แชร์

ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว
ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว
ผู้แต่ง: เล่อเอิน

บทที่ 1

ผู้เขียน: เล่อเอิน
ในวันครบรอบแต่งงานสามปี

ฟู่ฉีชวนซื้อสร้อยคอที่ฉันอยากได้มานานในราคาสูงลิ่ว

ใครๆ ก็บอกว่าเขารักฉันจะเป็นจะตาย

ฉันเตรียมดินเนอร์ใต้แสงเทียนด้วยความสุขอันเปี่ยมล้น ทว่ากลับมีคลิปนึงถูกส่งมา

ในคลิปนั้น เขาสวมสร้อยคอให้ผู้หญิงอีกคนด้วยมือของเขาเอง "ยินดีกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่"

ที่แท้ วันนี้ไม่ใช่แค่วันครบรอบแต่งงานของพวกเรา

แต่เป็นวันที่ผู้หญิงในดวงใจของเขาหย่าด้วยเช่นกัน

.......

ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง

แม้ว่าการแต่งงานกับฟู่ฉีชวน จะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความรัก

แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เขามักจะเป็นผู้ชายที่คลั่งรักภรรยามาโดยตลอด

ฉันนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะอาหาร มองดูสเต็กที่เวลานี้เย็นสนิท และข้อความที่ขึ้นติดเทรนด์ฮอตอยู่ในขณะนี้ "ฟู่ฉีชวนทุ่มเงินหลายสิบล้านเพื่อเอาใจเมีย"

ทั้งหมดนี้ ล้วนกลายเป็นคำเยาะเย้ยที่ไร้ซึ่งเสียง

เวลาตีสอง ในที่สุดรถมายบัคสีดำก็เคลื่อนเข้าสู่สนามหญ้า

หน้าต่างสูงจรดพื้น สามารถมองเห็นชายหนุ่มที่ลงจากรถ เขาสวมชุดสูทสีเข้มที่สั่งตัดเย็บด้วยมือ รูปร่างสูงโปร่ง สง่างามและสูงศักดิ์

"ทำไมยังไม่นอนอีก?"

ฟู่ฉีชวนเปิดไฟ เมื่อเห็นฉันที่นั่งอยู่ในห้องอาหาร ก็ประหลาดใจไม่น้อย

ฉันอยากจะลุกขึ้นยืน ทว่าขากลับชาไปหมด จึงล้มตัวลงไปนั่งดังเดิม "ฉันรอคุณอยู่"

"คิดถึงผมหรอ?"

เขายิ้มออกมาน้อยๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินมารินน้ำ เมื่อเหลือบไปเห็นอาหารเย็นบนโต๊ะที่ไม่ได้ถูกแตะเลยแม้แต่นิดเดียว ก็ตกใจพอตัว

ในเมื่อเขาเต็มใจที่จะแสร้งเล่นละคร ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะกดอารมณ์เอาไว้ก่อน แล้วยื่นมือไปหาเขา พร้อมกับยกริมฝีปากโค้งขึ้นแล้วพูดว่า "สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานสามปี ของขวัญของฉันล่ะ?"

"ขอโทษที วันนี้ผมยุ่งมาก ก็เลยลืมเตรียมน่ะ"

เขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วถึงตระหนักได้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน

เขายื่นมือออกมาหวังจะลูบศีรษะของฉัน แต่ฉันเบี่ยงตัวหนีโดยอัตโนมัติ

ฉันไม่รู้เลยว่ามือข้างนี้ของเขา ไปสัมผัสอะไรมาบ้าง รู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก

เขาอึ้งไปนิดหน่อย

ฉันมองเขายิ้มๆ ราวกับไม่ทันได้สังเกตอะไร "ยังจะโกหกฉันอีก เรื่องที่คุณไปประมูลสร้อยเส้นที่ฉันชอบมากที่สุด ขึ้นเป็นฮอตเสิร์ชซะขนาดนั้น! รีบเอามาให้ฉันเลยนะ"

"หนานจือ..."

ฟู่ฉีชวนดึงมือกลับช้าๆ ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย "สร้อยเส้นนั้น ผมไปประมูลแทนเฮ่อถิงน่ะ"

……

อย่างที่ในโซเชียลมีเดียพูดกัน เพื่อนรักคือเกราะกำบังที่ดีที่สุด

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉันเริ่มรักษาต่อไปไม่อยู่ "หรอคะ?"

"อืม คุณก็รู้นี่ สาวในสต็อกเขาเยอะจะตาย"

สีหน้าและน้ำเสียงของฟู่ฉีชวน ไม่ส่อพิรุจใดๆ

ฉันมองใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเขาที่อยู่ภายใต้แสงไฟ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าฉันอาจจะไม่เคยได้รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างแท้จริงเลย

ถึงขนาดที่เริ่มคิดทบทวนว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกหกจริงๆ หรือเปล่า

หรือว่าที่ผ่านมาฉันเชื่อใจเขามากเกินไป

ถ้าไม่ได้รับคลิปที่ถูกส่งมาโดยบุคคลนิรนาม คำแก้ตัวของเขาในเวลานี้ ฉันก็คงจะไม่รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าฉันเงียบไป เขาก็โอ๋ฉันด้วยเสียงนุ่มนวลอย่างคนมีน้ำอดน้ำทน "ผมไม่ควรลืมวันสำคัญขนาดนี้เอง พรุ่งนี้ผมจะให้ของขวัญย้อนหลังคุณแน่นอน"

"ฉันอยากได้แค่สร้อยเส้นนั้น"

ฉันยังอยากจะให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง

มุมที่อยู่ในคลิปนั่น ทำให้ฉันมองไม่เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น

บางทีมันอาจจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือก็เป็นได้

ฟู่ฉีชวนแสดงความลังเลออกมา ฉันมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ "ไม่ได้หรอ ให้เฮ่อถิงขัดใจสาวๆ พวกนั้นสักครั้งเพื่อเพื่อนรักอย่างคุณ คงไม่เป็นไรมั้ง?"

