แชร์

บทที่ 10

ผู้เขียน: เล่อเอิน
วันครบรอบการจากไปของพ่อแม่ฉันก็ตรงกับวันเสาร์นี้พอดี

ช่วงเช้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่ได้

ไม่น่าจะใช้เวลามากนัก

แต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดออกไปอย่างมั่นใจ

ไม่สามารถบอกฟู่ฉีชวนไปเมื่อวานนี้ได้ว่าฉันตั้งครรภ์แล้ว

และไม่สามารถบอกเจียงไหลในตอนนี้อย่างมั่นใจได้ว่าจะพาฟู่ฉีชวนไปด้วย

กลัวว่าแผนที่วางไว้จะตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง

ความสัมพันธ์ระหว่างฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอัน สำหรับฉันแล้วมันเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดในทุกเมื่อ

เจียงไหลเห็นฉันไม่ค่อยมีอารมณ์สนใจนัก จึงเหลือบมองไปที่ออฟฟิศของฟู่จินอัน แล้วถามว่า "เรื่องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์นั่น ฟู่ฉีชวนจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?"

"ก็คงประมาณนั้น"

เราคุยกันอีกสักพัก จากนั้นเธอก็กลับไปแผนกการตลาดอย่างวางใจ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟู่จินอันเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว หรือว่าจู่ๆ ก็คิดได้

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเราอยู่กัยอย่างสงบสุข

แต่เดิมฉันกังวลว่าการออกแบบรุ่นพิเศษสำหรับปีใหม่อาจจะติดขัดเพราะเธอ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นจนเข้าสู่ขั้นตอนการทำต้นแบบ

"พวกเธอคิดว่าคนที่เพิ่งเข้ามามีความสัมพันธ์อะไรกับท่านรองประธานหรือเปล่า?"

"ใครจะไปรู้ล่ะ"

"ตอนแรกยังคิดอยู่เลยว่าใช่ภรรยาของท่านรองประธานที่เขาลือกันหรือเปล่า แต่หลายวันนี้ก็ไม่เห็นเธอจะมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับท่านรองประธานเลย"

"อาจจะเป็นเพราะเธอไม่อยากให้เป็นที่สนใจก็ได้ เคยเห็นใครเคยได้รับการต้อนรับแบบนั้นบ้างล่ะ ท่านรองประธานเป็นคนพาเข้ามาทำงานด้วยตัวเองเลยนะ"

"แต่ก็ไม่แน่ว่าเธอจะใช่ภรรยารองประธานสักหน่อย บางทีอาจจะเป็นมือที่สามก็ได้"

วันนั้นตอนที่เข้าไปพักผ่อนเพื่อเติมน้ำ ก็ได้ยินคนกำลังนินทาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่ฉีชวนพอดี

พอหันกลับไป ก็เห็นฟู่จินอันกำลังมองฉันด้วยสีหน้าประหลาด

"เดิมทีฉันคิดว่าเธอคงจะรู้สึกได้ใจ"

"?"

ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ยังไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร

แต่กลับกลายเป็นว่าเพื่อนร่วมงานที่กำลังซุบซิบกันอยู่ พอเห็นฉันก็รีบหนีไปทันที เหมือนกับนกที่ตกใจเสียงธนู

ชั่วขณะนั้น ในห้องพักผ่อนก็เหลือแค่ฉันกับฟู่จินอันสองคน

เธอยิ้มเยาะนิดๆ วางแก้วน้ำลงใต้เครื่องชงกาแฟแล้วถามว่า "ทำไมเธอถึงดูใจเย็นอยู่ตลอดเวลา? แพ้ก็ไม่เห็นเธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ชนะก็ไม่เห็นเธอดีใจสักนิด"

"..."

ฉันไม่ได้มีอารมณ์จะคุยเปิดใจด้วย จึงเทน้ำมะนาวใส่แก้วแล้วหันหลังเดินออกไป

ฟู่จินอันหัวเราะขึ้นมาเบาๆ "ฉันแค่ทนเห็นเธอเป็นแบบนี้ไม่ได้ เธอคิดว่าเธอชนะแล้วหรือยังไง? หร่วนหนานจือ อนาคตยังอีกยาวไกลนะ"

ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา

ฉันขมวดคิ้ว "วันนี้ไม่ได้กินยาหรือไง?"

"อะไรนะ?"

"ลองไปหาจิตแพทย์บ้างนะ ไม่ต้องประหยัดหรอก ถึงเงินของคุณพ่อสามีฉันจะไม่มากมายอะไร แต่ก็น่าจะพอให้ลูกเลี้ยงอย่างเธอไปซื้อยามากินได้บ้าง"

ฉันพูดทิ้งไว้แล้วก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

เพิ่งจะก้าวเข้าห้องทำงาน ก็ได้ยินเสียงบางอย่างตกกระทบพื้นดังมาจากทางห้องพักผ่อน

แค่นี้ถึงกับขว้างปาของเลยเหรอ?

งั้นคงต้องกินยาจริงๆ แล้วล่ะ

ตอนเย็นหลังเลิกงาน ฟู่ฉีชวนรอฉันอยู่ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน

หลายวันนี้ เขากลายเป็นคนคลั่งรักภรรยาตามที่คนในเน็ตพูดถึงจริงๆ แล้ว

ไปทำงานด้วยกัน กลับบ้านด้วยกันทุกวัน แล้วก็ให้ฉินเจ๋อส่งชาและขนมตอนบ่ายมาให้ฉันที่ออฟฟิศเป็นประจำ บางทียังมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ฉันอีกด้วย

"เย็นนี้อยากกินอะไร?"

พอฉันขึ้นรถ ฟู่ฉีชวนก็ถามขึ้นทันที

ฉันหันไปมองเขา ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "คุณจะทำอาหารอีกแล้วเหรอ?"

ช่วงนี้ตอนเย็นเขาเป็นคนทำอาหารตลอด

บางทีป้าหลิวก็มองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว เหมือนกลัวว่าตัวเองจะตกงาน

ฟู่ฉีชวนขับรถออกจากที่จอดรถด้วยมือข้างเดียว น้ำเสียงของเขาชัดเจนและอ่อนโยน "เบื่อแล้วหรือไง?"

