แชร์

บทที่ 157

ผู้เขียน: เล่อเอิน
"ใช่"

ฉินเจ๋อถอนใจโล่งอก

หลังจากถึงโรงพยาบาล ฟู่ฉีชวนถูกย้ายไปยังเตียงรถเข็นของโรงพยาบาลเป็นอันดับแรก

ไฟของโรงพยาบาลสว่าง ในตอนนั้นฉันเพิ่งถึงได้เห็นว่าหน้าของฟู่ฉีชวนซีดขาวเพราะเสียเลือดไปอย่างมาก

เขาตอนอยู่บนรถ...เขากลัวว่าฉันจะกังวลก็เลยพยายามประคองสติ

พอประตูห้องฉุกเฉินปิดลง หัวใจของฉันก็ถูกความกลัวเข้าครอบงำ

ขนาดหายใจยังลำบาก

ฉันพิงกำแพง พูดไม่ออกว่าหัวใจตอนนี้รู้สึกอะไร

รู้แค่ว่าพอประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก หมอก็บอกว่าผ่าตัดเอากระสุนออกมาแล้ว ช่วงนี้พักรักษาตัวให้เต็มที่ พอรู้ว่าอาการไม่สาหัส ฉันก็ถอนหายใจโล่งอก

ฉันเดินเข้าห้องผู้ป่วย ดวงตาสีดำราวกับอีกาของเขาลุกโชนทอเป็นประกายจ้องมาที่ฉัน

ราวกับจะมองฉันให้ทะลุ

ฉันเม้มริมฝีปากและเทน้ำอุ่นให้เขา "ฉินเจ๋อกลับไปเตรียมของใช้ประจำวันและเสื้อผ้าให้คุณ เดี๋ยวพอเขากลับมาแล้วฉันค่อยกลับ

เขายิ้มมุมปาก "กลับ?"

"ใช่"

ฉันพยักหน้า "วันนี้...ขอบคุณคุณมาก"

หากเขาไม่ได้ไปช่วย เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่ฉันจะหนีออกจากที่นั่นโดยไม่มีบาดแผล

ไม่รู้ว่าหลินกั๋วอันเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับอันธพาลพวกนั้น

ฟู่ฉีชวนแกล้งพูดตลก "หร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 158

    ฉันไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย แม้แต่หัวใจก็ไม่รู้สึกอะไรทีไหนมีฟู่ฉีชวน ที่นั่นก็จะเห็นเธอทำท่าเหมือนหมาเห็นซาลาเปาเนื้อ ทำอะไรก็ไม่ได้ดูน่าแปลกฟู่ฉีชวนสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อยพูดอย่างเย็นชา "ผมไม่หิวแล้ว""ทำไมไมหิวน้ำแล้วล่ะ? เมื่อกี้หนานจือยังป้อนคุณอยู่เลยไม่ใช่หรอ..."ฟู่จินอันหน้ามุ่ย เต็มไปด้วยความสงสัยจากนั้นก็พูดกับตัวเอง "ก็อย่างว่า ฉันคงไม่ได้เข้าใจคุณดีเท่าเธอ ไม่รู้ว่าเวลาไหนคุณควรต้องการอะไร"พูดจบก็เอาแก้ววางไว้ข้างๆเดิมฉันกลุ้มใจเรื่องอาการบาดเจ็บของฟู่ฉีชวน ไม่เหมาะจะถามเรื่องของฟู่จินอัน แต่ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้า ไม่เอาก็โง่แล้วฉันหันไปมองฟู่ฉีชวนและยิ้มเบาๆ "เรื่องของเธอ คุณตัดสินใจได้แล้วรึยัง?"กลางวันบอกว่าจะเก็บเอาไปคิด ตอนนี้คงจะตัดสินใจได้แล้ว"ตัดสินใจเรื่องอะไร?"ฟู่จินอันรู้ว่า 'เธอ' ในประโยคที่ฉันพูดก็คือเธอเอง เลยแกล้งถามอย่างสงสัยฟู่ฉีชวนเหลือบมองฉัน สายตาสงบอ่อนโยน "คุณจะข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อสะพานทิ้งเลย? ผมตอนนี้เป็นแค่คนป่วย" (ข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อสะพานทิ้ง หมายถึง ได้รับผลประโยชน์แล้วแล้วถีบหัวส่ง)"แต่เธอไม่ใช่"ฉันหันไปมองฟู่จิน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 159

    "ลูกของผมกับหนานจือ จากไปได้อย่างไร? คุณลืมแล้วหรอ?"ดวงตาของฟู่ฉีชวนสองข้างย้อมไปด้วยความหนาวเย็นของช่วงที่หนาวที่สุด น้ำเสียงก็เย็นเยือกจนน่าขนลุกฟู่จินอันร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าอะไร ราวกับกระต่ายตกใจ "ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฉันไม่รู้ว่าเธอท้องอยู่! อาชวน คุณก็รู้ วันนั้นฉันทำแบบนั้นไปก็เพราะกลัวว่าจะเสียคุณไป เลยขาดสติไปชั่วขณะ! ถ้าหากรู้ว่าเธอท้อง ฉันไม่ว่ายังไงก็คงไม่กล้า...อีกอย่าง ฉันเองก็ท้อง...ถ้าฉันรู้ว่ามันจะมาลงเอยร้ายแรงแบบนี้ ฉันคงไม่กล้าทำ...หรือคุณคิดว่าฉันเองก็อยากจะเสียลูกไปงั้นหรอ?"สะตอสะตอจริงๆเธอคงจะตีหน้าซื่อแบบนี้ตอนอยู่กับฟู่ฉีชวนตอนอยู่กันส่วนตัวในเวลาปกติ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่างฉันพูดอย่างไม่แยแส "ใครจะไปรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องเธอคือใคร เขาเป็นคนยังไงก็ไม่รู้"ฟู่จินอันหน้าเกร็งขึ้นมาจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า เธอชี้มาที่ฉันพร้อมกับนิ้วที่สั่น เหมือนกับถูกปักปรำ "หร่วนหนานจือ เธอพูดจาส่งเดชอะไร?!""พอเถอะ"ฉันถอนหายใจ "ขี้เกียจเถียงกับเธอเรื่องพวกนี้ ในเมื่อเธออยากจะอยู่ดูแลเขา งั้นเธอก็ดูแล คืนสุดท้ายก่อนไปต่างประเทศ ดูแลเขาให้ดีๆ ล่ะ"พูดจบ ฉันก็เดินออกจา

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 160

    ตกดึก ขณะฉันกำลังนอนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ก็เหมือนมีนิ้วหยาบกร้านเข้ามาสัมผัสใบหน้าของฉัน"ยัยทึ่ม ใครหลอกคุณ คุณก็เชื่อหมด""อือ..."ฉันปัดมือนั้นออกไปอีกทาง ต่อมาก็เหมือนจะฉุกคิดนึกขึ้นมาได้ ว่าตัวเองกำลังนอนเฝ้าไข้อยู่ ฉันชะโงกหัวขึ้นมาและรีบถาม "เมื่อกี้คุณพูดอะไร ตรงไหนไม่สบายรึเปล่า?"สิ่งที่เห็นคือดวงตาหลับสนิทสองข้างของฟู่ฉีชวน หายใจช้าๆหูฟาดหรอ?ฉันไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าตัวเองคงแค่ตกใจเรื่องที่เกิดวันนี้ คงจะเครียด ก็เลยสะลึมสะลือหลับไป……เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเจ๋อก็ตั้งใจเอาอาหารเช้าจากภัตตาคารอาหารกวางตุ้งเจ้าเก่ามาให้เป็นรสชาติที่ฟู่ฉีชวนชอบแต่ว่าเขากินได้ไม่กี่คำก็ไปจัดการเรื่องงานแล้วฉินเจ๋อไม่ได้เอามาแค่อาหารเช้า แต่ยังมีเอกสารกองโตที่ต้องจัดการ รองประธานของบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ปใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆฉันขณะทานอาหารเช้าก็เหลือบมองเขาทางด้านนั้นเป็นระยะๆแสงอบอุ่นในฤดหนาวสาดส่องเข้ามา แสงสาดสะท้อนลงมาปกคลุมจนเกิดเป็นชั้นแสงออร่าบนตัวเขา คมสันใบหน้าด้านข้างเพอร์เฟคมาก สันจมูกโด่งสูงทับด้วยแว่นตา รีบฝีปากบางเฉียบไม่พูดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้แค่ดูจากรุปลักษณ์ภายนอก

