เวลาเกือบสองนาฬิกา แสงไฟหน้ารถสาดเข้ามาภายในบ้านเรียกให้สาวใช้ร่างอ้อนแอ้นต้องกุลีกุจอวิ่งไปดู ประตูรถเปิดออกพร้อมกับคนร่างสูงใหญ่ที่มีอาการไม่สู้ดีนัก แข้งขาดูเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าเห่อแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
“พิมมาช่วยลุงประคองคุณปุมไปที่ห้องที”
“จ้ะ ลุงยอด” ทั้งสองช่วยกันประคองร่างสูงใหญ่มาจนถึงห้องอย่างทุลักทุเล ด้วยชายหนุ่มสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เกือบล้มหน้าหงายตอนขึ้นบันไดหลายรอบ ทว่าก็พาเจ้านายหนุ่มมาส่งถึงเตียงได้
“เฮ้อ! เล่นเอาเหงื่อแตก” ลุงยอดปาดเหงื่อ ถอนหายใจเสียงดัง
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณปุมจะเมาได้ขนาดนี้เพราะผู้หญิงคนเดียว” คนฟังทำเพียงเหล่มองไปทางร่างสูงใหญ่ที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ หญิงสาวไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ แต่ในใจก็แอบสงสารเจ้านายหนุ่มมิใช่น้อย
คุณปุม หรือ ปุริม เจ้านายหนุ่มวัยสามสิบห้าปี บิดาและมารดาเสียชีวิตตั้งแต่สิบปีก่อน เขาจึงใช้ชีวิตอยู่ลำพังจนกระทั่งเมื่อสามปีก่อนได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ความรักผลิบานจนเกือบได้แต่งงาน ทว่า…กลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน ปุริมจับได้ว่าหล่อนนอกกายและนอกใจมีความสัมพันธ์กับเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกัน ปุริมสติแตกวางมวยใส่เพื่อนคนนั้นจนเข้าโรงพยาบาลอาการสาหัส ถัดมาอีกสัปดาห์ก็ได้รู้ข่าวร้ายอีกอย่างคือคนรักท้อง แต่คงไม่ได้ท้องกับปุริม
เนื่องจากช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมาปุริมทำงานอย่างหนัก ทุ่มเทให้โพรเจกต์งานหนึ่งที่บริษัทของเขาประมูลมาได้ ช่วงเวลานั้นคนรักถึงได้ปันกายปันใจให้ชายอื่นได้ดอมดม ปุริมเหมือนคนเสียศูนย์ ตอนกลางวันโหมงานหนัก ตกกลางคืนกินเหล้าเมามายจนเกือบย่ำรุ่งทุกวัน สาวใช้ถอนหายใจสงสารเจ้านายหนุ่ม ทว่าช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากเช็ดตัวให้เขาหลับสบายอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา
“ลุงยอดไปพักผ่อนเถอะจ้ะ พรุ่งนี้ต้องพาป้าแสงไปหาหมอไม่ใช่เหรอจ๊ะ เดี๋ยวตรงนี้พิมดูแลเอง”
“เอางั้นเหรอ?” ลุงยอดมีสีหน้าลังเล ไม่อยากปล่อยให้หญิงสาวอยู่ตามลำพังกับเจ้านายหนุ่ม
“จ้ะ ไม่ต้องกลัวคุณปุมจะทำอะไรพิมหรอกจ้ะ เมาขนาดนี้” ปกติลุงยอดมักจะช่วยกันดูแลปุริมด้วยกัน แต่วันนี้สาวใช้มองเห็นความอิดโรยของอีกฝ่ายจึงเอ่ยปากให้ไปพักผ่อน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เจ้านายหนุ่ม ปุริมเมาแล้วหลับไม่เคยลุกขึ้นมาอาละวาดหรือทำรุ่มร่าม ซึ่งครั้งนี้ก็คงไม่ต่างจากเดิม
“เอางั้นก็ได้ แต่ถ้าคุณปุมลุกขึ้นมาทำอะไรเอ็ง ร้องดัง ๆ ให้ลุงได้ยินด้วยล่ะ” หญิงสาวยิ้มขำ เหล่มองเจ้านายหนุ่มที่นอนหลับปุ๋ยไร้สติ ลำพังผงกศีรษะยังยาก จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาทำอะไรเธอ
“จ้ะ พิมจะร้องดัง ๆ เลย”
พ้นร่างลุงยอดไปแล้ว
