ใกล้จะหย่ากันแล้ว ฉันไม่อยากติดค้างน้ำใจอะไรกับฟู่ฉีชวน!ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือหนี้ของหลินกั๋วอัน ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่ยอมไปใช้หนี้แทนคนประเภทนี้แน่นอน"ฉันรู้ดีว่าเขาเป็นใครมีฐานะอะไร"ชายเสียงเป็ดคนนั้นมุ่ยปากและกดปุ่มโทรออกพร้อมกดปุ่มเปิดลำโพง "เราไม่อยากผิดใจกับเขา ถ้าเธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาจริง ฉันก็ไม่ได้โง่ขนาดหาเรื่องให้กับตัวเอง"ขณะฟังเสียงต่อสายโทรศัพท์ "ตู๊ด...ตู๊ด..." ฉันรู้สึกอึดอัดใจฉันควรขอร้องเขาให้มาช่วย หรือฉันควรปฏิเสธความสัมพันธ์ฉันกำลังชั่งน้ำหนักความคิดทั้งสองในใจ แต่ว่าทันทีที่สายถูกรับ ฟู่ฉีชวนก็ให้คำตอบกับฉันปลายสายเสียงของฟู่จินอันดังขึ้นมาก่อน"ใคร? ดึกดื่นขนาดนี้แล้วโทรมาอยู่ได้..."ฉันกำมือจิกเล็บแน่น จิกจนรู้สึกเจ็บ "ฉันเอง หร่วนหนานจือ ฟู่ฉีชวนล่ะ?"เขาไม่ได้บอกว่าแค่ไปเซ็นเอกสารหรอกเหรอตอนนี้ขนาดมือถือเขาเองยังไปอยู่ในมือของฟู่จินอันฟู่จินอันแน่นิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มระเริง น้ำเสียงดูภูมิใจ ค่อยๆ จีบปากจีบคอพูด "เขาน่ะหรอเขาไม่รู้ว่าหลังจากแท้งไปแล้วประมานเดือนถึงจะมีรอบเดือน เขาคิดว่าฉันรอบเดือนใกล้มา ก็เลยวิ่งไปซื้อผ้าอนามัย
ชายเสียงเป็ดเดินเข้าไปหาใช้เท้าทีบหลินกั๋วอัน หยิบขวดเหล้าเทรดใส่หัวเขา "ไอสันขวาน แกเล่นลูกไม้กับพี่ไห่งั้นรึ? ภรรยาตระกูลฟู่หรอ? บ้านป้าแกน่ะสิ! ประธานฟู่เขาไปซื้อผ้าอนามัยให้กับแฟนใหม่เขาแล้ว เขาจะมายอมใช้หนี้เงินพนันลุงเขยของอดีตภรรยารึไง?"หลินกั๋วอันไม่ทันได้ระวัง ล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น เขาพยายามกระเสือกกระสนคลานไปอยู่ตรงหน้าหัวหน้าชายคนนั้น "พี่ไห่ พี่ไห่ครับ! ผมไม่กล้าเล่นลูกไม้กับพี่หรอก เธอเป็นภรรยาของฟู่ฉีชวนจริงๆ วันนั้นที่พวกนายไปโรงพยาบาลก็เห็นไม่ใช่หรอว่าภรรยาฉันพักอยู่ห้อง VIP ถ้าฟู่ฉีชวนไม่สนใจเธอ ภรรยาฉันจะไปพักอยู่ห้อง VIP ในโรงพยาบาลเซิ่งซินได้ไง?"……ฉันจ้องเขม็งมองเขาอย่างอาฆาตร "หลินกั๋วอัน! ลุงมันคนเนรคุณ ถ้าไม่ใช่เพื่อคุณป้า มีหรือหนูจะไปขอร้องฟู่ฉีชวนเพื่อยกให้พักผู้ป่วยนี้ให้ฉัน? ตอนนี้ลุงกลับเอามาใช้ทำร้ายหนูงั้นหรอ?!"หลินกั๋วอันทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินพูด เขากอดขาของพี่ไห่"พี่ไห่ กำขี้ก็ยังดีกว่ากำตด เธอต่อให้หย่ากับฟู่ฉีชวนแล้ว ฟู่ฉีชวนจะไม่แบ่งเงินช่วยเธอสักนิดเลยรึไง? เงินล้านเดียว สำหรับเธอแล้วมันแค่เรื่องเล็กน้อย!"หนึ่งล้านเขาแค่คนจนขี้กุ้ย ทำไมถึ