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 161

    รถค่อยๆ จอดลงตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ คนขับลงจากรถก่อนจะเปิดประตูให้เราลู่สือจิ่งสวมรองเท้าส้น kitten heels เดินนำพวกเราเข้าไปในประตูบานใหญ่ แผ่นหลังของหล่อนยืดตรงเป็นไม้กระดาน ดูก็รู้ว่าถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ"ที่จริงแล้ว ที่วันนี้พาคุณหร่วนมาที่นี่ ก็เพราะมีเรื่องอยากขอร้องน่ะ""เรื่องอะไรคะ?""คุณไปดูก็จะรู้เอง"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็รู้สึกสงสัยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อความอยากรู้อยากเห็นนี่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเหมือนว่าฉันจะไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่แต่ทว่า เมื่อหล่อนเดินนำฉันลัดเลาะผ่านสวน และเห็นเหตุการณ์ในหอรำลึกบรรพบุรุษ ร่างกายฉันก็อึดตระงันไปทันทีลู่สือเยี่ยนคุกเข่าอยู่บนพื้นกระเบื้อง อาการบาดเจ็บที่บริเวณแผ่นหลังของเขาทำให้ฉันตกใจ ทว่าใบหน้าของเขากลับไม่มีซึ่งความเจ็บปวดหรือโกรธเกรี้ยว มีแต่ความสงบราวกับสระน้ำนิ่งหญิงวัยกลางคนกัดฟันกรอดด้วยความฉุนเฉียว แล้วก็เฆี่ยนลงไปบนหลังของเขาอีกครั้ง "ลู่สือเยี่ยน แกอย่าคิดว่าตอนนี้ฉันจะไม่มีปัญญาทำอะไรแก! ถึงแกตายไป อย่างมากฉันก็แค่ไปเด็กมารับเลี้ยงเพื่อสืบทอดตระกูลลู่ต่อไป!""งั้นก็ไปหาสิครับ"ร่างของลู่สือเยี่ยนไม่ขยับเขยื้อน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 162

    ฉันคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเดาได้ เกรงว่าความสัมพันธ์ในตระกูลลู่จะมีเงื่อนงำ แต่จะถามลู่สือจิ่งที่เพิ่งรู้จักกันก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่หลังจากที่ลังเลไปเล็กน้อย ฉันก็ส่ายหน้า "ขอโทษด้วยค่ะ ฉันคงจะรับปากคุณไม่ได้ เขาก็มีความยืนหยันในแบบของเขา ฉันในฐานะเพื่อน คงได้แต่สนับสนุนเขา"การที่เขาสามารถชอบใครสักคนมาได้นานถึงยี่สิบปี แล้วก็วางตัวเงียบขรึมมาโดยตลอด แปลว่าเขาต้องชั่งข้อดีข้อเสียมาแล้วแล้วคนนอกก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินได้สีหน้าของลู่สือจิ่งไม่ได้เผยความไม่พอใจแต่อย่างใด เพียงแค่พูดด้วยน้ำเสียงสงบ "คุณไม่อยากรู้เลยหรอ ว่าเขาชอบใคร?""เมื่อไหร่ที่เขาอยากบอก เขาจะบอกเองค่ะ"ในเมื่อเขายังไม่ได้บอกฉัน นั่นก็แปลว่าไม่ได้อยากให้ฉันรู้แล้วฉันเองก็คิดว่า คนเป็นเพื่อนกันใช่ว่าจะต้องพูดหมดเปลือกไปซะทุกอย่าง เราสามารถปล่อยให้อีกฝ่ายมีความลับบ้างก็ได้ก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดีสักหน่อยทันใดนั้นหล่อนก็เปลี่ยนเรื่อง "หลังจากที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย เดิมทีคุณย่าของฉันหวังให้เขาสืบทอดกิจการครอบครัวให้เร็วหน่อย เหมือนกับฟู่ฉีชวน แต่เขาปฏิเสธ แล้วเลือกที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก ก่อนจะเข้าทำงานใน MS""อันนี้