เขาเงียบไปสักครู่ เมื่อเห็นว่าฉันดึงดัน จึงได้แต่เอ่ยออกมาว่า "พรุ่งนี้ผมจะลองถามเขาดู จะให้บังคับแย่งของรักเขามาก็คงไม่ดีเท่าไหร่"

ถาม "เขา" หรือถาม "หล่อน"?

ฉันไม่สามารถไล่บี้ต่อได้ จึงตอบแค่ "ค่ะ"

"คุณทนหิวเพื่อรอผมตลอดเลยหรอ?"

ฟู่ฉีชวนเริ่มเก็บจานชามบนโต๊ะอาหาร นิ้วมือที่เห็นข้อต่อชัดเจน ยิ่งดูน่ามองมากขึ้นเวลาที่วางอยู่บนเครื่องจานสีขาวนวล

ฉันพยักหน้า "อือ ก็วันครบรอบนี่คะ"

เมื่อลุกขึ้นเตรียมจะช่วยเขาเก็บ เขากลับกดฉันเอาไว้ แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน "นั่งรอเฉยๆ ก็พอ รอให้สามีต้มบะหมี่ให้กินนะ"

"อ้อ"

พอฉันเห็นเขาเป็นแบบนี้ ความเคลือบแคลงในใจก็เจือจางลงไม่น้อย

ผู้ชายที่นอกใจ จะสามารถสงบนิ่งทั้งยังเอาใจใส่ได้ขนาดนี้จริงๆ หรอ

แปลกมาก ฟู่ฉีชวนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ทว่ากลับมีฝีมือการทำอาหารที่น่าทึ่ง เขาทำอาหารอย่างรวดเร็วแถมยังอร่อยด้วย

เพียงแต่ ปกติแล้วน้อยครั้งมากที่เขาจะเข้าครัว

สิบกว่านาทีผ่านไป บะหมี่มะเขือเทศใส่ไข่ที่น่าตาสวยงามก็ถูกยกออกมาชามนึง

"อร่อยมาก!"

ฉันกินไปคำนึง ก็ต้องชมเขาออกมาโดยไม่ต้องคิด "คุณไปเรียนทำอาหารมาจากใคร? อร่อยกว่าร้านบะหมี่ข้างนอกอีก"

สีหน้าของเขาอึ้งไป ราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงความหลัง ผ่านไปราวๆ ครึ่งนาที ถึงได้เอ่ยเสียงเรียบ "สองปีที่ไปเรียนที่เมืองนอก ถ้าอยากกินอาหารจีน ก็ได้แต่ต้องเรียนทำเองนั่นแหละ"

เดิมทีฉันก็แค่ถามไปอย่างนั้น จึงไม่ได้คิดอะไรอีก

เมื่อขึ้นไปอาบน้ำ ทิ้งตัวลงบนเตียง ก็เป็นเวลาตีสามกว่าแล้ว

เบื้องหลัง ร่างกายเร่าร้อนของชายหนุ่มแนบชิดเข้ามา คางของเขาฝังลงบริเวณซอกคอของฉัน พร้อมทั้งถูไถเบาๆ

"อยากไหม?"

น้ำเสียงของเขาราวกับผ่านการขัดเกลาด้วยกระดาษทราย ลมหายใจรินรดบนผิวหนังของฉัน ทำเอารู้สึกเสียวซ่าน

ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบ เขาก็โน้มตัวเข้ามาทาบ มือข้างนึงล้วงสำรวจเข้าไปในชุดนอนผ้าไหม

เขามักจะช่ำชองในเรื่องบนเตียงมาโดยตลอด จนฉันไม่อาจทัดท้านได้

แต่ครั้งนี้ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องปฏิเสธ "คุณคะ วันนี้ไม่ได้นะ..."

น้ำเสียงของเขานุ่มนวลราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย

"หืม?"

ฟู่ฉีชวนจูบลำคอของฉันด้วยความบรรจง ยืดมือลงมาสำรวจช่วงล่าง เอ่ยคำพูดที่ทำให้รู้สึกเขินอายจนหน้าแดงฉ่า "ตรงนี้ต้อนรับผมซะขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่ยอมให้ทำอีกหรอ?"

"ฉัน วันนี้ฉันปวดท้อง"

เมื่อได้ยินดังนั้น ในที่สุดเขาก็หยุดการเคลื่อนไหว จูบติ่งหูของฉันเบาๆ แล้วดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอด "ผมลืมไป รอบเดือนของคุณใกล้จะมาแล้วนี่นะ พักผ่อนเถอะ"

หัวใจที่ตึงเครียดเพิ่งจะคลายตัวลงได้ไม่ทันไร ก็บีบตัวแน่นขึ้นอีก ฉันพลิกตัวไปมองเขาตาไม่กระพริบ "รอบเดือนของฉันมาต้นเดือน หมดไปตั้งนานแล้ว"

"งั้นหรอ"

เขามีท่าทีสงบ พร้อมกับย้อนถามตัวเองทีนึง "งั้นผมคงจำผิด คุณปวดมากไหม? ไม่งั้น พรุ่งนี้ให้ป้าหลิวไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนคุณสิ"

"ตอนเช้าฉันไปมาแล้วค่ะ"

"หมอว่ายังไงบ้าง?"

"หมอบอกว่า..."