"เปล่า แค่แปลกใจน่ะ แต่ก่อนคุณไม่ค่อยทำอาหารที่บ้านเลย"

"จากนี้ถ้าผมอยู่บ้าน ผมจะทำอาหารเอง"

"โห"

แน่นอนว่าฉันไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว

แม้ว่าฉันจะรู้แล้วว่าเขาเรียนทำอาหารจากใครมา แต่ตราบใดที่เขาตัดขาดจากฟู่จินอัน มันก็ไม่กระทบอะไรกับฉัน

เธอต่างหากที่ควรจะโกรธ เพราะเธอเป็นคนสอนเขาแทนฉัน

พอกลับถึงบ้าน ฟู่ฉีชวนก็เปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านแล้วเข้าไปทำอาหารในครัว

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง แสงอาทิตย์สีส้มที่ลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ส่องกระทบเขาเหมือนมีออร่าอ่อนๆ จับอยู่รอบตัว ทำให้เขาดูอบอุ่นขึ้นมาก

เขาหลุบตามองต่ำ มือเรียวสวยกำลังจัดการกับวัตถุดิบอย่างคล่องแคล่ว

ภาพนี้ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขและสวยงาม

บางทีอาจเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาของฉัน เขาจึงหันมามองแล้วยิ้มอ่อนๆ "มองผมอยู่แต่ใจลอยไปถึงไหนเนี่ย?"

"ก็แค่อยากมองคุณเฉยๆ"

ฉันตอบกลับไปอย่างไม่ปิดบัง

มองสามีของตัวเองก็ไม่เห็นน่าอายตรงไหน

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังหน้าตาดีเหมือนกับผลงานชิ้นเอกที่พระเจ้าตั้งใจสร้างด้วย

เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ส่งเสียงดังขึ้นก่อน

เขากำลังจัดการกับปลาอยู่ มือไม่ว่างเลยพูดว่า "ที่รัก ช่วยรับสายให้หน่อยสิ"

"ได้"

ฉันเดินไปข้างๆ เขา ยื่นมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา ความรู้สึกอายเล็กๆ บังเกิดขึ้นมา

ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของฉันกับเขาส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนเตียง

เมื่ออยู่นอกเตียง เราต่างให้เกียรติกันและกัน

เมื่อเห็นว่าฉันไม่ขยับ เขาหันมามองแล้วเย้าแหย่ว่า "เป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว ยังจะอายอะไรอีก? แค่ให้หยิบโทรศัพท์เองนะ ไม่ได้ให้หยิบอย่างอื่น"

"เปล่านะ..."

แก้มของฉันร้อนขึ้นเล็กน้อย ยื่นมือเข้าไปอย่างระมัดระวังเพื่อหยิบโทรศัพท์ กลัวจะไปจับโดนกับสิ่งที่ไม่ควรจับ

แต่สุดท้ายก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ สัมผัสโดนจุดที่อ่อนไหวของเขาผ่านเนื้อผ้า

ฉันล้วงโทรศัพท์ออกมาด้วยความอาย เงยหน้าขึ้นเจอเขามองด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งอยู่

เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากฉินเจ๋อ ฉันกดรับสายแล้วกำลังจะส่งโทรศัพท์ให้เขา แต่เขาบอกว่า "คุณรับเถอะ ถามเขาว่ามีธุระอะไร"

"คุณฉิน ฟู่ฉีชวนไม่สะดวกตอนนี้ มีอะไรหรือคะ?" ฉันถาม

"นายหญิง"

ฉินเจ๋อรู้ว่าเป็นเสียงของฉัน จึงหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า "ไม่มีเรื่องด่วนครับ แค่มีรายละเอียดสัญญาที่อยากให้ท่านประธานยืนยัน แต่รอถึงวันจันทร์ก็ได้ครับ"

เรื่องนี้ ฉันกับฟู่ฉีชวนไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

หลายวันนี้ ฉันง่วงนอนง่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่เขาไปเดินย่อยอาหารในสวนหลังทานอาหารเย็นเป็นเพื่อน ฉันก็รู้สึกง่วงนอนมาก

ฉันขึ้นไปอาบน้ำแล้วล้มตัวลงนอนหลับไปทันที

เดิมทีฉันนอนหลับสบายมาก แต่เพราะนอนเร็วไป เลยตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะปวดฉี่

เมื่อเปิดไฟก็พบว่าด้านข้างเตียงว่างเปล่า

ฟู่ฉีชวนไม่อยู่

ฉันตั้งสติกลับมาได้นิดหน่อย และได้ยินเสียงดังแว่วมาจากระเบียง

เป็นเสียงของฟู่ฉีชวนที่ฟังดูเครียดและเย็นชา "ถ้าเธออยากตายก็ยื่นมีดให้เธอไปเลย! ถ้าต้องเรียกรถพยาบาลก็เรียกไป! โทรหาฉันทำไม? ฉันเป็นหมอหรือเป็นตำรวจหรือไง?"

"เธอไม่กล้าหรอก! กี่ครั้งแล้วที่เธอทำเป็นจะฆ่าตัวตาย แต่ครั้งไหนที่ได้เห็นเลือดบ้าง?"

"บอกเธอไปเลยว่าฉันจะไม่หย่า! ให้เธอเลิกคิดเรื่องนี้ซะ!"