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 163

    "ปีที่ผมถูกรับกลับมาบ้านตระกูลลู่ ทุกคนต่างก็ด่าว่าผมเป็นลูกนอกสมรส"เขาเงียบไปชั่วครู่ ในดวงตาสวยงามคู่นั้นสั่นเครือไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน "แต่ผมรู้ ว่าเขาหลอกแม่ของผม..."ฉันเพิ่งจะรู้ว่า ความจริงแล้วลู่สือเยี่ยนที่อ่อนโยนดั่งหยกผู้นี้ ก็มีอดีตที่แสนขมขื่นเหมือนกันพ่อของเขาเป็นรักแรกของแม่ แต่เพื่อวงศ์ตระกูล พ่อของเขาจึงปิดบังแม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอื่นกว่าแม่ของเขาจะรู้ เขาก็ใกล้จะลืมตาดูโลกแล้ว..."แม่พาผมไปยังสถานที่ที่ไกลแสนไกล แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหนีไม่พ้นจากการแก้แค้นของสวีจื่อ""คุณแม่..."พอพูดถึงตรงนี้ ในดวงตาของเขาก็ผุดความเจ็บปวด และความโกรธเกลียดที่เก็บเอาไว้มาเนิ่นนาน ทว่าไม่นานก็กดมันลงไป แต่น้ำเสียงยังสั่นเครือไม่เปลี่ยน "คุณแม่ผมเสียแล้ว"มือที่วางทาบอยู่บนขาของเขากำหมัดแน่น จนซอกนิ้วขาวโพลนขนาดฉันฟังก็ยังรู้สึกบีบหัวใจตามไปด้วย...ตอนที่เขาอายุแปดขวบ คุณแม่ของเขาก็คงจะอายุประมาณสามสิบได้แต่กลับต้องแลกด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสถึงขนาดนี้ เพียงเพราะตัวเองดูคนไม่เป็นลู่สือเยี่ยนโค้งริมฝีปากนิดๆ แล้วพูดอย่างมีลับลมคมนัย "ถ้าว่ากันตามแผนการของสวีจื่

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 164

    คำถามนี้ ฉันให้คำตอบเขาไม่ได้เพราะยังไงซะ ฉันก็จำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นแต่งงานไปแล้วฉันสตาร์ทรถใหม่อีกครั้ง แล้วยกมุมปากโค้งยิ้มบางๆ "ขอให้คุณสมหวังก็แล้วกัน""ก็ได้"ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างพึงพอใจฉันขับรถไปส่งเขาที่ชั้นล่าง แล้วเอ่ยด้วยความลังเล "แผลของคุณ...""อย่าไปฟังที่ลู่สือจิ่งซี้ซั้วพูด"เขายื่นมือมาหยิบยาไป แก้ความอึดอัดในใจฉันอย่างบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น "เฮ่อถิงอยู่ในบ้านผม เดี๋ยวให้เขาทาให้ก็ได้""โอเคค่ะ"ฉันรู้สึกเบาใจลงไม่น้อยไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยทำแผลให้เขา แต่ถึงยังไงนั่นก็คือแผ่นหลัง ถ้าจะทำแผลก็ต้องถอดเสื้อออก...สถานะของฉัน คงจะไม่เหมาะให้ทำขนาดนั้นแล้วเขาเองก็น่าจะอึดอัดไม่มากก็น้อยขณะที่ฉันเตรียมจะส่งกุญแจรถคืนให้เขา จู่ๆ เขาก็หันกลับมา "วันนี้ คุณคงตกใจน่าดูเลยสิ?"ฉันกำฝ่ามือเบาๆ พูดด้วยความสัตย์จริงว่าตอนที่เห็นสวีจื่อเฆี่ยนตีเขาแบบนั้น ฉันก็ตกใจจริงๆ นั่นแหละฟาดแส้ลงไปขนาดนั้น เนื้อหนังคงฉีกไปถึงไหนต่อไหนแต่ ณ เวลานี้ สัญชาติญาณสั่งให้ฉันส่ายหน้า "ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ""งั้นก็ดีแล้ว"เขาไม่ได้รับกุญแจไป "วันนี้วันสุดสัปดาห์ แถวนี้เรียกรถยาก คุณขับกล

