Share

บทที่ 3

ฉันอึ้งไปอย่างแรง

อ่านอีเมลนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างละเอียด ราวกับกำลังเช็คให้แน่ใจก็ไม่ปาน

ใช่แล้ว ไม่ผิดแน่

ฟู่จินอัน ไม่รู้ว่าโผล่มาจากนั้น จู่ๆ ก็กลายเป็นผอ.แผนกดีไซน์เนอร์ เป็นหัวหน้าของฉัน

"หรวนหร่วน เธอรู้จักหล่อนใช่ไหม?"

เจียงไหลเห็นว่าฉันแปลกไป ก็ยื่นมือมาโบกตรงหน้าฉัน แล้วเอ่ยการคาดเดาของเธอ

ฉันวางโทรศัพท์ลง "อืม หล่อนเป็นพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ของฟู่ฉีชวน ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยเล่าให้เธอฟัง"

หลังจากที่เรียบจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป แต่ฉันกับเจียงไหลสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สัญญากันเอาไว้ว่าจะอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงต่อด้วยกัน จะไม่ไปไหนทั้งนั้น

เจียงไหลกระดกลิ้น "เช้ด เด็กเส้นหรอกหรอ!"

"..."

ฉันไม่ได้พูดอะไร

ในใจก็พลางคิดว่า ไม่ใช่แค่เด็กเส้นธรรมดาด้วยสิ

"สมองของฟู่ฉีชวนได้รับการกระทบกระเทือนหรือไง?"

เจียงไหลแซะไม่หยุด ต่อสู้กับความอยุติธรรมแทนฉัน "มีสิทธิ์อะไร? ฉันไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าวงการดีไซน์เนอร์มีเบอร์ต้นที่ชื่อนี้อยู่ แล้วดูฟู่ฉีชวนสิ ยกตำแหน่งผอ.ให้นางหน้าตาเฉย? แล้วเธอล่ะ เขาเอาเธอไปไว้ตรงไหน..."

"ช่างเถอะหน่า"

ฉันขัดบทสนทนาของเธอ แล้วพูดเสียงเบา "ของพวกนี้มันไม่สำคัญหรอก ถ้าเขาอยากให้ ก็ให้"

ถ้าเขาไม่อยากให้ คนอื่นก็ให้ฉันได้เหมือนกัน

เพียงแต่ ถึงยังไงก็กำลังอยู่ในโรงอาหารบริษัท คำพูดพวกนี้ไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมา

เดี๋ยวจะมีคนชั่งใส่ใจเรื่องชาวบ้าน หยิบเอาไปเขียนบทความซะเปล่าๆ

"เธอมีแผนแล้วใช่ไหม?"

เจียงไหลรู้จักฉันมากพอ เมื่อออกจากโรงอาหาร เห็นว่ารอบข้างไม่มีใครแล้ว ก็เอาแขนพาดบ่าแล้วถามฉันด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ

ฉันเลิกคิ้ว "ทายสิ"

"หรวนหร่วนที่น่ารัก บอกฉันเถอะน่ะ"

"จะว่าใช่ก็ได้ แต่ยังไม่ได้วางแผนไว้ครบถ้วนทั้งหมด"

ทำงานมาสี่ปีแล้ว ฉันยังไม่เคยเปลี่ยนงานเลย

แซ่ฟู่ เหมือนเป็นเซฟโซนของฉันมากกว่า

ถ้าต้องลาออกจริงๆ อาจจะต้องมีอะไรสักอย่างหรือสักเรื่องที่ผลักให้ฉันออกมา

เมื่อกลับมาถึงห้องทำงาน ฉันก็ทุ่มสมาธิไปกับการดีไซน์รุ่นลิมิเต็ดสำหรับปีใหม่ ไม่ได้สนใจเรื่องพักกลางวัน

เดิมทีนี่ควรจะเป็นงานของผอ. แต่ผอ.ลาออกไปแล้ว งานก็เลยหล่นมาทับหัวรองผอ.ตามลำดับ ฉันจึงได้แต่ทำเวลา

"พี่ กาแฟค่ะ"

ตอนเกือบบ่ายสองโมง ผู้ช่วยหลินเนี่ยนเคาะประตูและเดินเข้ามา เธอวางกาแฟแก้วนึงลงบนโต๊ะฉัน

ฉันยิ้มนิดหน่อย "ขอบใจจ้ะ"

เธอเห็นว่าฉันกำลังวาดแบบร่าง ก็ทำหน้าตาสงสัย "พี่ ยังทำใจสงบนั่งออกแบบได้อีกหรอคะ? ฉันไปแอบถามมา คนที่โผล่มาจากไหนไม่รู้นั่นน่ะ ไม่ได้ผ่านการสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ ก็ได้ครองตำแหน่งผอ.ไปหน้าตาเฉย พี่ไม่โกรธหรอคะ?"

"..."

ฉันหลุดหัวเราะออกมา ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

ไม่โกรธหรอ

แน่นอนว่าโกรธ

แต่ไม่สามารถจะไปพูดอะไรกับลูกน้องได้

"ทุกคนฟังที่ฉันพูดนะ..."

