Share

บทที่ 5

Author: เล่อเอิน
last update Last Updated: 2024-09-27 11:51:23
ทั้งที่รู้ว่าฟู่ฉีชวนกำลังรอฉัน

หล่อนที่ขออาศัยติดรถ กลับนั่งตำแหน่งข้างคนขับ

ฉันอยากจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนี แต่สติสัมปชัญญะสั่งให้ฉันหยุดความคิดนั้น แล้วยื่นมือไปหาฟู่ฉีชวน "กุญแจรถ"

ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่วางกุญแจรถลงบนมือ

ฉันเดินอ้อมกระโปรงรถ เข้าไปนั่งบนตำแหน่งคนขับ ขณะที่ฟู่จินอันกำลังอึ้งและหน้าแข็งไป ฉันก็ยิ้มน้อยๆ "เครื่องแค่นี้เอง? พี่เองก็นับว่าเป็นพี่สาวของฉีชวน แค่ขอติดรถด้วยปกติจะตาย"

จากนั้น ก็ยื่นหน้าออกไปมองฟู่ฉีชวนที่อยู่นอกรถ "รีบขึ้นรถสิคะ คุณปู่กำลังรอพวกเราอยู่แหงๆ"

ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบสงัด

เงียบราวกับอยู่ในป่าช้า

เดิมทีฟู่จินอันอยากจะคุยกับฟู่ฉีชวน แต่คงเป็นเพราะต้องหันหลังไปคุย ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติ

อาจจะเป็นเพราะสังเกตได้ว่าฉันรู้สึกไม่ดี จู่ๆ ฟู่ฉีชวนก็เปิดกระป๋องเครื่องดื่มแล้วส่งให้ "น้ำมะม่วงที่คุณชอบ"

ฉันดื่มไปคำนึง ก็ขมวดคิ้วแล้วส่งคืนกลับไป "หวานเกินไป คุณดื่มเถอะ"

ช่วงนี้ฉันชอบกินของเปรี้ยวๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเจออะไรที่ไม่ค่อยถูกปาก ฉันพอจะฝืนกินมันลงไปเพื่อไม่ให้สิ้นเปลือง

แต่ตอนนี้ แค่คำเดียวก็ไม่สามารถฝืนได้

"โอเค"

ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่รับกลับไปด้วยความเต็มใจ

"ของที่เธอดื่มไปแล้ว แล้วไปให้เขา แบบนี้ไม่ดีมั้ง? เชื้อโรคในปากเยอะจะตาย มีสิทธิ์แพร่เชื้อแบคทีเรียในกระเพาะได้เลยนะ" ฟู่จินอันเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แอบแฝง

ฉันหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว "ถ้าเป็นอย่างที่พี่ว่า เมื่อคืนเรายังนอนด้วยกันอยู่เลยนะ งี้ก็อันตรายหนักกว่าน่ะสิ"

"..."

โตๆ กันแล้ว ฟู่จินอันย่อมรู้ดีว่าฉันหมายถึงอะไร "ดูไม่ออก พวกเธอแต่งงานกันมาตั้งนานแล้วยังสวีทกันขนาดนี้"

"เธออิจฉาหรอ?"

ฟู่ฉีชวนตำหนิหล่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

มันจะมีบางครั้ง เช่นตอนนี้ ท่าทางของฟู่ฉีชวนที่ปฏิบัตต่อหล่อน ก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเขาก็เกลียดฟู่จินอันอยู่เหมือนกัน

ดูเหมือนว่านี่เป็นวิธีสนทนาที่พวกเขาคุ้นเคยกันดี ฟู่จินอันสวนกลับ "ฉันอิจฉา! แล้วจะทำอะไรฉัน?"

"ใครมันจะอยากยุ่งกับเธอ"

"จ้าๆๆ"

ฟู่จินอันเบ้ปาก ในแววตาเผยรอยยิ้ม "ก็ไม่รู้ว่าใครนะ ตอนคืนวันเข้าหอแค่ได้ยินว่าฉันเกิดเรื่อง ก็ไม่สนใจเมียตัวเอง แล้วเอาแต่เฝ้าฉันทั้งคืน..."

"ฟู่จินอัน!"

ฟู่ฉีชวนสีหน้าเปลี่ยนทันที เขาตวาดออกมาเพื่อปรามอีกฝ่าย!

ฉันดึงสติกลับมาอย่างฉับพลัน เหยียบเบรก ขณะที่รถพุ่งเกยขึ้นทางม้าลายมันก็ค่อยๆ หยุดลง

ฉันจ้องใบหน้าที่ประกอบด้วยเครื่องหน้าแสนเพอร์เฟ็กไร้ที่ติของฟู่ฉีชวนด้วยความอึ้งๆ ผ่านกระจกมองหลัง หัวใจราวกับถูกชุบไว้ด่วยน้ำกรด

ความน้อยเนื้อต่ำใจที่ทำให้รู้สึกแสบไปทั้งดวงตาและจมูก ถาโถมเข้ามาในชั่วขณะ

ไม่บ่อยครั้งที่ฟู่ฉีชวนจะเผยความตึงเครียดออกมาเวลาอยู่ต่อหน้าฉัน "หนานจือ..."

"คืนนั้นคุณไปหาเธอหรอ?"