พิม หรือ พิมพิไล สาวใช้วัยยี่สิบห้าปีที่ทำงานเป็นแม่บ้านมาตั้งแต่เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่หก หญิงสาวเป็นคนขอนแก่นที่ระหกระเหินเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ ฐานะทางบ้านยากจนไม่มีเงินส่งเรียนมหาวิทยาลัย ปีแรกที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ทำงานเป็นสาวโรงงานก่อนจะเห็นใบประกาศรับสมัครแม่บ้านจึงมาสมัครงานบ้านนายฝรั่ง ทำอยู่ปีกว่า ๆ นายฝรั่งกับภรรยาก็ตัดสินใจกลับไปอยู่ต่างประเทศ พิมพิไลคิดว่าเธอจะเสียงานที่รักไปเสียแล้ว ทว่านายฝรั่งใจดีฝากฝังเธอให้มารับใช้ดูแลเจ้านายใหม่อย่างปุริมเมื่อหลายปีก่อน บ้านหลังนี้เคยมีสาวใช้ก่อนหน้าแต่คนเก่าขอลาออกเพื่อไปแต่งงานใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ส่วนลุงยอดและป้าแสงนั้นอยู่มาตั้งแต่สมัยบิดาและมารดาปุริมยังมีชีวิตอยู่“อื้อ…” ปุริมครางในลำคอ เมื่อร่างกายสัมผัสกับความเย็นจากผ้าขนหนูผืนเล็กที่กำลังไล่เช็ดจากใบหน้า ลำคอ ช่วงแขน พิมพิไลปลดกระดุมออกจากรังจนหมดก่อนค่อย ๆ บรรจงเช็ดแผงอกกว้างที่เธอเห็นจนชินตาในช่วงนี้ ทว่ายามนี้พออยู่ตามลำพังสองคนกับปุริมโดยไม่มีลุงยอดด้วยแล้ว หน้าสาวใช้กลับร้อนผ่าวแดงซ่านขึ้นมา หญิงสาวเช็ดเนื้อตัวเจ้านายลวก ๆ รีบหาชุดนอนมาเปลี่ยนให้ใหม่ ส่วนช่วงล่างนั้นกระดากอายเกินกว่าจะรูดมันพ้นหน้าแข้งแกร่ง
พิมพิไลเอี้ยวตัวหมายออกจากห้อง ทว่ากลับโดนคว้าข้อมือแล้วกระชากอย่างแรง ร่างอ้อนแอ้นไม่สามารถทรงตัวได้จึงล้มตัวลงไปนอนอยู่ในอ้อมกอดคนเมาที่รั้งเธอไว้ วงแขนอุ่นรัดแน่น ใบหน้าหวานแนบชิดแผงอกกว้าง พิมพิไลตกใจตาค้าง เนื้อตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ก่อนจะเริ่มดิ้นขลุกขลักใต้ไหล่กว้าง หากยิ่งดิ้นปุริมยิ่งรัด ทั้งยังส่งจมูกเข้ามาคลอเคลียช่วงแก้มและลำคออย่างอุกอาจ
“คุณปุมคะ!” เรียกชื่อเขาลั่น หมายให้คืนสติ
“แพร…พี่รักแพรนะ…อย่าไปจากพี่เลย…” แต่คนไร้สติก็ยังไม่รู้สึกตัว มือใหญ่เริ่มปัดป่ายไปทั่วกายให้ได้วูบวาบ พิมพิไลต้องคอยตะครุบมือร้ายนั้น พยายามผลักไสเจ้านายหนุ่มอย่างสุดความสามารถ กำลังอ้าปากกรีดร้องให้ลุงยอดได้ยิน หากกลับถูกลิดรอนลมหายใจด้วยริมฝีปากอุ่นที่ประกบลงมา พร้อมกับร่างสูงใหญ่ได้ตามมาทาบทับพิมพิไลจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
ไม่น่าเชื่อว่าคนเมาจะว่องไวถึงเพียงนี้ มือหนาเริ่มปลดอาภรณ์ร่างอ้อนแอ้นออกจนหมด เหลือเพียงสองชิ้นติดกายบนร่าง ปากอุ่นยังคงประกบแลกลิ้นให้ความร้อนเร่าไม่หยุด มีเพียงวินาทีที่เขาผละห่าง ถอดเสื้อเชิ้ตของตนแล้วขว้างมันไปไกล
“คุณ..ปุ…ม” หมดสิทธิ์พูดอีกครั้ง ลมหายใจติดขัด ทั้งร่างกายยังบิดร่อนราวต้องของร้อน เพียงแค่ปลายนิ้วเรียวสะกิดสะเกาในจุดอ่อนไหว กายและใจพิมพิไลก็หลอมเหลวไร้เรี่ยวแรงต้านทาน ใบหน้าคมคายเลื่อนต่ำโดยใช้เพียงจมูกในการแตะต้องกายสาว ผ่านลาดไหล่ แวะหยอกเย้าทรวงเต้า ดูดกลืน บีบเคล้น สร้างอารมณ์หวามไหวให้แก่พิมพิไลที่ยามนี้ไร้สติไม่ต่างจากปุริม “แพร…สวยจัง” หากชื่อที่เจ้านายหนุ่มเอ่ยฉุดรั้งความรู้สึกของพิมพิไลตื่นขึ้น หญิงสาวผลักใบหน้าคมออกห่าง เขาซวนเซเพราะไม่ได้ตั้งตัว “พิมเองค่ะ ไม่ใช่คุณแพร” ร่างอ้อนแอ้นรีบลุกจากเตียง หากกลับโดนเกี่ยวเอวทุ่มลงเตียงอีกรอบ คราวนี้ปุริมเปลือยเปล่าไม่เหลืออาภรณ์ติดกายแล้ว มันจึงทำให้พิมพิไลรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังต้องการปลดปล่อย“อื้อ…คุณปุ…ม” ความปรารถนาของปุริมชัดเจนมากขึ้น เมื่อมันขยับขยายในพื้นที่ที่ไม่เคยมีใครเข้าไปแตะต้อง สิ่งนั้นวกวนอยู่ระหว่างกลาง สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้พิมพิไล หญิงสาวไม่เป็นตัวเอง คอยส่ายสะโพกเข้าหาสิ่งนั้นและต้องการมากกว่าที่ปุริมมอบให้ “อ๊ะ!” และเธอก็ได้สิ่งที่ต้องการเพียงแต่เป็นปลายนิ้วที่เข้ามาสำรวจความผุดผ่องชุ่มชื้นด้านใ
บทที่ 2 ไม่ชอบใจ หลังจากพ้นร่างสาวใช้อย่างพิมพิไลไปแล้ว ปุริมทิ้งไหล่ลง ทอดถอนหายใจกับความไร้สติของตนเองจนเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น แม้ช่วงที่ได้ลิ้มรสความหวานจากกายสาว เขาจะรู้ตัวก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอยู่ดี แต่ยามนั้นต่อให้เอาช้างมาฉุดก็หยุดเขาไม่ได้ ปุริมพาร่างสูงใหญ่ของตนเองลงไปแช่น้ำอุ่นให้คลายอาการเมื่อยขบจากเพลิงสวาทที่เพิ่งสาดใส่สาวใช้ไปเมื่อครู่ ทั้งยังหวังดับความร้อนรุ่มในกายที่มันยังปะทุอยู่ แม้ได้รับการปลดปล่อยแล้วก็ตาม ต้องยอมรับว่าปุริมไม่เคยมองพิมพิไลเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเลยแม้สักครั้ง เขาเห็นเธอเป็นน้องสาวด้วยซ้ำ มีความเอ็นดูตั้งแต่มิสเตอร์พอลและภรรยาฝากฝังไว้ให้มาทำงานบ้าน หลังจากสองสามีภรรยาต้องกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตนเองโดยไม่สามารถพาสาวใช้แสนซื่อสัตย์คนนี้ไปอยู่ด้วยได้ ปุริมยังจำครั้งแรกที่พบกันได้ พิมพิไลเอาแต่ก้มหน้านั่งพับเพียบข้างเก้าอี้หนังฝรั่งเศส ขณะมิสเตอร์พอลพูดคุยกับเขา เจียมเนื้อเจียมตัวจนเขาเอ็นดู ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างเสียหน่อย บอกให้นั่งบนเก้าอี้ก็ไม่ทำ “เธอชื่ออะไรนะ?”“เอ่อ…หนูชื่อพิมค่ะคุณท่าน” สาวเจ้าอ้อมแอ้มเอ่ยปาก มิหน
หลังจากนั้นปุริมก็กลับมานั่งทำงานตามเดิมจนเกือบใกล้ถึงเวลาตั้งโต๊ะอาหารค่ำ ชายหนุ่มเหยียดกายไล่ความเมื่อยขบ ไล่สายตามองไปยังสวนที่ยามนี้มีฝนโปรยปรายลงมาเบา ๆ ร่างสูงเดินออกไปรับกลิ่นไอดินและไอฝน มือใหญ่วาดไปเบื้องหน้า หยดน้ำหยดลง เบา ๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ได้สัมผัสจนเผลอผิวปาก หากฉับพลันสีหน้ากลับแปรเปลี่ยน คิ้วเข้มขมวดมุ่น เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะใส ๆ ดังลอยมาตามลม ขายาว ๆ ก้าวไม่ถึงนาทีก็ถึงต้นเสียง ปุริมหรี่ตามองร่างชายหญิงสองคนที่หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มเพิ่งเคยเห็นพิมพิไลหัวเราะและยิ้มกว้างมากขนาดนี้ และความสนิทสนมของเธอและยศทำให้ปุริมรู้สึก ‘ไม่ชอบใจ’ เอาเสียเลย ชายหนุ่มยืนมองทั้งสองพูดคุยหยอกล้ออยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่พิมพิไลจะรู้สึกถึงกระแสบางอย่างจากเบื้องหลัง หญิงสาวหันมองพบเจ้านายหนุ่มกำลังยืนหน้าเครียดขรึมอยู่ไม่ไกล ก้อนน้ำลายจุกอยู่บริเวณคอ ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ตาคมดูดุกร้าวจนใจสั่นกลัว พิมพิไลก้มหน้าลงคล้ายรู้ตัวว่าผิด แต่หากพิจารณาดี ๆ เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย แค่คุยหยอกล้อเล่นกับยศเท่านั้นเอง“คุณปุมต้องการรับอะไรไหมครับ?” ยศมองสาวใช้รุ่นน้
