Share

บทที่ 3

Author: เล่อเอิน
last update Last Updated: 2024-09-27 11:51:23
ฉันอึ้งไปอย่างแรง

อ่านอีเมลนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างละเอียด ราวกับกำลังเช็คให้แน่ใจก็ไม่ปาน

ใช่แล้ว ไม่ผิดแน่

ฟู่จินอัน ไม่รู้ว่าโผล่มาจากนั้น จู่ๆ ก็กลายเป็นผอ.แผนกดีไซน์เนอร์ เป็นหัวหน้าของฉัน

"หรวนหร่วน เธอรู้จักหล่อนใช่ไหม?"

เจียงไหลเห็นว่าฉันแปลกไป ก็ยื่นมือมาโบกตรงหน้าฉัน แล้วเอ่ยการคาดเดาของเธอ

ฉันวางโทรศัพท์ลง "อืม หล่อนเป็นพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ของฟู่ฉีชวน ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยเล่าให้เธอฟัง"

หลังจากที่เรียบจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป แต่ฉันกับเจียงไหลสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สัญญากันเอาไว้ว่าจะอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงต่อด้วยกัน จะไม่ไปไหนทั้งนั้น

เจียงไหลกระดกลิ้น "เช้ด เด็กเส้นหรอกหรอ!"

"..."

ฉันไม่ได้พูดอะไร

ในใจก็พลางคิดว่า ไม่ใช่แค่เด็กเส้นธรรมดาด้วยสิ

"สมองของฟู่ฉีชวนได้รับการกระทบกระเทือนหรือไง?"

เจียงไหลแซะไม่หยุด ต่อสู้กับความอยุติธรรมแทนฉัน "มีสิทธิ์อะไร? ฉันไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าวงการดีไซน์เนอร์มีเบอร์ต้นที่ชื่อนี้อยู่ แล้วดูฟู่ฉีชวนสิ ยกตำแหน่งผอ.ให้นางหน้าตาเฉย? แล้วเธอล่ะ เขาเอาเธอไปไว้ตรงไหน..."

"ช่างเถอะหน่า"

ฉันขัดบทสนทนาของเธอ แล้วพูดเสียงเบา "ของพวกนี้มันไม่สำคัญหรอก ถ้าเขาอยากให้ ก็ให้"

ถ้าเขาไม่อยากให้ คนอื่นก็ให้ฉันได้เหมือนกัน

เพียงแต่ ถึงยังไงก็กำลังอยู่ในโรงอาหารบริษัท คำพูดพวกนี้ไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมา

เดี๋ยวจะมีคนชั่งใส่ใจเรื่องชาวบ้าน หยิบเอาไปเขียนบทความซะเปล่าๆ

"เธอมีแผนแล้วใช่ไหม?"

เจียงไหลรู้จักฉันมากพอ เมื่อออกจากโรงอาหาร เห็นว่ารอบข้างไม่มีใครแล้ว ก็เอาแขนพาดบ่าแล้วถามฉันด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ

ฉันเลิกคิ้ว "ทายสิ"

"หรวนหร่วนที่น่ารัก บอกฉันเถอะน่ะ"

"จะว่าใช่ก็ได้ แต่ยังไม่ได้วางแผนไว้ครบถ้วนทั้งหมด"

ทำงานมาสี่ปีแล้ว ฉันยังไม่เคยเปลี่ยนงานเลย

แซ่ฟู่ เหมือนเป็นเซฟโซนของฉันมากกว่า

ถ้าต้องลาออกจริงๆ อาจจะต้องมีอะไรสักอย่างหรือสักเรื่องที่ผลักให้ฉันออกมา

เมื่อกลับมาถึงห้องทำงาน ฉันก็ทุ่มสมาธิไปกับการดีไซน์รุ่นลิมิเต็ดสำหรับปีใหม่ ไม่ได้สนใจเรื่องพักกลางวัน

เดิมทีนี่ควรจะเป็นงานของผอ. แต่ผอ.ลาออกไปแล้ว งานก็เลยหล่นมาทับหัวรองผอ.ตามลำดับ ฉันจึงได้แต่ทำเวลา

"พี่ กาแฟค่ะ"

ตอนเกือบบ่ายสองโมง ผู้ช่วยหลินเนี่ยนเคาะประตูและเดินเข้ามา เธอวางกาแฟแก้วนึงลงบนโต๊ะฉัน

ฉันยิ้มนิดหน่อย "ขอบใจจ้ะ"

เธอเห็นว่าฉันกำลังวาดแบบร่าง ก็ทำหน้าตาสงสัย "พี่ ยังทำใจสงบนั่งออกแบบได้อีกหรอคะ? ฉันไปแอบถามมา คนที่โผล่มาจากไหนไม่รู้นั่นน่ะ ไม่ได้ผ่านการสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ ก็ได้ครองตำแหน่งผอ.ไปหน้าตาเฉย พี่ไม่โกรธหรอคะ?"

"..."

ฉันหลุดหัวเราะออกมา ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

ไม่โกรธหรอ

แน่นอนว่าโกรธ

แต่ไม่สามารถจะไปพูดอะไรกับลูกน้องได้

"ทุกคนฟังที่ฉันพูดนะ..."