สุดท้ายเขาลดเสียงลงอีก และสั่งว่า "แต่อย่าให้เธอเกิดเรื่องจริงๆ ล่ะ ส่งคนไปดูแลให้ดีๆ"

ประโยคสุดท้ายนั้นฉันไม่ได้ยินชัดเจนเท่าไร

เขาหันหลังให้ฉัน มือข้างหนึ่งพาดอยู่บนราวระเบียง ทั้งตัวเขาแผ่ความหงุดหงิดและความไม่พอใจออกมา

ความยึดติดของฟู่จินอันที่มีต่อเขานั้นแรงกล้ามาก ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกหมดหนทาง

แต่โชคดีที่ฟู่ฉีชวนครั้งนี้ดูจะไม่ยอมตามใจเธออีก

ฉันเข้าห้องน้ำเสร็จ แต่ก็หลับต่อไม่ค่อยลง

ไม่นาน ฟู่ฉีชวนก็เข้ามา เขาค่อยๆ กอดฉันเข้ามาในอ้อมแขน ความเย็นจากอากาศในคืนต้นฤดูใบไม้ร่วงที่ติดมากับตัวเขาทำให้รู้สึกสบาย

แต่พอฉันตื่นขึ้นมาอีกที กลับไม่เห็นเขาอีกแล้ว

ฉันลงไปหาทั่วทั้งชั้นล่าง แต่ก็ไม่เห็นเขาแม้แต่เงาเลย

ทั้งๆ ที่ตกลงกันไว้ว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยกันแท้ๆ

ป้าหลิวบอกว่า "นายหญิง คุณผู้ชายออกไปตั้งแต่เช้ามืด เหมือนว่าจะมีเรื่องด่วนค่ะ"

ฉันอึ้งไปชั่วครู่

ตั้งใจจะโทรหาเขา แต่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์อยู่ข้างบน เลยตัดสินใจใช้โทรศัพท์บ้านแทน

ไม่ทันไร เขาก็รับสายด้วยเสียงที่แสดงถึงความเหนื่อยล้า "ฮัลโหล"

ฉันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของเขา "เกิดอะไรขึ้น?"

"หนานจือ พอจะให้ป้าหลิวไปโรงพยาบาลกับเธอแทนได้ไหม? วันนี้ฉันคงไปไม่ได้"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 11

    ความหวังทั้งหมดดับวูบลงในทันที รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัวหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง คงจะเป็นแบบนี้นี่เองฉันถือโทรศัพท์ไว้ในมือ แต่พูดอะไรไม่ออกอยู่นานอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่มีความหมายอะไรแล้วเขาไปที่ไหน มันชัดเจนอยู่แล้วฉันพูดกับเขาไว้แล้วว่าจะไม่มีครั้งหน้าดังนั้น นี่ก็แสดงว่าเขาได้ตัดสินใจแล้วไม่ใช่หรือ?คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักการเลือกและการพิจารณาผลดีผลเสียหรอกฉันคือคนที่ถูกเขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แล้วถูกทิ้งไปคนนั้นฉันยกมือขึ้นลูบท้องโดยไม่รู้ตัว และคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าควรจะเก็บเด็กคนนี้ไว้จริงๆ หรือถ้าหากฉันเก็บเด็กคนนี้ไว้ ต่อให้ฉันอยากตัดขาดกับเขา ก็ยากที่จะตัดขาดได้อย่างสมบูรณ์สิทธิในการเลี้ยงดูลูกก็คือปัญหาใหญ่ที่ปลายสาย เขาเรียกฉันเบาๆ "หนานจือ?""อืม"ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก หรืออาจจะบอกได้ว่า ในเวลานี้ ฉันไม่อยากพูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ฉันขับรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองที่อยากให้เขามาด้วย เพราะตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ให้เขาทำไมต้องลำบากคุณป้าหลิวด้วย ฉันยังไม่ได้ท้องโตจนขยับตัวลำบากสักหน่อยบางทีเพราะในใจสับสนวุ่นวายมาก รถค

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 12

    ครั้งที่สามแล้วสามครั้งที่ฉันพยายามจะบอกเขา แต่เขากลับปฏิเสธทุกครั้งคิดๆ ดูแล้ว ก็คงไม่มีวาสนากันมั้งฉันก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้บอกเขา แบบนี้จะได้หย่ากันได้อย่างง่ายมากขึ้นเมืองเจียงเฉิงใหญ่ขนาดนี้ หย่ากันแล้วคงยากที่จะเจอกันอีกบางทีตลอดชีวิตนี้เขาอาจจะไม่มีวันรู้ว่าเรามีลูกด้วยกันคนหนึ่งก็ได้เจียงไหลฟังความคิดของฉันแล้วก็เห็นด้วย "ลูกคงไม่อยากมีพ่อที่แย่แบบนี้หรอก ไม่บอกเขาก็ดีแล้ว"ตอนที่ให้น้ำเกลือเสร็จและเดินออกจากโรงพยาบาล ก็เพิ่งบ่ายสองกว่าๆเจียงไหลควงแขนฉันเดินไปที่ลานจอดรถ ขณะเดินไปก็พูดว่า "รถของเธอส่งไปซ่อมที่ศูนย์แล้ว ชนค่อนข้างหนักต้องใช้เวลาซ่อมประมาณหนึ่งอาทิตย์ รอซ่อมเสร็จแล้วฉันจะไปเอารถกับเธอเอง ช่วงนี้ถ้าอยากไปไหนก็แค่โทรหาฉัน คนขับรถเสี่ยวเจียงคนนี้จะมาบริการเธอทันที""..."ฉันหัวเราะทั้งน้ำตา "เธอจะคอยอยู่ใกล้ๆ ฉันตลอดเวลาเลยหรือไง ไม่ทำงานแล้วเหรอ? ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันยังมีรถอีกคัน"ฟู่ฉีชวนอาจไม่เคยให้ความรักอะไรกับฉัน แต่ทั้งบ้าน รถ และเงิน ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกขาดอะไรเลยแต่เขาไม่รู้เลยว่า สิ่งเดียวที่ฉันต้องการก็คือความรัก"หมอบอกแล้วว่าเธอต้องกลับบ้านไปพักผ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 13