บทที่ 3 ในเรือนเบี้ยชุดเครื่องนอนถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่สาเหตุมาจากแมลงร้ายตัวใดหรอก หากเป็นมนุษย์ร่างใหญ่ที่กำลังเปลือยท่อนบนผูกปมผ้าขนหนูเอวท่อนล่าง ยืนสูบบุหรี่มองร่างอ้อนแอ้นทำการเปลี่ยนชุดเครื่องนอนใหม่ทั้งหมด หลังจากเหตุการณ์สวาทสิ้นสุดลง พิมพิไลทำอย่างคล่องแคล่วแม้จะเพิ่งผ่านเรื่องเสียแรงและเสียน้ำไปเมื่อครู่ หากเมื่อร่างอ้อนแอ้นหมายหอบชุดเครื่องนอนทั้งหมดเข้าอก หญิงสาวกลับซวนเซทำท่าจะล้ม ดีที่ได้ปุริมคว้าเอวไว้ก่อน มือใหญ่ร้อนผ่าวจนสาวร่างเล็กต้องเบี่ยงตัวหนี ใกล้ชิดเพียงเท่านี้เผลอไผลให้ใจเตลิดคิดเรื่องวาบหวามที่เพิ่งเกิดขึ้น“กินยาคุมด้วยล่ะ” ปุริมสั่ง สีหน้าและแววตายังคงเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก “รู้ใช่ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้น…” ปุริมเบี่ยงหน้ากลับมามองด้วยสายตาว่างเปล่าอีกครั้ง พิมพิไลสบตาคมหวังพบเจอความรู้สึกที่ทอสายใยมาให้เธอบ้าง ทว่ามันกลับไม่มีแม้แต่น้อย และที่ชายหนุ่มพูดเช่นนั้น ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าต้องจัดการเรื่องนี้อย่างไร ต้องอยู่อย่างไร้ปากและเสียง ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดพิมพิไลไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้านายหนุ่มเย็นชาได้ถึงเพียงนี้ สาวใช้เม้มปากแน่น พยักหน้าร
“คะ?” คำถามอะไรของเขา พิมพิไลไม่เข้าใจ ปุริมทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิด ผลักไหล่เล็กเข้ามาในห้อง เขาลงกลอนล็อกประตูอย่างดี “ที่มีน่ะหมดหรือยัง?” คราวนี้พิมพิไลรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร มือใหญ่เริ่มเคลื่อนไหว ลูบไล้เนื้อตัว หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ แล้วจากนั้นไฟสวาทก็เริ่มมอดไหม้ทั้งกายและใจของเธอ พิมพิไลถูกปุริมเข้ามาประชิดเป็นเนื้อเดียวกัน สัมผัสร้อนรุ่มพาเอาใจเตลิดเปิดเปิง หญิงสาวล่องลอยไปกับความสุขที่ถูกปรนเปรอ ก่อนจะถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินพร้อมกับเสียงคำรามข้างหูว่าปุริมได้ลุล่วงสำเร็จแล้ว สายธารอุ่นรินรดอยู่ภายในตัวเธอ พอเขาถอนกายออกมันก็ไหลบ่าออกมาจนเปื้อนผ้าปูที่นอน พิมพิไลจัดการกับร่อยรอยที่เหลือไว้ เหล่มองปุริมที่กำลังสวมเสื้อผ้ากลับไปตามเดิม “พรุ่งนี้สาย ๆ ฉันจะพาไปโรงพยาบาล” พิมพิไลไม่ได้ถามแม้สีหน้าจะเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่ได้ป่วย แล้วเหตุใด… “จะฉีดยาคุมหรือจะฝังก็เลือกเอา” นาทีนั้นลมหายใจสะดุด ไม่กล้าแม้แหงนหน้ามองอีกฝ่าย ปุริมคงไม่อยากมีภาระเพิ่มเติมอย่างที่เคยเอ่ยปาก และเขาเลือกวิธีที่จะทำให้ตัวเองสบายตัวและสบายใจที่