ฉันทอดดวงตาลงต่ำ เกิดความลังเลขึ้นในชั่วอึดใจ

หมอบอกว่า ฉันตั้งครรภ์ได้ห้าสัปดาห์แล้ว ที่ปวดท้องเพราะมีภาวะเลือดออกในช่องท้อง หมอให้กินยาเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไปก่อน ผ่านไปครึ่งเดือนค่อยไปวัดอัตราการเต้นหัวใจของเด็กในครรภ์

การที่ตรวจออกมาว่าตัวเองตั้งท้องในวันครบรอบวันแต่งงาน นับเป็นของขวัญที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ฉันใส่ผลตรวจครรภ์ลงในขวดแก้วเล็กๆ ซ่อนไว้ในเค้กที่ทำเองกับมือ ตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ฟู่ฉีชวนระหว่างที่กำลังดินเนอร์ใต้แสงเทียน

เพียงแต่จนถึงตอนนี้ เค้กนั่นก็ยังอยู่ในตู้เย็น

โดยที่ไม่มีใครสนใจมันเลย

"บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร อาจจะเพราะว่าช่วงนี้ฉันดื่มของเย็นๆ เยอะเกินไป" ฉันเลือกที่จะปกปิดเอาไว้ชั่วคราว

ถ้าพรุ่งนี้เอาสร้อยเส้นนั้นกลับมาได้ ทุกคนก็จะมีความสุข

แต่ถ้าเอากลับมาไม่ได้ ชีวิตแต่งงานของเราที่มีบุคคลที่สามเข้ามาแทรกกลาง ยังไงก็รักษาต่อไปได้ยาก และแม้จะบอกเขาถึงการเกิดมาของลูก มันก็ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป

ค่ำคืนนี้ ฉันพลิกตัวไปมายากจะนอนหลับ

เกรงว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถทำใจยอมรับเรื่องที่ "สามีนอกใจ" ด้วยใจที่สงบได้

เรื่องที่ฉันเก็บฝังเอาไว้ในใจ ไม่นานก็มีผลตามมา โดยไม่ทันคาดคิด

วันต่อมา ขณะที่ฟู่ฉีชวนกำลังอาบน้ำ ประตูห้องก็ถูกเคาะจนเกิดเสียง

ฉันเพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อเปิดประตู ก็เห็นป้าหลิวชี้ไปที่ชั้นล่าง "นายหญิง คุณจินอันมาค่ะ เธอบอกว่ามาคืนของ"

ฟู่จินอันเป็นลูกสาวของแม่เลี้ยงฟู่ฉีชวน เป็นพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ อายุมากกว่าเขาสองปี ก็นับว่าเป็นคุณหนูของตระกูลฟู่อยู่เหมือนกัน

ป้าหลิวเป็นคนที่ตระกูลฟู่ส่งมาเพื่อดูแลเราสองคน จึงเรียกหล่อนด้วยความเคยชินว่า "คุณจินอัน"

ฉันรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะปกติแล้ว นอกจากตอนที่กลับไปกินมื้อเย็นที่คฤหาสน์เก่าถึงจะได้เจอฟู่จินอันสักที ก็ไม่เคยไปมาหาสู่กัน ยิ่งเรื่องยืมของยิ่งเป็นไปไม่ได้

"คืนของ?"

"ค่ะ ใส่กล่องเครื่องประดับที่ประณีตมาก น่าจะเป็นเครื่องเพชรราคาแพงๆ นะคะ" ป้าหลิวตอบ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 2

    เครื่องเพชร?ฉันขมวดคิ้วเบาๆ ตะเบ็งเสียงพูดกับฟู่ฉีชวนที่เพิ่งเดินเข้าห้องน้ำ "ฉีชวน พี่จินอันมาค่ะ ฉันลงไปดูก่อนนะ"เรียกได้ว่าเกือบจะวินาทีต่อมา ฟู่ฉีชวนก็กระโจมออกมา สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน"ผมไปเองก็ได้ คุณไม่ต้องสนใจหรอก ไปอาบน้ำเถอะ"ชายหนุ่มที่อารมณ์มั่นคงและสุขุมมาโดยตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าฉัน แต่น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยอารมณ์บางอย่างที่ยากจะอธิบาย ราวกับทั้งหงุดหงิดทั้งตึงเครียดความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นในใจของฉัน "ฉันอาบเสร็จแล้ว ยาสีฟันของคุณ ฉันก็เป็นคนเตรียมเอาไว้ให้เอง ลืมไปแล้วหรอ?""ก็ได้ครับ งั้นก็ลงไปด้วยกันนี่แหละ อย่าให้แขกต้องรอนานจะดีกว่า"ฉันจับมือของเขาเดินลงไปชั้นล่างบันไดเป็นดีไซน์แบบบันไดวน ส่วนที่เป็นลักษณะโค้งในครึ่งล่าง ทำให้สามารถมองเห็นฟู่จินอันที่สวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ หล่อนนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสง่าผ่าเผยเพราะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวหล่อนก็เงยหน้าขึ้น เผยรอยยิ้มเงียบเชียบ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับมือทั้งสองข้างของฉันกับฟู่ฉีชวนที่จับกันอยู่ แก้วน้ำในมือก็สั่นทันที จนน้ำชาในแก้วกระฉอกออกมาเล็กน้อย"อ๊ะ..."น่าจะเพราะค่อนข้างร้อน หล่อน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 3