เมื่อฉันปริปากออกมา ถึงได้ค้นพบว่าแม้แต่น้ำเสียงก็ยังเต็มไปด้วยความขมขื่น

ความรู้สึกที่อยู่ใต้ก้นบึ้งของหัวใจทะลักเข้ามา จนฉันแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่

ต่อให้ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ที่มีต่อฟู่ฉีชวนจะสมานฉันท์แค่ไหน แต่เรื่องที่คืนแต่งงาน เขาทิ้งฉันแล้วหายออกไป ไม่กลับมาทั้งคืน เพียงเพราะโทรศัพท์สายเดียวที่ไม่รู้ว่าใครโทรมา ยังคงเป็นปมที่ฝังลึกอยู่ในใจของฉันไม่เสื่อมคลาย

เรื่องแต่งงานในตอนนั้น คุณปู่ฟู่เป็นคนตัดสินแทนฉันกับฟู่ฉีชวน

ตอนที่เพิ่งใช้ชีวิตแต่งงานกันได้ใหม่ๆ ฉันกับเขายังยังเป็นเหมือนคนแปลกหน้ากันอยู่ จึงไม่ได้มีโอกาสถามเขาว่าคืนนั้นหายไปไหน

เรื่องนี้ก็เลยจบลงไปทั้งอย่างนั้น

แต่ตอนนี้ ฟู่จินอันดึงหนามที่ฝังลึกอยู่ในใจของฉันออกแล้วแทงมันลงลึกกว่าเดิมอย่างรุนแรง โดยไม่มีแม้แต่สัญญาณเตือนล่วงหน้า

สายตาของฉันมองสลับไปมองระหว่างพวกเขาสองคน รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับตัวตลก

ฟู่จินอันเอามือปิดปากตัวเองด้วยท่าทางลนลาน หันไปมองฟู่ฉีชวน "เรื่องนี้นายไม่เคยบอกหนานจือหรอ? โทษที่ฉันปากไวไปหน่อย"

ราวกับกำลังพูดว่า พวกเธอสองคนก็ไม่ได้รักกันเท่าไหร่นี่ แม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ยังปิดบังกัน

"ฟู่จินอัน สมองของเธอโดนประตูหนีบหรอ?"

ฟู่ฉีชวนมีสีหน้าดำทะมึน เย็นชาจนน่ากลัว

เครื่องหน้าของเขา คมชัดเป็นสัดส่วน เวลาที่ทำหน้าเย็นชาเขาจะแผ่ออร่าสังหารอย่างแรงกล้า คนใครๆ ต่างก็หวาดกลัว นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถกุมบังเหียนแซ่ฟู่กรุ๊ปได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

"พอเถอะๆ ขอโทษก็แล้วกัน ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเรื่องแค่นี้นายก็ยังไม่บอกเธอ"

ฟู่จินอันรีบขอโทษ ทว่าน้ำเสียงกลับเผยความสนิทสนมและไร้เดียงสา

ราวกับเธอคาดการณ์ได้ว่าฟู่ฉีชวนไม่มีทางทำอะไรเธอ

จู่ๆ เสียงโทรศัพท์อันคุ้นเคยก็ดังขึ้น

"เอาคืนมา"

ฉันยื่นมือไปเอาโทรศัพท์กลับมา มองหน้าจอที่แสดงเบอร์ที่โทรเข้ามา กดรับสาย เก็บอารมณ์ทุกอย่างลงไป

"หรวนหร่วนเอ๋ย ใกล้จะถึงหรือยัง?"

ตอนแรกฉันอยากจะลงจากรถแล้วหนีไปซะ

แต่พอได้ยินเสียงใจดีของคุณปู่ฟู่ ก็ใจอ่อนลงอีกครั้ง "ใกล้ถึงแล้วค่ะ คุณปู่ วันนี้ลมแรง ไม่ต้องอยู่ในสวนรอเรานะคะ"

ใครๆ ก็บอกว่าคุณท่านฟู่เป็นคนซีเรียส หัวโบราณ ไม่ฟังใครทั้งนั้น แต่ฉันมักจะคิดอยู่บ่อยๆ ว่า ถ้าคุณปู่ของฉันยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็คงจะทำดีกับฉันแบบนี้แหละ

……

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง กลางคืนมักจะยาวกว่ากลางวัน

ขณะที่รถเคลื่อนตัวสู่คฤหาสน์เก่าของตระกูลฟู่ ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

รอบๆ บ้านถูกแขวนด้วยโคมไฟไหว้พระจันทร์ ทำให้บรรยากาศดูรื่นเริง

เมื่อฉันจอดรถสนิท คว้ากระเป๋าได้ก็เดินลงจากรถไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

แม้ว่าฉันจะเตือนไปตั้งแต่ในสายโทรศัพท์แล้ว แต่คุณปู่ก็ยังคงดึงดันรอเราอยู่ในสวน

คุยทางโทรศัพท์ ฉันยังพอจะเก็บความรู้สึกได้บ้าง

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้า แค่แวบเดียวก็ถูกคุณปู่ฟู่อ่านทะลุจนหมดเปลือก

"ไอ้หลานไม่รักดีนั่นมันรังแกหนูอีกแล้วใช่ไหม?" หนวดเคราน้อยๆ ของคุณปู่ฟู่กระตุกเป็นระยะ ท่าทางเหมือนอยากจะออกโรงแทนให้ฉัน

"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"

ฉันไม่อยากให้คุณปู่เป็นห่วง จึงจูงมือท่านเข้าบ้าน "ลมแรงขนาดนี้ ไม่ปวดหัวหรอคะ?"

แม้ว่าฉันจะช่วยปกปิดแทนฟู่ฉีชวน แต่เมื่อคุณปู่เห็นฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอันเดินลงจากรถมาตามหลัง ก็ยังหน้าบึ้งตึงอยู่ดี

แต่ครอบครัวของลุงรองก็อยู่ด้วย คุณปู่จึงระงับเอาไว้ไม่ได้เอาเรื่อง

แต่พ่อสามีของฉันนี่สิ พอเห็นว่าฟู่จินอันกลับมาก็ดีใจขีดสุด

"ฉีชวน ได้ยินว่าจินอันไปทำงานที่บริษัท? ลูกต้องดูแลเธอดีๆ ถึงจะสู้หน้าป้าเวินของลูกได้"

"..."