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 165

    ฟู่จินอันมองฉันแวบนึง "สะดวกน่ะมันสะดวก แม่ฉันรอนายมาตลอดเลย เพียงแต่ ถ้าจะให้ดีหนานจืออย่าเข้าไปจะดีกว่า คุณหมอก็บอกแล้วว่าแม่ฉันสลบไปนานเกินไป ความทรงจำก็เลยเลอะๆ เลือนๆ ให้เจอแค่คนที่คุ้นเคยก่อนจะดีกว่า เดี๋ยวจะกระทบกับการฟื้นตัวทั้งร่างกายและจิตใจเปล่าๆ"คำพูดพวกนั้นสื่อราวกับว่า ถ้าฉันเข้าไป ก็ไม่ต่างอะไรกับเป็นนักโทษชั่วร้ายแต่ฉันเองก็ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือขนาดนั้น จึงหันไปหาฟู่ฉีชวน "คุณเข้าไปเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อน""ในเมื่อเป็นแบบนี้"ฟู่ฉีชวนปรายตามองฟู่จินอันด้วยความเย็นชา แล้วโอบไหล่ของฉัน "งั้นเราก็รอให้ป้าเวินพักฟื้นอีกสักสองสามวันค่อยมาเยี่ยมใหม่"ฉันหันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ อยากจะปัดมือเขาออก ทว่าเขากลับยืนนิ่งไม่รู้สึกรู้สา"อาชวน..."ฟู่จินอันหน้าเสีย ดวงตาแดงก่ำ "เมื่อวานนายไล่ฉันกลับก็ว่าแย่แล้ว เวลานี้ยังจะ...""จินอัน งี่เง่าน่ะ"ภายในห้องผู้ป่วย มีเสียงอ่อนแอของผู้หญิงลอยออกมา "รีบให้อาชวนกับคุณหร่วนเข้ามาซะ"ฟู่จินอันจึงยอมลดราวาศอกให้ แล้วพูดอย่างไม่เต็มใจว่า "เข้ามาสิ"ถึงจะบอกว่าเวินฟางสลบไปตั้งหลายปี แต่เพราะยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ชั้นนำ

บทล่าสุด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 296

    "แม่...มีสิทธิ์อะไร...หนูเป็นลูกค้านะ!""ทำตามที่บอก!"แม่เสิ่นกลืนน้ำลายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้โจวฟาง มองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “คุณหร่วน ในฐานะดีไซเนอร์ชุด โปรดอย่าลืมไปร่วมงานเลี้ยงหมั้นในสัปดาห์หน้าด้วย หากมีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับชุด ก็สามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที”“เดินทางปลอดภัย ไม่ไปส่งค่ะ”ฉันทำท่าส่งแขก จากนั้นจึงพูดว่า "ส่วนเงินที่ยังค้างอยู่ ก็โอนเข้าบัญชีเดียวกับครั้งที่แล้ว ขอบคุณ"……เรื่องตลกจบลงแล้ว ก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้วฉันเลยตัดสินใจเสนอพาพวกเขาไปกินหม้อไฟเมื่อเพิ่งมาถึงที่จอดรถใต้ดิน เจียงไหลได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับงานปาร์ตี้สังสรรค์และตัดสินใจทิ้งฉันไว้เหลือแค่ฉัน โจวฟาง และโจวโม่โจวฟางชูคอ หันหน้ามาทางฉัน แล้วพูดว่า "ไปนั่งรถฉันมา พรุ่งนี้จะไปส่งโมโม่ที่ทำงาน""โอเค"ขณะที่ฉันเดินไปเปิดประตูเบาะหลัง โจวโม่ก็ผลักฉันให้ไปนั่งที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า "พี นั่งเบาะหน้าเถอะ เบาะหลังแคบเกินไป"นั่นคือข้อเสียของรถสปอร์ต ดูดีแต่ไม่สบายตอนนั่งฉันเปิดแอพอาหารแล้วคิดว่าจะไปที่ไหน โจวฟางก็หาวแล้วพูดว่า "ฉันเหนื่อยแล้ว กลับบ้านไปกินข้าวเถอะ สั่งเดลิเวอรี่ก็ได้"ไม่ใ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 295

