Share

บทที่ 5

ทั้งที่รู้ว่าฟู่ฉีชวนกำลังรอฉัน

หล่อนที่ขออาศัยติดรถ กลับนั่งตำแหน่งข้างคนขับ

ฉันอยากจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนี แต่สติสัมปชัญญะสั่งให้ฉันหยุดความคิดนั้น แล้วยื่นมือไปหาฟู่ฉีชวน "กุญแจรถ"

ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่วางกุญแจรถลงบนมือ

ฉันเดินอ้อมกระโปรงรถ เข้าไปนั่งบนตำแหน่งคนขับ ขณะที่ฟู่จินอันกำลังอึ้งและหน้าแข็งไป ฉันก็ยิ้มน้อยๆ "เครื่องแค่นี้เอง? พี่เองก็นับว่าเป็นพี่สาวของฉีชวน แค่ขอติดรถด้วยปกติจะตาย"

จากนั้น ก็ยื่นหน้าออกไปมองฟู่ฉีชวนที่อยู่นอกรถ "รีบขึ้นรถสิคะ คุณปู่กำลังรอพวกเราอยู่แหงๆ"

ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบสงัด

เงียบราวกับอยู่ในป่าช้า

เดิมทีฟู่จินอันอยากจะคุยกับฟู่ฉีชวน แต่คงเป็นเพราะต้องหันหลังไปคุย ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติ

อาจจะเป็นเพราะสังเกตได้ว่าฉันรู้สึกไม่ดี จู่ๆ ฟู่ฉีชวนก็เปิดกระป๋องเครื่องดื่มแล้วส่งให้ "น้ำมะม่วงที่คุณชอบ"

ฉันดื่มไปคำนึง ก็ขมวดคิ้วแล้วส่งคืนกลับไป "หวานเกินไป คุณดื่มเถอะ"

ช่วงนี้ฉันชอบกินของเปรี้ยวๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเจออะไรที่ไม่ค่อยถูกปาก ฉันพอจะฝืนกินมันลงไปเพื่อไม่ให้สิ้นเปลือง

แต่ตอนนี้ แค่คำเดียวก็ไม่สามารถฝืนได้

"โอเค"

ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่รับกลับไปด้วยความเต็มใจ

"ของที่เธอดื่มไปแล้ว แล้วไปให้เขา แบบนี้ไม่ดีมั้ง? เชื้อโรคในปากเยอะจะตาย มีสิทธิ์แพร่เชื้อแบคทีเรียในกระเพาะได้เลยนะ" ฟู่จินอันเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แอบแฝง

ฉันหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว "ถ้าเป็นอย่างที่พี่ว่า เมื่อคืนเรายังนอนด้วยกันอยู่เลยนะ งี้ก็อันตรายหนักกว่าน่ะสิ"

"..."

โตๆ กันแล้ว ฟู่จินอันย่อมรู้ดีว่าฉันหมายถึงอะไร "ดูไม่ออก พวกเธอแต่งงานกันมาตั้งนานแล้วยังสวีทกันขนาดนี้"

"เธออิจฉาหรอ?"

ฟู่ฉีชวนตำหนิหล่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

มันจะมีบางครั้ง เช่นตอนนี้ ท่าทางของฟู่ฉีชวนที่ปฏิบัตต่อหล่อน ก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเขาก็เกลียดฟู่จินอันอยู่เหมือนกัน

ดูเหมือนว่านี่เป็นวิธีสนทนาที่พวกเขาคุ้นเคยกันดี ฟู่จินอันสวนกลับ "ฉันอิจฉา! แล้วจะทำอะไรฉัน?"

"ใครมันจะอยากยุ่งกับเธอ"

"จ้าๆๆ"

ฟู่จินอันเบ้ปาก ในแววตาเผยรอยยิ้ม "ก็ไม่รู้ว่าใครนะ ตอนคืนวันเข้าหอแค่ได้ยินว่าฉันเกิดเรื่อง ก็ไม่สนใจเมียตัวเอง แล้วเอาแต่เฝ้าฉันทั้งคืน..."

"ฟู่จินอัน!"

ฟู่ฉีชวนสีหน้าเปลี่ยนทันที เขาตวาดออกมาเพื่อปรามอีกฝ่าย!