    "อะไรนะ?"ฉันรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะฟู่ฉีชวนทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ "ลู่สือเยี่ยน""คืนนั้นไม่ใช่เขาหรอกหรือที่ส่งคุณกลับมา? เขาเพิ่งกลับมา คุณก็รีบแจ้นไปหาเขาทันที" น้ำเสียงของเขาทั้งเยาะเย้ยทั้งเสียดสีตัวเองฉันขมวดคิ้วแน่น มองตรงเข้าไปในสายตาของเขาและพูดอย่างไม่เชื่อว่า "คุณกำลังบอกว่าฉันชอบลู่สือเยี่ยนงั้นเหรอ?""ไม่ใช่เหรอ?" เขาเหยียดยิ้มออกมา ทั้งเย็นชาและเย้ยหยันในสายตาฉัน มันช่างเป็นการดูถูกอย่างที่สุดความรู้สึกโกรธแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนพุ่งขึ้นมา ฉันยกมือขึ้นตบหน้าเขาเต็มแรง "ฟู่ฉีชวน คุณมันเลว!"แม้ฉันจะพยายามควบคุมตัวเอง แต่ใบหน้าก็ยังคงเปียกชื้นไปหมดร้องไปๆ ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้มันช่างน่าขำเหลือเกินฉันรักเขาอย่างหมดใจมาตลอดหลายปี สุดท้ายกลับได้รับเพียงคำพูดว่า คุณจะหย่ากับผมเพราะผู้ชายคนอื่นหรือ?มันช่างน่าผิดหวังเหลือเกินไม่รู้เจียงไหลมาถึงตั้งแต่เมื่อไร ด้านหลังเธอมาเฮ่อถิงตามมาด้วยเจียงไหลดึงฉันออกไปข้างนอก พร้อมกับมองเฮ่อถิงที่ยืนตกตะลึงแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า "ยืนเซ่ออะไรอยู่? มาช่วยขนของสิ คิดว่าฉันเรียกมาดูละครหรือไง?"เฮ่อถิงมองกระเป๋าเดินทาง จากนั้นก็มองฉ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 14

    เรายังไม่ได้หย่ากันจริงๆ เลย เธอรีบร้อนขนาดนี้เลยเหรอมูลค่าหุ้นสูงเกินไป จนเหมือนถ่านร้อนที่ฉันก็ไม่อยากเก็บไว้ในมือเพียงแต่แค่ไม่อยากให้ฟู่จินอันสมปรารถนาเร็วก็เท่านั้นฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย "เธอกำลังถามฉันในฐานะอะไร?"ฟู่จินอันหัวเราะเบาๆ อย่างถือตัว "หรือเธอคิดจะฮุบหุ้นไว้? นั่นเป็นของที่อาชวนให้ภรรยาของเขา ถ้าเธอหย่ากันแล้ว หุ้นก็ไม่ใช่ของเธออีกต่อไป!""เธอยังไม่ได้ไปหาหมออีกเหรอ?"ฉันถามด้วยท่าทางสงสัย "ต้องรักษาให้เร็วนะ ไม่งั้นถ้าปล่อยไว้จนยาเอาไม่อยู่ คงต้องส่งไปที่ศูนย์บำบัดแล้วล่ะ"เธอหรี่ตาลง "หรวนหร่วน เธอกำลังด่าว่าฉันบ้าหรือไง?!"ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอ จึงถามเสียงเรียบๆ "ได้รับใบลาออกของฉันแล้วใช่ไหม? เร่งอนุมัติให้หน่อยล่ะ""ต้องให้บอกด้วยเหรอ? ฉันส่งให้ฝ่ายบุคคลตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว" เธอคงอยากให้ฉันไสหัวออกตั้งแต่วันนี้แล้วฉันไม่ตอบอะไรอีก นั่งลงที่โต๊ะทำงานแล้วเริ่มจัดการงานที่ต้องส่งต่อฟู่ฉีชวนก็คงอยากให้ฉันออกไปเร็วๆ เหมือนกันเรื่องการลาออก น่าจะเสร็จภายในวันสองวันนี้แล้วฟู่จินอันเห็นว่าฉันไม่ยอมตอบโต้ก็เริ่มร้อนใจ "ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องคืนหุ้นมา อย่าหน้าด้านไปหน่อ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 15

    เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉันก็รู้สึกได้ว่า นอกจากคุณปู่แล้ว ยังมีสายตาอีกคู่ที่จับจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่คำถามนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออกไม่อยากโกหกคุณปู่ แต่ถ้าพูดความจริง คุณปู่จะต้องไม่ยอมให้เราหย่ากันแน่นอนฉันลังเลอยู่นาน ยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณปู่ก็รู้ทันและพูดขึ้นว่า "เอาล่ะ ปู่รู้แล้ว ก็ถือว่าเห็นแก่ปู่หน่อยเถอะนะ ไอ้เด็กคนนี้น่ะ โตมาโดยไม่มีแม่อยู่ข้างกาย ถึงได้โตมามีนิสัยแบบนี้ อย่าไปถือสาเขาเลย"แล้วคุณปู่ก็ดึงหูของฟู่ฉีชวนพร้อมพูดว่า "ถ้าแกคิดว่าฉันตายยากยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของแกเกินไป ก็ทำให้ฉันโมโหตายไปซะเลยสิ พอฉันตายแล้ว แกอยากจะหย่าเมื่อไรก็ได้ ไม่มีใครมาขวางแกอีก""นี้ถึงกับต้องขู่กันด้วยชีวิตแล้วเหรอครับ?" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยรอยยิ้มแฝงความประชดประชัน"พูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง?!"คุณปู่โกรธจัด เตรียมจะตีเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฟู่ฉีชวนหลบได้ แล้วตอบแบบยอมจำนนว่า "ผมเข้าใจแล้วครับ ผมยังไงก็ได้ คุณปู่ลองถามเธอเถอะ"ท่าทางที่ดูไม่สนใจอะไรเลยนั้นอีกแล้วพูดจบ เขาก็ดูนาฬิกาข้อมือแล้วบอกว่า "ผมจะไปประชุมนะ"เขาออกไปอย่างง่ายดาย ปล่อยให้ฉันอยู่กับคุณปู่เพียงลำพังหลังจากผ่านไปสักพัก คุณปู

