย่าง เลยยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status