ที่ด้านนอกห้องทำงาน จู่ก็มีเสียงเอะอะขึ้นมา ผู้ช่วยพิเศษฉินเรียกความสนใจของทุกคนมารวมกัน

ผ่านกระจกที่สูงจรดพื้น ทำให้สามารถมองเห็นพื้นที่สำนักงานสาธารณะได้ในทันที

ฟู่ฉีชวนสวมชุดสูทสั่งตัดด้วยมือสีเข้ม มือข้างนึงล้วงกระเป๋ากางเกง เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ เท่านั้น แต่รังศีเย็นชาสูงศักดิ์ และออร่ากลับแผ่ไปสู่ผู้คน

เมื่อยืนเคียงข้างกับฟู่จินอัน ทั้งคู่ดูเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก

ฟู่จินอันมีท่าทีสง่าผ่าเผย ดวงตาทั้งสองข้างเหลือบไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเรียบเฉย ราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ

เขาขมวดคิ้วน้อยๆ รำคาญนิดหน่อย ทว่าก็ยังตามใจอยู่ดี

พูดเปิดให้หล่อนด้วยเสียงเรียบ "ท่านนี้ คือผอ.คนล่าสุดของแผนกดีไซน์ คุณฟู่จินอัน หลังจากนี้หวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือกับเธอด้วย"

ฟู่จินอันมองเขาด้วยสายตาเคืองๆ "นายจะซีเรียสขนาดนี้ทำไมเนี่ย"

จากนั้น ใบหน้าของหล่อนก็เผยรอยยิ้มผ่อนคลายมีความสุข "ทุกคนไม่ต้องไปฟังเขา ฉันเป็นคนคุยด้วยง่าย ไม่ทำงานเอาหน้าเพื่อสร้างผลงานให้ตัวเองตั้งแต่เพิ่งรับตำแหน่งแน่นอน ฉันเป็นมือใหม่สำหรับที่นี่ หากมีตรงไหนที่ยังทำได้ไม่ดี ยินดีรับฟังทุกคนนะคะ"

……

เพราะท่านประธานออกหน้าแทนหล่อน ภาพบรรยากาศจึงเป็นไปด้วยความสมานฉันท์

หลินเนี่ยนเบ้ปากอย่างอดไม่ได้ "เด็กเส้นจริงๆ ด้วย มีแต่คนที่แต่งงานซ้ำสองที่จะไปจดทะเบียนในวันอับโชค ก็มีแต่คนที่แย่งตำแหน่งคนอื่นมาเท่านั้นแหละที่จะเริ่มงานในวันอับโชค"

ตอนแรกฉันก็รู้สึกแย่อยู่ พอได้ยินคำแช่งที่มาพร้อมตรรกะเพี้ยนๆ ก็อดหัวเราะไม่ได้

ที่ด้านนอก ฟู่ฉีชวนพาฟู่จินอันมาส่งหน้าประตูห้องทำงานผอ.

"พอได้แล้ว ยังมีอะไรให้ห่วงอีก? นายทำหน้าตึงขนาดนั้น ใครจะกล้ามาหาฉัน?" ฟู่จินอันดันตัวฟู่ฉีชวนออก ท่าทางของหล่อนสนิทสนม แม้น้ำเสียงจะฟังดูเคืองๆ ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้ม

ฉันยกกาแฟขึ้นดื่มคำนึง ขมสุดๆ

เมื่อเห็นฉันขมวดคิ้ว หลินเนี่ยนก็หยิบไปดื่มคำนึง "ก็ไม่ขมนี่คะ วันนี้ฉันอุตส่าห์ใส่น้ำตาลตั้งสองก้อนเลยนะ เพราะอยากให้พี่กินอะไรหวานๆ จะได้แฮปปี้หน่อย"

"ก๊อกๆ..."

ฟู่ฉีชวนถูกฟู่จินอันไล่ออกมา ก็หันมาที่ห้องทำงานของฉัน

ฉันมองเขาตาไม่กระพริบ แทบอยากจะมองทะลุให้ถึงหัวใจของเขา

"ฉันไปชงมาให้ใหม่อีกแก้วนะคะ" หลินเนี่ยนปลีกตัวไปอย่างเนียนๆ

ฟู่ฉีชวนเดินเข้ามาช้าๆ ปิดประตูลง แล้วอธิบายอย่างสบายๆ "นี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกมาทำงาน ก็เลยค่อนข้างตื่นเต้น ถึงได้ขอให้ผมช่วยเรียกขวัญ"

"หรอคะ"

ฉันย้อนถามกลับยิ้มๆ "ดูไม่ออกเลยนะคะ"

อย่างแรกให้ระดับท่านประธานอย่างฟู่ฉีชวน แนะนำสถานะของหล่อน

มิหนำซ้ำยังพูดจาหยอกล้อภายในไม่กี่ประโยคที่เปล่งออกมา ใครๆ เขาก็รู้กันแล้วว่าหล่อนกับฟู่ฉีชวนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

ไหนจะพูดทำนองว่า "ฉันเป็นคนคุยด้วยง่าย" อะไรนั่นอีก

มันก็เหมือนกับกำลังป่าวประกาศว่าตัวเองถือไพ่คิงท่ามกลางวงไพ่ แล้วใครจะกล้าพูดอะไรได้อีก?

"เอาเถอะ ถึงเธอจะแก่กว่าคุณสองปี แต่ในเรื่องการงาน คุณเป็นรุ่นพี่ของเธอ เรื่องการออกแบบ คุณเองก็เก่งกว่าเธอ คนในแผนกยังไงก็ยอมรับคุณมากกว่า"

ฟู่ฉีชวนเดินมาข้างหลังฉัน นวดบ่าให้ฉันเบาๆ กึ่งโอ๋กึ่งเกลี้ยกล่อม "คุณไม่ต้องสนใจเธอหรอก แค่อย่าให้ใครมากลั่นแกล้งเธอก็พอแล้ว ได้ไหม?"

เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกโกรธเขาจนควบคุมไม่ได้

ฉันปัดมือเขาออก ลุกพรวดขึ้นมาทันที แล้วถามอย่างตรงประเด็น "ถ้าเป็นแบบที่คุณพูด ทำไมตำแหน่งผอ.ถึงเป็นของเธอไม่ใช่ฉัน?"