บทที่ 4 เมนูที่อยากกิน ธุระยามเช้าเสร็จสิ้นแล้ว พิมพิไลเลือกการฝังยาคุมกำเนิดแบบสามปีแทนการฉีดยาคุมทุกสามเดือน หมออธิบายว่าช่วงแรกเธออาจจะมีประจำเดือนอยู่และอาจจะมีมากเกินปกติไม่ต้องกังวลใจไป และหลังจากนั้นประจำเดือนจะมาปกติหรือบางคนอาจจะไม่มีประจำเดือนตลอดช่วงระยะเวลาฝังยาคุม ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล พิมพิไลนั่งฟังคุณหมออธิบายและกล่าวขอบคุณ ปุริมจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด และกำลังพาพิมพิไลไปยังสถานที่แห่งหนึ่งหญิงสาวได้รับเอกสารสำหรับเรียนมหาวิทยาลัยภาคพิเศษมาปึกใหญ่ เหล่มองคนข้างกายที่กำลังจดจ่ออยู่กับท้องถนน พิมพิไลใจเต้นด้วยความดีใจทันทีที่รู้ว่าเธอได้รับโอกาสได้เรียนอีกครั้ง “ปกติที่บ้านมีวันหยุดให้สองวันต่อสัปดาห์อยู่แล้ว เสาร์อาทิตย์เธอก็มาเรียนที่นี่แล้วกัน ไม่ไกลจากบ้าน” ปุริมว่าขณะยื่นเอกสารสมัครเรียนมาให้ จากนั้นพิมพิไลก็ถูกพาตัวไปยังห้องสตูดิโอ ถ่ายรูปยื่นใบสมัครเรียน ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เพียงแค่มีเงินก็บันดาลเรื่องที่ยากให้เป็นง่าย พิมพิไลได้รับบัตรนักศึกษาและจะเริ่มเรียนในวันเสาร์ที่จะถึงนี้“ขอบคุณมาก ๆ นะคะคุณปุม พิมดีใจมาก ๆ เลยค่ะ พิมไม่
“ทำไมทำตาขวางใส่กู?” ธรรศหนุ่มเพลย์บอย กระซิบเย้า ๆ ทั้งยังใช้ศอกกระทุ้งท้องปุริมอีก มองเพื่อนหนุ่มกับสาวใช้แล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล ปุริมแปลกไปจากครั้งก่อนที่เคยพบเจอ ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะทำใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว และคงได้รังใหม่ให้ได้กกกอดสร้างไออุ่น“ไม่ยักรู้ว่ามึงออกมาเดินห้างได้ด้วย” ธรรศรู้ว่าปุริมเป็นพวกเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เพื่อนคนนี้ไม่ชอบคนหมู่มาก ออกแนวขี้รำคาญ ชอบอยู่ตามลำพัง จะเข้าสังคมเฉพาะจำเป็นเท่านั้น ปุริมไม่ตอบ ธรรศจึงเลือกเบี่ยงสายตาไปที่สาวร่างอ้อนแอ้นที่ยืนกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ “มาซื้อของเหรอครับ?” “เอ่อ…ค่ะ คุณปุมใจดีซื้อพวกอุปกรณ์ไอทีไว้ให้พิมค่ะ เวลาเรียนจะได้สะดวก” ธรรศพยักหน้าหงึกหงักเหล่มองปุริมที่เอาแต่ยืนเงียบ พิมพิไลเป็นผู้ให้ความกระจ่างกับสิ่งที่สงสัยทั้งหมด เขาเอียงตัวกระซิบกระซาบกับเพื่อนในแก๊ง “เดี๋ยวนี้เป็นเสี่ยเหรอมึง ให้ทั้งการศึกษาและของใช้” คำตอบยังคงเป็นความเงียบ ธรรศนึกสนุกอยากแกล้งเพื่อนต่อ แต่มือถือเขามีสายเข้าเสียก่อนจึงโบกมือลาทั้งสอง แต่ไม่วายยักคิ้วหลิ่วตาให้คนที่ท
บทที่ 5 สถานะ ‘ผัว’ ทุกคนภายในบ้านต่างมีสีหน้าไม่ต่างกัน และจุดโฟกัสของดวงตาก็อยู่ที่ร่างบอบบางของแพรไหมอดีตคนรักของปุริม ซึ่งบัดนี้เจ้าหล่อนกำลังบีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดเอวปุริมแน่น พิมพิไลเหลือบมองเพียงนิด ก่อนเบี่ยงหน้าหลบเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตาคมเข้ม ใจดวงน้อยสั่นสะท้าน รู้สึกหึงหวงปุริมขึ้นมา จนต้องหลบฉากออกมาอยู่ด้านหลังป้าแสง ลุงยอดและยศ ในใจพะวักพะวนว่าปุริมจะให้อภัยแพรไหมและกลับมาคบกันดังเดิม “แพรขอโทษนะคะพี่ปุม แพรผิดไปแล้ว ให้อภัยแพรเถอะนะคะ” น้ำตาที่ร่วงหล่นอาบแก้มแพรไหม ไม่ได้ทำให้ปุริมรู้สึกสงสารแม้แต่น้อย ชายหนุ่มดึงแขนเล็กออกแล้วเหวี่ยงหล่อนออกห่างไปเกือบสองเมตร ดวงตาคมราวเหยี่ยวมองอดีตคู่รักด้วยสายตาดูแคลน ปุริมรู้ดีถึงสาเหตุที่เจ้าหล่อนปรากฏกายในครั้งนี้ คงไม่พ้นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ คนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทเขาเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เป็นคนหน้าใหญ่ ใจโต จ่ายไม่อั้น มีฐานะทางสังคมและการเงินดีกว่าปุริมอยู่หลายขุม อันมาจากธุรกิจสีเทาที่คนในตระกูลทำทั้งนั้น ปุริมเพิ่งเห็นข่าวเมื่อวานช่วงค่ำ ๆ เรื่องการบุกจับกุมเครือข่า