พี่ไห่โมโหเอามือตบหัวของชายเสียงเป็ด ตะวาดจนน้ำลายกระเด็น "แม่งูเอ๋ย ฉันโดนแกหลอกแต่แรกเลยหรอวะเนี่ย! อดีตภรรยาบ้านป้าแกที่ไหนล่ะ เจอปัญหาใหญ่แล้ว!""พี่..."ชายเสียงเป็ดชี้ไปยังเท้าของของเขาที่เหยียบอยู่บนหน้าของฉัน "พี่เอาเท้าออกก่อนดีกว่าไหมครับ?"เขาถึงได้ก้มลงมาดู ทันใดนั้นก็สะดุ้ง ขณะกำลังชัดเทากลับ ทันใดนั้นประตูม้วนก็ถูกเปิดออก!เดิมที ฉันคิดว่าเป็นคนที่ลุงเฉิงส่งมาเพื่อเอาเอกสารมาให้ฉัน พอเห็นฉันถูกลักพาตัว ก็เลยส่งคนมาช่วยฉันแต่ตอนนี้พอฉันแหงนหน้าขึ้นมอง ก็เห็นใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึมของฟู่ฉีชวนในสายเมื่อครู่นี้ เขา...ไม่ใช่ว่าไปซื้อผ้าอนามัยให้ฟู่จินอันหรอกเหรอ ทำไมถึงมาที่นี่ได้?ระยะห่างจากที่นี่ถึงโรงพยาบาลเซิ่งซิน อย่างน้อยก็ต้องขับรถหนึ่งชั่วโมง"รอง...ประธานฟู่!"พี่ไห่ที่ยโสโอหังเมื่อครู่ ทันใดนั้นก็เสียงนอบน้อม "กระผมได้ยินชื่อท่านมานานแล้ว!"ฟู่ฉีชวนสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเขายิ่งทำให้ขนลุกขนพอง "นี่หรอเหตุผลที่ต้องลักพาตัวภรรยาของฉัน?""เข้าใจผิดแล้วครับ นี่ไม่ใช่การลักพาตัว ต่อให้ผมกินใจหมีดีเสือก็ไม่กล้าหรอกครับ"พี่ไห่โยนความผิดชี้ไปทางหลินกั๋วอันและยิ้ม
"จริงเหรอ?"เขาแคลงใจฉันโกรธจัด "จริงสิ ลุงรีบๆ แก้มัดเร็ว!"หลินกั๋วอันดีใจไม่หาย เขาช่วยแก้เชือกที่มัดไว้จนมือไม้เป็นพัลวันจากนั้น ทันทีที่ฉันเป็นอิสระ ก็มีคนหนึ่งจากด้านหลังเข้ามาคว้าแขนของฉันไว้อย่างหยาบคาย ฉันยังไม่ทันได้ขัดขืน วัตถุแข็งๆเย็นๆ ก็จ่อตรงขมับของฉันจากประสบการณ์หนังอาชญากรรมและหนังสงครามที่ดูไปไม่น้อยก็ได้บอกกับฉันว่ามันคือปืนฉันสั่นสะท้านไปทั้งตัว ไม่กล้าขยับ ปล่อยให้เขาค่อยๆ ลากฉันขึ้นมา"ประธานฟู่! ถ้าคุณยังขัดขืน งั้นผมก็จะไม่เกรงใจกับคุณนายฟู่อีกแล้ว"พอคนข้างหลังเอ่ยพูด ฉันก็ฟังออกว่าเป็นผู้ชายเสียงเป็ดคนนั้นในตอนนั้น คนของเขาล้มไปแล้วเกินครึ่ง เห็นได้ชัดว่าคนของฟู่ฉีชวนเป็นต่อฟู่ฉีชวนหยุดมือและยิ้มเยาะ "นายไม่น่าโง่เลย ถ้าหากเธอเป็นอะไรแม้แต่ปลายผม พวกนายไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่แน่"เสียงเป็ดของเขาแหบแห้งและขืนดันทุรังต่อไป "แต่ผมเห็นว่าประธานฟู่ก็ดูเหมือนว่าไม่คิดจะปล่อยพวกเราไปอยู่แล้ว""ลักพาตัวเมียฉัน ถ้าฉันไม่แสดงให้พวกนายเห็น พวกนายก็คงจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใหญ่ ใครเป็นรอง"ฟู่ฉีชวนค่อยๆ จัดเสื้อเชิ้ตของตนเองที่เละเทะจากการต่อสู้และค่อย
"ที่ดินตรงเฉิงซี ประธานฟู่ยกให้ผม"ชายหัวร้อนตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว "เขาไปยุ่งกับคุณนายฟู่ เป็นความไม่รู้กาละเทศะของเขา เรื่องที่เหลือผมจะจัดการให้ ประธานฟู่จะต้องพอใจแน่นอน"ฟู่ฉีชวนยิ้มมุมปาก น้ำเสียงเย็นชา "ตกลง""ประธานฟู่ ประธานฟู่..."โจวไห่เพิ่งรู้ว่า คนที่ตามมาสบทบไม่ได้มาช่วยเขา แต่ใช้เขาอาศัยโอกาสตักตวงปลประโยชน์จากฟู่ฉีชวนเขาตกใจจนรีบวิ่งออกมา กอดขาของฟู่ฉีชวนอ้อนวอนร้องขอ "ประธานฟู่ ท่านโปรดเมตตา ปล่อยพวกเราไปเถอะ!""ฉินเจ๋อ"ฟู่ฉีชวนจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาฉินเจ๋อทีบโจวไห่ออกไป "ก่อนหน้านี้ทำกับคุณนายฟู่ของเรา แกควรจะคิดทบทวนให้ดีก่อน ตอนนี้จะมาขอร้อง มันสายไปแล้วล่ะ!"