หลังจากที่พูดออกไปแล้ว ฉันถึงตระหนักได้ว่าตัวเองพูดตรงเกินไปหน่อย

แม้แต่ฟู่ฉีชวนที่สงบ เยือกเย็นมาตลอด แววตาของเขายังเผยความประหลาดใจ

ใช่

แต่งงานมากันมาสามปี ถึงแม้ว่าคู่ของเราจะไม่ได้หวานชื่น แต่เราก็เคารพซึ่งกันและกัน เราไม่เคยโกรธ ไม่เคยทะเลาะกัน เกรงว่าเขาคงจะเข้าใจมาตลอดว่าฉันเป็นหุ่นขี้ผึ้งที่ไร้ซึ่งอารมณ์

แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้เสียใจที่พูดประโยคนั้นออกไป

ถ้าตำแหน่งผอ. ตกไปอยู่กับคนที่เก่งกาจกว่าฉันจนเป็นที่ยอมรับ ฉันก็จะยอมรับด้วยใจจริง

แต่ตอนนี้เขากลับมอบมันให้ฟู่จินอัน จะบอกว่าแค่ถามฉันก็ไม่มีสิทธิ์ถามหรือยังไง

เป็นครั้งแรกที่ฟู่ฉีชวนได้เห็นด้านที่เฉียบขาดของฉัน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน "หนานจือ คุณกำลังโกรธเรื่องนี้?"

"ไม่ได้หรอคะ?"

อยู่ต่อหน้าคนอื่น ฉันยังพอจะแสร้งทำว่าไม่รู้สึกอะไร แสร้งทำเป็นใจกว้างได้บ้าง

แต่อยู่ต่อหน้าสามีตัวเอง ถ้าฉันยังต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง งั้นชีวิตแต่งงานของเราก็คงจะล้มเหลวเกินไปแล้ว

"โง่หรือไง?"

เขาหยิบรีโมทขึ้นมา ปิดม่านตรงหน้าต่างกระจกสูงจรดพื้นจนสนิท ยื่นแขนยาวออกมาดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอด "ทั้งแซ่ฟู่กรุ๊ปก็เป็นของคุณหมดนั่นแหละ จะแคร์ทำไมกับแค่ตำแหน่งนึง?"

"แซ่ฟู่เป็นของคุณ ไม่ใช่ของฉัน"

สิ่งที่ฉันพอจะไขว่คว้าได้ ก็มีแค่สิทธิ์อันน้อยนิดตรงหน้า

เขาเชยคางของฉันขึ้น สีหน้าจริงจัง "เราเป็นสามีภรรยากัน ต้องแบ่งด้วยหรอว่าอะไรของใคร?"

"งั้นคุณโอนหุ้นส่วนนึงให้ฉันไหมล่ะ?" ฉันหัวเราะ

ฉันมองเขาอย่างมีสติและรอบคอบ เพราะไม่อยากพลาดความรู้สึกอะไรก็ตามที่เขาแสดงออกมา

แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ เขาไม่ได้เผยความรู้สึกอะไรออกมาทั้งนั้น

แค่เลิกคิ้วเล็กน้อย "จะเอาเท่าไหร่?"

"สิบเปอร์เซ็น"

ถ้าอยากได้จริงๆ นี่ก็นับว่าเรียกร้องมากแล้ว

หลังจากที่ฟู่ฉีชวนแต่งงานกับฉัน ก็รับช่วงต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ปซึ่งเป็นกิจการยักษ์ใหญ่ หลังจากนั้นธุรกิจก็ขยายตัวจนกว้างขวางขึ้นหลายเท่าตัวด้วยฝีมือของเขา อย่าว่าแต่สิบเปอร์เซ็นเลย ต่อให้แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ก็กินมูลค่ารวมในตลาดไปหลายส่วนแล้ว

ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะตกลง แค่สมมติตัวเลขขึ้นมามั่วๆ เท่านั้น

"ตกลง" เขาว่า

Related chapters

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 4

    เขาแทบจะตอบรับในทันทีไม่ลังเลหรือครุ่นคิดสักนิดฉันโอบรอบคอของเขา ริมฝีปากทั้งสองด้านยกยิ้ม จับจ้องไปที่เขาไม่วางสายตา "สิบเปอร์เซ็น คุณไม่เสียดายหรอ?"แววตาของเขาบริสุทธิ์ "ก็ให้คุณ ไม่ได้ให้คนอื่นสักหน่อย"วินาทีนี้ฉันต้องยอมรับเลยว่า เงินเป็นสิ่งที่จะใช้แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ได้ดีมากอารมณ์ที่ฝืนกดมันเอาไว้ตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็ได้รับการปลอดล็อคฉันถามยิ้มๆ ราวกับอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง "แล้วถ้าเป็นพี่จินอัน คุณจะให้เธอหรือเปล่า?"เขาเงียบไปชั่วอึดใจ แล้วให้คำตอบที่แน่ชัด "ไม่ให้""จริงหรอ?""อืม ที่ผมจะให้เธอได้ ก็มีแค่ตำแหน่งนั้น"ฟู่ฉีชวนดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอด น้ำเสียงอันอบอุ่นและมุ่งมั่นดังอยู่เหนือศีรษะของฉัน "หนังสือสัญญาโอนหุ้น ตอนบ่ายผมจะให้ฉินเจ๋อส่งมา นับจากวันนี้ไป คุณก็คือหนึ่งในเจ้าของของแซ่ฟู่กรุ๊ป ส่วนคนอื่นๆ ก็เป็นแค่ลูกน้องที่ทำงานให้คุณ""แล้วคุณล่ะ?"ฉันอารมณ์ดีขึ้นเยอะ ก็ถามเขายิ้มๆเขาเลิกคิ้ว "อะไร?""คุณก็ทำงานให้ฉันด้วยหรือเปล่า?""แน่นอน"เขาหุบยิ้ม ลูบศีรษะของฉัน โน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหู พูดจาสองแง่สองง่าม "ผมให้บริการคุณได้ทั้งบนเตียงและหลังลงจากเตียง

