พี่ไห่โมโหเอามือตบหัวของชายเสียงเป็ด ตะวาดจนน้ำลายกระเด็น "แม่งูเอ๋ย ฉันโดนแกหลอกแต่แรกเลยหรอวะเนี่ย! อดีตภรรยาบ้านป้าแกที่ไหนล่ะ เจอปัญหาใหญ่แล้ว!""พี่..."ชายเสียงเป็ดชี้ไปยังเท้าของของเขาที่เหยียบอยู่บนหน้าของฉัน "พี่เอาเท้าออกก่อนดีกว่าไหมครับ?"เขาถึงได้ก้มลงมาดู ทันใดนั้นก็สะดุ้ง ขณะกำลังชัดเทากลับ ทันใดนั้นประตูม้วนก็ถูกเปิดออก!เดิมที ฉันคิดว่าเป็นคนที่ลุงเฉิงส่งมาเพื่อเอาเอกสารมาให้ฉัน พอเห็นฉันถูกลักพาตัว ก็เลยส่งคนมาช่วยฉันแต่ตอนนี้พอฉันแหงนหน้าขึ้นมอง ก็เห็นใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึมของฟู่ฉีชวนในสายเมื่อครู่นี้ เขา...ไม่ใช่ว่าไปซื้อผ้าอนามัยให้ฟู่จินอันหรอกเหรอ ทำไมถึงมาที่นี่ได้?ระยะห่างจากที่นี่ถึงโรงพยาบาลเซิ่งซิน อย่างน้อยก็ต้องขับรถหนึ่งชั่วโมง"รอง...ประธานฟู่!"พี่ไห่ที่ยโสโอหังเมื่อครู่ ทันใดนั้นก็เสียงนอบน้อม "กระผมได้ยินชื่อท่านมานานแล้ว!"ฟู่ฉีชวนสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเขายิ่งทำให้ขนลุกขนพอง "นี่หรอเหตุผลที่ต้องลักพาตัวภรรยาของฉัน?""เข้าใจผิดแล้วครับ นี่ไม่ใช่การลักพาตัว ต่อให้ผมกินใจหมีดีเสือก็ไม่กล้าหรอกครับ"พี่ไห่โยนความผิดชี้ไปทางหลินกั๋วอันและยิ้ม
"จริงเหรอ?"เขาแคลงใจฉันโกรธจัด "จริงสิ ลุงรีบๆ แก้มัดเร็ว!"หลินกั๋วอันดีใจไม่หาย เขาช่วยแก้เชือกที่มัดไว้จนมือไม้เป็นพัลวันจากนั้น ทันทีที่ฉันเป็นอิสระ ก็มีคนหนึ่งจากด้านหลังเข้ามาคว้าแขนของฉันไว้อย่างหยาบคาย ฉันยังไม่ทันได้ขัดขืน วัตถุแข็งๆเย็นๆ ก็จ่อตรงขมับของฉันจากประสบการณ์หนังอาชญากรรมและหนังสงครามที่ดูไปไม่น้อยก็ได้บอกกับฉันว่ามันคือปืนฉันสั่นสะท้านไปทั้งตัว ไม่กล้าขยับ ปล่อยให้เขาค่อยๆ ลากฉันขึ้นมา"ประธานฟู่! ถ้าคุณยังขัดขืน งั้นผมก็จะไม่เกรงใจกับคุณนายฟู่อีกแล้ว"พอคนข้างหลังเอ่ยพูด ฉันก็ฟังออกว่าเป็นผู้ชายเสียงเป็ดคนนั้นในตอนนั้น คนของเขาล้มไปแล้วเกินครึ่ง เห็นได้ชัดว่าคนของฟู่ฉีชวนเป็นต่อฟู่ฉีชวนหยุดมือและยิ้มเยาะ "นายไม่น่าโง่เลย ถ้าหากเธอเป็นอะไรแม้แต่ปลายผม พวกนายไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่แน่"เสียงเป็ดของเขาแหบแห้งและขืนดันทุรังต่อไป "แต่ผมเห็นว่าประธานฟู่ก็ดูเหมือนว่าไม่คิดจะปล่อยพวกเราไปอยู่แล้ว""ลักพาตัวเมียฉัน ถ้าฉันไม่แสดงให้พวกนายเห็น พวกนายก็คงจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใหญ่ ใครเป็นรอง"ฟู่ฉีชวนค่อยๆ จัดเสื้อเชิ้ตของตนเองที่เละเทะจากการต่อสู้และค่อย
"ที่ดินตรงเฉิงซี ประธานฟู่ยกให้ผม"ชายหัวร้อนตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว "เขาไปยุ่งกับคุณนายฟู่ เป็นความไม่รู้กาละเทศะของเขา เรื่องที่เหลือผมจะจัดการให้ ประธานฟู่จะต้องพอใจแน่นอน"ฟู่ฉีชวนยิ้มมุมปาก น้ำเสียงเย็นชา "ตกลง""ประธานฟู่ ประธานฟู่..."โจวไห่เพิ่งรู้ว่า คนที่ตามมาสบทบไม่ได้มาช่วยเขา แต่ใช้เขาอาศัยโอกาสตักตวงปลประโยชน์จากฟู่ฉีชวนเขาตกใจจนรีบวิ่งออกมา กอดขาของฟู่ฉีชวนอ้อนวอนร้องขอ "ประธานฟู่ ท่านโปรดเมตตา ปล่อยพวกเราไปเถอะ!""