ขณะนี้กำลังอยู่บนโต๊ะอาหาร ฉันพอจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินได้ และตั้งหน้าตั้งตากินอาหารของตัวเอง

ฟู่ฉีชวนสำรวจสีหน้าของฉันแวบนึง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ "ครับ ผมรู้ว่าต้องทำอะไร"

"หนูหร่วน หนูเองก็ต้องดูแลจินอันเหมือนกับฉีชวนด้วยนะ"

พ่อสามีของฉันเอ่ยชื่อฉันอีกครั้ง คงกลัวว่าจะมีใครในบริษัทไปทำให้ฟู่จินอันต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

ฉันดื่มน้ำข้าวโพดคำนึง แล้วพูดอย่างไร้ความรู้สึก "คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตอนนี้พี่จินอันเป็นผู้บังคับบัญชาของหนู ต้องให้เธอดูแลหนูถึงจะถูก"

ทันทีที่ฉันพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนบนโต๊ะอาหารก็เผยสีหน้าแปลกประหลาด

"หนานจือ ฉันเคยบอกเธอไปแล้ว ถ้าเธอรู้สึกไม่พอใจ ตำแหน่งผอ.นี้น่ะ ฉันพร้อมยกให้เธอได้ทุกเมื่อ" ฟู่จินอันวางท่าอย่างคนที่โตเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง

เมื่อเทียบกันแล้ว ฉันจึงดูเป็นคนก้าวร้าวขึ้นมาเล็กน้อย

คุณปู่วางแก้วชากระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง เห็นได้ชัดว่ามีน้ำโห คำพูดคำจาก็เชือดเฉือน "ยกให้? ตำแหน่งนี้เดิมทีมันก็เป็นของหนานจือ! หล่อนมันไม่สำเหนียกตัวเอง ไอ้ฉีชวนเด็กโง่นั่นมันกล้าใช้ตำแหน่งนี้มาชดใช้บุญคุณ หล่อนก็ยังจะกล้ารับ!"

"คุณปู่..."

"อย่า คำว่าคุณปู่ที่ออกจากปากหล่อน ฉันไม่รับ"

ได้ยินป้ารองบอกว่า คุณปู่ฟู่ไม่เคยยอมรับการมีตัวตนของฟู่จินอัน

ตอนนั้นแม่ของฟู่จินอันแต่งเข้าตระกูล ท่านก็คัดค้านหัวชนฝา

แต่พ่อสามีของฉันแบกหน้าฝืนแต่งในที่สุด

และก็เพราะแบบนั้น ทรัพย์สมบัติของตระกูลฟู่จึงไม่เคยตกมาถึงมือของพ่อสามีฉันเลยแม้แต่แดงเดียว มีแค่ค่าครองชีพปีละยี่สิบห้าล้านเท่านั้น

นอกจากนั้น ก็ไม่มีอะไรอีก

พ่อสามีของฉันรีบเอ่ยปาก "คุณพ่อ ตอนนี้เธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง ทำไมคุณพ่อต้อง..."

"แกหุบปากไปซะ!" คุณปู่ตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว

ก่อนหน้านี้ฉันรู้แค่ว่า คุณปู่ไม่ค่อยชอบฟู่จินอันเท่าไหร่

แต่เท่าที่ฉันจำได้นี่เป็นครั้งแรกที่คุณปู่ทำให้หล่อนอับอายต่อหน้าทุกคนจนหาทางลงไม่ได้

ฟู่จินอันหน้าซีด คว้ากระเป๋าได้ก็ลุกขึ้นอย่างลนลานทำอะไรไม่ถูก "วันนี้หนูไม่ควรมาเอง เลยทำให้ทุกคนเสียบรรยากาศ"

พูดจบ ก็วิ่งออกไปพร้อมกับร้องไห้

พ่อสามีของฉันส่งสายตาให้ฟู่ฉีชวนทีนึง "ยังไม่ตามไปเกลี้ยกล่อมอีก? เธอเพิ่งจะหย่ามา ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ แกจะไม่รู้สึกผิดหรือไง?"

"..."

จู่ๆ ฉันก็เข้าใจขึ้นมานิดนึง ว่าทำไมฟู่ฉีชวนถึงได้ยอมให้ฟู่จินอันขนาดนั้น

การที่มีคนๆ นึง คอยพูดกรอกหูเตือนใจคุณอยู่ทุกวี่วัน ว่าคุณทำผิดต่อใครอีกคน

ใครจะไปทนต่อศีลรรมที่เป็นโซ่รัดตรวนมาเป็นระยะเวลานานได้

ขณะที่คุณปู่ฟู่อยากจะห้าม ฟู่ฉีชวนก็ตามออกไปแล้ว

ฉันมองแผ่นหลังของเขา แล้วก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆ อีกครั้ง

หลังจากผ่านไปสักพัก ทั้งสองคนนั้นก็ยังคงไม่กลับมา

ในฐานะที่เป็นภรรยาของฟู่ฉีชวน ต่อให้ต้องแสร้งทำ ฉันก็ควรจะลุกขึ้นบ้าง "คุณปู่คะ หนูออกไปดูฉีชวนหน่อยนะคะ"

"อืม"

คุณปู่ฟู่พยักหน้า ออกคำสั่งคนรับใช้อย่างใส่ใจ "กลางคืนอากาศเย็น ไปหยิบเสื้อโค้ทให้นายหญิงสิ"

ฉันเดินออกจากประตูบ้าน เห็นรถมายบัคยังคงจอดอยู่ที่เดิมในสวน จึงเตรียมจะออกไปดูด้านนอกคฤหาสน์

ขณะกำลังย่างเท้าออกไป ก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันลอยมา

"เธอคิดจะทำอะไรกันแน่? อย่าบอกฉันนะว่าเรื่องที่พูดออกมาตอนอยู่บนรถ เธอแค่ปากไวจริงๆ!"

ฟู่ฉีชวนถามด้วยเสียงดุดัน กร้าวร้าวบีบบังคับ

เขาในมุมนี้ ฉันเคยเห็นก็แต่เวลาที่เขาทำงานเท่านั้น

ฟู่จินอันที่เคยมีท่าทีอ่อนโยนเรียบร้อย กลายเป็นทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย มองฟู่ฉีชวนด้วยน้ำตานองหน้า

"นายโทษฉันแล้วใช่ไหม? แต่ฉันอิจฉาไง ฉันทนไม่ได้ ฉันอิจฉาจะตายอยู่แล้ว"

"ฟู่จินอัน หล่อนเป็นภรรยาของฉัน เธอจะมาอิจฉาในฐานะอะไร?" ฟู่ฉีชวนแค่นหัวเราะ น้ำเสียงเย็นชาและแข็งกระด้าง

"ขอโทษ..."

