เขาแทบจะตอบรับในทันทีไม่ลังเลหรือครุ่นคิดสักนิดฉันโอบรอบคอของเขา ริมฝีปากทั้งสองด้านยกยิ้ม จับจ้องไปที่เขาไม่วางสายตา "สิบเปอร์เซ็น คุณไม่เสียดายหรอ?"แววตาของเขาบริสุทธิ์ "ก็ให้คุณ ไม่ได้ให้คนอื่นสักหน่อย"วินาทีนี้ฉันต้องยอมรับเลยว่า เงินเป็นสิ่งที่จะใช้แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ได้ดีมากอารมณ์ที่ฝืนกดมันเอาไว้ตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็ได้รับการปลอดล็อคฉันถามยิ้มๆ ราวกับอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง "แล้วถ้าเป็นพี่จินอัน คุณจะให้เธอหรือเปล่า?"เขาเงียบไปชั่วอึดใจ แล้วให้คำตอบที่แน่ชัด "ไม่ให้""จริงหรอ?""อืม ที่ผมจะให้เธอได้ ก็มีแค่ตำแหน่งนั้น"ฟู่ฉีชวนดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอด น้ำเสียงอันอบอุ่นและมุ่งมั่นดังอยู่เหนือศีรษะของฉัน "หนังสือสัญญาโอนหุ้น ตอนบ่ายผมจะให้ฉินเจ๋อส่งมา นับจากวันนี้ไป คุณก็คือหนึ่งในเจ้าของของแซ่ฟู่กรุ๊ป ส่วนคนอื่นๆ ก็เป็นแค่ลูกน้องที่ทำงานให้คุณ""แล้วคุณล่ะ?"ฉันอารมณ์ดีขึ้นเยอะ ก็ถามเขายิ้มๆเขาเลิกคิ้ว "อะไร?""คุณก็ทำงานให้ฉันด้วยหรือเปล่า?""แน่นอน"เขาหุบยิ้ม ลูบศีรษะของฉัน โน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหู พูดจาสองแง่สองง่าม "ผมให้บริการคุณได้ทั้งบนเตียงและหลังลงจากเตียง
ทั้งที่รู้ว่าฟู่ฉีชวนกำลังรอฉันหล่อนที่ขออาศัยติดรถ กลับนั่งตำแหน่งข้างคนขับฉันอยากจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนี แต่สติสัมปชัญญะสั่งให้ฉันหยุดความคิดนั้น แล้วยื่นมือไปหาฟู่ฉีชวน "กุญแจรถ"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่วางกุญแจรถลงบนมือฉันเดินอ้อมกระโปรงรถ เข้าไปนั่งบนตำแหน่งคนขับ ขณะที่ฟู่จินอันกำลังอึ้งและหน้าแข็งไป ฉันก็ยิ้มน้อยๆ "เครื่องแค่นี้เอง? พี่เองก็นับว่าเป็นพี่สาวของฉีชวน แค่ขอติดรถด้วยปกติจะตาย"จากนั้น ก็ยื่นหน้าออกไปมองฟู่ฉีชวนที่อยู่นอกรถ "รีบขึ้นรถสิคะ คุณปู่กำลังรอพวกเราอยู่แหงๆ"ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบสงัดเงียบราวกับอยู่ในป่าช้าเดิมทีฟู่จินอันอยากจะคุยกับฟู่ฉีชวน แต่คงเป็นเพราะต้องหันหลังไปคุย ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติอาจจะเป็นเพราะสังเกตได้ว่าฉันรู้สึกไม่ดี จู่ๆ ฟู่ฉีชวนก็เปิดกระป๋องเครื่องดื่มแล้วส่งให้ "น้ำมะม่วงที่คุณชอบ"ฉันดื่มไปคำนึง ก็ขมวดคิ้วแล้วส่งคืนกลับไป "หวานเกินไป คุณดื่มเถอะ"ช่วงนี้ฉันชอบกินของเปรี้ยวๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเจออะไรที่ไม่ค่อยถูกปาก ฉันพอจะฝืนกินมันลงไปเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองแต่ตอนนี้ แค่คำเดียวก็ไม่สามารถฝืนได้"โอเค"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร
ฉันรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวที่เย็นเฉียบเลือดในร่างกายแทบจะหยุดแข็งมีวินาทีหนึ่งที่ฉันสงสัยว่า ตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่าฉันเคยสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างชัดเจนแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ถ้าพูดออกไป คนหนึ่งคือคุณชายตระกูลฟู่ อีกคนคือคุณหนูตระกูลฟู่ ยังไงก็ถือว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้วฟู่ฉีชวนเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้แต่ทว่า ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่ฉีชวนที่มีดวงตาแดงก่ำกดฟู่จินอันไว้กับผนัง พูดเสียงเย้ยหยันและเย็นชาออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน"จะหย่าเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกคนที่เลือกจะแต่งงานกับคนอื่นก็คือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?!""ฉัน..."คำถามที่มารัวๆ ทำให้ฟู่จินอันพูดไม่ออก น้ำตาไหลราวกับหยาดน้ำค้างที่หล่นลงมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อของฟู่ฉีชวนไว้อย่างไร้หนทาง"ฉันผิดไปแล้ว อาชวน ยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหม? แค่ครั้งเดียว และตอนนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ...""ฉันแต่งงานแล้ว""แต่งงานแล้วมันหย่าไ
ฟู่ฉีชวนดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า "แล้วคืนแต่งงานล่ะ เพราะอะไร?"ยังคงจำได้ลางๆ ว่าคืนนั้นฉันนั่งรออยู่ที่ระเบียงทั้งคืนคืนแต่งงาน เขาทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานแล้วออกไปโดยไม่สนใจใยดีฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา อีกทั้งยังคิดฟุ้งซ่านว่าตัวเองทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะกลับบ้านเร็วๆตอนนั้นฉันเพิ่งอายุยี่สิบสามปี บังเอิญได้แต่งงานกับคนที่แอบชอบมานานหลายปีจะไม่คาดหวังอะไรกับการแต่งงานและเขาได้อย่างไรแต่จนถึงวันนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า ตอนที่ฉันนั่งรอเขากลับบ้านด้วยความหวังเต็มหัวใจ เขากลับไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนทั้งหมดนี้ ช่างเหมือนกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่งจริงๆตอนนี้ฟู่ฉีชวนไม่ได้ปิดบังฉันอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ "คืนนั้นเธอไปแข่งรถกับคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตำรวจจึงแจ้งให้ฉันไปรับ"ช่างบังเอิญจริงๆในวันแต่งงานของฉันกับฟู่ฉีชวน เธอกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นในช่วงดึกแต่ฉันจำได้ว่าในงานเลี้ยงที่บ้านหลังงานแต่งเพียงไม่กี่วัน เธอก็อยู่ในงาน ทั้งยังไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลยสักนิดฉันล
ฉันไม่อยากเข้าใจในทันที แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าใจเจียงไหลหัวเราะเบาๆ แล้วพูดวิจารณ์ว่า "ก็แค่ทั่วไปนั่นแหละ""..."ฉันมองเธอด้วยความประหลาดใจ ส่งสายตาเป็นคำถาม ???"เคยนอนด้วยครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แย่มาก"เจียงไหลรีวิวอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าเฮ่อถิงจะอยู่ด้วยเฮ่อถิงโวยวาย "นั่นมันครั้งแรกของฉัน เธอจะไปรู้อะไร!""