ฉินเจ๋อ"ฟู่ฉีชวนจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาฉินเจ๋อทีบโจวไห่ออกไป "ก่อนหน้านี้ทำกับคุณนายฟู่ของเรา แกควรจะคิดทบทวนให้ดีก่อน ตอนนี้จะมาขอร้อง มันสายไปแล้วล่ะ!"เขาลุกขึ้นมาคลานอย่างไม่ยอมแพ้เข้ามากอดขาของฉัน "คุณนายฟู่ คุณนายฟู่ ผมมีตาหามีแววไม่! ท่านช่วยละเว้นผมได้ไหม!"มือของฉันกดตรงปากแผลของฟู่ฉีชวนไว้ตลอด พอนึกถึงเขาที่เป็นคนยิง ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาจากใจ "ไปให้พ้น!"วินาทีต่อมา ฉินเจ๋อก็ทีบเขากระเด็นออกไปและประคองเราขึ้นรถฉินเจ๋อเป็นคนขับรถให้กับเรา ส่วนลูกน้องคนอื่นของฟู่ฉีชวนก็ทยอยขึ้นรถคันอื่น รถนับสิบคันขับขึ้นมาอยู่บนถนนทางหลวงพร้อมกันอย่างรวดเร็
"ใช่"ฉินเจ๋อถอนใจโล่งอกหลังจากถึงโรงพยาบาล ฟู่ฉีชวนถูกย้ายไปยังเตียงรถเข็นของโรงพยาบาลเป็นอันดับแรกไฟของโรงพยาบาลสว่าง ในตอนนั้นฉันเพิ่งถึงได้เห็นว่าหน้าของฟู่ฉีชวนซีดขาวเพราะเสียเลือดไปอย่างมากเขาตอนอยู่บนรถ...เขากลัวว่าฉันจะกังวลก็เลยพยายามประคองสติพอประตูห้องฉุกเฉินปิดลง หัวใจของฉันก็ถูกความกลัวเข้าครอบงำขนาดหายใจยังลำบากฉันพิงกำแพง พูดไม่ออกว่าหัวใจตอนนี้รู้สึกอะไรรู้แค่ว่าพอประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก หมอก็บอกว่าผ่าตัดเอากระสุนออกมาแล้ว ช่วงนี้พักรักษาตัวให้เต็มที่ พอรู้ว่าอาการไม่สาหัส ฉันก็ถอนหายใจโล่งอกฉันเดินเข้าห้องผู้ป่วย ดวงตาสีดำราวกับอีกาของเขาลุกโชนทอเป็นประกายจ้องมาที่ฉันราวกับจะมองฉันให้ทะลุฉันเม้มริมฝีปากและเทน้ำอุ่นให้เขา "ฉินเจ๋อกลับไปเตรียมของใช้ประจำวันและเสื้อผ้าให้คุณ เดี๋ยวพอเขากลับมาแล้วฉันค่อยกลับเขายิ้มมุมปาก "กลับ?""ใช่"ฉันพยักหน้า "วันนี้...ขอบคุณคุณมาก"หากเขาไม่ได้ไปช่วย เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่ฉันจะหนีออกจากที่นั่นโดยไม่มีบาดแผลไม่รู้ว่าหลินกั๋วอันเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับอันธพาลพวกนั้นฟู่ฉีชวนแกล้งพูดตลก "หร
ฉันไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย แม้แต่หัวใจก็ไม่รู้สึกอะไรทีไหนมีฟู่ฉีชวน ที่นั่นก็จะเห็นเธอทำท่าเหมือนหมาเห็นซาลาเปาเนื้อ ทำอะไรก็ไม่ได้ดูน่าแปลกฟู่ฉีชวนสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อยพูดอย่างเย็นชา "ผมไม่หิวแล้ว""ทำไมไมหิวน้ำแล้วล่ะ? เมื่อกี้หนานจือยังป้อนคุณอยู่เลยไม่ใช่หรอ..."ฟู่จินอันหน้ามุ่ย เต็มไปด้วยความสงสัยจากนั้นก็พูดกับตัวเอง "ก็อย่างว่า ฉันคงไม่ได้เข้าใจคุณดีเท่าเธอ ไม่รู้ว่าเวลาไหนคุณควรต้องการอะไร"พูดจบก็เอาแก้ววางไว้ข้างๆเดิมฉันกลุ้มใจเรื่องอาการบาดเจ็บของฟู่ฉีชวน ไม่เหมาะจะถามเรื่องของฟู่จินอัน แต่ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้า ไม่เอาก็โง่แล้วฉันหันไปมองฟู่ฉีชวนและยิ้มเบาๆ "เรื่องของเธอ คุณตัดสินใจได้แล้วรึยัง?"