ฟู่จินอันร้องไห้จนไหล่สั่นตามไปด้วย "ฉันหย่าแล้ว อาชวน นายก็รู้ๆ อยู่ ว่าที่ฉันหย่าก็เพราะนาย"

Related chapters

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 6

    ฉันรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวที่เย็นเฉียบเลือดในร่างกายแทบจะหยุดแข็งมีวินาทีหนึ่งที่ฉันสงสัยว่า ตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่าฉันเคยสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างชัดเจนแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ถ้าพูดออกไป คนหนึ่งคือคุณชายตระกูลฟู่ อีกคนคือคุณหนูตระกูลฟู่ ยังไงก็ถือว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้วฟู่ฉีชวนเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้แต่ทว่า ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่ฉีชวนที่มีดวงตาแดงก่ำกดฟู่จินอันไว้กับผนัง พูดเสียงเย้ยหยันและเย็นชาออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน"จะหย่าเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกคนที่เลือกจะแต่งงานกับคนอื่นก็คือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?!""ฉัน..."คำถามที่มารัวๆ ทำให้ฟู่จินอันพูดไม่ออก น้ำตาไหลราวกับหยาดน้ำค้างที่หล่นลงมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อของฟู่ฉีชวนไว้อย่างไร้หนทาง"ฉันผิดไปแล้ว อาชวน ยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหม? แค่ครั้งเดียว และตอนนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ...""ฉันแต่งงานแล้ว""แต่งงานแล้วมันหย่าไ

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 7

    ฟู่ฉีชวนดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า "แล้วคืนแต่งงานล่ะ เพราะอะไร?"ยังคงจำได้ลางๆ ว่าคืนนั้นฉันนั่งรออยู่ที่ระเบียงทั้งคืนคืนแต่งงาน เขาทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานแล้วออกไปโดยไม่สนใจใยดีฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา อีกทั้งยังคิดฟุ้งซ่านว่าตัวเองทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะกลับบ้านเร็วๆตอนนั้นฉันเพิ่งอายุยี่สิบสามปี บังเอิญได้แต่งงานกับคนที่แอบชอบมานานหลายปีจะไม่คาดหวังอะไรกับการแต่งงานและเขาได้อย่างไรแต่จนถึงวันนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า ตอนที่ฉันนั่งรอเขากลับบ้านด้วยความหวังเต็มหัวใจ เขากลับไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนทั้งหมดนี้ ช่างเหมือนกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่งจริงๆตอนนี้ฟู่ฉีชวนไม่ได้ปิดบังฉันอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ "คืนนั้นเธอไปแข่งรถกับคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตำรวจจึงแจ้งให้ฉันไปรับ"ช่างบังเอิญจริงๆในวันแต่งงานของฉันกับฟู่ฉีชวน เธอกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นในช่วงดึกแต่ฉันจำได้ว่าในงานเลี้ยงที่บ้านหลังงานแต่งเพียงไม่กี่วัน เธอก็อยู่ในงาน ทั้งยังไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลยสักนิดฉันล

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 8

    ฉันไม่อยากเข้าใจในทันที แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าใจเจียงไหลหัวเราะเบาๆ แล้วพูดวิจารณ์ว่า "ก็แค่ทั่วไปนั่นแหละ""..."ฉันมองเธอด้วยความประหลาดใจ ส่งสายตาเป็นคำถาม ???"เคยนอนด้วยครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แย่มาก"เจียงไหลรีวิวอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าเฮ่อถิงจะอยู่ด้วยเฮ่อถิงโวยวาย "นั่นมันครั้งแรกของฉัน เธอจะไปรู้อะไร!""หยุด หยุด หยุด ฉันไม่ขอรับผิดชอบเรื่องนี้ นายเป็นคนเจ้าชู้ อย่ามาพูดถึงเรื่องครั้งแรกกับฉันเลย อย่างน้อยๆ ครั้งแรกของนายก็น่าจะเป็นกับมันหรือมันต่างหาก" เจียงไหลพูดขัดแล้วชี้ไปที่มือซ้ายและขวาของเขาฉันมองเฮ่อถิงที่ปกติมักจะทำตัวไม่จริงจัง แต่เมื่อเจียงไหลพูดแบบนี้ เขาก็หน้าแดงขึ้นมา และในที่สุดฉันก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันคือความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเฮ่อถิงน่าจะกำลังตามจีบเจียงไหลเจียงไหลไม่สนใจเฮ่อถิงอีกต่อไป จูงมือฉันเดินไปที่ห้องวีไอพี "มีรุ่นพี่คนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ เฮ่อถิงกับพวกเขาจัดงานเลี้ยงให้ แล้วชวนฉันมาร่วมสนุก""รุ่นพี่คนไหนเหรอ?" ฉันถามเบาๆ"เธอน่าจะรู้จักนะ ก็คือ..."เจียงไหลพูดขณะเปิดประตูห้องวีไอพีในห้องวีไอพีมีผู้ชายหลายคนนั่งอยู่

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 9

    ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรงรู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูกฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครามองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้านฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ""คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว"ใจแคบจริง"ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหารราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกินในเมื่อเธอ

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 10

    วันครบรอบการจากไปของพ่อแม่ฉันก็ตรงกับวันเสาร์นี้พอดีช่วงเช้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่ได้ไม่น่าจะใช้เวลามากนักแต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดออกไปอย่างมั่นใจไม่สามารถบอกฟู่ฉีชวนไปเมื่อวานนี้ได้ว่าฉันตั้งครรภ์แล้วและไม่สามารถบอกเจียงไหลในตอนนี้อย่างมั่นใจได้ว่าจะพาฟู่ฉีชวนไปด้วยกลัวว่าแผนที่วางไว้จะตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอัน สำหรับฉันแล้วมันเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดในทุกเมื่อเจียงไหลเห็นฉันไม่ค่อยมีอารมณ์สนใจนัก จึงเหลือบมองไปที่ออฟฟิศของฟู่จินอัน แล้วถามว่า "เรื่องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์นั่น ฟู่ฉีชวนจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?""ก็คงประมาณนั้น"เราคุยกันอีกสักพัก จากนั้นเธอก็กลับไปแผนกการตลาดอย่างวางใจ…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟู่จินอันเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว หรือว่าจู่ๆ ก็คิดได้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเราอยู่กัยอย่างสงบสุขแต่เดิมฉันกังวลว่าการออกแบบรุ่นพิเศษสำหรับปีใหม่อาจจะติดขัดเพราะเธอ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นจนเข้าสู่ขั้นตอนการทำต้นแบบ"พวกเธอคิดว่าคนที่เพิ่งเข้ามามีความสัมพ