    ฉันอึ้งไปอย่างแรงอ่านอีเมลนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างละเอียด ราวกับกำลังเช็คให้แน่ใจก็ไม่ปานใช่แล้ว ไม่ผิดแน่ฟู่จินอัน ไม่รู้ว่าโผล่มาจากนั้น จู่ๆ ก็กลายเป็นผอ.แผนกดีไซน์เนอร์ เป็นหัวหน้าของฉัน"หรวนหร่วน เธอรู้จักหล่อนใช่ไหม?"เจียงไหลเห็นว่าฉันแปลกไป ก็ยื่นมือมาโบกตรงหน้าฉัน แล้วเอ่ยการคาดเดาของเธอฉันวางโทรศัพท์ลง "อืม หล่อนเป็นพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ของฟู่ฉีชวน ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยเล่าให้เธอฟัง"หลังจากที่เรียบจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป แต่ฉันกับเจียงไหลสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สัญญากันเอาไว้ว่าจะอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงต่อด้วยกัน จะไม่ไปไหนทั้งนั้นเจียงไหลกระดกลิ้น "เช้ด เด็กเส้นหรอกหรอ!""..."ฉันไม่ได้พูดอะไรในใจก็พลางคิดว่า ไม่ใช่แค่เด็กเส้นธรรมดาด้วยสิ"สมองของฟู่ฉีชวนได้รับการกระทบกระเทือนหรือไง?"เจียงไหลแซะไม่หยุด ต่อสู้กับความอยุติธรรมแทนฉัน "มีสิทธิ์อะไร? ฉันไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าวงการดีไซน์เนอร์มีเบอร์ต้นที่ชื่อนี้อยู่ แล้วดูฟู่ฉีชวนสิ ยกตำแหน่งผอ.ให้นางหน้าตาเฉย? แล้วเธอล่ะ เขาเอาเธอไปไว้ตรงไหน...""ช่างเถอะหน่า"ฉันขัดบทสนทนาของเธอ แล้วพูดเสียงเบา "ของพวกนี้มันไม่สำคัญหรอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 4

    เขาแทบจะตอบรับในทันทีไม่ลังเลหรือครุ่นคิดสักนิดฉันโอบรอบคอของเขา ริมฝีปากทั้งสองด้านยกยิ้ม จับจ้องไปที่เขาไม่วางสายตา "สิบเปอร์เซ็น คุณไม่เสียดายหรอ?"แววตาของเขาบริสุทธิ์ "ก็ให้คุณ ไม่ได้ให้คนอื่นสักหน่อย"วินาทีนี้ฉันต้องยอมรับเลยว่า เงินเป็นสิ่งที่จะใช้แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ได้ดีมากอารมณ์ที่ฝืนกดมันเอาไว้ตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็ได้รับการปลอดล็อคฉันถามยิ้มๆ ราวกับอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง "แล้วถ้าเป็นพี่จินอัน คุณจะให้เธอหรือเปล่า?"เขาเงียบไปชั่วอึดใจ แล้วให้คำตอบที่แน่ชัด "ไม่ให้""จริงหรอ?""อืม ที่ผมจะให้เธอได้ ก็มีแค่ตำแหน่งนั้น"ฟู่ฉีชวนดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอด น้ำเสียงอันอบอุ่นและมุ่งมั่นดังอยู่เหนือศีรษะของฉัน "หนังสือสัญญาโอนหุ้น ตอนบ่ายผมจะให้ฉินเจ๋อส่งมา นับจากวันนี้ไป คุณก็คือหนึ่งในเจ้าของของแซ่ฟู่กรุ๊ป ส่วนคนอื่นๆ ก็เป็นแค่ลูกน้องที่ทำงานให้คุณ""แล้วคุณล่ะ?"ฉันอารมณ์ดีขึ้นเยอะ ก็ถามเขายิ้มๆเขาเลิกคิ้ว "อะไร?""คุณก็ทำงานให้ฉันด้วยหรือเปล่า?""แน่นอน"เขาหุบยิ้ม ลูบศีรษะของฉัน โน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหู พูดจาสองแง่สองง่าม "ผมให้บริการคุณได้ทั้งบนเตียงและหลังลงจากเตียง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 5

    ทั้งที่รู้ว่าฟู่ฉีชวนกำลังรอฉันหล่อนที่ขออาศัยติดรถ กลับนั่งตำแหน่งข้างคนขับฉันอยากจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนี แต่สติสัมปชัญญะสั่งให้ฉันหยุดความคิดนั้น แล้วยื่นมือไปหาฟู่ฉีชวน "กุญแจรถ"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่วางกุญแจรถลงบนมือฉันเดินอ้อมกระโปรงรถ เข้าไปนั่งบนตำแหน่งคนขับ ขณะที่ฟู่จินอันกำลังอึ้งและหน้าแข็งไป ฉันก็ยิ้มน้อยๆ "เครื่องแค่นี้เอง? พี่เองก็นับว่าเป็นพี่สาวของฉีชวน แค่ขอติดรถด้วยปกติจะตาย"จากนั้น ก็ยื่นหน้าออกไปมองฟู่ฉีชวนที่อยู่นอกรถ "รีบขึ้นรถสิคะ คุณปู่กำลังรอพวกเราอยู่แหงๆ"ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบสงัดเงียบราวกับอยู่ในป่าช้าเดิมทีฟู่จินอันอยากจะคุยกับฟู่ฉีชวน แต่คงเป็นเพราะต้องหันหลังไปคุย ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติอาจจะเป็นเพราะสังเกตได้ว่าฉันรู้สึกไม่ดี จู่ๆ ฟู่ฉีชวนก็เปิดกระป๋องเครื่องดื่มแล้วส่งให้ "น้ำมะม่วงที่คุณชอบ"ฉันดื่มไปคำนึง ก็ขมวดคิ้วแล้วส่งคืนกลับไป "หวานเกินไป คุณดื่มเถอะ"ช่วงนี้ฉันชอบกินของเปรี้ยวๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเจออะไรที่ไม่ค่อยถูกปาก ฉันพอจะฝืนกินมันลงไปเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองแต่ตอนนี้ แค่คำเดียวก็ไม่สามารถฝืนได้"โอเค"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 6

    ฉันรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวที่เย็นเฉียบเลือดในร่างกายแทบจะหยุดแข็งมีวินาทีหนึ่งที่ฉันสงสัยว่า ตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่าฉันเคยสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างชัดเจนแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ถ้าพูดออกไป คนหนึ่งคือคุณชายตระกูลฟู่ อีกคนคือคุณหนูตระกูลฟู่ ยังไงก็ถือว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้วฟู่ฉีชวนเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้แต่ทว่า ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่ฉีชวนที่มีดวงตาแดงก่ำกดฟู่จินอันไว้กับผนัง พูดเสียงเย้ยหยันและเย็นชาออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน"จะหย่าเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกคนที่เลือกจะแต่งงานกับคนอื่นก็คือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?!""ฉัน..."คำถามที่มารัวๆ ทำให้ฟู่จินอันพูดไม่ออก น้ำตาไหลราวกับหยาดน้ำค้างที่หล่นลงมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อของฟู่ฉีชวนไว้อย่างไร้หนทาง"ฉันผิดไปแล้ว อาชวน ยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหม? แค่ครั้งเดียว และตอนนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ...""ฉันแต่งงานแล้ว""แต่งงานแล้วมันหย่าไ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 7

    ฟู่ฉีชวนดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า "แล้วคืนแต่งงานล่ะ เพราะอะไร?"ยังคงจำได้ลางๆ ว่าคืนนั้นฉันนั่งรออยู่ที่ระเบียงทั้งคืนคืนแต่งงาน เขาทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานแล้วออกไปโดยไม่สนใจใยดีฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา อีกทั้งยังคิดฟุ้งซ่านว่าตัวเองทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะกลับบ้านเร็วๆตอนนั้นฉันเพิ่งอายุยี่สิบสามปี บังเอิญได้แต่งงานกับคนที่แอบชอบมานานหลายปีจะไม่คาดหวังอะไรกับการแต่งงานและเขาได้อย่างไรแต่จนถึงวันนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า ตอนที่ฉันนั่งรอเขากลับบ้านด้วยความหวังเต็มหัวใจ เขากลับไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนทั้งหมดนี้ ช่างเหมือนกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่งจริงๆตอนนี้ฟู่ฉีชวนไม่ได้ปิดบังฉันอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ "คืนนั้นเธอไปแข่งรถกับคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตำรวจจึงแจ้งให้ฉันไปรับ"ช่างบังเอิญจริงๆในวันแต่งงานของฉันกับฟู่ฉีชวน เธอกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นในช่วงดึกแต่ฉันจำได้ว่าในงานเลี้ยงที่บ้านหลังงานแต่งเพียงไม่กี่วัน เธอก็อยู่ในงาน ทั้งยังไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลยสักนิดฉันล

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 8

    ฉันไม่อยากเข้าใจในทันที แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าใจเจียงไหลหัวเราะเบาๆ แล้วพูดวิจารณ์ว่า "ก็แค่ทั่วไปนั่นแหละ""..."ฉันมองเธอด้วยความประหลาดใจ ส่งสายตาเป็นคำถาม ???"เคยนอนด้วยครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แย่มาก"เจียงไหลรีวิวอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าเฮ่อถิงจะอยู่ด้วยเฮ่อถิงโวยวาย "นั่นมันครั้งแรกของฉัน เธอจะไปรู้อะไร!""หยุด หยุด หยุด ฉันไม่ขอรับผิดชอบเรื่องนี้ นายเป็นคนเจ้าชู้ อย่ามาพูดถึงเรื่องครั้งแรกกับฉันเลย อย่างน้อยๆ ครั้งแรกของนายก็น่าจะเป็นกับมันหรือมันต่างหาก" เจียงไหลพูดขัดแล้วชี้ไปที่มือซ้ายและขวาของเขาฉันมองเฮ่อถิงที่ปกติมักจะทำตัวไม่จริงจัง แต่เมื่อเจียงไหลพูดแบบนี้ เขาก็หน้าแดงขึ้นมา และในที่สุดฉันก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันคือความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเฮ่อถิงน่าจะกำลังตามจีบเจียงไหลเจียงไหลไม่สนใจเฮ่อถิงอีกต่อไป จูงมือฉันเดินไปที่ห้องวีไอพี "มีรุ่นพี่คนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ เฮ่อถิงกับพวกเขาจัดงานเลี้ยงให้ แล้วชวนฉันมาร่วมสนุก""รุ่นพี่คนไหนเหรอ?" ฉันถามเบาๆ"เธอน่าจะรู้จักนะ ก็คือ..."เจียงไหลพูดขณะเปิดประตูห้องวีไอพีในห้องวีไอพีมีผู้ชายหลายคนนั่งอยู่

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 9

    ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรงรู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูกฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครามองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้านฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ""คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว"ใจแคบจริง"ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหารราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกินในเมื่อเธอ