ฉันดึงสติกลับมาอย่างฉับพลัน เหยียบเบรก ขณะที่รถพุ่งเกยขึ้นทางม้าลายมันก็ค่อยๆ หยุดลง

ฉันจ้องใบหน้าที่ประกอบด้วยเครื่องหน้าแสนเพอร์เฟ็กไร้ที่ติของฟู่ฉีชวนด้วยความอึ้งๆ ผ่านกระจกมองหลัง หัวใจราวกับถูกชุบไว้ด่วยน้ำกรด

ความน้อยเนื้อต่ำใจที่ทำให้รู้สึกแสบไปทั้งดวงตาและจมูก ถาโถมเข้ามาในชั่วขณะ

ไม่บ่อยครั้งที่ฟู่ฉีชวนจะเผยความตึงเครียดออกมาเวลาอยู่ต่อหน้าฉัน "หนานจือ..."

"คืนนั้นคุณไปหาเธอหรอ?"

เมื่อฉันปริปากออกมา ถึงได้ค้นพบว่าแม้แต่น้ำเสียงก็ยังเต็มไปด้วยความขมขื่น

ความรู้สึกที่อยู่ใต้ก้นบึ้งของหัวใจทะลักเข้ามา จนฉันแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่

ต่อให้ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ที่มีต่อฟู่ฉีชวนจะสมานฉันท์แค่ไหน แต่เรื่องที่คืนแต่งงาน เขาทิ้งฉันแล้วหายออกไป ไม่กลับมาทั้งคืน เพียงเพราะโทรศัพท์สายเดียวที่ไม่รู้ว่าใครโทรมา ยังคงเป็นปมที่ฝังลึกอยู่ในใจของฉันไม่เสื่อมคลาย

เรื่องแต่งงานในตอนนั้น คุณปู่ฟู่เป็นคนตัดสินแทนฉันกับฟู่ฉีชวน

ตอนที่เพิ่งใช้ชีวิตแต่งงานกันได้ใหม่ๆ ฉันกับเขายังยังเป็นเหมือนคนแปลกหน้ากันอยู่ จึงไม่ได้มีโอกาสถามเขาว่าคืนนั้นหายไปไหน

เรื่องนี้ก็เลยจบลงไปทั้งอย่างนั้น

แต่ตอนนี้ ฟู่จินอันดึงหนามที่ฝังลึกอยู่ในใจของฉันออกแล้วแทงมันลงลึกกว่าเดิมอย่างรุนแรง โดยไม่มีแม้แต่สัญญาณเตือนล่วงหน้า

สายตาของฉันมองสลับไปมองระหว่างพวกเขาสองคน รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับตัวตลก

ฟู่จินอันเอามือปิดปากตัวเองด้วยท่าทางลนลาน หันไปมองฟู่ฉีชวน "เรื่องนี้นายไม่เคยบอกหนานจือหรอ? โทษที่ฉันปากไวไปหน่อย"

ราวกับกำลังพูดว่า พวกเธอสองคนก็ไม่ได้รักกันเท่าไหร่นี่ แม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ยังปิดบังกัน

"ฟู่จินอัน สมองของเธอโดนประตูหนีบหรอ?"

ฟู่ฉีชวนมีสีหน้าดำทะมึน เย็นชาจนน่ากลัว

เครื่องหน้าของเขา คมชัดเป็นสัดส่วน เวลาที่ทำหน้าเย็นชาเขาจะแผ่ออร่าสังหารอย่างแรงกล้า คนใครๆ ต่างก็หวาดกลัว นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถกุมบังเหียนแซ่ฟู่กรุ๊ปได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

"พอเถอะๆ ขอโทษก็แล้วกัน ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเรื่องแค่นี้นายก็ยังไม่บอกเธอ"

ฟู่จินอันรีบขอโทษ ทว่าน้ำเสียงกลับเผยความสนิทสนมและไร้เดียงสา

ราวกับเธอคาดการณ์ได้ว่าฟู่ฉีชวนไม่มีทางทำอะไรเธอ

จู่ๆ เสียงโทรศัพท์อันคุ้นเคยก็ดังขึ้น

"เอาคืนมา"

ฉันยื่นมือไปเอาโทรศัพท์กลับมา มองหน้าจอที่แสดงเบอร์ที่โทรเข้ามา กดรับสาย เก็บอารมณ์ทุกอย่างลงไป

"หรวนหร่วนเอ๋ย ใกล้จะถึงหรือยัง?"