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 11

    ความหวังทั้งหมดดับวูบลงในทันที รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัวหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง คงจะเป็นแบบนี้นี่เองฉันถือโทรศัพท์ไว้ในมือ แต่พูดอะไรไม่ออกอยู่นานอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่มีความหมายอะไรแล้วเขาไปที่ไหน มันชัดเจนอยู่แล้วฉันพูดกับเขาไว้แล้วว่าจะไม่มีครั้งหน้าดังนั้น นี่ก็แสดงว่าเขาได้ตัดสินใจแล้วไม่ใช่หรือ?คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักการเลือกและการพิจารณาผลดีผลเสียหรอกฉันคือคนที่ถูกเขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แล้วถูกทิ้งไปคนนั้นฉันยกมือขึ้นลูบท้องโดยไม่รู้ตัว และคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าควรจะเก็บเด็กคนนี้ไว้จริงๆ หรือถ้าหากฉันเก็บเด็กคนนี้ไว้ ต่อให้ฉันอยากตัดขาดกับเขา ก็ยากที่จะตัดขาดได้อย่างสมบูรณ์สิทธิในการเลี้ยงดูลูกก็คือปัญหาใหญ่ที่ปลายสาย เขาเรียกฉันเบาๆ "หนานจือ?""อืม"ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก หรืออาจจะบอกได้ว่า ในเวลานี้ ฉันไม่อยากพูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ฉันขับรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองที่อยากให้เขามาด้วย เพราะตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ให้เขาทำไมต้องลำบากคุณป้าหลิวด้วย ฉันยังไม่ได้ท้องโตจนขยับตัวลำบากสักหน่อยบางทีเพราะในใจสับสนวุ่นวายมาก รถค

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 12

    ครั้งที่สามแล้วสามครั้งที่ฉันพยายามจะบอกเขา แต่เขากลับปฏิเสธทุกครั้งคิดๆ ดูแล้ว ก็คงไม่มีวาสนากันมั้งฉันก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้บอกเขา แบบนี้จะได้หย่ากันได้อย่างง่ายมากขึ้นเมืองเจียงเฉิงใหญ่ขนาดนี้ หย่ากันแล้วคงยากที่จะเจอกันอีกบางทีตลอดชีวิตนี้เขาอาจจะไม่มีวันรู้ว่าเรามีลูกด้วยกันคนหนึ่งก็ได้เจียงไหลฟังความคิดของฉันแล้วก็เห็นด้วย "ลูกคงไม่อยากมีพ่อที่แย่แบบนี้หรอก ไม่บอกเขาก็ดีแล้ว"ตอนที่ให้น้ำเกลือเสร็จและเดินออกจากโรงพยาบาล ก็เพิ่งบ่ายสองกว่าๆเจียงไหลควงแขนฉันเดินไปที่ลานจอดรถ ขณะเดินไปก็พูดว่า "รถของเธอส่งไปซ่อมที่ศูนย์แล้ว ชนค่อนข้างหนักต้องใช้เวลาซ่อมประมาณหนึ่งอาทิตย์ รอซ่อมเสร็จแล้วฉันจะไปเอารถกับเธอเอง ช่วงนี้ถ้าอยากไปไหนก็แค่โทรหาฉัน คนขับรถเสี่ยวเจียงคนนี้จะมาบริการเธอทันที""..."ฉันหัวเราะทั้งน้ำตา "เธอจะคอยอยู่ใกล้ๆ ฉันตลอดเวลาเลยหรือไง ไม่ทำงานแล้วเหรอ? ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันยังมีรถอีกคัน"ฟู่ฉีชวนอาจไม่เคยให้ความรักอะไรกับฉัน แต่ทั้งบ้าน รถ และเงิน ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกขาดอะไรเลยแต่เขาไม่รู้เลยว่า สิ่งเดียวที่ฉันต้องการก็คือความรัก"หมอบอกแล้วว่าเธอต้องกลับบ้านไปพักผ

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 13

    "อะไรนะ?"ฉันรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะฟู่ฉีชวนทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ "ลู่สือเยี่ยน""คืนนั้นไม่ใช่เขาหรอกหรือที่ส่งคุณกลับมา? เขาเพิ่งกลับมา คุณก็รีบแจ้นไปหาเขาทันที" น้ำเสียงของเขาทั้งเยาะเย้ยทั้งเสียดสีตัวเองฉันขมวดคิ้วแน่น มองตรงเข้าไปในสายตาของเขาและพูดอย่างไม่เชื่อว่า "คุณกำลังบอกว่าฉันชอบลู่สือเยี่ยนงั้นเหรอ?""ไม่ใช่เหรอ?" เขาเหยียดยิ้มออกมา ทั้งเย็นชาและเย้ยหยันในสายตาฉัน มันช่างเป็นการดูถูกอย่างที่สุดความรู้สึกโกรธแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนพุ่งขึ้นมา ฉันยกมือขึ้นตบหน้าเขาเต็มแรง "ฟู่ฉีชวน คุณมันเลว!"แม้ฉันจะพยายามควบคุมตัวเอง แต่ใบหน้าก็ยังคงเปียกชื้นไปหมดร้องไปๆ ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้มันช่างน่าขำเหลือเกินฉันรักเขาอย่างหมดใจมาตลอดหลายปี สุดท้ายกลับได้รับเพียงคำพูดว่า คุณจะหย่ากับผมเพราะผู้ชายคนอื่นหรือ?มันช่างน่าผิดหวังเหลือเกินไม่รู้เจียงไหลมาถึงตั้งแต่เมื่อไร ด้านหลังเธอมาเฮ่อถิงตามมาด้วยเจียงไหลดึงฉันออกไปข้างนอก พร้อมกับมองเฮ่อถิงที่ยืนตกตะลึงแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า "ยืนเซ่ออะไรอยู่? มาช่วยขนของสิ คิดว่าฉันเรียกมาดูละครหรือไง?"เฮ่อถิงมองกระเป๋าเดินทาง จากนั้นก็มองฉ