บทล่าสุด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 272

    "?"ฉันสงสัยว่า "รอฉันทำงานเสร็จก่อนเหรอ?"นี่มันการกระทำแบบไหนกัน"เพื่อนส่งฉันมาที่นี่เมื่อกี้ ฉันไม่มีรถ"ขณะที่เขาพูด เขาก็ยื่นข้อมือมาให้ฉันและขอให้ฉันดูเวลา "คุณกำลังจะเลิกงานแล้ว ช่วยมารับฉันกลับด้วย""ฉันจะโทรเรียกรถให้คุณ"ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมา และเขาก็ขมวดคิ้วก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ฉันไม่เคยนั่งแท็กซี่มาก่อน"เอาล่ะเป็นเรื่องธรรมดาที่นายน้อยจะมีลักษณะเฉพาะของเขาฉันไม่มีอะไรจะพูด "งั้นคุณก็รอได้เลย"ฉันหันศีรษะและเข้าไปในห้องทำงานของฉัน เจียงไหลเอื้อมมือมาอย่างรวดเร็วเธอขยิบตาให้ฉันและพูดว่า "ทำไมนายน้อยของตระกูลโจวยังไม่ไปจากที่นี่?""กำลังรอรถ"ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบเจียงไหลนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามฉัน โดยวางข้อศอกบนโต๊ะและเอามือประคองใบหน้า“ก่อนหน้านี้ ฉันสังเกตเห็นว่าแม่ลูกตระกูลเสิ่นดูกลัวเขามาก บางทีคุณควรพยายามทำความรู้จักกับเขาหน่อย ถ้าเกิดอะไรขึ้น เขาอาจช่วยคุณได้”“ช่างมันเถอะ”ฉันปฏิเสธความคิดนั้นโดยไม่ลังเล “คุณคิดว่าเขาเป็นคนประเภทที่ปล่อยให้ตัวเองถูกหลอกใช้หรือเปล่า?”เขาดูเย้ยหยัน แต่ที่จริงแล้ว เขารู้ทุกอย่างในใจของเขาไ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 271

    เมื่อเห็นเขาเข้ามา เสิ่นซิงหยูก็ระงับสีหน้าเยาะเย้ยทันที แต่ยังคงอารมณ์ฉุนเฉียวและพึมพำว่า “เข้าข้างคนนอกเสมอ!”แม่เสิ่นไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนก่อนหน้านี้ เธอแค่ถาม "ทำไม?"“ผมบอกคุณย่าไปแล้วว่าผมจะเอาชุดที่สั่งตัดมาให้เธอสองสามชุด”โจวฟางยิ้มและเสริมว่า “สุดสัปดาห์นี้ผมจะพาหร่วนหนานจือไปพบเธอเพื่อฟังความคิดของเธอ ถ้าตอนนี้คุณรังแกเธอแล้วเธออารมณ์เสียและปฏิเสธผม ผมจะอธิบายเรื่องนี้กับคุณย่าได้ยังไง”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นซิงหยู่ก็ยกคิ้วและจ้องมองทันที "คุณจะพาเธอไปหาคุณย่าโจวเหรอ?""ใช่เรื่องของเธอเหรอ?"โจวฟางพูดอย่างประหยัด ไม่เต็มใจที่จะเสียเวลาแม้แต่พยางค์เดียวเสิ่นซิงหยู่ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา "คุณย่าโจวมักจะกังวลเกี่ยวกับกฎเกณฑ์และชื่อเสียงอยู่เสมอ จะยอมให้หญิงมั่วชายอย่างนางพบได้ยังไง?""เสิ่นซิงหยู่ แม้ว่าเธอจะเป็นแบบนี้ คุณย่าของฉันก็ยังทนได้ ฉันแน่ใจว่าคุณหร่วนจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี"แม้แต่ต่อหน้าแม่เสิ่น โจวฟางก็ไม่ไว้หน้าให้เสิ่นซิงหยู่แม่เสิ่นระงับความโกรธและประนีประนอมโดยกล่าว: "เมื่อเป็นอย่างนั้น เราจะไว้หน้าให้เธอและไม่โต้เถียงกับเธอในตอนนี้"“ดูแลตัวเอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 270

    หากยืนกรานที่จะทำให้ฉันอับอายอย่างตั้งใจ นั่นฟังดูน่ายินดีมากแสดงความรักอย่างลึกซึ้งในอดีต แต่ฉันจำคำพูดตรงไปตรงมาที่ เธอพูดกับฟู่ฉีชวนในโรงพยาบาลได้อย่างชัดเจนอย่างไรก็ตาม แม่เสิ่นก็ตกตะลึงจนจับหน้าผากของเธอด้วยความหงุดหงิด "นี่ลูก! ทำไมลูกถึงรักฟู่ฉีชวนทั้งหัวใจแบบนี้!”เสิ่นซิงหยูยิ้มอย่างเชื่อฟังและพูดว่า "เขาเป็นคนดีมาก บางคนไม่รู้ว่าจะดูแลเขายังไง แต่ฉันจะทำแน่นอน"ชอบพูดจาแขวะคนอื่นฉันพบว่ามันน่าขบขันแต่ก็ไม่อยากยุ่งกับเธอ ฉันแค่อยากจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ฉันเลยถามอีกครั้งว่า “แล้วคุณบอกความต้องการของคุณให้ฉันรู้ได้ไหม?”"ต้องสูงศักดิ์!"เธอสั่งอย่างเย่อหยิ่งและเสริมว่า “ควรมีเพชรจำนวนมาก แวววาวไปทั่วทุกจุด คอเสื้อควรประดับด้วยไข่มุก ต้องดูแพงมาก โอ้ แล้วก็ทับทิมด้วย ฉันชอบสีแดง…”สุดท้ายแล้ว ฉันรู้สึกมีแรงบันดาลใจเล็กน้อยเพชร ไข่มุก ทับทิมนี่ไม่ใช่ชุดราตรี แต่เป็นตู้โชว์เครื่องประดับฉันบอกไม่ได้ว่าเธอชอบสไตล์นี้จริงๆ หรือเธอจงใจทำให้ทุกอย่างยากขึ้นฉันเม้มปากและพูดจากมุมมองของมืออาชีพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้: "คุณหนูเสิ่น องค์ประกอบนี้อาจมากเกินไปหน่อย ซึ่ง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 269