เขาลุกขึ้นมาคลานอย่างไม่ยอมแพ้เข้ามากอดขาของฉัน "คุณนายฟู่ คุณนายฟู่ ผมมีตาหามีแววไม่! ท่านช่วยละเว้นผมได้ไหม!"มือของฉันกดตรงปากแผลของฟู่ฉีชวนไว้ตลอด พอนึกถึงเขาที่เป็นคนยิง ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาจากใจ "ไปให้พ้น!"วินาทีต่อมา ฉินเจ๋อก็ทีบเขากระเด็นออกไปและประคองเราขึ้นรถฉินเจ๋อเป็นคนขับรถให้กับเรา ส่วนลูกน้องคนอื่นของฟู่ฉีชวนก็ทยอยขึ้นรถคันอื่น รถนับสิบคันขับขึ้นมาอยู่บนถนนทางหลวงพร้อมกันอย่างรวดเร็
"ใช่"ฉินเจ๋อถอนใจโล่งอกหลังจากถึงโรงพยาบาล ฟู่ฉีชวนถูกย้ายไปยังเตียงรถเข็นของโรงพยาบาลเป็นอันดับแรกไฟของโรงพยาบาลสว่าง ในตอนนั้นฉันเพิ่งถึงได้เห็นว่าหน้าของฟู่ฉีชวนซีดขาวเพราะเสียเลือดไปอย่างมากเขาตอนอยู่บนรถ...เขากลัวว่าฉันจะกังวลก็เลยพยายามประคองสติพอประตูห้องฉุกเฉินปิดลง หัวใจของฉันก็ถูกความกลัวเข้าครอบงำขนาดหายใจยังลำบากฉันพิงกำแพง พูดไม่ออกว่าหัวใจตอนนี้รู้สึกอะไรรู้แค่ว่าพอประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก หมอก็บอกว่าผ่าตัดเอากระสุนออกมาแล้ว ช่วงนี้พักรักษาตัวให้เต็มที่ พอรู้ว่าอาการไม่สาหัส ฉันก็ถอนหายใจโล่งอกฉันเดินเข้าห้องผู้ป่วย ดวงตาสีดำราวกับอีกาของเขาลุกโชนทอเป็นประกายจ้องมาที่ฉันราวกับจะมองฉันให้ทะลุฉันเม้มริมฝีปากและเทน้ำอุ่นให้เขา "ฉินเจ๋อกลับไปเตรียมของใช้ประจำวันและเสื้อผ้าให้คุณ เดี๋ยวพอเขากลับมาแล้วฉันค่อยกลับเขายิ้มมุมปาก "กลับ?""ใช่"ฉันพยักหน้า "วันนี้...ขอบคุณคุณมาก"หากเขาไม่ได้ไปช่วย เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่ฉันจะหนีออกจากที่นั่นโดยไม่มีบาดแผลไม่รู้ว่าหลินกั๋วอันเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับอันธพาลพวกนั้นฟู่ฉีชวนแกล้งพูดตลก "หร
ฉันไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย แม้แต่หัวใจก็ไม่รู้สึกอะไรทีไหนมีฟู่ฉีชวน ที่นั่นก็จะเห็นเธอทำท่าเหมือนหมาเห็นซาลาเปาเนื้อ ทำอะไรก็ไม่ได้ดูน่าแปลกฟู่ฉีชวนสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อยพูดอย่างเย็นชา "ผมไม่หิวแล้ว""ทำไมไมหิวน้ำแล้วล่ะ? เมื่อกี้หนานจือยังป้อนคุณอยู่เลยไม่ใช่หรอ..."ฟู่จินอันหน้ามุ่ย เต็มไปด้วยความสงสัยจากนั้นก็พูดกับตัวเอง "ก็อย่างว่า ฉันคงไม่ได้เข้าใจคุณดีเท่าเธอ ไม่รู้ว่าเวลาไหนคุณควรต้องการอะไร"พูดจบก็เอาแก้ววางไว้ข้างๆเดิมฉันกลุ้มใจเรื่องอาการบาดเจ็บของฟู่ฉีชวน ไม่เหมาะจะถามเรื่องของฟู่จินอัน แต่ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้า ไม่เอาก็โง่แล้วฉันหันไปมองฟู่ฉีชวนและยิ้มเบาๆ "เรื่องของเธอ คุณตัดสินใจได้แล้วรึยัง?"กลางวันบอกว่าจะเก็บเอาไปคิด ตอนนี้คงจะตัดสินใจได้แล้ว"ตัดสินใจเรื่องอะไร?"ฟู่จินอันรู้ว่า 'เธอ' ในประโยคที่ฉันพูดก็คือเธอเอง เลยแกล้งถามอย่างสงสัยฟู่ฉีชวนเหลือบมองฉัน สายตาสงบอ่อนโยน "คุณจะข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อสะพานทิ้งเลย? ผมตอนนี้เป็นแค่คนป่วย" (ข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อสะพานทิ้ง หมายถึง ได้รับผลประโยชน์แล้วแล้วถีบหัวส่ง)"แต่เธอไม่ใช่"ฉันหันไปมองฟู่จิน