กลางวันบอกว่าจะเก็บเอาไปคิด ตอนนี้คงจะตัดสินใจได้แล้ว"ตัดสินใจเรื่องอะไร?"ฟู่จินอันรู้ว่า 'เธอ' ในประโยคที่ฉันพูดก็คือเธอเอง เลยแกล้งถามอย่างสงสัยฟู่ฉีชวนเหลือบมองฉัน สายตาสงบอ่อนโยน "คุณจะข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อสะพานทิ้งเลย? ผมตอนนี้เป็นแค่คนป่วย" (ข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อสะพานทิ้ง หมายถึง ได้รับผลประโยชน์แล้วแล้วถีบหัวส่ง)"แต่เธอไม่ใช่"ฉันหันไปมองฟู่จิน
"ลูกของผมกับหนานจือ จากไปได้อย่างไร? คุณลืมแล้วหรอ?"ดวงตาของฟู่ฉีชวนสองข้างย้อมไปด้วยความหนาวเย็นของช่วงที่หนาวที่สุด น้ำเสียงก็เย็นเยือกจนน่าขนลุกฟู่จินอันร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าอะไร ราวกับกระต่ายตกใจ "ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฉันไม่รู้ว่าเธอท้องอยู่! อาชวน คุณก็รู้ วันนั้นฉันทำแบบนั้นไปก็เพราะกลัวว่าจะเสียคุณไป เลยขาดสติไปชั่วขณะ! ถ้าหากรู้ว่าเธอท้อง ฉันไม่ว่ายังไงก็คงไม่กล้า...อีกอย่าง ฉันเองก็ท้อง...ถ้าฉันรู้ว่ามันจะมาลงเอยร้ายแรงแบบนี้ ฉันคงไม่กล้าทำ...หรือคุณคิดว่าฉันเองก็อยากจะเสียลูกไปงั้นหรอ?"สะตอสะตอจริงๆเธอคงจะตีหน้าซื่อแบบนี้ตอนอยู่กับฟู่ฉีชวนตอนอยู่กันส่วนตัวในเวลาปกติ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่างฉันพูดอย่างไม่แยแส "ใครจะไปรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องเธอคือใคร เขาเป็นคนยังไงก็ไม่รู้"ฟู่จินอันหน้าเกร็งขึ้นมาจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า เธอชี้มาที่ฉันพร้อมกับนิ้วที่สั่น เหมือนกับถูกปักปรำ "หร่วนหนานจือ เธอพูดจาส่งเดชอะไร?!""พอเถอะ"ฉันถอนหายใจ "ขี้เกียจเถียงกับเธอเรื่องพวกนี้ ในเมื่อเธออยากจะอยู่ดูแลเขา งั้นเธอก็ดูแล คืนสุดท้ายก่อนไปต่างประเทศ ดูแลเขาให้ดีๆ ล่ะ"พูดจบ ฉันก็เดินออกจา
ตกดึก ขณะฉันกำลังนอนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ก็เหมือนมีนิ้วหยาบกร้านเข้ามาสัมผัสใบหน้าของฉัน"ยัยทึ่ม ใครหลอกคุณ คุณก็เชื่อหมด""อือ..."ฉันปัดมือนั้นออกไปอีกทาง ต่อมาก็เหมือนจะฉุกคิดนึกขึ้นมาได้ ว่าตัวเองกำลังนอนเฝ้าไข้อยู่ ฉันชะโงกหัวขึ้นมาและรีบถาม "เมื่อกี้คุณพูดอะไร ตรงไหนไม่สบายรึเปล่า?"สิ่งที่เห็นคือดวงตาหลับสนิทสองข้างของฟู่ฉีชวน หายใจช้าๆหูฟาดหรอ?ฉันไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าตัวเองคงแค่ตกใจเรื่องที่เกิดวันนี้ คงจะเครียด ก็เลยสะลึมสะลือหลับไป……เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเจ๋อก็ตั้งใจเอาอาหารเช้าจากภัตตาคารอาหารกวางตุ้งเจ้าเก่ามาให้เป็นรสชาติที่ฟู่ฉีชวนชอบแต่ว่าเขากินได้ไม่กี่คำก็ไปจัดการเรื่องงานแล้วฉินเจ๋อไม่ได้เอามาแค่อาหารเช้า แต่ยังมีเอกสารกองโตที่ต้องจัดการ รองประธานของบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ปใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆฉันขณะทานอาหารเช้าก็เหลือบมองเขาทางด้านนั้นเป็นระยะๆแสงอบอุ่นในฤดหนาวสาดส่องเข้ามา แสงสาดสะท้อนลงมาปกคลุมจนเกิดเป็นชั้นแสงออร่าบนตัวเขา คมสันใบหน้าด้านข้างเพอร์เฟคมาก สันจมูกโด่งสูงทับด้วยแว่นตา รีบฝีปากบางเฉียบไม่พูดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้แค่ดูจากรุปลักษณ์ภายนอก