ตอนแรกฉันอยากจะลงจากรถแล้วหนีไปซะ

แต่พอได้ยินเสียงใจดีของคุณปู่ฟู่ ก็ใจอ่อนลงอีกครั้ง "ใกล้ถึงแล้วค่ะ คุณปู่ วันนี้ลมแรง ไม่ต้องอยู่ในสวนรอเรานะคะ"

ใครๆ ก็บอกว่าคุณท่านฟู่เป็นคนซีเรียส หัวโบราณ ไม่ฟังใครทั้งนั้น แต่ฉันมักจะคิดอยู่บ่อยๆ ว่า ถ้าคุณปู่ของฉันยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็คงจะทำดีกับฉันแบบนี้แหละ

……

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง กลางคืนมักจะยาวกว่ากลางวัน

ขณะที่รถเคลื่อนตัวสู่คฤหาสน์เก่าของตระกูลฟู่ ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

รอบๆ บ้านถูกแขวนด้วยโคมไฟไหว้พระจันทร์ ทำให้บรรยากาศดูรื่นเริง

เมื่อฉันจอดรถสนิท คว้ากระเป๋าได้ก็เดินลงจากรถไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

แม้ว่าฉันจะเตือนไปตั้งแต่ในสายโทรศัพท์แล้ว แต่คุณปู่ก็ยังคงดึงดันรอเราอยู่ในสวน

คุยทางโทรศัพท์ ฉันยังพอจะเก็บความรู้สึกได้บ้าง

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้า แค่แวบเดียวก็ถูกคุณปู่ฟู่อ่านทะลุจนหมดเปลือก

"ไอ้หลานไม่รักดีนั่นมันรังแกหนูอีกแล้วใช่ไหม?" หนวดเคราน้อยๆ ของคุณปู่ฟู่กระตุกเป็นระยะ ท่าทางเหมือนอยากจะออกโรงแทนให้ฉัน

"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"

ฉันไม่อยากให้คุณปู่เป็นห่วง จึงจูงมือท่านเข้าบ้าน "ลมแรงขนาดนี้ ไม่ปวดหัวหรอคะ?"

แม้ว่าฉันจะช่วยปกปิดแทนฟู่ฉีชวน แต่เมื่อคุณปู่เห็นฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอันเดินลงจากรถมาตามหลัง ก็ยังหน้าบึ้งตึงอยู่ดี

แต่ครอบครัวของลุงรองก็อยู่ด้วย คุณปู่จึงระงับเอาไว้ไม่ได้เอาเรื่อง

แต่พ่อสามีของฉันนี่สิ พอเห็นว่าฟู่จินอันกลับมาก็ดีใจขีดสุด

"ฉีชวน ได้ยินว่าจินอันไปทำงานที่บริษัท? ลูกต้องดูแลเธอดีๆ ถึงจะสู้หน้าป้าเวินของลูกได้"

"..."

ขณะนี้กำลังอยู่บนโต๊ะอาหาร ฉันพอจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินได้ และตั้งหน้าตั้งตากินอาหารของตัวเอง

ฟู่ฉีชวนสำรวจสีหน้าของฉันแวบนึง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ "ครับ ผมรู้ว่าต้องทำอะไร"

"หนูหร่วน หนูเองก็ต้องดูแลจินอันเหมือนกับฉีชวนด้วยนะ"

พ่อสามีของฉันเอ่ยชื่อฉันอีกครั้ง คงกลัวว่าจะมีใครในบริษัทไปทำให้ฟู่จินอันต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

ฉันดื่มน้ำข้าวโพดคำนึง แล้วพูดอย่างไร้ความรู้สึก "คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตอนนี้พี่จินอันเป็นผู้บังคับบัญชาของหนู ต้องให้เธอดูแลหนูถึงจะถูก"

ทันทีที่ฉันพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนบนโต๊ะอาหารก็เผยสีหน้าแปลกประหลาด

"หนานจือ ฉันเคยบอกเธอไปแล้ว ถ้าเธอรู้สึกไม่พอใจ ตำแหน่งผอ.นี้น่ะ ฉันพร้อมยกให้เธอได้ทุกเมื่อ" ฟู่จินอันวางท่าอย่างคนที่โตเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง

เมื่อเทียบกันแล้ว ฉันจึงดูเป็นคนก้าวร้าวขึ้นมาเล็กน้อย

คุณปู่วางแก้วชากระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง เห็นได้ชัดว่ามีน้ำโห คำพูดคำจาก็เชือดเฉือน "ยกให้? ตำแหน่งนี้เดิมทีมันก็เป็นของหนานจือ! หล่อนมันไม่สำเหนียกตัวเอง ไอ้ฉีชวนเด็กโง่นั่นมันกล้าใช้ตำแหน่งนี้มาชดใช้บุญคุณ หล่อนก็ยังจะกล้ารับ!"

"คุณปู่..."