"ลูกของผมกับหนานจือ จากไปได้อย่างไร? คุณลืมแล้วหรอ?"ดวงตาของฟู่ฉีชวนสองข้างย้อมไปด้วยความหนาวเย็นของช่วงที่หนาวที่สุด น้ำเสียงก็เย็นเยือกจนน่าขนลุกฟู่จินอันร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าอะไร ราวกับกระต่ายตกใจ "ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฉันไม่รู้ว่าเธอท้องอยู่! อาชวน คุณก็รู้ วันนั้นฉันทำแบบนั้นไปก็เพราะกลัวว่าจะเสียคุณไป เลยขาดสติไปชั่วขณะ! ถ้าหากรู้ว่าเธอท้อง ฉันไม่ว่ายังไงก็คงไม่กล้า...อีกอย่าง ฉันเองก็ท้อง...ถ้าฉันรู้ว่ามันจะมาลงเอยร้ายแรงแบบนี้ ฉันคงไม่กล้าทำ...หรือคุณคิดว่าฉันเองก็อยากจะเสียลูกไปงั้นหรอ?"สะตอสะตอจริงๆเธอคงจะตีหน้าซื่อแบบนี้ตอนอยู่กับฟู่ฉีชวนตอนอยู่กันส่วนตัวในเวลาปกติ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่างฉันพูดอย่างไม่แยแส "ใครจะไปรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องเธอคือใคร เขาเป็นคนยังไงก็ไม่รู้"ฟู่จินอันหน้าเกร็งขึ้นมาจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า เธอชี้มาที่ฉันพร้อมกับนิ้วที่สั่น เหมือนกับถูกปักปรำ "หร่วนหนานจือ เธอพูดจาส่งเดชอะไร?!""พอเถอะ"ฉันถอนหายใจ "ขี้เกียจเถียงกับเธอเรื่องพวกนี้ ในเมื่อเธออยากจะอยู่ดูแลเขา งั้นเธอก็ดูแล คืนสุดท้ายก่อนไปต่างประเทศ ดูแลเขาให้ดีๆ ล่ะ"พูดจบ ฉันก็เดินออกจา
"แม่...มีสิทธิ์อะไร...หนูเป็นลูกค้านะ!""ทำตามที่บอก!"แม่เสิ่นกลืนน้ำลายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้โจวฟาง มองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “คุณหร่วน ในฐานะดีไซเนอร์ชุด โปรดอย่าลืมไปร่วมงานเลี้ยงหมั้นในสัปดาห์หน้าด้วย หากมีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับชุด ก็สามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที”“เดินทางปลอดภัย ไม่ไปส่งค่ะ”ฉันทำท่าส่งแขก จากนั้นจึงพูดว่า "ส่วนเงินที่ยังค้างอยู่ ก็โอนเข้าบัญชีเดียวกับครั้งที่แล้ว ขอบคุณ"……เรื่องตลกจบลงแล้ว ก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้วฉันเลยตัดสินใจเสนอพาพวกเขาไปกินหม้อไฟเมื่อเพิ่งมาถึงที่จอดรถใต้ดิน เจียงไหลได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับงานปาร์ตี้สังสรรค์และตัดสินใจทิ้งฉันไว้เหลือแค่ฉัน โจวฟาง และโจวโม่โจวฟางชูคอ หันหน้ามาทางฉัน แล้วพูดว่า "ไปนั่งรถฉันมา พรุ่งนี้จะไปส่งโมโม่ที่ทำงาน""โอเค"ขณะที่ฉันเดินไปเปิดประตูเบาะหลัง โจวโม่ก็ผลักฉันให้ไปนั่งที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า "พี นั่งเบาะหน้าเถอะ เบาะหลังแคบเกินไป"นั่นคือข้อเสียของรถสปอร์ต ดูดีแต่ไม่สบายตอนนั่งฉันเปิดแอพอาหารแล้วคิดว่าจะไปที่ไหน โจวฟางก็หาวแล้วพูดว่า "ฉันเหนื่อยแล้ว กลับบ้านไปกินข้าวเถอะ สั่งเดลิเวอรี่ก็ได้"ไม่ใ