บทจบ ในเรือนรักปุริมได้ลูกแฝดผู้หญิงชื่อน้องโฮมและน้องฮัก ปัจจุบันอายุเข้าสี่ขวบ ด้วยเพราะร่างสูงใหญ่ที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำขนาดอายุเกือบสี่สิบเขายังมีแรงอุ้มเจ้าก้อนปุ๊กลุกสองก้อนซ้ายขวา เขาได้รางวัลของความแข็งแรงเป็นจุ๊บจากลูกสาวฝาแฝด และศรีภรรยาอีกหนึ่ง แค่นี้คนเป็นพ่อและสามีก็ชื่นใจแล้ว ปุริมปล่อยให้ลูกสาวฝาแฝดวิ่งเล่นในสวนของบ้าน ส่วนตนเองและพิมพิไลก็มานั่งดูลูก ๆ ในศาลาไม้“มื้อค่ำพิมว่าจะลองทำอาหารเกาหลีดูค่ะ ลูกบ่นอยากกิน”“เอาสิ”“พี่ปุมกินได้ใช่ไหม กลัวไม่ถูกปาก”“เมียทำอะไรก็กินหมดล่ะครับ เรื่องมากเดี๋ยวโดนไล่ออกจากห้อง” พูดจบก็โดนฝ่ามือเล็กฟาดเข้าให้ แต่งงานกันมาหลายปีปุริมเปลี่ยนไปเยอะ เขาพูดเก่งขึ้นแต่กับเธอ กับคนอื่นยังตีหน้านิ
“มองเมียตาเยิ้มเลยนะมึง แด-กได้คงทำแล้วล่ะ” ธรรศกระเซ้ายิ้ม ๆ เห็นอาการคลั่งรักของเพื่อนแล้วได้แต่ส่ายหน้าเพราะคนอย่าง ‘ธรรศ ธรรมรงค์’ ไม่มีหัวใจ ไม่มีที่ว่างให้กับความรัก มีเพียงงาน เงินและความสนุกในชีวิตเท่านั้น ไอ้พวกความรักอะไรไร้สาระส่วน ‘ภพ ไตยรัตนา’ ก็คิดไม่ต่างกัน เขาเป็นหนุ่มโสดรักความสนุก ไม่คิดหาห่วงมาคล้องคอแบบปุริม ไม่อยากให้ใครมาเจ้ากี้เจ้าการบงการชีวิต อยู่แบบโสด ๆ โฉด ๆ แบบนี้ สบายตัวสบายใจที่สุดหลังจากสถานะของพิมพิไลเลื่อนมาเป็นเจ้านายจึงขาดตำแหน่งผู้ช่วยแม่บ้านไป ปุริมคิดประกาศหาสาวใช้คนใหม่ หากพิมพิไลห้ามไว้เพราะเธอยังสามารถทำงานที่เคยทำได้เหมือนเดิม
บทที่ 8 ขอบคุณครับพิมพิไลนิ่งงันไปชั่วขณะ หากเมื่อคนตัวสูงหมุนกายให้เข้ามาเผชิญหน้าก็พบว่าสิ่งที่ติดอยู่ตรงโคนนิ้วและดวงตาคมสะท้อนเงาตนเองนั้นคือความจริง น้ำตาไหลลงอีกครั้ง ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยความตื้นตันระคนดีใจ พิมพิไลฉีกยิ้มกว้างแล้วโถมกายกอดปุริมเต็มแรง“คุณปุม…”“เรียกพี่ได้แล้ว คุณมันดูห่างเหิน” พิมพิไลยิ้มขบขันเมื่อคนโตกว่าดูจะงอแง“พ…พี่ปุม”“อืม แบบนี้แหละดูใกล้ชิด” เขาพูดเสียงนุ่ม มือใหญ่เอื้อมมาเช็ดคราบน้ำตาจากใบหน้าหวาน สายตาทอแสงความต้องการอันแรงกล้า มันร้อนแรงจนร่างกายผะผ่าว รู้ความหมายดีว่าคืนนี้เธอคงได้ถูกปุริมทำรักจนจมเตียง“ชอบของขวัญวันเกิดที่พี่ให้ไหม?” พิม
“งั้นเรามาช่วยกันทำอาหารให้คุณปุมกินกันดีกว่านะคะ เมื่อวานเห็นบ่นอยากกินแกงเขียวหวานเนื้อตุ๋นฝีมือพิม เดี๋ยวออกไปตลาดเลยดีกว่าค่ะ ประเดี๋ยวฝนฟ้าจะตกเอา”“ค่ะ คุณพิม” ช่วงเย็นปุริมกลับจากทำงาน พิมพิไลรับสูทจากเขาแล้วถูกรั้งไปกอดจนพิมพิไลต้องตีแขน เนื่องจากป้าแสงยืนอยู่ไม่ไกล ปุริมกระตุกยิ้ม ปล่อยคนตัวนุ่มนิ่มให้เป็นอิสระ “วันนี้มีแกงเขียวหวานเนื้อนะคะ จะรับเป็นขนมจีนหรือข้าวดีคะ?”