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 16

    พอมองเวลา ก็ตีสองกว่าแล้วเขาไม่ใช่ว่าเลิกงานพร้อมกับฟู่จินอันหรอกหรือทำไมถึงไปดื่มเหล้ากับพวกเฮ่อถิงแล้วล่ะ ฟังจากเฮ่อถิง ฟู่จินอันเหมือนจะไม่ได้อยู่ด้วยพอโทรศัพท์ไปหา ก็ปิดเครื่องไปแล้ว น่าจะแบตหมดฉันทำได้แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากบ้าน โบกรถตรงไปจุดรวมตัวเก่าในวันปกติของพวกเขา คลับเฮาส์ส่วนตัวแห่งหนึ่งตอนไปถึง คนก็แยกย้ายกันเกือบหมดแล้วในห้องเหมาเหลือแค่เฮ่อถิงกับลู่สือเยี่ยนและยังมีฟู่ฉีชวนในชุดสูทสั่งตัด หลับขาไขว้กันอยู่บนโซฟาอีกคนหนึ่งพอเห็นฉัน เฮ่อถิงก็ทำหน้าจำใจ "พี่สะใภ้ พี่ชวนวันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เอาแต่ดึงสือเยี่ยนให้ดื่มเหล้าอยู่นั่นล่ะ ห้ามก็ไม่ฟัง""..."ฉันเหมือนเดาเหตุผลได้รางๆเขายังคงดื้อแพ่งเข้าใจว่า ระหว่างฉันกับลู่สือเยี่ยนมีอะไรกันสินะผู้ชายก็เป็นแบบนี้ ตัวเองจะทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามให้ภรรยามีความเป็นไปได้ที่จะสวมเขาแม้แต่น้อยต่อให้ความเป็นไปได้จุดนี้ จะมาจากความสงสัยที่ไม่มีมูลของเขาฉันมองอย่างขอโทษไปทางลู่สือเยี่ยนที่ดูสง่าอ่อนโยนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ "รุ่นพี่ พี่ยังไหวไหม ชั้นเอายาแก้แฮงค์มาด้วย จะกินหน่อยไหม?"เขาเหมือนถูกกรอกเหล้าลงไปไม่น้อย สายตาเลื่อนลอยไปแ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 17

    สิบกว่านาทีต่อมา รถจึงค่อยๆ แล้วเข้ามาในบ้าน"ถึงบ้านแล้ว ฟู่ฉีชวน" ฉันเปิดประตูพร้อมกับร้องเรียกคิดไม่ถึง ว่าผู้ชายที่เมาจนไม่เป็นผู้เป็นคน จะล้มตะแคงลงมาตามการเปิดประตูของฉันฉันขมวดคิ้ว ทำได้แค่กัดฟันประคองเขาไว้ "เธอออกแรงเองบ้างได้มั๊ย?"ไม่มีปฏิกิริยาทำได้แค่โทรศัพท์เรียกป้าหลิวที่กำลังหลับฝันหวาน ให้ออกมาช่วยประคองฟู่ฉีชวนกลับเข้าห้อง"นายหญิง จะให้ชั้นช่วยอะไรไหมคะ?" ป้าหลิวถาม"ไม่ต้องแล้ว คุณรีบไปนอนต่อเถอะ"ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เดิมทีก็รบกวนคนจนตื่นจากฝันแล้ว ไม่อยากจะรบกวนให้มากกว่านี้หลังจากป้าหลิวออกไป ฉันก็ต้องมาทนกับอาการอึดอัดที่ถูกกลิ่นแอลกอฮอล์รมจนแทบจะอาเจียน ก้มเอวลงถอดรองเท้าหนังกับปลดเข็มขัดให้ฟู่ฉีชวน จากนั้นจึงยืดตัวตรงเตรียมลงไปชั้นล่างพอหมุนตัวกลับรู้สึกว่ามือของตนเองจู่ๆ ถูกกุมเอาไว้เขาหลับตามงึมงำ "คุณภรรยา...""..."อันที่จริงฉันไม่คิดว่าเขากำลังเรียกฉันที่เป็นไปได้มากกว่า คือเขากับฟู่จินอันน่าจะพัฒนากันไปจนถึงขั้นเรียกสามีภรรยากันแล้วฉันยื่นมือไปเลิกหนังตาของเขา "ฟู่ฉีชวน เธอมองดีดีว่าชั้นเป็นใคร""คุณภรรยา..."เขาไม่ให้ความร่วมมือเลย ขณะที่พลิกตั

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 18

    ทั้งที่คั่นด้วยเนื้อผ้าชั้นหนึ่งแท้ๆ แต่ผิวที่เอวกลับร้อนจนแทบลวกฉันเหมือนเหมือนถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้น ขยับตัวไม่ได้เลย ยังดีที่ความรู้สึกนึกคิดยังแจ่มชัดอยู่ "พวกเราพูดกันชัดเจนแล้ว ชั้นไม่ยอมแต่งงานไปเป็นคนที่สามที่คั่นกลางอยู่หรอก""ขอโทษ" หน้าผากชายหนุ่มดันแผ่นหลังของฉัน พูดเสียงอู้อี้ออกมาจะใจอ่อนไหมแน่นอนว่าใช่ใครบ้างที่ลบความรู้สึกหลายปีออกไปได้ง่ายๆ ในชั่วข้ามคืนฉันอยากจะโพล่งออกมาเหลือเกิน ว่าจะให้โอกาสเขาอีกสักครั้งแต่เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นช่วงนี้ ก็ร้องเอะอะขึ้นในสมองฉันตลอดเลือกเขา หรือว่าจะเลือกตัวเองฉันพ่นลมออกมา "ฟู่ฉีชวน เธอรู้อยู่แล้วว่ามันผิด แต่ต่อมาก็ยังทำผิดอีก สิ่งนี้มันไม่มีความหมายอะไรเลย"ครั้งนี้ ฉันเลือกตัวเองเลือกเขามาแล้วถึงเจ็ดปี เพียงพอแล้วฟู่ฉีชวนนิ่งงันไปนาน ไม่พูดอะไร"ปล่อยมือเถอะ พวกเราเดินมาได้เท่านี้แหละ" ฉันในอดีตไม่อาจจินตนาการได้เลย ว่าจะมีวันที่ฉันจะพูดเย็นชาแบบนี้กับฟู่ฉีชวนชอบเขาข้างเดียวคืออะไร มันคือการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของตนเองครั้งหนึ่งแค่สายตาเดียวของอีกฝ่าย หรือแค่คล้องนิ้วกัน ก็แจ้นออกไปอย่างดีอกดีใจแล้วมีความสุขสนุกสน