ลูกวัวแรกเกิดอย่างโจวโม่ไม่กลัวเสือ ซึ่งทำให้เจียงไหลและฉันต่างจ้องมองกันหลังจากที่รู้ตัว ฉันก็กลัวว่าแม่เสิ่นจะลากเธอไปเอี่ยว ดังนั้นฉันจึงดึงเธอไว้ข้างหลัง“ถ้ามีปัญหาอะไรก็เอามาคุยกับฉันสิ”"พี่!”โจวโม่ไม่กลัวเลยและมองไปที่แม่เสิ่น "คุณไม่ได้บอกว่าคุณไม่ต้องการชุดนี้แล้วเหรอ? งั้นก็ให้เสิ่นซิงหยูออกมา ไม่ต้องไปลองมันแล้ว""ฮ่า!"แม่เสิ่นยิ้มเยาะหลายครั้ง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก “คำพูดของเธอนี่ช่างขำจริงๆ เธอก็แค่พนักงานธรรมดาๆ เธอคิดว่าเจ้านายของเธอจะเห็นด้วยกับเธอไหม? เธอรู้ไหมว่าชุดนี้ราคาเท่าไหร่....”"ฉันซื้อได้!”โจวโม่พองหน้าเล็กๆ และพูดประโยคนี้ออกมาอย่างเย่อหยิ่งฉันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำกล่าวที่เกินจริงของเธอใบหน้าของแม่เสิ่นเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างน่าตกใจ สั่นเทาด้วยความโกรธ “หร่วนหนานจือ นี่ก็เป็นจุดยืนของเธองั้นเหรอ?”“ถ้าคุณไม่พอใจกับชุดนี้ นั่นก็เป็นทางเลือกที่ดี”ฉันยิ้มอย่างสุภาพ น้ำเสียงของฉันสงบและนิ่งแม่เสิ่นกัดฟันและจ้องไปที่โจวโม่ “เธอแน่ใจนะว่า ซื้อมันได้ ชุดนี้ราคาเกิน 25 ล้าน!”“แค่ 25 ล้านเอง คุณป้า คุณไม่มีเงินหรือไง?”โจวโม่เอีย
ฉันไม่ได้คิดอะไรมากและหัวเราะ “เราออกไปนานแล้ว ฉันถึงบ้านแล้วและอาบน้ำแล้ว”"งั้นก็ดีแล้ว"“หลิน… ลุงของหลาน เขาไม่ได้ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม?”ก่อนที่ฉันจะไปกับลู่สือเยี่ยน เขาเตือนหลินกั๋วอันหลินกั๋วอันพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกือบจะคุกเข่าลงคุณป้าพยักหน้าแล้วพูดว่า "ไม่ ไม่ต้องห่วง เขาใบหย่าไปแล้วและเพิ่งกลับไป"ฉันแปลกใจเล็กน้อย "เซ็นต์ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวลู่สือเยี่ยนในระดับหนึ่งเมื่อคืนนี้เอง ยัวยืนกรานที่จะแบ่งทรัพย์สินของฉันคุณป้าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ใช่แล้ว หลานต้องขอบคุณประธานลู่นะ เขาเป็นคนดีมาก”"โอเค ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาโอกาสขอบคุณเขาเอง"ถ้าคุณป้าสามารถหย่าร้างได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขความกังวลในใจของฉันไปได้หนึ่งเปาะด้วยวิธีนี้ ฉันจะต้องดูแลคุณป้าของฉันเท่านั้นในอนาคต โดยไม่ต้องรับมือกับคนชั่วคนนี้……หนานซีเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และธุรกิจของเราก็อยู่ในระดับปานกลางตามธรรมชาติแต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางงานที่ยุ่งของฉันฉันใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการทำชุดหมั้นของเสิ่นซิงหยูในที่สุดเพชร ไข่มุก ทับทิมตร