บทที่ 7 เปลี่ยนสถานะขอบตาร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงสถานะของตนเอง เธอก็แค่สาวใช้ในบ้านของปุริมเท่านั้น เป็นเพียงคนในเรือนเบี้ย หากเขาต้องการเมื่อไรแค่เพียงกระดิกนิ้วหรือเคาะประตูเข้ามาหาเธอ ‘อย่าหวังสูง’ คำนี้คงเหมาะกับคนอย่างเธอ พิมพิไลเบี่ยงหน้าหนี ซ่อนหยาดน้ำตาที่ร่วงกระทบผิวแก้ม หญิงสาวทนอยู่กับความเงียบไม่ไหวจึงลุกเดินหมายกลับไปยังที่ของตน หากกลับถูกรั้งแขนไว้ พอแหงนหน้าสบดวงตาคม คิ้วเข้มนั้นขมวดมุ่น“ร้องไห้ทำไม?” พิมพิไลไม่ตอบ เลือกเงียบ เอียงหน้าหนี“ฉันถามก็ตอบ” แรงบีบช่วงแขนหนักขึ้น ตามอารมณ์คุกรุ่นของคนตัวโต พิมพิไลหน้าเหยเก บิดแขนหนีแต่ไม่เป็นผล“คุณปุมอย่ามาสนใจคนใช้อย่างพิมเลยค่ะ” พิมพิไลสะบัดหน้างอน ๆ ปุริมยิ้มมุมปาก เพิ่งจะเคยเห็นท่าทางแง่งอนของสาวเจ้า ปกติให้ทำอะไรก็ทำ ไม่เคยมีปากมีเสียง มาวันนี้กล
มื้อเช้าได้ตั้งสำรับทันเวลาพอดี ปุริมเดินผิวปากลงจากชั้นบนมายังห้องอาหาร ยังไม่ทันได้นั่งลงดี เสียงรถยนต์คันหรูดังขึ้น ปุริมทำหน้าเบื่อมอง ‘ธรรศ’ และ ‘ภพ’ เพื่อนสนิทที่เดินกอดคอเข้ามาในบ้านเขาแต่เช้า“มาทำไม?”“ข้าวต้มทะเล น่ากินว่ะ” คนมาใหม่ไม่ได้ตอบ ทว่ากลับสนใจอาหารแสนธรรมดาตรงหน้า ทั้งธรรศและภพทำราวกับข้าวต้มทะเลคืออาหารภัตตาคารจากเชฟดัง“ผมขอสักถ้วยได้ไหมครับน้องพิม” ธรรศทำเสียงหวานไม่พอ ยังทำตาเยิ้มจนปุริมอยากใช้ส้อมจิ้มลูกตาโปน ๆ นั่นเสียจริง“ผมด้วยนะครับ” ภพเอ่ยยิ้ม ๆ กับสาวใช้ที่ธรรศบอกว่าปุริมกำลังกินอยู่ พอหันไปมองไอ้สมภารที่แอบกินไก่วัด ปุริมตีหน้าขรึมแต่ภพรู้ว่าเพื่อนสนิทกำลังโกรธ“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณธรรศคุณภ
บทที่ 6 สถานะ ‘เมีย’ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในรถไม่มีใครเอ่ยปากสักคำจนกระทั่งถึงบ้าน พิมพิไลกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณปุริม ชายหนุ่มทำเพียงพยักหน้าแล้วเดินล้วงกระเป๋าเข้าไปในบ้าน ถึงห้องพิมพิไลก็ทิ้งร่างลงกับเตียงทันที ยกมือขึ้นกุมกลางอกที่มันยังคงเต้นระรัวไม่ต่างจากชั่วโมงที่แล้วที่ได้ยินคำนั้น ไม่รู้เหตุใดปุริมถึงได้โพล่งคำนั้นออกมา ใจดวงน้อยวูบไหว แก้มนวลแดงซ่าน กระดากอายแต่ก็ยอมรับว่าเธอนั้นรู้สึกดี พิมพิไลเผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าปุริมอาจมีความรู้สึกดี ๆ ต่อเธอที่มากกว่าคนในความลับ ผู้หญิงที่อยู่ในเรือนเบี้ยคอยปรนเปรอความใคร่ เธอสามารถเป็นมากกว่านั้นได้หรือไม่ พิมพิไลอยากรู้นัก ฟากปุริมเข