หยุด หยุด หยุด ฉันไม่ขอรับผิดชอบเรื่องนี้ นายเป็นคนเจ้าชู้ อย่ามาพูดถึงเรื่องครั้งแรกกับฉันเลย อย่างน้อยๆ ครั้งแรกของนายก็น่าจะเป็นกับมันหรือมันต่างหาก" เจียงไหลพูดขัดแล้วชี้ไปที่มือซ้ายและขวาของเขาฉันมองเฮ่อถิงที่ปกติมักจะทำตัวไม่จริงจัง แต่เมื่อเจียงไหลพูดแบบนี้ เขาก็หน้าแดงขึ้นมา และในที่สุดฉันก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันคือความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเฮ่อถิงน่าจะกำลังตามจีบเจียงไหลเจียงไหลไม่สนใจเฮ่อถิงอีกต่อไป จูงมือฉันเดินไปที่ห้องวีไอพี "มีรุ่นพี่คนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ เฮ่อถิงกับพวกเขาจัดงานเลี้ยงให้ แล้วชวนฉันมาร่วมสนุก""รุ่นพี่คนไหนเหรอ?" ฉันถามเบาๆ"เธอน่าจะรู้จักนะ ก็คือ..."เจียงไหลพูดขณะเปิดประตูห้องวีไอพีในห้องวีไอพีมีผู้ชายหลายคนนั่งอยู่
ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรงรู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูกฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครามองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้านฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ""คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว"ใจแคบจริง"ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหารราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกินในเมื่อเธอ
วันครบรอบการจากไปของพ่อแม่ฉันก็ตรงกับวันเสาร์นี้พอดีช่วงเช้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่ได้ไม่น่าจะใช้เวลามากนักแต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดออกไปอย่างมั่นใจไม่สามารถบอกฟู่ฉีชวนไปเมื่อวานนี้ได้ว่าฉันตั้งครรภ์แล้วและไม่สามารถบอกเจียงไหลในตอนนี้อย่างมั่นใจได้ว่าจะพาฟู่ฉีชวนไปด้วยกลัวว่าแผนที่วางไว้จะตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอัน สำหรับฉันแล้วมันเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดในทุกเมื่อเจียงไหลเห็นฉันไม่ค่อยมีอารมณ์สนใจนัก จึงเหลือบมองไปที่ออฟฟิศของฟู่จินอัน แล้วถามว่า "เรื่องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์นั่น ฟู่ฉีชวนจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?""ก็คงประมาณนั้น"เราคุยกันอีกสักพัก จากนั้นเธอก็กลับไปแผนกการตลาดอย่างวางใจ…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟู่จินอันเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว หรือว่าจู่ๆ ก็คิดได้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเราอยู่กัยอย่างสงบสุขแต่เดิมฉันกังวลว่าการออกแบบรุ่นพิเศษสำหรับปีใหม่อาจจะติดขัดเพราะเธอ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นจนเข้าสู่ขั้นตอนการทำต้นแบบ"พวกเธอคิดว่าคนที่เพิ่งเข้ามามีความสัมพ
ความหวังทั้งหมดดับวูบลงในทันที รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัวหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง คงจะเป็นแบบนี้นี่เองฉันถือโทรศัพท์ไว้ในมือ แต่พูดอะไรไม่ออกอยู่นานอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่มีความหมายอะไรแล้วเขาไปที่ไหน มันชัดเจนอยู่แล้วฉันพูดกับเขาไว้แล้วว่าจะไม่มีครั้งหน้าดังนั้น นี่ก็แสดงว่าเขาได้ตัดสินใจแล้วไม่ใช่หรือ?คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักการเลือกและการพิจารณาผลดีผลเสียหรอกฉันคือคนที่ถูกเขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แล้วถูกทิ้งไปคนนั้นฉันยกมือขึ้นลูบท้องโดยไม่รู้ตัว และคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าควรจะเก็บเด็กคนนี้ไว้จริงๆ หรือถ้าหากฉันเก็บเด็กคนนี้ไว้ ต่อให้ฉันอยากตัดขาดกับเขา ก็ยากที่จะตัดขาดได้อย่างสมบูรณ์สิทธิในการเลี้ยงดูลูกก็คือปัญหาใหญ่ที่ปลายสาย เขาเรียกฉันเบาๆ "หนานจือ?""