บทล่าสุด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 272

    "?"ฉันสงสัยว่า "รอฉันทำงานเสร็จก่อนเหรอ?"นี่มันการกระทำแบบไหนกัน"เพื่อนส่งฉันมาที่นี่เมื่อกี้ ฉันไม่มีรถ"ขณะที่เขาพูด เขาก็ยื่นข้อมือมาให้ฉันและขอให้ฉันดูเวลา "คุณกำลังจะเลิกงานแล้ว ช่วยมารับฉันกลับด้วย""ฉันจะโทรเรียกรถให้คุณ"ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมา และเขาก็ขมวดคิ้วก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ฉันไม่เคยนั่งแท็กซี่มาก่อน"เอาล่ะเป็นเรื่องธรรมดาที่นายน้อยจะมีลักษณะเฉพาะของเขาฉันไม่มีอะไรจะพูด "งั้นคุณก็รอได้เลย"ฉันหันศีรษะและเข้าไปในห้องทำงานของฉัน เจียงไหลเอื้อมมือมาอย่างรวดเร็วเธอขยิบตาให้ฉันและพูดว่า "ทำไมนายน้อยของตระกูลโจวยังไม่ไปจากที่นี่?""กำลังรอรถ"ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบเจียงไหลนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามฉัน โดยวางข้อศอกบนโต๊ะและเอามือประคองใบหน้า“ก่อนหน้านี้ ฉันสังเกตเห็นว่าแม่ลูกตระกูลเสิ่นดูกลัวเขามาก บางทีคุณควรพยายามทำความรู้จักกับเขาหน่อย ถ้าเกิดอะไรขึ้น เขาอาจช่วยคุณได้”“ช่างมันเถอะ”ฉันปฏิเสธความคิดนั้นโดยไม่ลังเล “คุณคิดว่าเขาเป็นคนประเภทที่ปล่อยให้ตัวเองถูกหลอกใช้หรือเปล่า?”เขาดูเย้ยหยัน แต่ที่จริงแล้ว เขารู้ทุกอย่างในใจของเขาไ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 271

    เมื่อเห็นเขาเข้ามา เสิ่นซิงหยูก็ระงับสีหน้าเยาะเย้ยทันที แต่ยังคงอารมณ์ฉุนเฉียวและพึมพำว่า “เข้าข้างคนนอกเสมอ!”แม่เสิ่นไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนก่อนหน้านี้ เธอแค่ถาม "ทำไม?"“ผมบอกคุณย่าไปแล้วว่าผมจะเอาชุดที่สั่งตัดมาให้เธอสองสามชุด”โจวฟางยิ้มและเสริมว่า “สุดสัปดาห์นี้ผมจะพาหร่วนหนานจือไปพบเธอเพื่อฟังความคิดของเธอ ถ้าตอนนี้คุณรังแกเธอแล้วเธออารมณ์เสียและปฏิเสธผม ผมจะอธิบายเรื่องนี้กับคุณย่าได้ยังไง”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นซิงหยู่ก็ยกคิ้วและจ้องมองทันที "คุณจะพาเธอไปหาคุณย่าโจวเหรอ?""ใช่เรื่องของเธอเหรอ?"โจวฟางพูดอย่างประหยัด ไม่เต็มใจที่จะเสียเวลาแม้แต่พยางค์เดียวเสิ่นซิงหยู่ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา "คุณย่าโจวมักจะกังวลเกี่ยวกับกฎเกณฑ์และชื่อเสียงอยู่เสมอ จะยอมให้หญิงมั่วชายอย่างนางพบได้ยังไง?""เสิ่นซิงหยู่ แม้ว่าเธอจะเป็นแบบนี้ คุณย่าของฉันก็ยังทนได้ ฉันแน่ใจว่าคุณหร่วนจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี"แม้แต่ต่อหน้าแม่เสิ่น โจวฟางก็ไม่ไว้หน้าให้เสิ่นซิงหยู่แม่เสิ่นระงับความโกรธและประนีประนอมโดยกล่าว: "เมื่อเป็นอย่างนั้น เราจะไว้หน้าให้เธอและไม่โต้เถียงกับเธอในตอนนี้"“ดูแลตัวเอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 270

    หากยืนกรานที่จะทำให้ฉันอับอายอย่างตั้งใจ นั่นฟังดูน่ายินดีมากแสดงความรักอย่างลึกซึ้งในอดีต แต่ฉันจำคำพูดตรงไปตรงมาที่ เธอพูดกับฟู่ฉีชวนในโรงพยาบาลได้อย่างชัดเจนอย่างไรก็ตาม แม่เสิ่นก็ตกตะลึงจนจับหน้าผากของเธอด้วยความหงุดหงิด "นี่ลูก! ทำไมลูกถึงรักฟู่ฉีชวนทั้งหัวใจแบบนี้!”เสิ่นซิงหยูยิ้มอย่างเชื่อฟังและพูดว่า "เขาเป็นคนดีมาก บางคนไม่รู้ว่าจะดูแลเขายังไง แต่ฉันจะทำแน่นอน"ชอบพูดจาแขวะคนอื่นฉันพบว่ามันน่าขบขันแต่ก็ไม่อยากยุ่งกับเธอ ฉันแค่อยากจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ฉันเลยถามอีกครั้งว่า “แล้วคุณบอกความต้องการของคุณให้ฉันรู้ได้ไหม?”"ต้องสูงศักดิ์!"เธอสั่งอย่างเย่อหยิ่งและเสริมว่า “ควรมีเพชรจำนวนมาก แวววาวไปทั่วทุกจุด คอเสื้อควรประดับด้วยไข่มุก ต้องดูแพงมาก โอ้ แล้วก็ทับทิมด้วย ฉันชอบสีแดง…”สุดท้ายแล้ว ฉันรู้สึกมีแรงบันดาลใจเล็กน้อยเพชร ไข่มุก ทับทิมนี่ไม่ใช่ชุดราตรี แต่เป็นตู้โชว์เครื่องประดับฉันบอกไม่ได้ว่าเธอชอบสไตล์นี้จริงๆ หรือเธอจงใจทำให้ทุกอย่างยากขึ้นฉันเม้มปากและพูดจากมุมมองของมืออาชีพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้: "คุณหนูเสิ่น องค์ประกอบนี้อาจมากเกินไปหน่อย ซึ่ง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 269