    เมื่อแม่เสิ่นปรากฏตัวที่สำนักงาน หน้าอกของเธอยังคงไม่เท่ากันเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกว่าเธอกำลังวิตกกังวลใครๆ ก็บอกได้ในทันทีว่าเธอใส่ใจลูกสาวของเธอ เสิ่นซิงหยูมากเพียงใดไม่ต่างอะไรกับการปกป้องอัญมณีอันล้ำค่าเสิ่นซิงหยูเห็นผู้สนับสนุนของเธอเข้ามาและยื่นปากออกมา ดูเหมือนว่าเธออยากจะร้องไห้ "แม่ ฉันสงสารเธอที่หย่าร้างและจะช่วยอุดหนุนธุรกิจของเธอ เธอถึงกับเรียกฉันว่าหมากับเพื่อนของเธอด้วยซ้ำ"แม่เสิ่นขมวดคิ้วและจ้องมองฉันอย่างโกรธเคือง "หร่วนหนานจือ อย่าไม่รู้จักบุญคุณกันเกินไปนะ! ขอโทษลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!""ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น"เจียงไหลไม่สามารถฟังได้อีกต่อไป "การไม่รู้จักบุญคุณหมายความว่ายังไง? ใครเป็นคนขอร้องให้ลูกสาวของคุณอุดหนุนธุรกิจของเรา ฉันบอกไปแล้วว่าเราไม่รับออเดอร์ เธอจะยืนกรานอย่างไม่ลดละ""แล้วเธอคิดว่าเธอเป็นใคร ถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้?”หลังจากพูดจาเหยียดหยาม สายตาของแม่เสิ่นก็จับจ้องมาที่ฉัน เต็มไปด้วยความคุกคาม "หร่วนหนานจือ คราวที่แล้ว ฉันปล่อยให้เธอออกไปเพราะไว้หน้าเธอ ถ้าวันนี้เธอควบคุมปากไม่ได้ ฉันจะทำให้เธอหายไปจากเมืองเจียงเฉิง"เจียงไหลที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อการ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 268

    ส่วนที่เหลือ ค่อยๆ รับสมัคร……ในช่วงบ่าย ขณะที่ฉันกำลังจดจ่ออยู่กับการออกแบบคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิใหม่ ฉันได้ยินเสียงการโต้เถียงดังมาจากภายนอกหนึ่งในนั้นชัดเจนมาก ฉันคุ้นเคยเป็นพิเศษและอีกอันก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าเช่นกันทันทีที่ฉันเปิดประตูและเดินออกไป ฉันได้ยินเจียงไหลพูดว่า "เธอไม่เข้าใจเหรอ ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันจะไม่ทำธุรกิจกับเธอ การออกแบบเสื้อผ้าให้เธอ ฉันคิดว่าฉันกำลังทำให้มือของหรวนหร่วนของฉันสกปรก"ฮึ่ม"อีกคนกรนเสียงเย็นชาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งและชอบบงการตามปกติของเขา “งั้นฉันขอพูดให้ชัดเจนนะ เธอจะทำไม่ว่าเธอจะต้องการหรือไม่ก็ตาม”มีเพียงเสิ่นซิงหยูเท่านั้นที่สามารถทำตัวให้หยิ่งผยองได้“ถ้าฉันปฏิเสธล่ะ เธอจะทำยังไง?”เจียงไหลก็ไม่กลัวเธอเช่นกัน เขาทำท่ายักไหล่แล้วพูดว่า "ทำไมเธอไม่โทรเรียกตำรวจล่ะ? อ้อ ถ้าเราจับคุณได้ เราคงต้องหาทีมจับสุนัขให้เจอ อย่าไปโทร 110 เลย เธอจะเสียทรัพยากรของตำรวจไปเปล่าๆ"เธอไม่เคยแพ้ใครในการด่าทอเลยเสิ่นซิงหยู่โกรธมากจนกัดฟันแล้วพูดว่า “เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ทำ? โอเค งั้นฉันจะทำให้แน่ใจว่าบริษัทของเธอปิดตัวลงในวันที่เปิดทำการ”"เราจะทำ!"ฉันก

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 267

    ฉันกับเจียงไหลคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะมีใครทำเรื่องดีๆ เช่นนี้"ลืมไปเถอะ อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ตอนนี้ การเปิดประตูเพื่อทำธุรกิจ การมีออเดอร์เป็นสิ่งที่ดี"เจียงไหลมองโลกในแง่ดีขณะที่เธอยืดตัวอย่างขี้เกียจ “มีคนมาสัมภาษณ์เร็วๆ นี้ เธอพร้อมไหม? อยากร่วมสัมภาษณ์กับฉันไหม?”"ได้"ฉันตกลงมีหลายอย่างที่ต้องทำเมื่อบริษัทใหม่เปิดขึ้นแค่ฉันกับเจียงไหลทำงานไม่หยุดตลอด 24 ชั่วโมงไม่เพียงพอการจ้างงานเป็นเรื่องเร่งด่วนระหว่างการสัมภาษณ์ เจียงไหลรับผิดชอบในการถามคำถาม ในขณะที่ฉันรับผิดชอบแค่การทบทวน เราสามารถตัดสินใจร่วมกันในภายหลังฉันคิดว่าสองสามคนแรกโอเค แต่ฉันบอกไม่ได้ว่าดีตรงไหนจนกระทั่งมีหญิงสาวผลักประตูเปิด โค้งตัวเล็กน้อยให้เรา นั่งลงอย่างเชื่อฟัง และแนะนำตัว "สวัสดี ฉันชื่อโจวโม่...."ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับท่าทางไร้เดียงสาของเธอเสมอเมื่อเธอพูด สายตาของเธอหันมาทางฉันเป็นครั้งคราว ดวงตาที่เปียกชื้นของเธอเป็นประกายสดใสเจียงไหลรู้สึกขบขันและถามเธอว่า “คุณรู้จักประธานหร่วนของเราไหม? หรือคุณแค่คิดว่าเธอสวยเกินไป?”“ประธานหร่วน...”เธอยิ้มอย่างเขินอายและถามอย่างระมั