รถค่อยๆ จอดลงตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ คนขับลงจากรถก่อนจะเปิดประตูให้เราลู่สือจิ่งสวมรองเท้าส้น kitten heels เดินนำพวกเราเข้าไปในประตูบานใหญ่ แผ่นหลังของหล่อนยืดตรงเป็นไม้กระดาน ดูก็รู้ว่าถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ"ที่จริงแล้ว ที่วันนี้พาคุณหร่วนมาที่นี่ ก็เพราะมีเรื่องอยากขอร้องน่ะ""เรื่องอะไรคะ?""คุณไปดูก็จะรู้เอง"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็รู้สึกสงสัยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อความอยากรู้อยากเห็นนี่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเหมือนว่าฉันจะไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่แต่ทว่า เมื่อหล่อนเดินนำฉันลัดเลาะผ่านสวน และเห็นเหตุการณ์ในหอรำลึกบรรพบุรุษ ร่างกายฉันก็อึดตระงันไปทันทีลู่สือเยี่ยนคุกเข่าอยู่บนพื้นกระเบื้อง อาการบาดเจ็บที่บริเวณแผ่นหลังของเขาทำให้ฉันตกใจ ทว่าใบหน้าของเขากลับไม่มีซึ่งความเจ็บปวดหรือโกรธเกรี้ยว มีแต่ความสงบราวกับสระน้ำนิ่งหญิงวัยกลางคนกัดฟันกรอดด้วยความฉุนเฉียว แล้วก็เฆี่ยนลงไปบนหลังของเขาอีกครั้ง "ลู่สือเยี่ยน แกอย่าคิดว่าตอนนี้ฉันจะไม่มีปัญญาทำอะไรแก! ถึงแกตายไป อย่างมากฉันก็แค่ไปเด็กมารับเลี้ยงเพื่อสืบทอดตระกูลลู่ต่อไป!""งั้นก็ไปหาสิครับ"ร่างของลู่สือเยี่ยนไม่ขยับเขยื้อน
หรือจะบอกได้ว่า ตั้งแต่ปู่ของเขาตายไป เวินฟางอาจกลายเป็นความอบอุ่นเพียงอย่างเดียวที่ฟู่ฉีชวนได้รับจากความรักในครอบครัวแต่ตอนนี้... หากสิ่งที่ฟู่จินอันพูดเป็นความจริง ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับความรักในครอบครัวก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงความผูกพันทางอารมณ์หลายปี หลายทศวรรษ จะขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กันสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ การต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เลวร้ายอย่างไรก็ตาม ฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลุงเฉิง มีบางสิ่งที่ความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวฉันมองฟู่ฉี่ชวนอย่างมั่นคงและพูดว่า "คุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมล่ะ?"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน "เชื่อ"คงต้องใช้เวลาคิดนานก่อนที่จะตัดสินใจถามฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ลังเลที่จะตอบนั่นทำให้ฉันสบายใจ ฉันจิบกาแฟแล้วเริ่มพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าวันนั้นที่โรงพยาบาล ฉันพูดอะไร....”“พี่ฉีชวน!”ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่สดใสและชัดเจนซึ่งขัดจังหวะฉันอย่างหยาบคายวินาทีต่อมา เสิ่นซิงหยูเดินเข้ามาโดยชุดชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรองเท้าบู๊