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 5

    ทั้งที่รู้ว่าฟู่ฉีชวนกำลังรอฉันหล่อนที่ขออาศัยติดรถ กลับนั่งตำแหน่งข้างคนขับฉันอยากจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนี แต่สติสัมปชัญญะสั่งให้ฉันหยุดความคิดนั้น แล้วยื่นมือไปหาฟู่ฉีชวน "กุญแจรถ"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่วางกุญแจรถลงบนมือฉันเดินอ้อมกระโปรงรถ เข้าไปนั่งบนตำแหน่งคนขับ ขณะที่ฟู่จินอันกำลังอึ้งและหน้าแข็งไป ฉันก็ยิ้มน้อยๆ "เครื่องแค่นี้เอง? พี่เองก็นับว่าเป็นพี่สาวของฉีชวน แค่ขอติดรถด้วยปกติจะตาย"จากนั้น ก็ยื่นหน้าออกไปมองฟู่ฉีชวนที่อยู่นอกรถ "รีบขึ้นรถสิคะ คุณปู่กำลังรอพวกเราอยู่แหงๆ"ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบสงัดเงียบราวกับอยู่ในป่าช้าเดิมทีฟู่จินอันอยากจะคุยกับฟู่ฉีชวน แต่คงเป็นเพราะต้องหันหลังไปคุย ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติอาจจะเป็นเพราะสังเกตได้ว่าฉันรู้สึกไม่ดี จู่ๆ ฟู่ฉีชวนก็เปิดกระป๋องเครื่องดื่มแล้วส่งให้ "น้ำมะม่วงที่คุณชอบ"ฉันดื่มไปคำนึง ก็ขมวดคิ้วแล้วส่งคืนกลับไป "หวานเกินไป คุณดื่มเถอะ"ช่วงนี้ฉันชอบกินของเปรี้ยวๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเจออะไรที่ไม่ค่อยถูกปาก ฉันพอจะฝืนกินมันลงไปเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองแต่ตอนนี้ แค่คำเดียวก็ไม่สามารถฝืนได้"โอเค"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 6

    ฉันรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวที่เย็นเฉียบเลือดในร่างกายแทบจะหยุดแข็งมีวินาทีหนึ่งที่ฉันสงสัยว่า ตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่าฉันเคยสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างชัดเจนแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ถ้าพูดออกไป คนหนึ่งคือคุณชายตระกูลฟู่ อีกคนคือคุณหนูตระกูลฟู่ ยังไงก็ถือว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้วฟู่ฉีชวนเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้แต่ทว่า ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่ฉีชวนที่มีดวงตาแดงก่ำกดฟู่จินอันไว้กับผนัง พูดเสียงเย้ยหยันและเย็นชาออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน"จะหย่าเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกคนที่เลือกจะแต่งงานกับคนอื่นก็คือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?!""ฉัน..."คำถามที่มารัวๆ ทำให้ฟู่จินอันพูดไม่ออก น้ำตาไหลราวกับหยาดน้ำค้างที่หล่นลงมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อของฟู่ฉีชวนไว้อย่างไร้หนทาง"ฉันผิดไปแล้ว อาชวน ยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหม? แค่ครั้งเดียว และตอนนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ...""ฉันแต่งงานแล้ว""แต่งงานแล้วมันหย่าไ

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 7

    ฟู่ฉีชวนดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า "แล้วคืนแต่งงานล่ะ เพราะอะไร?"ยังคงจำได้ลางๆ ว่าคืนนั้นฉันนั่งรออยู่ที่ระเบียงทั้งคืนคืนแต่งงาน เขาทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานแล้วออกไปโดยไม่สนใจใยดีฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา อีกทั้งยังคิดฟุ้งซ่านว่าตัวเองทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะกลับบ้านเร็วๆตอนนั้นฉันเพิ่งอายุยี่สิบสามปี บังเอิญได้แต่งงานกับคนที่แอบชอบมานานหลายปีจะไม่คาดหวังอะไรกับการแต่งงานและเขาได้อย่างไรแต่จนถึงวันนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า ตอนที่ฉันนั่งรอเขากลับบ้านด้วยความหวังเต็มหัวใจ เขากลับไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนทั้งหมดนี้ ช่างเหมือนกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่งจริงๆตอนนี้ฟู่ฉีชวนไม่ได้ปิดบังฉันอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ "คืนนั้นเธอไปแข่งรถกับคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตำรวจจึงแจ้งให้ฉันไปรับ"ช่างบังเอิญจริงๆในวันแต่งงานของฉันกับฟู่ฉีชวน เธอกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นในช่วงดึกแต่ฉันจำได้ว่าในงานเลี้ยงที่บ้านหลังงานแต่งเพียงไม่กี่วัน เธอก็อยู่ในงาน ทั้งยังไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลยสักนิดฉันล

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 8

    ฉันไม่อยากเข้าใจในทันที แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าใจเจียงไหลหัวเราะเบาๆ แล้วพูดวิจารณ์ว่า "ก็แค่ทั่วไปนั่นแหละ""..."ฉันมองเธอด้วยความประหลาดใจ ส่งสายตาเป็นคำถาม ???"เคยนอนด้วยครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แย่มาก"เจียงไหลรีวิวอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าเฮ่อถิงจะอยู่ด้วยเฮ่อถิงโวยวาย "นั่นมันครั้งแรกของฉัน เธอจะไปรู้อะไร!""หยุด หยุด หยุด ฉันไม่ขอรับผิดชอบเรื่องนี้ นายเป็นคนเจ้าชู้ อย่ามาพูดถึงเรื่องครั้งแรกกับฉันเลย อย่างน้อยๆ ครั้งแรกของนายก็น่าจะเป็นกับมันหรือมันต่างหาก" เจียงไหลพูดขัดแล้วชี้ไปที่มือซ้ายและขวาของเขาฉันมองเฮ่อถิงที่ปกติมักจะทำตัวไม่จริงจัง แต่เมื่อเจียงไหลพูดแบบนี้ เขาก็หน้าแดงขึ้นมา และในที่สุดฉันก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันคือความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเฮ่อถิงน่าจะกำลังตามจีบเจียงไหลเจียงไหลไม่สนใจเฮ่อถิงอีกต่อไป จูงมือฉันเดินไปที่ห้องวีไอพี "มีรุ่นพี่คนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ เฮ่อถิงกับพวกเขาจัดงานเลี้ยงให้ แล้วชวนฉันมาร่วมสนุก""รุ่นพี่คนไหนเหรอ?" ฉันถามเบาๆ"เธอน่าจะรู้จักนะ ก็คือ..."เจียงไหลพูดขณะเปิดประตูห้องวีไอพีในห้องวีไอพีมีผู้ชายหลายคนนั่งอยู่

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 9

    ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรงรู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูกฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครามองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้านฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ""คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว"ใจแคบจริง"ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหารราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกินในเมื่อเธอ

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 10

    วันครบรอบการจากไปของพ่อแม่ฉันก็ตรงกับวันเสาร์นี้พอดีช่วงเช้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่ได้ไม่น่าจะใช้เวลามากนักแต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดออกไปอย่างมั่นใจไม่สามารถบอกฟู่ฉีชวนไปเมื่อวานนี้ได้ว่าฉันตั้งครรภ์แล้วและไม่สามารถบอกเจียงไหลในตอนนี้อย่างมั่นใจได้ว่าจะพาฟู่ฉีชวนไปด้วยกลัวว่าแผนที่วางไว้จะตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอัน สำหรับฉันแล้วมันเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดในทุกเมื่อเจียงไหลเห็นฉันไม่ค่อยมีอารมณ์สนใจนัก จึงเหลือบมองไปที่ออฟฟิศของฟู่จินอัน แล้วถามว่า "เรื่องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์นั่น ฟู่ฉีชวนจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?""ก็คงประมาณนั้น"เราคุยกันอีกสักพัก จากนั้นเธอก็กลับไปแผนกการตลาดอย่างวางใจ…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟู่จินอันเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว หรือว่าจู่ๆ ก็คิดได้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเราอยู่กัยอย่างสงบสุขแต่เดิมฉันกังวลว่าการออกแบบรุ่นพิเศษสำหรับปีใหม่อาจจะติดขัดเพราะเธอ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นจนเข้าสู่ขั้นตอนการทำต้นแบบ"พวกเธอคิดว่าคนที่เพิ่งเข้ามามีความสัมพ

    Last Updated : 2024-09-27
  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 11

    ความหวังทั้งหมดดับวูบลงในทันที รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัวหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง คงจะเป็นแบบนี้นี่เองฉันถือโทรศัพท์ไว้ในมือ แต่พูดอะไรไม่ออกอยู่นานอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่มีความหมายอะไรแล้วเขาไปที่ไหน มันชัดเจนอยู่แล้วฉันพูดกับเขาไว้แล้วว่าจะไม่มีครั้งหน้าดังนั้น นี่ก็แสดงว่าเขาได้ตัดสินใจแล้วไม่ใช่หรือ?คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักการเลือกและการพิจารณาผลดีผลเสียหรอกฉันคือคนที่ถูกเขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แล้วถูกทิ้งไปคนนั้นฉันยกมือขึ้นลูบท้องโดยไม่รู้ตัว และคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าควรจะเก็บเด็กคนนี้ไว้จริงๆ หรือถ้าหากฉันเก็บเด็กคนนี้ไว้ ต่อให้ฉันอยากตัดขาดกับเขา ก็ยากที่จะตัดขาดได้อย่างสมบูรณ์สิทธิในการเลี้ยงดูลูกก็คือปัญหาใหญ่ที่ปลายสาย เขาเรียกฉันเบาๆ "หนานจือ?""อืม"ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก หรืออาจจะบอกได้ว่า ในเวลานี้ ฉันไม่อยากพูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ฉันขับรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองที่อยากให้เขามาด้วย เพราะตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ให้เขาทำไมต้องลำบากคุณป้าหลิวด้วย ฉันยังไม่ได้ท้องโตจนขยับตัวลำบากสักหน่อยบางทีเพราะในใจสับสนวุ่นวายมาก รถค