    ลูกวัวแรกเกิดอย่างโจวโม่ไม่กลัวเสือ ซึ่งทำให้เจียงไหลและฉันต่างจ้องมองกันหลังจากที่รู้ตัว ฉันก็กลัวว่าแม่เสิ่นจะลากเธอไปเอี่ยว ดังนั้นฉันจึงดึงเธอไว้ข้างหลัง“ถ้ามีปัญหาอะไรก็เอามาคุยกับฉันสิ”"พี่!”โจวโม่ไม่กลัวเลยและมองไปที่แม่เสิ่น "คุณไม่ได้บอกว่าคุณไม่ต้องการชุดนี้แล้วเหรอ? งั้นก็ให้เสิ่นซิงหยูออกมา ไม่ต้องไปลองมันแล้ว""ฮ่า!"แม่เสิ่นยิ้มเยาะหลายครั้ง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก “คำพูดของเธอนี่ช่างขำจริงๆ เธอก็แค่พนักงานธรรมดาๆ เธอคิดว่าเจ้านายของเธอจะเห็นด้วยกับเธอไหม? เธอรู้ไหมว่าชุดนี้ราคาเท่าไหร่....”"ฉันซื้อได้!”โจวโม่พองหน้าเล็กๆ และพูดประโยคนี้ออกมาอย่างเย่อหยิ่งฉันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำกล่าวที่เกินจริงของเธอใบหน้าของแม่เสิ่นเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างน่าตกใจ สั่นเทาด้วยความโกรธ “หร่วนหนานจือ นี่ก็เป็นจุดยืนของเธองั้นเหรอ?”“ถ้าคุณไม่พอใจกับชุดนี้ นั่นก็เป็นทางเลือกที่ดี”ฉันยิ้มอย่างสุภาพ น้ำเสียงของฉันสงบและนิ่งแม่เสิ่นกัดฟันและจ้องไปที่โจวโม่ “เธอแน่ใจนะว่า ซื้อมันได้ ชุดนี้ราคาเกิน 25 ล้าน!”“แค่ 25 ล้านเอง คุณป้า คุณไม่มีเงินหรือไง?”โจวโม่เอีย

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 294

    ฉันไม่ได้คิดอะไรมากและหัวเราะ “เราออกไปนานแล้ว ฉันถึงบ้านแล้วและอาบน้ำแล้ว”"งั้นก็ดีแล้ว"“หลิน… ลุงของหลาน เขาไม่ได้ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม?”ก่อนที่ฉันจะไปกับลู่สือเยี่ยน เขาเตือนหลินกั๋วอันหลินกั๋วอันพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกือบจะคุกเข่าลงคุณป้าพยักหน้าแล้วพูดว่า "ไม่ ไม่ต้องห่วง เขาใบหย่าไปแล้วและเพิ่งกลับไป"ฉันแปลกใจเล็กน้อย "เซ็นต์ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวลู่สือเยี่ยนในระดับหนึ่งเมื่อคืนนี้เอง ยัวยืนกรานที่จะแบ่งทรัพย์สินของฉันคุณป้าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ใช่แล้ว หลานต้องขอบคุณประธานลู่นะ เขาเป็นคนดีมาก”"โอเค ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาโอกาสขอบคุณเขาเอง"ถ้าคุณป้าสามารถหย่าร้างได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขความกังวลในใจของฉันไปได้หนึ่งเปาะด้วยวิธีนี้ ฉันจะต้องดูแลคุณป้าของฉันเท่านั้นในอนาคต โดยไม่ต้องรับมือกับคนชั่วคนนี้……หนานซีเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และธุรกิจของเราก็อยู่ในระดับปานกลางตามธรรมชาติแต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางงานที่ยุ่งของฉันฉันใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการทำชุดหมั้นของเสิ่นซิงหยูในที่สุดเพชร ไข่มุก ทับทิมตร

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 293

    ฉันหันกลับมาทันทีและกำลังจะถาม แต่ลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ"หนานจือ"ฉันพยักหน้าและพูดว่า "รุ่นพี่"ทันทีที่หลินกั๋วอันเห็นเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาตัวสั่นและพูดว่า "ประธานลู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?"เห็นได้ชัดว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนมองมาที่ฉัน และหลังจากยืนยันว่าฉันปลอดภัยดี สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินกั๋วอัน “ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกคุณอะไรไปเมื่อครั้งก่อน?”“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า!”หลินกั๋วอันปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา โดยแสดงรอยยิ้มประจบประแจงและระมัดระวัง "ฉัน... ฉันเพียงมาพบภรรยาของฉัน บังเอิญว่าผู้หญิงคนนี้มาพอดี"ฉันเห็นว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนมาก ฉันจึงใช้โอกาสนี้ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป? คุณเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่ามาบอกฉันนะ มันเป็นแค่การพูดลอยๆ"ประโยคนี้ ลู่สือเยี่ยนก็ได้ยินเช่นกันหลินกั๋วอันหดตัวลงชั่วขณะ หลบตาคุณป้าของฉัน กัดฟันแล้วพูดขึ้นมาว่า "ฉัน..."“คุณควรพูดความจริงดีกว่า”ลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น ยิ้มอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความคุกคาม "ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันมัก

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 292

    "หนานจือ ลุงของคุณได้รับจดหมายแจ้งการฟ้องหย่าของเราแล้ว"ทนายฟางอดไม่ได้ที่จะเตือนฉันว่า "แต่ตอนที่ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไปเจอลุงของคุณเข้า เขาหน้าซีดมาก และอาจทำให้คุณป้าของคุณเดือดร้อนได้""โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ! ฉันจะไปดูทันที"คุณป้าของฉันอยู่ในระยะวิกฤตของการรักษา และกระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่อ่อนไหวและเต็มไปด้วยอารมณ์การทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายของเธอฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปที่ห้องส่วนตัว ฉันเอนตัวไปที่หูของเจียงไหลและพูด "ไหลไหล ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอนะ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านคุณป้า ฉันต้องลองไปดู"สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปและเธอพูดอย่างวิตกกังวล "เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันพาเธอไปเอง""ไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่"ฉันตบไหล่เธอ “เธออยู่ที่นี่และทำให้ทุกคนสนุกสนาน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้มาทำให้เสียบรรยากาศ”เมื่อพูดจบ ฉันก็คว้ากระเป๋าและบอกลาทุกคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกไปลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นทันทีเช่นกัน “คุณดื่มแอลกอฮอล์มา ฉันจะพาคุณไปเอง”"โอเค"ฉันรู้ว่าเขามาทานอาหารเย็นนี้เพราะฉันเท่านั้น ถ้าฉันออกไป เขาก็คงไม่อยากอยู่เหมือนกันขณะที่ดินออกไป

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 291

    ในขณะนั้นเอง มีคนจากภายในห้องดึงประตูเปิดออกพอดีตอนที่ฉันกำลังจะแอบดู พนักงานเสิร์ฟก้าวเข้ามา ทำให้ฉันไม่สามารถมองอะไรได้เลยสถานที่แห่งนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของแขกเป็นอย่างยิ่งพนักงานเสิร์ฟถามว่า “สวัสดี คุณเป็นเพื่อนของคุณเซียวและกลุ่มของเขาหรือเปล่า?”แซ่นี้ฟังดูไม่คุ้นเลยฉันต้องส่ายหัวและบอกว่า "ไม่ ฉันเข้าห้องส่วนตัวผิด"เมื่อฉันหันหลังกลับและออกไป ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ขนที่คอของฉันลุกชันเมื่อหันกลับไปมอง สิ่งที่ฉันเห็นก็คือประตูห้องส่วนตัวที่ปิดสนิทแล้วเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว เจียงไหลสั่งอาหารเสร็จแล้ว “เอาล่ะ เธอมีอะไรอยากสั่งไหม?”"ฉันไม่เลือกหรอก สั่งมาเลย"เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันรู้สึกหนักใจเล็กน้อยไม่ใช่ใครที่ฉันรู้จัก แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมากแทบจะเป็นสถานการณ์เดียวกันฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเพื่อนสนิทแซ่เซียวจากฟู่ฉีชวนเลยเจียงไหลรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและโน้มตัวเข้ามาที่หูของฉัน "เธอกำลังคิดอะไรอยู่""ไม่มีอะไร"ฉันยิ้มอย่างอ่อนโยนตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่อ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 290

    เจียงไหลไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน "อีกอย่าง ตอนนี้เธอก็หย่าแล้ว เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ได้แค่พูดไม่กี่คำเหรอ? จะดีกว่าไหมที่จะกำหนดเส้นตายแบบนี้"ตอนนั้น ฉันก็คิดเหมือนกันตอนที่ฉันรู้ว่าลู่สือเยี่ยนแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเวลา 20 ปี ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากแต่เมื่อฉันรู้ว่าเป็นฉัน ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากกว่าเป็นหนี้บุญคุณ....ยากที่จะตอบแทนในช่วงเวลาที่ฉันเงียบๆ เจียงไหลนอนลงบนโต๊ะ เขย่าต่างหูของฉันด้วยนิ้วของเธอ "อาหร่วน ทำไมเธอไม่ลองคบกับลู่สือเยี่ยนดูล่ะ มีผู้ชายที่ทุ่มเทขนาดนี้เพียงไม่กี่คนในสมัยนี้""ก็เพราะว่าเขาดีมาก ฉันจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น"ไม่เช่นนั้น มันก็จะกลายเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคนอื่นเมื่อมีคนมอบใจให้ 100% ก็ควรให้ใจกลับไป100% ด้วยถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันก็ควรปล่อยเขาไปเร็วกว่านี้ เพื่อที่เขาจะได้หาคนที่ทำได้เจียงไหลไม่สามารถโน้มน้าวฉันได้ เธอจึงยอมแพ้และพูดว่า "เอาล่ะ คืนนี้ไปกินข้าวเย็นที่ร้านประจำกันเถอะ"ร้านประจำที่เธอพูดถึงเป็นคลับเฮาส์ที่เธอเคยไปบ่อยๆฉันเดาะลิ้น “มันจะแพงเกินไปไหม?”“ไม่ต้องห่วง ฉันเลี้ยงเอง”"เงินขอเธอหล่นลงมาจากฟ้