ที่ด้านนอกห้องทำงาน จู่ก็มีเสียงเอะอะขึ้นมา ผู้ช่วยพิเศษฉินเรียกความสนใจของทุกคนมารวมกัน

ผ่านกระจกที่สูงจรดพื้น ทำให้สามารถมองเห็นพื้นที่สำนักงานสาธารณะได้ในทันที

ฟู่ฉีชวนสวมชุดสูทสั่งตัดด้วยมือสีเข้ม มือข้างนึงล้วงกระเป๋ากางเกง เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ เท่านั้น แต่รังศีเย็นชาสูงศักดิ์ และออร่ากลับแผ่ไปสู่ผู้คน

เมื่อยืนเคียงข้างกับฟู่จินอัน ทั้งคู่ดูเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก

ฟู่จินอันมีท่าทีสง่าผ่าเผย ดวงตาทั้งสองข้างเหลือบไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเรียบเฉย ราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ

เขาขมวดคิ้วน้อยๆ รำคาญนิดหน่อย ทว่าก็ยังตามใจอยู่ดี

พูดเปิดให้หล่อนด้วยเสียงเรียบ "ท่านนี้ คือผอ.คนล่าสุดของแผนกดีไซน์ คุณฟู่จินอัน หลังจากนี้หวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือกับเธอด้วย"

ฟู่จินอันมองเขาด้วยสายตาเคืองๆ "นายจะซีเรียสขนาดนี้ทำไมเนี่ย"

จากนั้น ใบหน้าของหล่อนก็เผยรอยยิ้มผ่อนคลายมีความสุข "ทุกคนไม่ต้องไปฟังเขา ฉันเป็นคนคุยด้วยง่าย ไม่ทำงานเอาหน้าเพื่อสร้างผลงานให้ตัวเองตั้งแต่เพิ่งรับตำแหน่งแน่นอน ฉันเป็นมือใหม่สำหรับที่นี่ หากมีตรงไหนที่ยังทำได้ไม่ดี ยินดีรับฟังทุกคนนะคะ"

……

เพราะท่านประธานออกหน้าแทนหล่อน ภาพบรรยากาศจึงเป็นไปด้วยความสมานฉันท์

หลินเนี่ยนเบ้ปากอย่างอดไม่ได้ "เด็กเส้นจริงๆ ด้วย มีแต่คนที่แต่งงานซ้ำสองที่จะไปจดทะเบียนในวันอับโชค ก็มีแต่คนที่แย่งตำแหน่งคนอื่นมาเท่านั้นแหละที่จะเริ่มงานในวันอับโชค"

ตอนแรกฉันก็รู้สึกแย่อยู่ พอได้ยินคำแช่งที่มาพร้อมตรรกะเพี้ยนๆ ก็อดหัวเราะไม่ได้

ที่ด้านนอก ฟู่ฉีชวนพาฟู่จินอันมาส่งหน้าประตูห้องทำงานผอ.

"พอได้แล้ว ยังมีอะไรให้ห่วงอีก? นายทำหน้าตึงขนาดนั้น ใครจะกล้ามาหาฉัน?" ฟู่จินอันดันตัวฟู่ฉีชวนออก ท่าทางของหล่อนสนิทสนม แม้น้ำเสียงจะฟังดูเคืองๆ ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้ม

ฉันยกกาแฟขึ้นดื่มคำนึง ขมสุดๆ

เมื่อเห็นฉันขมวดคิ้ว หลินเนี่ยนก็หยิบไปดื่มคำนึง "ก็ไม่ขมนี่คะ วันนี้ฉันอุตส่าห์ใส่น้ำตาลตั้งสองก้อนเลยนะ เพราะอยากให้พี่กินอะไรหวานๆ จะได้แฮปปี้หน่อย"

"ก๊อกๆ..."

ฟู่ฉีชวนถูกฟู่จินอันไล่ออกมา ก็หันมาที่ห้องทำงานของฉัน

ฉันมองเขาตาไม่กระพริบ แทบอยากจะมองทะลุให้ถึงหัวใจของเขา

"ฉันไปชงมาให้ใหม่อีกแก้วนะคะ" หลินเนี่ยนปลีกตัวไปอย่างเนียนๆ

ฟู่ฉีชวนเดินเข้ามาช้าๆ ปิดประตูลง แล้วอธิบายอย่างสบายๆ "นี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกมาทำงาน ก็เลยค่อนข้างตื่นเต้น ถึงได้ขอให้ผมช่วยเรียกขวัญ"

"หรอคะ"

ฉันย้อนถามกลับยิ้มๆ "ดูไม่ออกเลยนะคะ"

อย่างแรกให้ระดับท่านประธานอย่างฟู่ฉีชวน แนะนำสถานะของหล่อน

มิหนำซ้ำยังพูดจาหยอกล้อภายในไม่กี่ประโยคที่เปล่งออกมา ใครๆ เขาก็รู้กันแล้วว่าหล่อนกับฟู่ฉีชวนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

ไหนจะพูดทำนองว่า "ฉันเป็นคนคุยด้วยง่าย" อะไรนั่นอีก

มันก็เหมือนกับกำลังป่าวประกาศว่าตัวเองถือไพ่คิงท่ามกลางวงไพ่ แล้วใครจะกล้าพูดอะไรได้อีก?