    Last Updated : 2024-09-27

Latest chapter

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 216

    ฉันเดินไปเห็นฉากลามกบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา ฉันหันหลังกลับและกำลังจะออกไป!สิ่งที่เขาแสดงให้ฉันดูคือวิดีโอของฟู่จินอันและฟู่เหวินไห่ในคืนนั้น"รีบอะไรนักหนา?"เขาเหยียดขาที่ยาวของเขาออกและขวางทางฉันโดยดึงแถบวิดีโอไปหน้าวิดีโอมืดสนิท แต่ยังได้ยินเสียงและยังเป็นเสียงที่ฉันคุ้นเคยมากอีกด้วย"คุณอย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดกับใครได้ไหม?""ได้ แล้วฉันจะได้อะไรจากทำอย่างงั้น?"……"คุณต้องการอะไร?""ฉันยังคิดไม่ออก ทำไมคุณไม่สัญญาอะไรกับฉันล่ะ ส่วนเรื่องนั้น ฉันจะบอกให้คุณรู้หลังจากฉันคิดออกแล้ว""ได้"หลังจากฟังบทสนทนานี้แล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจและพูดว่า "คุณบันทึกมันไว้จริงๆ?"มันอาจจะดูไม่เป็นทางการ แต่เมื่อถึงเวลาต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง ก็พิถีพิถันไม่มีช่องโหว่ใดๆ"แค่บังเอิญโชคดีบันทึกไว้"เขาหัวเราะเบาๆ กล้าหาญและไม่ยับยั้งชั่งใจ หยิ่งผยองมาก "นี่ถือเป็นหลักฐานหรือเปล่า?"“ได้ คุณชนะ”ฉันพูดไม่ออก น้ำเสียงของฉันดูขมขื่นอย่างเป็นธรรมชาติ “ได้ พูดมาเลย คุณต้องการอะไร?”เขาจะขอให้ฉันรีบหย่ากับฟู่ฉีชวนไหม?ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำตาม“ม

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 215

    ——เจอคนที่เราไม่อยากเจอนี่คือคำแรกที่ผุดขึ้นในหัวของฉันเมื่อฉันหันกลับไปและเห็นใบหน้าที่สดใสและหล่อเหลาของโจวฟางลู่สือเยี่ยนก็มองเขาด้วยการขมวดคิ้วเล็กน้อย "คุณชายโจวอาศัยอยู่ที่นี่หรือเปล่า?"นี่ก็เป็นคำถามที่ฉันอยากถามเช่นกันด้วยความมั่งคั่งของเขา เขาสามารถเลือกพื้นที่วิลล่าใดก็ได้อย่างง่ายดาย เขาจะอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีบรรยากาศธรรมดาเช่นนี้ได้ยังไงโจวฟางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ตามมาเรียนด้วย”ตามมาเรียนด้วย?เขาไม่ควรตามหาคู่หมั้นตัวน้อยของเขาเหรอ? เขาจะมีลูกได้ยังไง?ครอบครัวที่ร่ำรวยย่อมต้องวุ่นวายอยู่แล้ว ใครไม่มีลูกนอกสมรสบ้างล่ะลู่ซื่อหยานยิ้มและพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองสองสามคำก่อนจะผลักกระเป๋าเดินทางออกจากลิฟต์และนำเข้าไปในบ้านเมื่อเห็นว่าเขายังคงวางแผนที่จะช่วยทำความสะอาด ฉันรีบโบกมือและพูดว่า "รุ่นพี่ ไม่จำเป็นหรอก เจียงไหลจะมาที่นี่เร็วๆ นี้ ตราบใดที่เธอช่วยฉัน คุณสามารถไปทำธุระของคุณได้เลย"เขาเพิ่งกลับมาถึงตระกูลลู่ และเมื่อสวีจื่อก่อเรื่องขึ้น เขาก็คงรู้สึกเครียดมากพอแล้ว"ได้"ลู่สือเยี่ยนเหลือบมองเวลาและไม่ฝืนอีกต่อไป เขาถามด้วยความกังวล "เป็นไงบ้าง คุณย

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 214

    "ใช่ ฉันอยากลองดูสักตั้ง""คุณทำได้แน่"เขาจ้องมาที่ฉันแล้วพูดอย่างหนักแน่นฉันมีความสุขจากใจจริงและพูดอย่างจริงใจว่า "รุ่นพี่ ครั้งนี้ฉันขอบคุณจริงๆ!"แม้ว่าเขาจะพูดถึงเรื่องนี้เพียงสั้นๆ แต่ฉันก็ยังนึกภาพออกว่าเขาต้องทุ่มเทความพยายามขนาดไหนในการเอาแนนซี่กลับมาลู่สือเยี่ยนดูหมดหนทางเล็กน้อย "จะขอบคุณอะไร? ตอนแรกฉันก็อยากได้บริษัทพ่อแม่ของคุณคืนมาเหมือนกัน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมขายง่ายๆ""แค่นี้ก็เกินพอแล้ว"ฉันพูดอย่างจริงจังว่า "การมีแนนซี่ก็เพียงพอแล้ว""ตราบใดที่มันช่วยคุณได้"เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดินขึ้นไปที่ทางเข้าแล้วเปิดประตูเพื่อดู คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองมาที่ฉัน "หนานจือ คุณมีผ้าเช็ดไหม""มีอะไร?"“แม่บ้านยังทำความสะอาดไม่เสร็จ ฉันจะเช็ดมันอีกครั้ง”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างอ่อนโยน “ยังไงซะมันก็เป็นเลือด ฉันไม่อยากให้คุณเห็นแล้วตกใจ”“ไม่เป็นไร”ฉันวางเอกสารกลับเข้าไปในแฟ้มแล้ววางไว้บนโต๊ะกาแฟ “คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ฉันอาจจะย้ายออกไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอยู่แล้ว”แม้ว่าบ้านหลังนี้ในหลินเจียงการ์เด้นจะถูกจัดสรรให้ฉันเป็นทรัพย์สินในข้อตกลงการหย่าร