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 289

    ฉันสับสนมากไม่ใช่เขา แล้วใครส่งมา?การติดต่อครั้งเดียวที่เรามีกับRF กรุ๊ปก็ผ่านเขาเท่านั้น…ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงของเฉินเย่ที่นึกขึ้นได้ก็ดังขึ้นที่ปลายสาย "ใช่ ๆ ฉันจำได้แล้ว เป็นฉันเอง! จริงๆ แล้ว ฉันขอให้ผู้ช่วยของฉันสั่งให้ แต่เขาอาจจะสั่งผิด ฉันขอให้เขาสั่งตระกร้าดอกไม้ 99 ใบเพื่อบริษัทของคุณประสบความสำเร็จและรุ่งเรือง"เฉินเย่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า "ตะกร้าดอกไม้ 999 ใบมันมากเกินไปจริงๆ มันทำให้คุณเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า?"“เข้าใจแล้ว…”ฉันยิ้มแห้งๆ เมื่อมองไปที่ช่อดอกไม้ที่เรียงรายเต็มไปหมดจนเต็มพื้นที่ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงออฟฟิศของเรา “ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ… แต่บางทีฉันควรคุยกับร้านดอกไม้เกี่ยวกับการคืนดอกไม้บ้าง? ไม่งั้นมันจะฟุ่มเฟือยเกินไป”“ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย”เฉินเย่พูดออกไป แล้วกระแอมอีกครั้งแล้วพูดเสริมว่า "ผู้ช่วยของฉัน เขาแค่มาทำงาน เพื่อต้องการเปิดประสบการณ์ชีวิต เขาเป็นคนร่ำรวยมาก และฉันจะหักเงินนี้จากโบนัสของเขา"“…โอเค”ฉันขอบคุณอีกครั้ง แพูดคุยอย่างสุภาพอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายเจียงไหลเอนตัวเข้ามาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น เขาให้

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 288

    ฉันรู้ดีว่าคงไม่ใช่ฉันหรอก แค่การตอบกลับตามวามเคยชินเขาหรี่ตาอย่างอันตราย แสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อรับ "พวกที่รังแกคุณต้องชดใช้ยังไง"ฉันหัวเราะเบาๆ “แล้วไงต่อ”“ไม่มีแล้วไงต่อ”โจวฟางเม้มปากและเอนหลังพิงพนักพิงศีรษะ ขนตาของเขาปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้ "ชื่อคุณอยู่ในสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลหร่วน และก่อนที่ชิงหลี่จะจากไป คุณก็เป็นหร่วนหนานจือของตระกูลหร่วนไปแล้ว""แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันเหมือนคุณย่าเลย บางครั้งก็ถูกดึงดูด""......"ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที และฉันก็เฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวังเขาหัวเราะอย่างไม่เชื่อและกดลิ้นทับฟันกรามของเขา “ทำไมถึงมองแบบนั้น คุณคิดว่าฉันสิ้นหวังขนาดจะยอมคบกับใครก็ได้งั้นเหรอ?”“นั่นพูดยาก”ฉันยิ้มและดึงเสื้อโค้ทให้กระชับขึ้นโดยตั้งใจ หวังว่าจะช่วยคลายความตึงเครียดในรถได้เขาหาวและพูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจว่า “เด็กน้อยจัง”จากนั้น เขาก็หยิบผ้าปิดตาออกมาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และหลับไปอย่างสงบ……วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดตัวหนานซีอย่างเป็นทางการพนักงานใหม่หลายคนมาแต่เช้า เต็มไปด้วยพลังงาน ทำให้บรรยากาศของบริษัทดีขึ้นท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status