“แล้วนายยุ่งอะไรด้วยยศ แฟนหรือผัวก็ไม่ใช่” เจ้านายหนุ่มกระตุกยิ้มเอ่ยเสียงเย็น เอนกายกับโซฟาหนังหลุยส์พร้อมทั้งวาดขายาวออกไปเกือบโดนยศ ชายหนุ่มตวัดขาไขว่ห้าง เหลือบมองยศที่เคยเป็นลูกไล่เขามาตลอด หากบัดนี้กำลังกางปีกพร้อมปกป้องผู้หญิงที่เป็นของเขามาตั้งแต่ต้น ด้านยศก็ออกอาการหัวเสียไม่น้อย เขาสู้อุตส่าห์มาพูดกับปุริมดี ๆ เพราะอย่างไรก็คิดว่าเจ้านายหนุ่มคงยังหลงเหลือความดีอยู่บ้าง ทว่าไม่เลย “ผมไม่คิดว่าคุณปุมจะเป็นคนแบบนี้ การกระทำของคุณปุมมันเลวร้ายมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง” “ฉันไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี” ปุริมเหยียดกายขึ้นเต็มความสูง มองต่ำไปยังยศ แสยะยิ้มมุมปาก พร้อมตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ “อย่ายุ่งเรื่องของฉันจะดีกว่า” “แต่คุณปุมทำไม่ถูก ผมรู้นะว่าคุณปุมแค่เอาพิมไว้เป็นตัวแทนของคุณแพรน่ะ” ไหล่กว้างยักขึ้นไม่ยี่หระ ปรายตามองอีกครั้ง ทำนองว่าที่ยศพูดนั้นถูกต้องหมด “นายชอบพิมเขาหรือไงถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนขนาดนั้น ขนาดเจ้าตัวเขายังไม่พูดอะไรเลย” “คุณปุม!” ยศเริ่มโมโห เกลียดท่าทางยโสและไม่สนใจว่าใครจะเจ็บปวด
บทที่ 5 สถานะ ‘ผัว’ ทุกคนภายในบ้านต่างมีสีหน้าไม่ต่างกัน และจุดโฟกัสของดวงตาก็อยู่ที่ร่างบอบบางของแพรไหมอดีตคนรักของปุริม ซึ่งบัดนี้เจ้าหล่อนกำลังบีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดเอวปุริมแน่น พิมพิไลเหลือบมองเพียงนิด ก่อนเบี่ยงหน้าหลบเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตาคมเข้ม ใจดวงน้อยสั่นสะท้าน รู้สึกหึงหวงปุริมขึ้นมา จนต้องหลบฉากออกมาอยู่ด้านหลังป้าแสง ลุงยอดและยศ ในใจพะวักพะวนว่าปุริมจะให้อภัยแพรไหมและกลับมาคบกันดังเดิม “แพรขอโทษนะคะพี่ปุม แพรผิดไปแล้ว ให้อภัยแพรเถอะนะคะ” น้ำตาที่ร่วงหล่นอาบแก้มแพรไหม ไม่ได้ทำให้ปุริมรู้สึกสงสารแม้แต่น้อย ชายหนุ่มดึงแขนเล็กออกแล้วเหวี่ยงหล่อนออกห่างไปเกือบสองเมตร ดวงตาคมราวเหยี่ยวมองอดีตคู่รักด้วยสายตาดูแคลน ปุริมรู้ดีถึงสาเหตุที่เจ้าหล่อนปรากฏกายในครั้งนี้ คงไม่พ้นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ คนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทเขาเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เป็นคนหน้าใหญ่ ใจโต จ่ายไม่อั้น มีฐานะทางสังคมและการเงินดีกว่าปุริมอยู่หลายขุม อันมาจากธุรกิจสีเทาที่คนในตระกูลทำทั้งนั้น ปุริมเพิ่งเห็นข่าวเมื่อวานช่วงค่ำ ๆ เรื่องการบุกจับกุมเครือข่า