ฉันหันกลับมาทันทีและกำลังจะถาม แต่ลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ"หนานจือ"ฉันพยักหน้าและพูดว่า "รุ่นพี่"ทันทีที่หลินกั๋วอันเห็นเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาตัวสั่นและพูดว่า "ประธานลู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?"เห็นได้ชัดว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนมองมาที่ฉัน และหลังจากยืนยันว่าฉันปลอดภัยดี สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินกั๋วอัน “ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกคุณอะไรไปเมื่อครั้งก่อน?”“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า!”หลินกั๋วอันปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา โดยแสดงรอยยิ้มประจบประแจงและระมัดระวัง "ฉัน... ฉันเพียงมาพบภรรยาของฉัน บังเอิญว่าผู้หญิงคนนี้มาพอดี"ฉันเห็นว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนมาก ฉันจึงใช้โอกาสนี้ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป? คุณเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่ามาบอกฉันนะ มันเป็นแค่การพูดลอยๆ"ประโยคนี้ ลู่สือเยี่ยนก็ได้ยินเช่นกันหลินกั๋วอันหดตัวลงชั่วขณะ หลบตาคุณป้าของฉัน กัดฟันแล้วพูดขึ้นมาว่า "ฉัน..."“คุณควรพูดความจริงดีกว่า”ลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น ยิ้มอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความคุกคาม "ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันมัก
"หนานจือ ลุงของคุณได้รับจดหมายแจ้งการฟ้องหย่าของเราแล้ว"ทนายฟางอดไม่ได้ที่จะเตือนฉันว่า "แต่ตอนที่ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไปเจอลุงของคุณเข้า เขาหน้าซีดมาก และอาจทำให้คุณป้าของคุณเดือดร้อนได้""โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ! ฉันจะไปดูทันที"คุณป้าของฉันอยู่ในระยะวิกฤตของการรักษา และกระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่อ่อนไหวและเต็มไปด้วยอารมณ์การทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายของเธอฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปที่ห้องส่วนตัว ฉันเอนตัวไปที่หูของเจียงไหลและพูด "ไหลไหล ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอนะ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านคุณป้า ฉันต้องลองไปดู"สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปและเธอพูดอย่างวิตกกังวล "เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันพาเธอไปเอง""ไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่"ฉันตบไหล่เธอ “เธออยู่ที่นี่และทำให้ทุกคนสนุกสนาน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้มาทำให้เสียบรรยากาศ”เมื่อพูดจบ ฉันก็คว้ากระเป๋าและบอกลาทุกคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกไปลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นทันทีเช่นกัน “คุณดื่มแอลกอฮอล์มา ฉันจะพาคุณไปเอง”"โอเค"ฉันรู้ว่าเขามาทานอาหารเย็นนี้เพราะฉันเท่านั้น ถ้าฉันออกไป เขาก็คงไม่อยากอยู่เหมือนกันขณะที่ดินออกไป