ระหว่างทางไปบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันคิดว่าในที่สุดฟู่ฉีชวนก็เต็มใจที่จะเริ่มสงสัยเวินฟางและลูกสาวของเธอ ฉันควรจะถอนหายใจด้วยความโล่งใจบางทีสาเหตุการตายของปู่ของเขาและการตายของแม่ของเขาอาจอธิบายได้ในครั้งนี้แต่ในใจของฉันยังคงรู้สึกไม่สบายใจฉันไม่สามารถบอกสาเหตุได้เมื่อฉันมาถึงแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกคนเร่งรีบและดูจริงจังทันทีที่ฉันก้าวออกจากลิฟต์ที่ชั้นบนสุด ความตึงเครียดก็ถึงจุดสูงสุดฉินเจ๋อรอฉันในลิฟต์เป็นการส่วนตัวและพาฉันไปที่สำนักงานของรองประธาน เมื่อเห็นคำถามในสีหน้าของฉัน เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า "สถานการณ์ออนไลน์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มบริษัท มีโครงการหลายโครงการเพียงก้าวเดียวก็จะลุล่วง และอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าทีรอและดู"ฉันขมวดคิ้วและพูด "มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าโจวฟางจะชำนาญในกลยุทธ์ของเขาจริงๆ เพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งเดียว เขาก็สร้างวิกฤตที่แซ่ฟู่กรุ๊ปไม่เคยเจอในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"ใช่แล้ว ไม่มีใครคาดคิด"ฉินเจ๋อเหลือบมองไปทางสำนักงานของรองประธานอีกครั้งแล้วพูดว่า "ประธานฟู่ไม่ได้พักเลยตั้งแต่เหตุการณ์เ
".....หยุด หยุดขู่ฉันได้แล้ว!"หลินกั๋วอันตะโกนประโยคนี้ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนที่ฉันจะตอบได้ เขาก็วิ่งหนีไปในพริบตา!"โอเคไหลไหล ฉันมีบางอย่างต้องทำตอนนี้ ฉันจะติดต่อกลับในภายหลัง"ฉันวางสายโทรศัพท์ของเจียงไหลและมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งมักจะเป็นคนที่จืดจางเสมอมา "คุณแค่มองดูพ่อของนายทุบตีแม่ของนายแบบนี้เหรอ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "ผมไม่แข็งแร็งเท่าเขา และเขาเองก็ไม่ฟังผมเหมือนกัน""..."ฉันโกรธมากและไม่รู้จะพูดอะไรคุณป้าของฉันพูดด้วยความเจ็บปวด "หลินเฟิง ออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับลูกพี่ลูกน้องของแก""อ้อ"หลังจากหลินเฟิงออกไป ฉันก็ดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง "แผลทั้งหมดบนตัวของคุณรักษาแล้วหรือยัง? มีจุดไหนที่พวกเขาพลาดไปหรือเปล่า?'"ไม่หรอก อาการบาดเจ็บพวกนี้ไม่ได้ร้ายแรงมาก มีหมอและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาห้ามไว้ เลยไม่ได้ร้ายแรงมาก"คุณป้าของฉันส่ายหัว ราวกับว่าเธออ่อนแอกว่าตอนที่ฉันเจอเธอครั้งล่าสุดมาก น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ "ฉันอยากหย่ากับเขา แต่เขาไม่เห็นด้วย..."ฉันถอนหายใจแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเอง"หลินกั๋วอันไม่ใช่ฟู่ฉีชวน ไม่ใช่เร