อืม"ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก หรืออาจจะบอกได้ว่า ในเวลานี้ ฉันไม่อยากพูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ฉันขับรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองที่อยากให้เขามาด้วย เพราะตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ให้เขาทำไมต้องลำบากคุณป้าหลิวด้วย ฉันยังไม่ได้ท้องโตจนขยับตัวลำบากสักหน่อยบางทีเพราะในใจสับสนวุ่นวายมาก รถค
เขาจะต้องรับผลที่ตามมาจากการทำอะไรที่ไร้เหตุผลตระกูลเสิ่นเป็นคนจัดการยากเกินไป ฉันไม่อยากลากเขาลงไปในน้ำโคลนด้วยกันเขาหยุดคิดสักครู่แล้วพูดว่า "ดีแล้ว"น้ำเสียงของเธอยังคงอบอุ่นเช่นเคย แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ผิดหวังปนอยู่ก่อนจะวางสาย ผู้หญิงที่ดูเป็รผู้ใหญ่แลมีสติปัญญา ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าออฟฟิศของฉันทันทีฉันเกร็งตัวและพยักหน้าให้เธอเป็นการทักทาย ขณะที่เสียงของลู่สือเยี่ยนยังคงดังผ่านโทรศัพท์ “หนานจือ สักวันหนึ่งฉันจะปกป้องคุณอย่างดี”ฟังดูเหมือนคำสาบาน เหมือนคำสัญญาจริงใจถึงขั้นไร้สาระ ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะควักหัวใจของเขาออกมาและเปิดเผยมันให้ฉันรู้ถ้าไม่มีผู้หญิงตรงหน้าฉัน ฉันกลัวว่าหัวใจของฉันจะเต้นแรงในตอนนี้แต่ในชีวิตนี้ไม่มีคำว่า ถ้าหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉันก็ตอบเบาๆ ว่า "รุ่นพี่ ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย สักวันหนึ่งจะไม่มีใครรังแกฉันได้อีก"ดูเหมือนเขาจะรับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของฉัน "หนานจือ..."อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่อยู่หน้าประตู ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะรออีกต่อไปและผลักประตูเปิดเพื่อเข้าไปฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขัดจังหวะ
วันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ขึ้นตามปกติ ข่าวลือและข่าวซุบซิบก็ยังคงแพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ตแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ในบริษัทก็มองมาที่ฉันด้วยความอยากรู้เล็กน้อยเมื่อคืนนี้ เจียงไหลไปที่บ้านของฉัน คืนกระเป๋าและโทรศัพท์ให้ฉัน พร้อมตำหนิตัวเองอีกครั้งเธอไปแจ้งความโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อคนอื่นได้ยินว่าเป็นตระกูลเสิ่น พวกเขาก็เลี่ยงที่จะรับแจ้งความทันที พูดง่ายๆ ก็คือ หากไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ก็ไม่สามารถดำเนินการได้เธอยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความได้เปรียบของอำนาจและความรู้สึกหมดหนทางของการเป็นคนธรรมดาเธอยังล้อเล่นด้วยว่า ถ้าเธอรู้มาก่อน เธอคงไม่ยืนกรานที่จะเลิกกับเฮ่อถิง แม้ว่าจะหมายถึงการเป็นเมียน้อย แต่เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน เธอก็จะไม่เหลือใครให้หันไปขอความช่วยเหลือโง่จนกู่ไม่กลับในขณะนั้น เธอเดินเข้าไปในออฟฟิศพร้อมกับกาแฟสองแก้ว วางแก้วหนึ่งไว้ตรงหน้าฉัน และดึงเก้าอี้ตรงข้ามฉันให้นั่งลงสีหน้าของเธอแทบจะเหมือนเดิมกับเมื่อคืนนี้ขณะที่ฉันกำลังร่างแบบสำหรับคุณย่าโจว ฉันถามด้วยความสงสัย "เกิดอะไรขึ้น ใครทำให้เธออารมณ์เสีย"เธอลังเลก่อนจะพูดประโยคเดียวออกมา