    Last Updated : 2024-09-27

Latest chapter

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 216

    ฉันเดินไปเห็นฉากลามกบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา ฉันหันหลังกลับและกำลังจะออกไป!สิ่งที่เขาแสดงให้ฉันดูคือวิดีโอของฟู่จินอันและฟู่เหวินไห่ในคืนนั้น"รีบอะไรนักหนา?"เขาเหยียดขาที่ยาวของเขาออกและขวางทางฉันโดยดึงแถบวิดีโอไปหน้าวิดีโอมืดสนิท แต่ยังได้ยินเสียงและยังเป็นเสียงที่ฉันคุ้นเคยมากอีกด้วย"คุณอย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดกับใครได้ไหม?""ได้ แล้วฉันจะได้อะไรจากทำอย่างงั้น?"……"คุณต้องการอะไร?""ฉันยังคิดไม่ออก ทำไมคุณไม่สัญญาอะไรกับฉันล่ะ ส่วนเรื่องนั้น ฉันจะบอกให้คุณรู้หลังจากฉันคิดออกแล้ว""ได้"หลังจากฟังบทสนทนานี้แล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจและพูดว่า "คุณบันทึกมันไว้จริงๆ?"มันอาจจะดูไม่เป็นทางการ แต่เมื่อถึงเวลาต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง ก็พิถีพิถันไม่มีช่องโหว่ใดๆ"แค่บังเอิญโชคดีบันทึกไว้"เขาหัวเราะเบาๆ กล้าหาญและไม่ยับยั้งชั่งใจ หยิ่งผยองมาก "นี่ถือเป็นหลักฐานหรือเปล่า?"“ได้ คุณชนะ”ฉันพูดไม่ออก น้ำเสียงของฉันดูขมขื่นอย่างเป็นธรรมชาติ “ได้ พูดมาเลย คุณต้องการอะไร?”เขาจะขอให้ฉันรีบหย่ากับฟู่ฉีชวนไหม?ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำตาม“ม

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 215

    ——เจอคนที่เราไม่อยากเจอนี่คือคำแรกที่ผุดขึ้นในหัวของฉันเมื่อฉันหันกลับไปและเห็นใบหน้าที่สดใสและหล่อเหลาของโจวฟางลู่สือเยี่ยนก็มองเขาด้วยการขมวดคิ้วเล็กน้อย "คุณชายโจวอาศัยอยู่ที่นี่หรือเปล่า?"นี่ก็เป็นคำถามที่ฉันอยากถามเช่นกันด้วยความมั่งคั่งของเขา เขาสามารถเลือกพื้นที่วิลล่าใดก็ได้อย่างง่ายดาย เขาจะอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีบรรยากาศธรรมดาเช่นนี้ได้ยังไงโจวฟางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ตามมาเรียนด้วย”ตามมาเรียนด้วย?เขาไม่ควรตามหาคู่หมั้นตัวน้อยของเขาเหรอ? เขาจะมีลูกได้ยังไง?ครอบครัวที่ร่ำรวยย่อมต้องวุ่นวายอยู่แล้ว ใครไม่มีลูกนอกสมรสบ้างล่ะลู่ซื่อหยานยิ้มและพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองสองสามคำก่อนจะผลักกระเป๋าเดินทางออกจากลิฟต์และนำเข้าไปในบ้านเมื่อเห็นว่าเขายังคงวางแผนที่จะช่วยทำความสะอาด ฉันรีบโบกมือและพูดว่า "รุ่นพี่ ไม่จำเป็นหรอก เจียงไหลจะมาที่นี่เร็วๆ นี้ ตราบใดที่เธอช่วยฉัน คุณสามารถไปทำธุระของคุณได้เลย"เขาเพิ่งกลับมาถึงตระกูลลู่ และเมื่อสวีจื่อก่อเรื่องขึ้น เขาก็คงรู้สึกเครียดมากพอแล้ว"ได้"ลู่สือเยี่ยนเหลือบมองเวลาและไม่ฝืนอีกต่อไป เขาถามด้วยความกังวล "เป็นไงบ้าง คุณย

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 214

    "ใช่ ฉันอยากลองดูสักตั้ง""คุณทำได้แน่"เขาจ้องมาที่ฉันแล้วพูดอย่างหนักแน่นฉันมีความสุขจากใจจริงและพูดอย่างจริงใจว่า "รุ่นพี่ ครั้งนี้ฉันขอบคุณจริงๆ!"แม้ว่าเขาจะพูดถึงเรื่องนี้เพียงสั้นๆ แต่ฉันก็ยังนึกภาพออกว่าเขาต้องทุ่มเทความพยายามขนาดไหนในการเอาแนนซี่กลับมาลู่สือเยี่ยนดูหมดหนทางเล็กน้อย "จะขอบคุณอะไร? ตอนแรกฉันก็อยากได้บริษัทพ่อแม่ของคุณคืนมาเหมือนกัน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมขายง่ายๆ""แค่นี้ก็เกินพอแล้ว"ฉันพูดอย่างจริงจังว่า "การมีแนนซี่ก็เพียงพอแล้ว""ตราบใดที่มันช่วยคุณได้"เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดินขึ้นไปที่ทางเข้าแล้วเปิดประตูเพื่อดู คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองมาที่ฉัน "หนานจือ คุณมีผ้าเช็ดไหม""มีอะไร?"“แม่บ้านยังทำความสะอาดไม่เสร็จ ฉันจะเช็ดมันอีกครั้ง”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างอ่อนโยน “ยังไงซะมันก็เป็นเลือด ฉันไม่อยากให้คุณเห็นแล้วตกใจ”“ไม่เป็นไร”ฉันวางเอกสารกลับเข้าไปในแฟ้มแล้ววางไว้บนโต๊ะกาแฟ “คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ฉันอาจจะย้ายออกไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอยู่แล้ว”แม้ว่าบ้านหลังนี้ในหลินเจียงการ์เด้นจะถูกจัดสรรให้ฉันเป็นทรัพย์สินในข้อตกลงการหย่าร