    เมื่อแม่เสิ่นปรากฏตัวที่สำนักงาน หน้าอกของเธอยังคงไม่เท่ากันเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกว่าเธอกำลังวิตกกังวลใครๆ ก็บอกได้ในทันทีว่าเธอใส่ใจลูกสาวของเธอ เสิ่นซิงหยูมากเพียงใดไม่ต่างอะไรกับการปกป้องอัญมณีอันล้ำค่าเสิ่นซิงหยูเห็นผู้สนับสนุนของเธอเข้ามาและยื่นปากออกมา ดูเหมือนว่าเธออยากจะร้องไห้ "แม่ ฉันสงสารเธอที่หย่าร้างและจะช่วยอุดหนุนธุรกิจของเธอ เธอถึงกับเรียกฉันว่าหมากับเพื่อนของเธอด้วยซ้ำ"แม่เสิ่นขมวดคิ้วและจ้องมองฉันอย่างโกรธเคือง "หร่วนหนานจือ อย่าไม่รู้จักบุญคุณกันเกินไปนะ! ขอโทษลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!""ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น"เจียงไหลไม่สามารถฟังได้อีกต่อไป "การไม่รู้จักบุญคุณหมายความว่ายังไง? ใครเป็นคนขอร้องให้ลูกสาวของคุณอุดหนุนธุรกิจของเรา ฉันบอกไปแล้วว่าเราไม่รับออเดอร์ เธอจะยืนกรานอย่างไม่ลดละ""แล้วเธอคิดว่าเธอเป็นใคร ถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้?”หลังจากพูดจาเหยียดหยาม สายตาของแม่เสิ่นก็จับจ้องมาที่ฉัน เต็มไปด้วยความคุกคาม "หร่วนหนานจือ คราวที่แล้ว ฉันปล่อยให้เธอออกไปเพราะไว้หน้าเธอ ถ้าวันนี้เธอควบคุมปากไม่ได้ ฉันจะทำให้เธอหายไปจากเมืองเจียงเฉิง"เจียงไหลที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อการ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 268

    ส่วนที่เหลือ ค่อยๆ รับสมัคร……ในช่วงบ่าย ขณะที่ฉันกำลังจดจ่ออยู่กับการออกแบบคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิใหม่ ฉันได้ยินเสียงการโต้เถียงดังมาจากภายนอกหนึ่งในนั้นชัดเจนมาก ฉันคุ้นเคยเป็นพิเศษและอีกอันก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าเช่นกันทันทีที่ฉันเปิดประตูและเดินออกไป ฉันได้ยินเจียงไหลพูดว่า "เธอไม่เข้าใจเหรอ ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันจะไม่ทำธุรกิจกับเธอ การออกแบบเสื้อผ้าให้เธอ ฉันคิดว่าฉันกำลังทำให้มือของหรวนหร่วนของฉันสกปรก"ฮึ่ม"อีกคนกรนเสียงเย็นชาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งและชอบบงการตามปกติของเขา “งั้นฉันขอพูดให้ชัดเจนนะ เธอจะทำไม่ว่าเธอจะต้องการหรือไม่ก็ตาม”มีเพียงเสิ่นซิงหยูเท่านั้นที่สามารถทำตัวให้หยิ่งผยองได้“ถ้าฉันปฏิเสธล่ะ เธอจะทำยังไง?”เจียงไหลก็ไม่กลัวเธอเช่นกัน เขาทำท่ายักไหล่แล้วพูดว่า "ทำไมเธอไม่โทรเรียกตำรวจล่ะ? อ้อ ถ้าเราจับคุณได้ เราคงต้องหาทีมจับสุนัขให้เจอ อย่าไปโทร 110 เลย เธอจะเสียทรัพยากรของตำรวจไปเปล่าๆ"เธอไม่เคยแพ้ใครในการด่าทอเลยเสิ่นซิงหยู่โกรธมากจนกัดฟันแล้วพูดว่า “เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ทำ? โอเค งั้นฉันจะทำให้แน่ใจว่าบริษัทของเธอปิดตัวลงในวันที่เปิดทำการ”"เราจะทำ!"ฉันก

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 267

    ฉันกับเจียงไหลคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะมีใครทำเรื่องดีๆ เช่นนี้"ลืมไปเถอะ อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ตอนนี้ การเปิดประตูเพื่อทำธุรกิจ การมีออเดอร์เป็นสิ่งที่ดี"เจียงไหลมองโลกในแง่ดีขณะที่เธอยืดตัวอย่างขี้เกียจ “มีคนมาสัมภาษณ์เร็วๆ นี้ เธอพร้อมไหม? อยากร่วมสัมภาษณ์กับฉันไหม?”"ได้"ฉันตกลงมีหลายอย่างที่ต้องทำเมื่อบริษัทใหม่เปิดขึ้นแค่ฉันกับเจียงไหลทำงานไม่หยุดตลอด 24 ชั่วโมงไม่เพียงพอการจ้างงานเป็นเรื่องเร่งด่วนระหว่างการสัมภาษณ์ เจียงไหลรับผิดชอบในการถามคำถาม ในขณะที่ฉันรับผิดชอบแค่การทบทวน เราสามารถตัดสินใจร่วมกันในภายหลังฉันคิดว่าสองสามคนแรกโอเค แต่ฉันบอกไม่ได้ว่าดีตรงไหนจนกระทั่งมีหญิงสาวผลักประตูเปิด โค้งตัวเล็กน้อยให้เรา นั่งลงอย่างเชื่อฟัง และแนะนำตัว "สวัสดี ฉันชื่อโจวโม่...."ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับท่าทางไร้เดียงสาของเธอเสมอเมื่อเธอพูด สายตาของเธอหันมาทางฉันเป็นครั้งคราว ดวงตาที่เปียกชื้นของเธอเป็นประกายสดใสเจียงไหลรู้สึกขบขันและถามเธอว่า “คุณรู้จักประธานหร่วนของเราไหม? หรือคุณแค่คิดว่าเธอสวยเกินไป?”“ประธานหร่วน...”เธอยิ้มอย่างเขินอายและถามอย่างระมั