ยังไม่ได้หลับฉันเม้มริมฝีปากและพูดอย่างจริงจัง "ฉันขอโทษจริงๆ ที่ทำกระปุกออมสินของคุณแตกในวันนั้น"เมื่อฉันพูดถึงเรื่องนี้ เขากระชากผ้าปิดตาลงด้วยความหงุดหงิด ดวงตาที่ดูอ่อนล้าสะท้อนความไม่พอใจออกมา "หร่วนหนานจือ คุณมักจะถูกคนอื่นรังแกจากข้างนอกเท่านั้น แต่พอมาอยู่กับฉันกลับรู้ดีนักว่า รู้วิธีทำให้ฉันทุกข์ใจได้ดีเชียวนะ.....""ไม่ใช่"ฉันรีบขัดจังหวะและหยิบกระต่ายน้อย ที่ช่างเซรามิกทำขึ้นออกมา พยายามสงบอารมณ์ของเขา "นี่...นี่เป็นกระต่ายที่ฉันให้ช่างทำตามแบบกระต่ายตัวนั้น มันค่อนข้างจะใกล้เคียงกับของจริง ฉันหวังว่ามันจะชดเชยความซุ่มซ่ามของฉันในวันนั้นได้"ในทางอารมณ์และตรรกะ ฉันไม่ควรแตะกระปุกออมสินของเขาเลยตอนนั้นฉันแค่รู้สึกว่าถูกบังคับอย่างอธิบายไม่ถูก จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเอื้อมมือไปแตะข้าวของส่วนตัวของคนอื่นฉันใช้เวลาสองสามวัน ที่ผ่านมาแอบไปที่สตูดิโอปั้นเซรามิกเพื่อพยายามปั้นของที่เหมือนกันเพื่อมาแทนที่ แต่ฝีมือของฉันยังไม่ดีพอ และของที่ฉันปั้นก็ยังไม่น่าประทับใจเลยสุดท้าย ฉันก็ต้องขอความช่วยเหลือจากช่างปั้นเซรามิกโจวฟางตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาจ้องไป
คำถามสองข้อนั้น ค่อนข้างจะเฉียบแหลมแต่โจวฟางไม่แสดงท่าทีอึดอัดแม้แต่น้อย เขาใช้มือโบกมือเรียก “เข้ามาใกล้ๆ แล้วฉันจะบอกคุณ”ฉันเอนตัวไปเล็กน้อย เป็นเชิงสัญลักษณ์แล้วพูดว่า "พูดมา"พื้นที่ภายในรถกว้างขวางมากและไม่มีใครนอกจากคนขับ ทำไมถึงทำให้มันดูลึกลับขนาดนั้นเขายังเอนตัวไปด้านข้างนี้อีกสองสามเซนติเมตร พร้อมกับยิ้มในดวงตาและตีเขาอย่างสุดแรง: “ฉันทนคนที่โง่เกินไปไม่ได้จริงๆ”"......"ฉันนั่งตัวตรงและจ้องมองเขา “แล้วฉันควรจะขอบคุณคุณที่ทำให้ฉันรู้แจ้งหรือเปล่า”"ฉันไม่ถือสา"เขายิ้มอย่างสุภาพดูเย่อหยิ่งและน่ารำคาญเสมอถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถละเลยความจริงที่ว่าเขาช่วยฉันไว้ได้ ฉันมองต่ำลงเล็กน้อยและพูดว่า "ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อกี้"นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะเบาๆ ที่เฟรมหน้าต่าง "ถ้าฉันไม่โผล่มา พวกเขาคงปล่อยคุณไปอยู่ดี""แต่ไม่ใช่ก่อนที่จะทำให้คุณทรมานมากกว่านี้อีกหน่อย"แม่ลูกตระกูลเสิ่น คงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเรื่องอื้อฉาวทางออนไลน์เกิดขึ้น คุณนายเสิ่นคงระบายความโกรธทั้งหมดของเธอมาที่ฉันฉันระบายเสร็จแล้ว และฉันก็คงเกือบตายไปแล้ว"พวกเขาคงไม่กล้า