"ฉันได้ยินมาว่าโจวฟางมาที่เมืองเจียงเฉิงครั้งนี้ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับอดีตคู่หมั้นของเขา""ฉันคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนทุ่มเทขนาดนั้น"ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีคนอย่างลู่สือเยี่ยนอยู่จริงๆ ที่ทั้งคู่ยึดติดกับใครบางคนที่พวกเขาพบตอนเป็นเด็กยึดมั่นในความผูกพันนั้นมาหลายปีลู่สือเยี่ยนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่พูดว่า "พรุ่งนี้คุณอยู่บ้านไหม ฉันจะนำของขวัญมาฝากคุณหลังเลิกงาน""ของขวัญ?"ฉันใช้เวลาสักครู่เพื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืน ฉันพยักหน้า "แน่นอน ฉันจะกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ เว้นแต่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น"……วันรุ่งขึ้น ฉันนอนหลับจนกระทั่งตื่นขึ้นมาเองและสัมผัสขอบเตียงที่ว่างเปล่าเจียงไหลหายไปฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จึงเห็นไลน์ที่เธอส่งมาให้ฉัน [ไปก่อนนะ ถ้าเฮ่อถิงเป็นโรคประสาทอีกเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาใหม่][นังตัวดี นอนกับฉันเสร็จก็หนีไปเลย]ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ขณะนอนเล่นโทรศัพท์อย่างขี้เกียจบนเตียงเหตุการณ์ระหว่างฟู่จินอันกับฟู่เหวินไห่ รวมถึงการเปิดเผยความขัดแย้งระหว่างเธอและเวินฟางที่อำเภอ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ทำให้รา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเศรษฐีรุ่นสองที่พูดเรื่องเงินตลอดเวลา"ช่างมันเถอะ ฉันจะไปถามคนอื่น"ทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันก็ก้าวเดินเข้าไปข้างในฉันเพิ่งกลับมาถึง เจียงไหลก็ก้าวออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดจากการร้องไห้ “กลับบ้านกันเถอะ”"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?"ฉันหยิบเสื้อคลุมจากมือของเธอแล้วพาดไว้บนไหล่ของเธอเธอสูดหายใจและดวงตาของเธอแจ่มใส "อืม จากนี้ไป ไม่ว่าเขาจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็ชื่นชมความเด็ดขาดของเธอ ความสามารถในการปล่อยวางอย่างหมดจดของเธอขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน เจียงไหลกำลังรับผิดชอบการขับรถอยู่ ทันใดนั้น ฉันก็ได้รับสายจากลู่สือเยี่ยนหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นและถามว่า "หนานจือ คุณคือคนที่อยู่กับโจวฟางเมื่อกี้ใช่ไหม?"ฉันตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ฉันไม่ได้โกหกเขา "ใช่ ฉันเอง... คุณรู้ได้ยังไง"โจวฟางปิดบังฉันไว้อย่างมิดชิดแม้แต่ฟู่ฉีชวนก็ถามแค่เรื่องรองเท้าเท่านั้นและถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเขาก็ยังไม่แน่ใจแต่ลู่สือเยี่ยนเดาได้จริงๆ ว่าเป็นฉันทางโทรศัพท์ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นค