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 213

    จู่ๆ ลู่สือเยี่ยนก็หันกลับมามองฉันด้วยดวงตาที่เป็นประกายและน่าดึงดูด ราวกับเต็มไปด้วยแสงดาว และถามคำถามนี้โดยไม่คาดคิดฉันตกตะลึงและความคิดของฉันว่างเปล่าไปชั่วขณะฉันไม่เคยคิดเกี่ยวกับคำถามนี้เลยไม่ว่าจะเป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัยหรือหลังจากที่เขากลับมาที่จีน ฉันก็ถือว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมาฉันพบว่ามันยากที่จะถอนตัวออกจากการแต่งงานที่คลุมเครือ และเขายังมีผู้หญิงที่เขารักอย่างสุดซึ้งมาหลายปี การเป็นเพื่อนต่างเพศดูเหมือนจะเป็นข้อตกลงที่สมบูรณ์แบบไม่มีใครต้องกังวลเรื่องอะไรเลยเมื่อสบตากับลู่สือเยี่ยน ฉันรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร “รุ่นพี่…”"ช่างเถอะหน่า"ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดติดตลกว่า "ฉันแค่ล้อเล่นกับคุณเท่านั้น ทำไมคุณถึงกลัวแบบนี้ล่ะ? คุณไม่ใช่คนบอกว่าฉันเป็นคนดีหรอกเหรอ ดูเหมือนว่าคุณกำลังโกหกฉัน?""ไม่จริงสักหน่อย"ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก เอามือแตะจมูกตัวเองอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วอธิบายว่า "ฉัน... ฉันแค่คิดว่าคำถามนี้กะทันหันเกินไป"กะทันหันเกินไปท้ายที่สุดแล้ว ฉันยังไม่ได้หย่าด้วยซ้ำ ดังนั้นฉันจึงไม่มีความตั้งใจที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวยิ่งกว่านั

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 212

    เสียงของเธอเป็นปกติ แต่ดูเหมือนว่าเสิ่นซิงหยูจะกลัวเขาเล็กน้อยท่าทางเย่อหยิ่งบนใบหน้าของเธอหายไปโดยสิ้นเชิง เธอเบ้ปากและพูดอย่างเขิอาย: "ลู่สือเยี่ยน ทำไมคุณถึงมองฉันแบบนี้ ฉันแค่มาคุยกับคุณหร่วนบ้างไม่ได้หรือไง?"ลู่สือเยี่ยนยกคิ้วขึ้น “แล้วเสร็จหรือยัง?”"ใช่ ฉันคุยเสร็จแล้ว"เสิ่นซิงหยูตอบอย่างประหม่า แต่เมื่อเธอเห็นว่าลู่สือเยี่ยนยังคงไม่มีอารมณ์ เธอก็โกรธขึ้นมาทันใดและพูดอย่างโกรธเคืองว่า "ทำไมคุณถึงเป็นเหมือนไอ้งั่งอย่างโจวฟางที่คอยรังแกฉัน! อีกสองวันพ่อแม่ของฉันจะมามาดูกันว่าฉันจะยังกลัวคุณอยู่ไหม!"หลังจากพูดคำหยาบเหล่านี้ เธอก็เดินออกไปด้วยรองเท้าส้นสูงเธอเดินอย่างโกรธจัดและจงใจก้าวเท้าออกไปอย่างดังหลังจากที่เธอหันหลังและหายไป ลู่สือเยี่ยนมองไปที่ฉากนองเลือดนอกบ้านของฉันและหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาเพื่อกดโทรออก โดยขอให้บริษัททำความสะอาดจัดหาคนมาทำความสะอาดให้ต่อมา เขาจ้องมาที่ฉันอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "คุณไม่ได้กลัวใช่ไหม?""พูดตามตรง มีตอนแรกนิดหน่อย"ฉันยิ้มและหันไปให้เขาเข้ามา ฉันหยิบรองเท้าแตะคู่หนึ่งออกมาจากตู้รองเท้าและพูดว่า "คุณกินข้าวหรือยัง ฉันทำซุปเสร็

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 211

    เป็นเสิ่นซิงหยูเธอยืนอยู่ท่ามกลางเลือดในรองเท้าบู๊ตสีขาวของเธอ และเมื่อเธอเห็นว่าฉันหยุดปิดประตู เธอก็ค่อยๆ ดึงมือของเธอออกและโอบรอบหน้าอกของเธอ "หร่วนหนานจือ ฉันแนะนำให้คุณยอมแพ้และเจียมตัวเองซะ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพี่ฉีชวนอีก"เธอพบที่อยู่ของฉันอย่างรวดเร็วฉันขมวดคิ้วและพูดว่า "ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือฟู่จินอัน หากพวกคุณป่วย ก็ควรไปโรงพยาบาลหรือไปหาฟู่ฉีชวนดีกว่า อย่ามายุ่งกับฉัน""โอ้ เลิกเสแสร้งสักที"เธอเหลือบมองเข้าไปในบ้านแล้วพูดจาเหยียดหยาม "ฉันตรวจสอบดูแล้ว และถ้าคุณไม่ได้แต่งงานกับพี่ฉีชวน คุณจะซื้อบ้านที่มีทะเบียนบ้านชำรุดได้กี่ชั่วอายุคน ทั้งพ่อและแม่เสียชีวิตเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แสดงความเย่อหยิ่งที่ไม่เหมือนใครของเศรษฐีอย่างเต็มที่ฉันหมดความอดทนและพูดอย่างเย็นชา "โอ้ แล้วเธอล่ะ? เธอโชคดีแค่ไหนที่ถูกอุปการะจากตระกูลเสิ่น เธอถึงยืนอยู่ตรงนี้แล้วพูดแบบนี้ได้ และก้าวก่ายการแต่งงานของคนอื่นอย่างหยิ่งผยอง"ใครก็โดนแทงใจดำกันได้เธอหักหน้าฉัน ก็อย่าโทษฉันที่หยาบคาย"หร่วนหนานจือ!!!"ทันใดนั้น ท่าทางอันสูงส่งของเสิ่นซิงหยูก็กลายเป็นดุร้าย เธอยกมือขึ้นและต้องการตบหน้าฉัน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 210