"ยังไหวอยู่"ฉันหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผม หลังจากที่ร่างกายเย็นๆ ของฉันฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ฉันมองไปที่โจวฟางแล้วถามว่า "มีอะไรผิดปกติทางออนไลน์หรือเปล่า?"เขาโต้กลับว่า "นั่นไม่ใช่ฝีมือของคุณเหรอ?'"ว่ายังไงนะ?"ฉันถามคำถามนั้นอีกครั้งด้วยความสับสนเขาจ้องมาที่ฉันสักครู่ ยกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า "โอเค ฉันประเมินคุณสูงเกินไป"หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ ดูเอง“รหัสผ่าน?”“วันเกิดของคุณ”"?"ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะเขาเงยหน้าขึ้นเบาๆ แล้วพูดว่า "คุณกำลังเพ้อฝันอะไรอยู่ วันเกิดของคุณเหมือนกับของเธอคนนั้น"“…โอ้ คราวหน้าก็พูดให้ชัดเจนหน่อยสิ”ฉันกลัวมากจนประมวลผลไม่ทันหลังจากปลดล็อกแล้ว ฉันก็พบเรื่องที่แม่เสิ่นถามถึงอย่างรวดเร็วเสิ่นซิงหยูถูกเปิดโปงทางออนไลน์ว่า เป็นเมียน้อยที่ใช้กลวิธีแอบแฝงเพื่อบังคับให้เมียหลวงยอมหย่า และวันนี้ เธอถูกกล่าวหาว่าวางแผนลักพาตัวเมียหลวงมีคนปล่อยวิดีโอจากที่จอดรถใต้ดินของโรงแรมเมืองเจียงเฉิงออกมาด้วย เป็นวิดีโอที่มีคนลักพาตัวฉันไป วิดีโอนี้ควรจะถูกลบโดยตระกูลเสิ่นไปแล้วความคิดเห็นของสาธารณชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเธอแต
ฉันไม่ได้ยินเสียงของเธอแต่เธอพูดช้ามากจนฉันอ่านริมฝีปากของเธอได้ก่อนที่ฉันจะละสายตาไป ก็มีร่างหนึ่งรีบเดินผ่านฉันไปเป็นพ่อเสิ่นไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงของบางสิ่งที่แตกกระจายก็ดังก้องมาจากห้องนั่งเล่นเสียงการโต้เถียงแผ่วเบาตามมาฉันได้ยินชื่อของตัวเอง ฉันยังได้ยินชื่อของฟู่ฉีชวนด้วยและข่าวลือบางอย่างบนอินเทอร์เน็ตในที่สุด เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นจากปากของพ่อเสิ่น "เธอเอาแต่ใจและดื้อรั้น แล้วคุณก็ยังยืนกรานที่จะตามใจเธอต่อไปงั้นเหรอ ปล่อยให้เธอคุกเข่าอยู่ข้างนอกต่อไปในวันที่หิมะตกและปล่อยข่าวลือให้คนอื่นได้ยิน...."ทันใดนั้น หิมะก็หยุดตกฉันตอบสนองชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกถึงเงาที่ปกคลุมศีรษะของฉันเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ฉันเห็นร่มสีดำสนิทและดวงตาสีน้ำตาลไร้ก้นบึ้งของโจวฟาง!เขายังคงนิ่งเฉยและยื่นร่มให้ฉัน "คุณถือมันได้ไหม?"ฉันถูมือที่แข็งเล็กน้อยด้วยคำพูดว่า "พอได้..."ก่อนที่ฉันจะพูดจบ ด้ามร่มก็ถูกยัดเข้าไปในมือของฉันวินาทีต่อมา ชายในแจ็คเก็ตหนังสีดำคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นดินที่เป็นน้ำแข็ง และอุ้มฉันขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาจึงยืนขึ้นและเริ่มเดินก้าวเด
ใบหน้าของเสิ่นซิงหยูแข็งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเยาะเย็นช "ฉันตัดมันเอง แล้วไง?"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉันก็หมดความสนใจที่จะยุ่งเกี่ยวต่อไปและมองไปที่แม่เสิ่นเท่านั้น "คุณนายเสิ่น ฉันคงไปได้แล้วสินะ?"ฉันคิดว่า เธอแค่ระบายความโกรธที่มีต่อลูกสาวของเธอตอนนี้ความจริงก็ชัดเจนแล้วว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันเลยโดยไม่คาดคิด เธอจึงหยิกใบหน้าของเสิ่นซิงหยูด้วยความรักใคร่และพูดว่า "ลูกบ้าไปแล้วหรือ? ลูกไปเอาความบริสุทธิ์ของลูกไปเสี่ยงเพื่อใส่ร้ายเธอหรือไง?"เสิ่นซิงหยู่ทำปากยื่นและพูดเล่น "แม่ หนูผิดไปแล้ว! แต่เธอดื้อมาก หนูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้วิธีนี้""พอได้แล้ว"แม่เสิ่นพูดอย่างเอาใจ “ขึ้นไปชั้นบนเถอะ แม่จะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”น้ำเสียงของเธออ่อนโยน ไม่มีวี่แววของการตำหนิใดๆเธออาจเป็นแม่ ที่ตามใจลูกมากที่สุดในวันนี้เสิ่นซิงหยูยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า "แม่ แม่รักหนูที่สุดเลย!"หลังจากพูดจบ เธอก็เดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว และแม่เสิ่นก็มองดูร่างของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอหลังจากร่างของเธอหายไป แม่เสิ่นก็ค่อยๆ ถอนสายตาออกและมองมาที่ฉันอย่างเย็นชา ราวกับว่ากำลั