ดูเหมือนว่าคนที่ตกลงกับฉันเมื่อวานไม่ใช่เขาฉันโกรธ และพูดไม่ออก "คุณไม่ได้สัญญากับฉันว่าจะไม่บอกใครหรอกเหรอ?""?"โจวฟางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "สิ่งที่ฉันสัญญากับคุณคือจะไม่บอกใครว่าคุณกำลังแอบดูและยังบันทึกวิดีโอด้วย""..."ไม่เป็นไรตามตรรกะนั้น เขาก็ไม่ได้ผิดเลย ดังนั้นเป็นความผิดของฉันที่ไม่อธิบายตัวเองให้ชัดเจนงั้นเหรอ?"คุณมีความแค้นต่อตระกูลฟู่หรือเปล่า?""ก็ไม่หนิ"โจวฟางมองฉันด้วยความสับสนแล้วพูดว่า "คุณไม่เข้าใจสงครามธุรกิจที่โหดร้ายเหรอ หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาก็ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ให้คุณเลยเหรอ?"ฉันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะความตรงไปตรงมาของเขาช่างน่ากลัว และยังเป็นเพราะคำถามที่สองของเขาด้วยฉันบีบฝ่ามือแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ไม่"หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาสอนอะไรฉันบ้าง? ความเป็นอิสระ ความอดทน ความอดกลั้น และความทุ่มเท....นอกจากการรักษาระยะห่างอย่างสุภาพแล้ว เราไม่เคยมีบทสนทนาที่จริงจังเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลอุบายของโลกธุรกิจคราวนี้ถึงคราวของโจวฟางที่ต้องตกตะลึง เขายกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจและพูดว่า "คุณน่าสนใจเลยทีเดียว""คุณก็น่าสนใจเหมื
ขอร้องเขาเหรอ?หัวเขากระแทกประตูหรือไง!ฉันปล่อยมือเขา ไม่สนใจอีกต่อไปว่าฟู่ฉีชวนหรือลู่สือเยี่ยนจะเห็นฉันหรือไม่ ฉันยอมแพ้และหันหลังเดินจากไปทันใดนั้น ดวงตาของฉันก็มืดลง เสื้อคลุมยาวของผู้ชายพร้อมฮู้ดถูกสวมทับตัวฉัน และฉันถูกนำทางอย่างชาญฉลาดกลับไปที่ราวบันได เพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นโดยคนสองคนนั้นกลิ่นมิ้นต์สดชื่นลอยเข้าจมูกของฉันฉันค่อนข้างเข้ากันได้กับโจวฟางฝีเท้าของฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะหยุดชะงักชั่วขณะ และฉันได้ยินเสียงที่ไม่สุภาพของโจวฟาง "ประธานฟู่ สนใจเรื่องส่วนตัวระหว่างคู่รักหนุ่มสาวมาก"ฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะกำลังพินิจพิเคราะห์ เสียงของเขาทุ้มและอ่อนโยน "รองเท้าของแฟนคุณ ภรรยาของฉันดูเหมือนจะมีคู่เดียวกัน"หัวใจของฉันเต้นแรงนี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์หนึ่ง ในเมืองเจียงเฉิงมีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ซึ่งสามารถนับได้ด้วยมือเดียวแม้ว่าฉันจะไม่ได้แอบฟังความลับใดๆ เลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้ที่โจวฟางเล่นกับฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยฉันไม่กล้าขยับเลย"งั้นเหรอ?"โจวฟางหัวเราะเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าประธานฟู่จะไม่ค่อยสนใจภรรยาคน