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 266

    ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกราวกับว่าน้ำตาได่้ไหลรินลงมาราวกับฝนตก แต่ใบหน้าของฉันยังคงสะอาดและแห้งแม้แต่การมองเห็นก็ยังชัดเจนเป็นพิเศษเมื่อฉันกลับถึงบ้าน ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ก็โทรมาหาฉันทันทีและบอกว่ามีผู้ซื้อรายหนึ่งตัดสินใจซื้อบ้านในหลินเจียงการ์เด้นและยังใจกว้างมาก โดยไม่ต้องลดราคาใดๆ ทั้งสิ้นพวกเขาขอให้ฉันพบกับผู้ซื้อเพื่อหารือรายละเอียด หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราก็สามารถเซ็นสัญญาและดำเนินการตามกระบวนการต่อไปได้ระหว่างทางไปหลินเจียงการ์เด้น ฉันคิดอยู่ตลอดว่าถ้าบ้านหลังนี้สามารถหาผู้ซื้อได้เร็วกว่านี้สักหน่อย หนานซีก็คงไม่ต้องพึ่งการลงทุนของ RF กรุ๊ปน่าเสียดาย ที่ไม่มีคำว่าถ้าอย่างไรก็ตาม การพิงต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงาก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเองเมื่อฉันมาถึงหลินเจียงการ์เด้น ฉันเห็น "ผู้ซื้อ" ยืนอยู่ข้างๆ ตัวแทน และอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ "คุณเฉิน คุณชอบอพาร์ตเมนต์นี้หรือเปล่า?""ฉันเอง"เฉินเย่ดูไม่แปลกใจเลยและเป็นกันเองมาก “คุณหร่วน เราเจอกันอีกแล้ว”ฉันหัวเราะและพูดว่า "บังเอิญจริงๆ คุณลงทุนกับฉันตอนเที่ยงและซื้อบ้านของฉันในช่วงบ่าย

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 265

    ทันทีที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกอำเภอ ฉันรู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเดิมทีเจียงไหลต้องการอยู่เป็นเพื่อนฉัน แต่ฉันปล่อยให้เธอกลับไปก่อนฉันเริ่มการเดินทางนี้เพียงลำพัง และตอนนี้ ฉันควรจะจบมันเพียงลำพังเช่นกันฉันมองดูรถที่วิ่งผ่านไปมาบนท้องถนน และคู่รักที่เข้าออก บางคนแต่งงาน บางคนหย่าร้างมันง่ายที่จะบอกความแตกต่างคนที่ยิ้มคือคู่บ่าวสาว ในขณะที่คนที่หน้านิ่งเฉยหรือดูถูกซึ่งกันและกันคือคนที่หย่าร้างความสัมพันธ์ที่พังทลายมักจะไม่จบลงด้วยดีโชคดีที่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฟู่ฉีชวนและฉันเขาไม่มีความรู้สึกต่อฉันเลย และฉันก็รักเขามาเพียงแปดปีเพราะความเข้าใจผิดสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็คือฟู่ฉีชวนไม่ได้มาคนเดียวเขาเดินลงจากรถมายบัคสีดำเงาวับ ตามด้วยเสิ่นซิงหยูสีหน้าของเขาเย็นชาและเฉยเมยเหมือนเคย ไม่แสดงสัญญาณใดๆ ว่ามีสิ่งผิดปกติ เขาพูดด้วยมือข้างหนึ่งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง "ไปกันเถอะ"น้ำเสียงของเขาดูเป็นกันเอง มากกว่าจะบอกว่ากำลังชวนไปกินข้าวมากกว่าจะหย่าร้างนั่นเป็นตัวอย่างของธรรมชาติที่ปราศจากความเสแสร้งของเขา"โอเค"ฉันก้มตาลงและพยักหน้าเมื่อเสิ่นซิงหยูกำลังจะตามเข้า

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 264

    เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลู่สือเยี่ยนก็รู้สึกใจสลายเล็กน้อยเช่นกัน "เมื่อฉันได้พบคุณอีกครั้งในวิทยาลัย ฉันเกลียดตัวเองที่หายไปจากชีวิตของคุณเป็นเวลาหลายปีและทำให้คุณต้องทนทุกข์ทรมาน""รุ่นพี่ นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ"เมื่อฉันเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เขายังเป็นเพียงเด็กบางเส้นทางในชีวิตต้องเดินเองไม่มีใครช่วยได้มันยอดเยี่ยมมากที่เขาสามารถช่วยเหลือฉันได้เมื่อฉันต้องการมากที่สุดในระหว่างการสนทนา เจียงไหลออกมาพร้อมกับหม้อไฟและยิ้มกล่าว "พวกคุณคุยกันยังไงบ้าง เรามาเริ่มกินข้าวกันไหม?"ลู่สือเยี่ยนเล่นตามอย่างกระตือรือร้น “เอาเลย! ฉันไม่ได้มีโอกาสได้กินข้าวเที่ยงเลย และฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”เมื่อเจียงไหลอยู่แถวนั้น หม้อไฟก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขทีละน้อย ฉันค่อยๆ ลืมข่าวที่กำลังเป็นกระแสออกไปจากหัวแล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปวันรุ่งขึ้น หิมะก็ยังคงไม่หยุดตก ลมหนาวหอนดังจนพื้นดินปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนเมื่อคืนก่อน เจียงไหลยังไม่กลับบ้าน เธอรับสายโทรศัพท์และกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น“หรวนหร่วน อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง! วันนี้เธอออกไปข้างนอกได้ไหม?”ฉันจิบน้ำ “เกิดอะไร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status