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 213

    จู่ๆ ลู่สือเยี่ยนก็หันกลับมามองฉันด้วยดวงตาที่เป็นประกายและน่าดึงดูด ราวกับเต็มไปด้วยแสงดาว และถามคำถามนี้โดยไม่คาดคิดฉันตกตะลึงและความคิดของฉันว่างเปล่าไปชั่วขณะฉันไม่เคยคิดเกี่ยวกับคำถามนี้เลยไม่ว่าจะเป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัยหรือหลังจากที่เขากลับมาที่จีน ฉันก็ถือว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมาฉันพบว่ามันยากที่จะถอนตัวออกจากการแต่งงานที่คลุมเครือ และเขายังมีผู้หญิงที่เขารักอย่างสุดซึ้งมาหลายปี การเป็นเพื่อนต่างเพศดูเหมือนจะเป็นข้อตกลงที่สมบูรณ์แบบไม่มีใครต้องกังวลเรื่องอะไรเลยเมื่อสบตากับลู่สือเยี่ยน ฉันรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร “รุ่นพี่…”"ช่างเถอะหน่า"ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดติดตลกว่า "ฉันแค่ล้อเล่นกับคุณเท่านั้น ทำไมคุณถึงกลัวแบบนี้ล่ะ? คุณไม่ใช่คนบอกว่าฉันเป็นคนดีหรอกเหรอ ดูเหมือนว่าคุณกำลังโกหกฉัน?""ไม่จริงสักหน่อย"ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก เอามือแตะจมูกตัวเองอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วอธิบายว่า "ฉัน... ฉันแค่คิดว่าคำถามนี้กะทันหันเกินไป"กะทันหันเกินไปท้ายที่สุดแล้ว ฉันยังไม่ได้หย่าด้วยซ้ำ ดังนั้นฉันจึงไม่มีความตั้งใจที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวยิ่งกว่านั

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 212

    เสียงของเธอเป็นปกติ แต่ดูเหมือนว่าเสิ่นซิงหยูจะกลัวเขาเล็กน้อยท่าทางเย่อหยิ่งบนใบหน้าของเธอหายไปโดยสิ้นเชิง เธอเบ้ปากและพูดอย่างเขิอาย: "ลู่สือเยี่ยน ทำไมคุณถึงมองฉันแบบนี้ ฉันแค่มาคุยกับคุณหร่วนบ้างไม่ได้หรือไง?"ลู่สือเยี่ยนยกคิ้วขึ้น “แล้วเสร็จหรือยัง?”"ใช่ ฉันคุยเสร็จแล้ว"เสิ่นซิงหยูตอบอย่างประหม่า แต่เมื่อเธอเห็นว่าลู่สือเยี่ยนยังคงไม่มีอารมณ์ เธอก็โกรธขึ้นมาทันใดและพูดอย่างโกรธเคืองว่า "ทำไมคุณถึงเป็นเหมือนไอ้งั่งอย่างโจวฟางที่คอยรังแกฉัน! อีกสองวันพ่อแม่ของฉันจะมามาดูกันว่าฉันจะยังกลัวคุณอยู่ไหม!"หลังจากพูดคำหยาบเหล่านี้ เธอก็เดินออกไปด้วยรองเท้าส้นสูงเธอเดินอย่างโกรธจัดและจงใจก้าวเท้าออกไปอย่างดังหลังจากที่เธอหันหลังและหายไป ลู่สือเยี่ยนมองไปที่ฉากนองเลือดนอกบ้านของฉันและหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาเพื่อกดโทรออก โดยขอให้บริษัททำความสะอาดจัดหาคนมาทำความสะอาดให้ต่อมา เขาจ้องมาที่ฉันอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "คุณไม่ได้กลัวใช่ไหม?""พูดตามตรง มีตอนแรกนิดหน่อย"ฉันยิ้มและหันไปให้เขาเข้ามา ฉันหยิบรองเท้าแตะคู่หนึ่งออกมาจากตู้รองเท้าและพูดว่า "คุณกินข้าวหรือยัง ฉันทำซุปเสร็

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 211

    เป็นเสิ่นซิงหยูเธอยืนอยู่ท่ามกลางเลือดในรองเท้าบู๊ตสีขาวของเธอ และเมื่อเธอเห็นว่าฉันหยุดปิดประตู เธอก็ค่อยๆ ดึงมือของเธอออกและโอบรอบหน้าอกของเธอ "หร่วนหนานจือ ฉันแนะนำให้คุณยอมแพ้และเจียมตัวเองซะ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพี่ฉีชวนอีก"เธอพบที่อยู่ของฉันอย่างรวดเร็วฉันขมวดคิ้วและพูดว่า "ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือฟู่จินอัน หากพวกคุณป่วย ก็ควรไปโรงพยาบาลหรือไปหาฟู่ฉีชวนดีกว่า อย่ามายุ่งกับฉัน""โอ้ เลิกเสแสร้งสักที"เธอเหลือบมองเข้าไปในบ้านแล้วพูดจาเหยียดหยาม "ฉันตรวจสอบดูแล้ว และถ้าคุณไม่ได้แต่งงานกับพี่ฉีชวน คุณจะซื้อบ้านที่มีทะเบียนบ้านชำรุดได้กี่ชั่วอายุคน ทั้งพ่อและแม่เสียชีวิตเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แสดงความเย่อหยิ่งที่ไม่เหมือนใครของเศรษฐีอย่างเต็มที่ฉันหมดความอดทนและพูดอย่างเย็นชา "โอ้ แล้วเธอล่ะ? เธอโชคดีแค่ไหนที่ถูกอุปการะจากตระกูลเสิ่น เธอถึงยืนอยู่ตรงนี้แล้วพูดแบบนี้ได้ และก้าวก่ายการแต่งงานของคนอื่นอย่างหยิ่งผยอง"ใครก็โดนแทงใจดำกันได้เธอหักหน้าฉัน ก็อย่าโทษฉันที่หยาบคาย"หร่วนหนานจือ!!!"ทันใดนั้น ท่าทางอันสูงส่งของเสิ่นซิงหยูก็กลายเป็นดุร้าย เธอยกมือขึ้นและต้องการตบหน้าฉัน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 210