ฉันอิ่มแล้ว ฉันเลยวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า "เธอตกลงที่จะพบเขาเหรอ?"“ใช่ ฉันตกลง”เจียงไหลช่วยฉันเก็บกล่องอาหารเดลิเวอรี่ “วันก่อนเขายังไม่โตเลย เขาไม่ฟังคำพูดของฉัน บางอย่างก็อธิบายทางโทรศัพท์ได้ยาก ฉันเลยคิดว่าจะพบเขาอีกครั้งแล้วค่อยเคลียร์กันให้เรียบร้อย”ฉันพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันสนับสนุนเธอ”"คุณจะไปกับฉันไหม?""ไปสิ"ฉันยิ้มและพูดเล่น: "ถ้าฉันไม่ไป แล้วถ้าเขามัดคุณแล้วขายคุณล่ะ"สถานที่ที่พวกเขานัดกันไว้ยังคงเป็นคลับเฮาส์เจียงไหลพาฉันเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างสบายๆ หลังจากคิดอยู่สักพัก ฉันก็พูดว่า "เธอเข้าไปเถอะ ถ้าฉันอยู่ด้วย เธอจะพูดอะไรไม่ได้ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ฉันจะเข้าไปทันที""โอเค"เจียงไหลพยักหน้าและผลักประตูเปิดออกฉันยืนอยู่หน้าประตู มองดูพนักงานเสิร์ฟถือจานผลไม้และจานเดินไปมา ฉันรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในที่ที่ดีนัก จึงเดินช้าๆ ไปที่สวนลอยฟ้าใกล้ๆเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ค่ำคืนในเมืองเจียงเฉิงจะชื้นและหนาวเย็นอย่างไรก็ตาม คลับเฮาส์แห่งนี้ได้ลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการออกแบบสวนลอยฟ้าที่สวยงามและหรูหราสวนหินไหลด้วยน้ำที่ไหลเอื่อยๆ และมีพืชหายากมากมายในฤดูใบไม้ร่วงแล
เจียงไหลจ้องมองอย่างว่างเปล่า"ไม่ได้งั้นเหรอ?""เป็นแบบนั้นนั่นแหละ"ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะโน้มน้าวชายคนนั้นให้ไปเอาใบหย่ามาได้เจียงไหลเห็นว่าฉันอารมณ์ไม่ดี เธอก็ปลอบใจฉัน: "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะจากไป มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ คุณได้บรรลุข้อตกลงในทุกสิ่งแล้ว ยกเว้นใบหย่า มันก็ถือว่าคุณหย่าแล้ว"ฉันยิ้มและคุยกับเธอสักพัก จากนั้นการสนทนาก็เปลี่ยนไป “แล้วเธอล่ะ เฮ่อถิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาเธอเหรอ?”ตอนที่เราย้ายบ้าน เฮ่อถิงช่วยเราย้ายบ้าน พูดถึงเรื่องนี้ พอนึกดูดีๆ ฉันยังติดเลี้ยงข้าวเขาอยู่เลยเขาคงยังจำที่อยู่นี้ได้ถึงแม้จะไม่รู้ แค่ถามฟู่ฉีชวนก็คงรู้แล้วเจียงไหลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของเธอแผ่วเบา "ไม่ เขาไม่กล้ามาบ้านคุณหรอก""ทำไมล่ะ?""เขากลัวฟู่ฉีชวนที่สุด""......"……ต่อมา ฉันไม่อยากทำอาหาร แต่ทักษะการทำอาหารของเจียงไหลน่าประทับใจมาก ฉันเลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่แทนเจียงไหลกินข้าวและคุยเล่นในขณะที่ปัดโทรศัพท์เป็นครั้งคราวทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “โอ้พระเจ้า แม่ลูกคู่นั้นทะเลาะกันที