ในขณะนั้นเอง มีคนจากภายในห้องดึงประตูเปิดออกพอดีตอนที่ฉันกำลังจะแอบดู พนักงานเสิร์ฟก้าวเข้ามา ทำให้ฉันไม่สามารถมองอะไรได้เลยสถานที่แห่งนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของแขกเป็นอย่างยิ่งพนักงานเสิร์ฟถามว่า “สวัสดี คุณเป็นเพื่อนของคุณเซียวและกลุ่มของเขาหรือเปล่า?”แซ่นี้ฟังดูไม่คุ้นเลยฉันต้องส่ายหัวและบอกว่า "ไม่ ฉันเข้าห้องส่วนตัวผิด"เมื่อฉันหันหลังกลับและออกไป ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ขนที่คอของฉันลุกชันเมื่อหันกลับไปมอง สิ่งที่ฉันเห็นก็คือประตูห้องส่วนตัวที่ปิดสนิทแล้วเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว เจียงไหลสั่งอาหารเสร็จแล้ว “เอาล่ะ เธอมีอะไรอยากสั่งไหม?”"ฉันไม่เลือกหรอก สั่งมาเลย"เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันรู้สึกหนักใจเล็กน้อยไม่ใช่ใครที่ฉันรู้จัก แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมากแทบจะเป็นสถานการณ์เดียวกันฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเพื่อนสนิทแซ่เซียวจากฟู่ฉีชวนเลยเจียงไหลรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและโน้มตัวเข้ามาที่หูของฉัน "เธอกำลังคิดอะไรอยู่""ไม่มีอะไร"ฉันยิ้มอย่างอ่อนโยนตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่อ
เจียงไหลไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน "อีกอย่าง ตอนนี้เธอก็หย่าแล้ว เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ได้แค่พูดไม่กี่คำเหรอ? จะดีกว่าไหมที่จะกำหนดเส้นตายแบบนี้"ตอนนั้น ฉันก็คิดเหมือนกันตอนที่ฉันรู้ว่าลู่สือเยี่ยนแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเวลา 20 ปี ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากแต่เมื่อฉันรู้ว่าเป็นฉัน ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากกว่าเป็นหนี้บุญคุณ....ยากที่จะตอบแทนในช่วงเวลาที่ฉันเงียบๆ เจียงไหลนอนลงบนโต๊ะ เขย่าต่างหูของฉันด้วยนิ้วของเธอ "อาหร่วน ทำไมเธอไม่ลองคบกับลู่สือเยี่ยนดูล่ะ มีผู้ชายที่ทุ่มเทขนาดนี้เพียงไม่กี่คนในสมัยนี้""ก็เพราะว่าเขาดีมาก ฉันจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น"ไม่เช่นนั้น มันก็จะกลายเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคนอื่นเมื่อมีคนมอบใจให้ 100% ก็ควรให้ใจกลับไป100% ด้วยถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันก็ควรปล่อยเขาไปเร็วกว่านี้ เพื่อที่เขาจะได้หาคนที่ทำได้เจียงไหลไม่สามารถโน้มน้าวฉันได้ เธอจึงยอมแพ้และพูดว่า "เอาล่ะ คืนนี้ไปกินข้าวเย็นที่ร้านประจำกันเถอะ"ร้านประจำที่เธอพูดถึงเป็นคลับเฮาส์ที่เธอเคยไปบ่อยๆฉันเดาะลิ้น “มันจะแพงเกินไปไหม?”“ไม่ต้องห่วง ฉันเลี้ยงเอง”"เงินขอเธอหล่นลงมาจากฟ้