    ฝ่ามือของฟู่จินอันกำแน่นขึ้นอย่างเงียบๆ แววตาแห่งความเสียใจปรากฏบนใบหน้า เธอพูดติดขัดและสารภาพว่า "ฉัน... ฉันรู้สึกอายเกินกว่าจะถูกเธอตีและดุด่าต่อหน้าสาธารณะในตอนนั้น เป็นช่วงเวลาแห่งความโกรธและความหงุดหงิดที่ทำให้ฉันพูดคำเหล่านั้นที่ใส่ร้ายแม่ของฉัน! ฉันผิดไปแล้ว... อาชวน"ทักษะการแสดงของเธอนั้นดีมาก ถ้าฉันไม่รู้ความจริงจากปู่ของฉันก่อนหน้านี้ ฉันอาจจะเชื่อคำพูดของเธอก็ได้สายตาของฟู่ฉีชวนจับจ้องไปที่ฟู่เหวินไห่ ตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย "คุณคิดยังไง?"“ฉันคิดยังไง?”ฟู่เหวินไห่เกร็งคอ "ถ้าเธอเป็นเป็นเมียน้อยจริงๆ เราจะแต่งงานกันได้ยังไงหลังจากแม่ของแกเสียชีวิตไปห้าปีพอดี"ทันทีที่เขาพูดจบ ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกฟู่ฉีชวนยังคงสงสัยและมองไปที่หมอ "สาหัสไหม?""ประธานฟู่"หมอเดินออกไปโดยถอดหน้ากากออกด้วยสีหน้าจริงจัง "เสียเลือดไปมากพอสมควร โชคดีที่ส่งตัวมาทันเวลา ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย ผมกลัวว่าจะหมดหวัง"เมื่อมองเห็นด้วยตาเปล่า ร่างกายที่แข็งเกร็งของฟู่ฉีชวนผ่อนคลายลงเล็กน้อยฉันขมวดคิ้ว เป็นไปได้ไหมที่จะยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อการแสดงเช่นนี้.....ถ้าไม่ได้มาที่โรงพยาบาลเซิ่งซิน ฉ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 209

    ฆ่าตัวตาย?การฆ่าตัวตายจึงเป็นทักษะทั่วไปของแม่ลูกทั้งสองคนประเภทที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น?ฉันไม่รู้ว่าทำไมตัวเองมีความคิดแบบนี้ ฉันจึงถามไปอย่างอธิบายไม่ถูกว่า "คุณต้องการให้ฉันไปด้วยไหม?"บางทีฉันอาจต้องการดูว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จหรืออาจเป็นเพราะความกลัว... ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ฟู่ฉีชวนก็ไม่มีใครให้ไว้ใจได้เลยฟู่ฉีชวนมองฉันอย่างไม่คาดคิดและพูดว่า "จะไม่เป็นไรใช่ไหม?""ไปเถอะ"ฉันหยิบกระเป๋าแล้วไปโรงพยาบาลกับเขาเมื่อเธอมาถึงโรงพยาบาล เวินฟางยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน และเป็นฟู่จินอันและฟู่เหวินไห่ที่เฝ้าอยู่ข้างนอกฉากนี้ทำให้ฉันรู้สึกตลกมากในช่วงเวลาตึงเครียดเช่นนี้ ฉันไม่ควรหัวเราะ ฉันจึงนึกถึงเรื่องเศร้าๆ ในชีวิตของฉันในใจฟู่ฉีชวน ฟู่จินอัน ฟู่เหวินไห่ และเวินฟางในห้องฉุกเฉินหากคุณวาดแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสี่คนนี้ มันควรจะคล้ายกับใยแมงมุม วุ่นวายและสับสนฟู่จินอันรีบวิ่งเข้ามาและผลักฉัน "หร่วนหนานจือ แกหัวเราะอะไร แม่ของฉันประสบอุบัติเหตุ แกมีความสุขที่ได้มาที่นี่เพื่อดูความตื่นเต้นหรือไง?!"ใช่ ฉันพยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนัก แต่ก็ยังทำไม่ไ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 208

    หรือจะบอกได้ว่า ตั้งแต่ปู่ของเขาตายไป เวินฟางอาจกลายเป็นความอบอุ่นเพียงอย่างเดียวที่ฟู่ฉีชวนได้รับจากความรักในครอบครัวแต่ตอนนี้... หากสิ่งที่ฟู่จินอันพูดเป็นความจริง ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับความรักในครอบครัวก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงความผูกพันทางอารมณ์หลายปี หลายทศวรรษ จะขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กันสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ การต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เลวร้ายอย่างไรก็ตาม ฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลุงเฉิง มีบางสิ่งที่ความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวฉันมองฟู่ฉี่ชวนอย่างมั่นคงและพูดว่า "คุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมล่ะ?"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน "เชื่อ"คงต้องใช้เวลาคิดนานก่อนที่จะตัดสินใจถามฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ลังเลที่จะตอบนั่นทำให้ฉันสบายใจ ฉันจิบกาแฟแล้วเริ่มพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าวันนั้นที่โรงพยาบาล ฉันพูดอะไร....”“พี่ฉีชวน!”ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่สดใสและชัดเจนซึ่งขัดจังหวะฉันอย่างหยาบคายวินาทีต่อมา เสิ่นซิงหยูเดินเข้ามาโดยชุดชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรองเท้าบู๊

DMCA.com Protection Status