ณ ห้องนั่งเล่นของบ้านเสิ่นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่หิมะเริ่มตกโปรยจากนอกหน้าต่างบานใหญ่ พัดนวนไปมาแล้วตกลงเป็นชิ้นๆหิมะสีขาวบางๆ ตกลงมากองอยู่ที่พื้นแล้วห้องนั้นอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อน แต่เมื่อฉันสบตากับแม่เสิ่นที่เย็นชา ฉันรู้สึกหนาวไปทั้งตัวพวกเธอได้ตรวจสอบฉันพวกเขายังตรวจทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนมาที่เมืองเจียงเฉิงด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ฉันถูกขังไว้ในห้องเก็บของและตัดไฟโดยตั้งใจเพื่อจัดการกับอดีตภรรยาอย่างฉัน พวกเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่แม่เสิ่นจิบชาและมองมาที่ฉันอย่างดูถูก "เธออยากพิจารณาการออกจากเมืองเจียงเฉิงอีกครั้งไหม?"ฉันนั่งตัวตรงและถามว่า "แล้วครั้งนี้ เหตุผลคืออะไร?"คราวที่แล้ว เป็นการบังคับและติดสินบนคราวนี้เหตุผลอะไรอีก"หลังจากเริ่มทำธุรกิจ เสื้อผ้าชุกแรกที่เธอออกแบบมา ก็เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น"แม่เสิ่นเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยเยาะเย้ย "เธอคิดว่าบริษัทของเธอจะยังอยู่รอดได้ไหม ทำไมไม่ไปต่างประเทศล่ะ? ใช้เวลาสองสามปีเพื่อเรียนรู้อะไรดีๆ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายให้เธอเอง"ฉันกำมือแน่นวันนั้นที่บ้านของตระกูลเสิ่น ฟู่ฉี่ชวนก็พูดแบบเดียวกันฃต้องการส่งฉัน
เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นฉันเย็บชุดด้วยตะเข็บที่เรียบและแน่น และชุดทั้งหมดก็ตัดเย็บให้เข้ากับรูปร่างของเธออย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าสายรัดจะขาด มันก็จะติดอยู่ในอกของเธอชั่วคราวและไม่หลุดออกทันทีเว้นแต่ว่าซิปด้านหลังจะขาดในเวลาเดียวกันแต่เป็นไปไม่ได้ซัพพลายเออร์ของผ้าและซิปได้ร่วมมือกับแซ่ฟู่กรุ๊ปตั้งแต่นั้นมา และคุณภาพก็เป็นไปตามมาตรฐานอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าเป็นงานแฮนด์เมดของฉันฉันคว้าเสื้อโค้ทของฉัน ลุกขึ้น และวิ่งขึ้นไปบนเวที เมื่อฉันพยายามช่วยเธอคลุม เธอก็คลั่งและตบหน้าฉัน!"เธอตั้งใจเทำให้ฉันรู้สึกอายในวันนี้เหรอ?"ฉันยกมือปิดหน้าที่แสบร้อนตามสัญชาตญาณ ก่อนจะตบกลับไป"เสิ่นซิงหยู นยังไม่ถึงขนาดบ้าคลั่งพอที่จะทำลายชื่อเสียงตัวเอง!"เสิ่นซิงหยู่จ้องมองมาด้วยตาที่เบิกกว้างจากความโกรธ เพร้อมจะพุ่งเข้าหาฉัน แต่ก่อนที่เธอจะเข้าใกล้ได้ ฟู่ฉีชวนก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ สีหน้าของเขาเย็นชา ขณะที่เขาดึงเธอไว้ข้างหลัง ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกเพื่อคลุมเธอแสดงท่าทางเหมือนผู้ชายที่พร้อมปกป้องภรรยาแม่เสิ่นมาพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน หน้าอกของเธอขึ้นลงด้วยความโกรธ "จับเธอไว้ใ