ฉันสับสนมากไม่ใช่เขา แล้วใครส่งมา?การติดต่อครั้งเดียวที่เรามีกับRF กรุ๊ปก็ผ่านเขาเท่านั้น…ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงของเฉินเย่ที่นึกขึ้นได้ก็ดังขึ้นที่ปลายสาย "ใช่ ๆ ฉันจำได้แล้ว เป็นฉันเอง! จริงๆ แล้ว ฉันขอให้ผู้ช่วยของฉันสั่งให้ แต่เขาอาจจะสั่งผิด ฉันขอให้เขาสั่งตระกร้าดอกไม้ 99 ใบเพื่อบริษัทของคุณประสบความสำเร็จและรุ่งเรือง"เฉินเย่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า "ตะกร้าดอกไม้ 999 ใบมันมากเกินไปจริงๆ มันทำให้คุณเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า?"“เข้าใจแล้ว…”ฉันยิ้มแห้งๆ เมื่อมองไปที่ช่อดอกไม้ที่เรียงรายเต็มไปหมดจนเต็มพื้นที่ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงออฟฟิศของเรา “ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ… แต่บางทีฉันควรคุยกับร้านดอกไม้เกี่ยวกับการคืนดอกไม้บ้าง? ไม่งั้นมันจะฟุ่มเฟือยเกินไป”“ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย”เฉินเย่พูดออกไป แล้วกระแอมอีกครั้งแล้วพูดเสริมว่า "ผู้ช่วยของฉัน เขาแค่มาทำงาน เพื่อต้องการเปิดประสบการณ์ชีวิต เขาเป็นคนร่ำรวยมาก และฉันจะหักเงินนี้จากโบนัสของเขา"“…โอเค”ฉันขอบคุณอีกครั้ง แพูดคุยอย่างสุภาพอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายเจียงไหลเอนตัวเข้ามาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น เขาให้
ฉันรู้ดีว่าคงไม่ใช่ฉันหรอก แค่การตอบกลับตามวามเคยชินเขาหรี่ตาอย่างอันตราย แสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อรับ "พวกที่รังแกคุณต้องชดใช้ยังไง"ฉันหัวเราะเบาๆ “แล้วไงต่อ”“ไม่มีแล้วไงต่อ”โจวฟางเม้มปากและเอนหลังพิงพนักพิงศีรษะ ขนตาของเขาปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้ "ชื่อคุณอยู่ในสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลหร่วน และก่อนที่ชิงหลี่จะจากไป คุณก็เป็นหร่วนหนานจือของตระกูลหร่วนไปแล้ว""แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันเหมือนคุณย่าเลย บางครั้งก็ถูกดึงดูด""......"ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที และฉันก็เฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวังเขาหัวเราะอย่างไม่เชื่อและกดลิ้นทับฟันกรามของเขา “ทำไมถึงมองแบบนั้น คุณคิดว่าฉันสิ้นหวังขนาดจะยอมคบกับใครก็ได้งั้นเหรอ?”“นั่นพูดยาก”ฉันยิ้มและดึงเสื้อโค้ทให้กระชับขึ้นโดยตั้งใจ หวังว่าจะช่วยคลายความตึงเครียดในรถได้เขาหาวและพูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจว่า “เด็กน้อยจัง”จากนั้น เขาก็หยิบผ้าปิดตาออกมาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และหลับไปอย่างสงบ……วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดตัวหนานซีอย่างเป็นทางการพนักงานใหม่หลายคนมาแต่เช้า เต็มไปด้วยพลังงาน ทำให้บรรยากาศของบริษัทดีขึ้นท