    ฝ่ามือของฟู่จินอันกำแน่นขึ้นอย่างเงียบๆ แววตาแห่งความเสียใจปรากฏบนใบหน้า เธอพูดติดขัดและสารภาพว่า "ฉัน... ฉันรู้สึกอายเกินกว่าจะถูกเธอตีและดุด่าต่อหน้าสาธารณะในตอนนั้น เป็นช่วงเวลาแห่งความโกรธและความหงุดหงิดที่ทำให้ฉันพูดคำเหล่านั้นที่ใส่ร้ายแม่ของฉัน! ฉันผิดไปแล้ว... อาชวน"ทักษะการแสดงของเธอนั้นดีมาก ถ้าฉันไม่รู้ความจริงจากปู่ของฉันก่อนหน้านี้ ฉันอาจจะเชื่อคำพูดของเธอก็ได้สายตาของฟู่ฉีชวนจับจ้องไปที่ฟู่เหวินไห่ ตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย "คุณคิดยังไง?"“ฉันคิดยังไง?”ฟู่เหวินไห่เกร็งคอ "ถ้าเธอเป็นเป็นเมียน้อยจริงๆ เราจะแต่งงานกันได้ยังไงหลังจากแม่ของแกเสียชีวิตไปห้าปีพอดี"ทันทีที่เขาพูดจบ ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกฟู่ฉีชวนยังคงสงสัยและมองไปที่หมอ "สาหัสไหม?""ประธานฟู่"หมอเดินออกไปโดยถอดหน้ากากออกด้วยสีหน้าจริงจัง "เสียเลือดไปมากพอสมควร โชคดีที่ส่งตัวมาทันเวลา ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย ผมกลัวว่าจะหมดหวัง"เมื่อมองเห็นด้วยตาเปล่า ร่างกายที่แข็งเกร็งของฟู่ฉีชวนผ่อนคลายลงเล็กน้อยฉันขมวดคิ้ว เป็นไปได้ไหมที่จะยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อการแสดงเช่นนี้.....ถ้าไม่ได้มาที่โรงพยาบาลเซิ่งซิน ฉ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 209

    ฆ่าตัวตาย?การฆ่าตัวตายจึงเป็นทักษะทั่วไปของแม่ลูกทั้งสองคนประเภทที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น?ฉันไม่รู้ว่าทำไมตัวเองมีความคิดแบบนี้ ฉันจึงถามไปอย่างอธิบายไม่ถูกว่า "คุณต้องการให้ฉันไปด้วยไหม?"บางทีฉันอาจต้องการดูว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จหรืออาจเป็นเพราะความกลัว... ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ฟู่ฉีชวนก็ไม่มีใครให้ไว้ใจได้เลยฟู่ฉีชวนมองฉันอย่างไม่คาดคิดและพูดว่า "จะไม่เป็นไรใช่ไหม?""ไปเถอะ"ฉันหยิบกระเป๋าแล้วไปโรงพยาบาลกับเขาเมื่อเธอมาถึงโรงพยาบาล เวินฟางยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน และเป็นฟู่จินอันและฟู่เหวินไห่ที่เฝ้าอยู่ข้างนอกฉากนี้ทำให้ฉันรู้สึกตลกมากในช่วงเวลาตึงเครียดเช่นนี้ ฉันไม่ควรหัวเราะ ฉันจึงนึกถึงเรื่องเศร้าๆ ในชีวิตของฉันในใจฟู่ฉีชวน ฟู่จินอัน ฟู่เหวินไห่ และเวินฟางในห้องฉุกเฉินหากคุณวาดแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสี่คนนี้ มันควรจะคล้ายกับใยแมงมุม วุ่นวายและสับสนฟู่จินอันรีบวิ่งเข้ามาและผลักฉัน "หร่วนหนานจือ แกหัวเราะอะไร แม่ของฉันประสบอุบัติเหตุ แกมีความสุขที่ได้มาที่นี่เพื่อดูความตื่นเต้นหรือไง?!"ใช่ ฉันพยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนัก แต่ก็ยังทำไม่ไ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 208

    หรือจะบอกได้ว่า ตั้งแต่ปู่ของเขาตายไป เวินฟางอาจกลายเป็นความอบอุ่นเพียงอย่างเดียวที่ฟู่ฉีชวนได้รับจากความรักในครอบครัวแต่ตอนนี้... หากสิ่งที่ฟู่จินอันพูดเป็นความจริง ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับความรักในครอบครัวก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงความผูกพันทางอารมณ์หลายปี หลายทศวรรษ จะขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กันสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ การต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เลวร้ายอย่างไรก็ตาม ฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลุงเฉิง มีบางสิ่งที่ความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวฉันมองฟู่ฉี่ชวนอย่างมั่นคงและพูดว่า "คุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมล่ะ?"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน "เชื่อ"คงต้องใช้เวลาคิดนานก่อนที่จะตัดสินใจถามฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ลังเลที่จะตอบนั่นทำให้ฉันสบายใจ ฉันจิบกาแฟแล้วเริ่มพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าวันนั้นที่โรงพยาบาล ฉันพูดอะไร....”“พี่ฉีชวน!”ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่สดใสและชัดเจนซึ่งขัดจังหวะฉันอย่างหยาบคายวินาทีต่อมา เสิ่นซิงหยูเดินเข้ามาโดยชุดชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรองเท้าบู๊

DMCA.com Protection Status