"เอาเถอะ ถึงเธอจะแก่กว่าคุณสองปี แต่ในเรื่องการงาน คุณเป็นรุ่นพี่ของเธอ เรื่องการออกแบบ คุณเองก็เก่งกว่าเธอ คนในแผนกยังไงก็ยอมรับคุณมากกว่า"

ฟู่ฉีชวนเดินมาข้างหลังฉัน นวดบ่าให้ฉันเบาๆ กึ่งโอ๋กึ่งเกลี้ยกล่อม "คุณไม่ต้องสนใจเธอหรอก แค่อย่าให้ใครมากลั่นแกล้งเธอก็พอแล้ว ได้ไหม?"

เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกโกรธเขาจนควบคุมไม่ได้

ฉันปัดมือเขาออก ลุกพรวดขึ้นมาทันที แล้วถามอย่างตรงประเด็น "ถ้าเป็นแบบที่คุณพูด ทำไมตำแหน่งผอ.ถึงเป็นของเธอไม่ใช่ฉัน?"

หลังจากที่พูดออกไปแล้ว ฉันถึงตระหนักได้ว่าตัวเองพูดตรงเกินไปหน่อย

แม้แต่ฟู่ฉีชวนที่สงบ เยือกเย็นมาตลอด แววตาของเขายังเผยความประหลาดใจ

ใช่

แต่งงานมากันมาสามปี ถึงแม้ว่าคู่ของเราจะไม่ได้หวานชื่น แต่เราก็เคารพซึ่งกันและกัน เราไม่เคยโกรธ ไม่เคยทะเลาะกัน เกรงว่าเขาคงจะเข้าใจมาตลอดว่าฉันเป็นหุ่นขี้ผึ้งที่ไร้ซึ่งอารมณ์

แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้เสียใจที่พูดประโยคนั้นออกไป

ถ้าตำแหน่งผอ. ตกไปอยู่กับคนที่เก่งกาจกว่าฉันจนเป็นที่ยอมรับ ฉันก็จะยอมรับด้วยใจจริง

แต่ตอนนี้เขากลับมอบมันให้ฟู่จินอัน จะบอกว่าแค่ถามฉันก็ไม่มีสิทธิ์ถามหรือยังไง

เป็นครั้งแรกที่ฟู่ฉีชวนได้เห็นด้านที่เฉียบขาดของฉัน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน "หนานจือ คุณกำลังโกรธเรื่องนี้?"

"ไม่ได้หรอคะ?"

อยู่ต่อหน้าคนอื่น ฉันยังพอจะแสร้งทำว่าไม่รู้สึกอะไร แสร้งทำเป็นใจกว้างได้บ้าง

แต่อยู่ต่อหน้าสามีตัวเอง ถ้าฉันยังต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง งั้นชีวิตแต่งงานของเราก็คงจะล้มเหลวเกินไปแล้ว

"โง่หรือไง?"

เขาหยิบรีโมทขึ้นมา ปิดม่านตรงหน้าต่างกระจกสูงจรดพื้นจนสนิท ยื่นแขนยาวออกมาดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอด "ทั้งแซ่ฟู่กรุ๊ปก็เป็นของคุณหมดนั่นแหละ จะแคร์ทำไมกับแค่ตำแหน่งนึง?"

"แซ่ฟู่เป็นของคุณ ไม่ใช่ของฉัน"

สิ่งที่ฉันพอจะไขว่คว้าได้ ก็มีแค่สิทธิ์อันน้อยนิดตรงหน้า

เขาเชยคางของฉันขึ้น สีหน้าจริงจัง "เราเป็นสามีภรรยากัน ต้องแบ่งด้วยหรอว่าอะไรของใคร?"

"งั้นคุณโอนหุ้นส่วนนึงให้ฉันไหมล่ะ?" ฉันหัวเราะ

ฉันมองเขาอย่างมีสติและรอบคอบ เพราะไม่อยากพลาดความรู้สึกอะไรก็ตามที่เขาแสดงออกมา

แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ เขาไม่ได้เผยความรู้สึกอะไรออกมาทั้งนั้น

แค่เลิกคิ้วเล็กน้อย "จะเอาเท่าไหร่?"

"สิบเปอร์เซ็น"

ถ้าอยากได้จริงๆ นี่ก็นับว่าเรียกร้องมากแล้ว

หลังจากที่ฟู่ฉีชวนแต่งงานกับฉัน ก็รับช่วงต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ปซึ่งเป็นกิจการยักษ์ใหญ่ หลังจากนั้นธุรกิจก็ขยายตัวจนกว้างขวางขึ้นหลายเท่าตัวด้วยฝีมือของเขา อย่าว่าแต่สิบเปอร์เซ็นเลย ต่อให้แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ก็กินมูลค่ารวมในตลาดไปหลายส่วนแล้ว

ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะตกลง แค่สมมติตัวเลขขึ้นมามั่วๆ เท่านั้น

"ตกลง" เขาว่า

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status