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 266

    ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกราวกับว่าน้ำตาได่้ไหลรินลงมาราวกับฝนตก แต่ใบหน้าของฉันยังคงสะอาดและแห้งแม้แต่การมองเห็นก็ยังชัดเจนเป็นพิเศษเมื่อฉันกลับถึงบ้าน ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ก็โทรมาหาฉันทันทีและบอกว่ามีผู้ซื้อรายหนึ่งตัดสินใจซื้อบ้านในหลินเจียงการ์เด้นและยังใจกว้างมาก โดยไม่ต้องลดราคาใดๆ ทั้งสิ้นพวกเขาขอให้ฉันพบกับผู้ซื้อเพื่อหารือรายละเอียด หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราก็สามารถเซ็นสัญญาและดำเนินการตามกระบวนการต่อไปได้ระหว่างทางไปหลินเจียงการ์เด้น ฉันคิดอยู่ตลอดว่าถ้าบ้านหลังนี้สามารถหาผู้ซื้อได้เร็วกว่านี้สักหน่อย หนานซีก็คงไม่ต้องพึ่งการลงทุนของ RF กรุ๊ปน่าเสียดาย ที่ไม่มีคำว่าถ้าอย่างไรก็ตาม การพิงต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงาก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเองเมื่อฉันมาถึงหลินเจียงการ์เด้น ฉันเห็น "ผู้ซื้อ" ยืนอยู่ข้างๆ ตัวแทน และอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ "คุณเฉิน คุณชอบอพาร์ตเมนต์นี้หรือเปล่า?""ฉันเอง"เฉินเย่ดูไม่แปลกใจเลยและเป็นกันเองมาก “คุณหร่วน เราเจอกันอีกแล้ว”ฉันหัวเราะและพูดว่า "บังเอิญจริงๆ คุณลงทุนกับฉันตอนเที่ยงและซื้อบ้านของฉันในช่วงบ่าย

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 265

    ทันทีที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกอำเภอ ฉันรู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเดิมทีเจียงไหลต้องการอยู่เป็นเพื่อนฉัน แต่ฉันปล่อยให้เธอกลับไปก่อนฉันเริ่มการเดินทางนี้เพียงลำพัง และตอนนี้ ฉันควรจะจบมันเพียงลำพังเช่นกันฉันมองดูรถที่วิ่งผ่านไปมาบนท้องถนน และคู่รักที่เข้าออก บางคนแต่งงาน บางคนหย่าร้างมันง่ายที่จะบอกความแตกต่างคนที่ยิ้มคือคู่บ่าวสาว ในขณะที่คนที่หน้านิ่งเฉยหรือดูถูกซึ่งกันและกันคือคนที่หย่าร้างความสัมพันธ์ที่พังทลายมักจะไม่จบลงด้วยดีโชคดีที่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฟู่ฉีชวนและฉันเขาไม่มีความรู้สึกต่อฉันเลย และฉันก็รักเขามาเพียงแปดปีเพราะความเข้าใจผิดสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็คือฟู่ฉีชวนไม่ได้มาคนเดียวเขาเดินลงจากรถมายบัคสีดำเงาวับ ตามด้วยเสิ่นซิงหยูสีหน้าของเขาเย็นชาและเฉยเมยเหมือนเคย ไม่แสดงสัญญาณใดๆ ว่ามีสิ่งผิดปกติ เขาพูดด้วยมือข้างหนึ่งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง "ไปกันเถอะ"น้ำเสียงของเขาดูเป็นกันเอง มากกว่าจะบอกว่ากำลังชวนไปกินข้าวมากกว่าจะหย่าร้างนั่นเป็นตัวอย่างของธรรมชาติที่ปราศจากความเสแสร้งของเขา"โอเค"ฉันก้มตาลงและพยักหน้าเมื่อเสิ่นซิงหยูกำลังจะตามเข้า

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 264

    เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลู่สือเยี่ยนก็รู้สึกใจสลายเล็กน้อยเช่นกัน "เมื่อฉันได้พบคุณอีกครั้งในวิทยาลัย ฉันเกลียดตัวเองที่หายไปจากชีวิตของคุณเป็นเวลาหลายปีและทำให้คุณต้องทนทุกข์ทรมาน""รุ่นพี่ นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ"เมื่อฉันเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เขายังเป็นเพียงเด็กบางเส้นทางในชีวิตต้องเดินเองไม่มีใครช่วยได้มันยอดเยี่ยมมากที่เขาสามารถช่วยเหลือฉันได้เมื่อฉันต้องการมากที่สุดในระหว่างการสนทนา เจียงไหลออกมาพร้อมกับหม้อไฟและยิ้มกล่าว "พวกคุณคุยกันยังไงบ้าง เรามาเริ่มกินข้าวกันไหม?"ลู่สือเยี่ยนเล่นตามอย่างกระตือรือร้น “เอาเลย! ฉันไม่ได้มีโอกาสได้กินข้าวเที่ยงเลย และฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”เมื่อเจียงไหลอยู่แถวนั้น หม้อไฟก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขทีละน้อย ฉันค่อยๆ ลืมข่าวที่กำลังเป็นกระแสออกไปจากหัวแล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปวันรุ่งขึ้น หิมะก็ยังคงไม่หยุดตก ลมหนาวหอนดังจนพื้นดินปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนเมื่อคืนก่อน เจียงไหลยังไม่กลับบ้าน เธอรับสายโทรศัพท์และกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น“หรวนหร่วน อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง! วันนี้เธอออกไปข้างนอกได้ไหม?”ฉันจิบน้ำ “เกิดอะไร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status