"อย่า คำว่าคุณปู่ที่ออกจากปากหล่อน ฉันไม่รับ"

ได้ยินป้ารองบอกว่า คุณปู่ฟู่ไม่เคยยอมรับการมีตัวตนของฟู่จินอัน

ตอนนั้นแม่ของฟู่จินอันแต่งเข้าตระกูล ท่านก็คัดค้านหัวชนฝา

แต่พ่อสามีของฉันแบกหน้าฝืนแต่งในที่สุด

และก็เพราะแบบนั้น ทรัพย์สมบัติของตระกูลฟู่จึงไม่เคยตกมาถึงมือของพ่อสามีฉันเลยแม้แต่แดงเดียว มีแค่ค่าครองชีพปีละยี่สิบห้าล้านเท่านั้น

นอกจากนั้น ก็ไม่มีอะไรอีก

พ่อสามีของฉันรีบเอ่ยปาก "คุณพ่อ ตอนนี้เธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง ทำไมคุณพ่อต้อง..."

"แกหุบปากไปซะ!" คุณปู่ตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว

ก่อนหน้านี้ฉันรู้แค่ว่า คุณปู่ไม่ค่อยชอบฟู่จินอันเท่าไหร่

แต่เท่าที่ฉันจำได้นี่เป็นครั้งแรกที่คุณปู่ทำให้หล่อนอับอายต่อหน้าทุกคนจนหาทางลงไม่ได้

ฟู่จินอันหน้าซีด คว้ากระเป๋าได้ก็ลุกขึ้นอย่างลนลานทำอะไรไม่ถูก "วันนี้หนูไม่ควรมาเอง เลยทำให้ทุกคนเสียบรรยากาศ"

พูดจบ ก็วิ่งออกไปพร้อมกับร้องไห้

พ่อสามีของฉันส่งสายตาให้ฟู่ฉีชวนทีนึง "ยังไม่ตามไปเกลี้ยกล่อมอีก? เธอเพิ่งจะหย่ามา ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ แกจะไม่รู้สึกผิดหรือไง?"

"..."

จู่ๆ ฉันก็เข้าใจขึ้นมานิดนึง ว่าทำไมฟู่ฉีชวนถึงได้ยอมให้ฟู่จินอันขนาดนั้น

การที่มีคนๆ นึง คอยพูดกรอกหูเตือนใจคุณอยู่ทุกวี่วัน ว่าคุณทำผิดต่อใครอีกคน

ใครจะไปทนต่อศีลรรมที่เป็นโซ่รัดตรวนมาเป็นระยะเวลานานได้

ขณะที่คุณปู่ฟู่อยากจะห้าม ฟู่ฉีชวนก็ตามออกไปแล้ว

ฉันมองแผ่นหลังของเขา แล้วก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆ อีกครั้ง

หลังจากผ่านไปสักพัก ทั้งสองคนนั้นก็ยังคงไม่กลับมา

ในฐานะที่เป็นภรรยาของฟู่ฉีชวน ต่อให้ต้องแสร้งทำ ฉันก็ควรจะลุกขึ้นบ้าง "คุณปู่คะ หนูออกไปดูฉีชวนหน่อยนะคะ"

"อืม"

คุณปู่ฟู่พยักหน้า ออกคำสั่งคนรับใช้อย่างใส่ใจ "กลางคืนอากาศเย็น ไปหยิบเสื้อโค้ทให้นายหญิงสิ"

ฉันเดินออกจากประตูบ้าน เห็นรถมายบัคยังคงจอดอยู่ที่เดิมในสวน จึงเตรียมจะออกไปดูด้านนอกคฤหาสน์

ขณะกำลังย่างเท้าออกไป ก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันลอยมา

"เธอคิดจะทำอะไรกันแน่? อย่าบอกฉันนะว่าเรื่องที่พูดออกมาตอนอยู่บนรถ เธอแค่ปากไวจริงๆ!"

ฟู่ฉีชวนถามด้วยเสียงดุดัน กร้าวร้าวบีบบังคับ

เขาในมุมนี้ ฉันเคยเห็นก็แต่เวลาที่เขาทำงานเท่านั้น

ฟู่จินอันที่เคยมีท่าทีอ่อนโยนเรียบร้อย กลายเป็นทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย มองฟู่ฉีชวนด้วยน้ำตานองหน้า

"นายโทษฉันแล้วใช่ไหม? แต่ฉันอิจฉาไง ฉันทนไม่ได้ ฉันอิจฉาจะตายอยู่แล้ว"

"ฟู่จินอัน หล่อนเป็นภรรยาของฉัน เธอจะมาอิจฉาในฐานะอะไร?" ฟู่ฉีชวนแค่นหัวเราะ น้ำเสียงเย็นชาและแข็งกระด้าง

"ขอโทษ..."

ฟู่จินอันร้องไห้จนไหล่สั่นตามไปด้วย "ฉันหย่าแล้ว อาชวน นายก็รู้ๆ อยู่ ว่าที่ฉันหย่าก็เพราะนาย"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status