หลังจากนั้นปุริมก็กลับมานั่งทำงานตามเดิมจนเกือบใกล้ถึงเวลาตั้งโต๊ะอาหารค่ำ ชายหนุ่มเหยียดกายไล่ความเมื่อยขบ ไล่สายตามองไปยังสวนที่ยามนี้มีฝนโปรยปรายลงมาเบา ๆ ร่างสูงเดินออกไปรับกลิ่นไอดินและไอฝน มือใหญ่วาดไปเบื้องหน้า หยดน้ำหยดลง เบา ๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ได้สัมผัสจนเผลอผิวปาก หากฉับพลันสีหน้ากลับแปรเปลี่ยน คิ้วเข้มขมวดมุ่น เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะใส ๆ ดังลอยมาตามลม
ขายาว ๆ ก้าวไม่ถึงนาทีก็ถึงต้นเสียง ปุริมหรี่ตามองร่างชายหญิงสองคนที่หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มเพิ่งเคยเห็นพิมพิไลหัวเราะและยิ้มกว้างมากขนาดนี้ และความสนิทสนมของเธอและยศทำให้ปุริมรู้สึก ‘ไม่ชอบใจ’ เอาเสียเลย
ชายหนุ่มยืนมองทั้งสองพูดคุยหยอกล้ออยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่พิมพิไลจะรู้สึกถึงกระแสบางอย่างจากเบื้องหลัง หญิงสาวหันมองพบเจ้านายหนุ่มกำลังยืนหน้าเครียดขรึมอยู่ไม่ไกล ก้อนน้ำลายจุกอยู่บริเวณคอ ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ตาคมดูดุกร้าวจนใจสั่นกลัว พิมพิไลก้มหน้าลงคล้ายรู้ตัวว่าผิด แต่หากพิจารณาดี ๆ เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย แค่คุยหยอกล้อเล่นกับยศเท่านั้นเอง
“คุณปุมต้องการรับอะไรไหมครับ?” ยศมองสาวใช้รุ่นน้องที่เงียบลงก่อนเหล่มองไปตามสายตาของเจ้าหล่อน เขายิ้มให้เจ้านายและเอ่ยถามทันที เนื่องจากใกล้เวลาตั้งสำรับมื้อเย็นแล้ว ปุริมอาจหิว
“พอดีจะมาตามให้พิมไปดูผ้าปูเตียงให้หน่อย เหมือนมันจะมีแมลงอะไรอยู่ในนั้น” ปุริมบอกเสียงเรียบ หรี่ตามองร่างอ้อนแอ้นที่สะดุ้งเมื่อในประโยคมีชื่อของเธออยู่
“เอ่อ…ได้ค่ะคุณปุม” พิมพิไลพยักหน้ารัว เดินเร็ว ๆ ไปยังห้องนอนของเจ้านายหนุ่ม หญิงสาวสำรวจเตียงทุกซอกทุกมุมไม่มีสิ่งผิดปกติ หากมีสิ่งทำให้ชายหนุ่มระคายผิว เธอจะต้องรีบเปลี่ยน แต่…
“อ๊ะ!” แผ่นหลังเธอชนเข้ากับใครสักคน พอหันไปมองคือปุริมนั่นเอง ดวงตาคมมีกองไฟที่ลุกโชนจนพิมพิไลต้องหลบสายตา มือใหญ่เอื้อมมาจับแขนเธอ มันร้อนผ่าวจนพิมพิไลหลุบตาต่ำ
“เรื่องที่ให้จัดการทำหรือยัง?” คำถามของปุริมเรียกเลือดจากใบหน้านวล พิมพิไลเข้าใจในทันที เธอพยักหน้าเชื่องช้า ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความกระดากอาย หลังจากพาตนเองกลับมายังห้อง เธอไม่สามารถข่มตานอนได้เลยจนเกือบรุ่งเช้า รอเกือบ ๆ แปดโมงจึงอาศัยช่วงป้าแสงทำอาหารออกไปตลาดและซื้อยาคุมมากิน
“แบบฉุกเฉินหรือแบบปกติ” หน้าพิมพิไลแดงมากขึ้น ยังไม่กล้ามองหน้าคนถามเช่นเคย อ้อมแอ้มตอบเขาเสียงเบา
“บะ…แบบฉุกเฉินค่ะ”
“อืม…” ปุริมรับคำในลำคอแค่นั้น แล้วเงียบไปจนสุดท้ายพิมพิไลต้องแหงนหน้ามองเขา แต่พอสบกับดวงตาคมชวนเสน่หา เธอเองนี่แหละที่ต้องเป็นฝ่ายหลุบตาลง เพราะกลัวตนเองจะแหลกเป็นจุณหากมองลึกเข้าไปในดวงตาโชนแสงร้อนแรง แต่ปุริมไม่ปล่อยโอกาสให้พิมพิไลได้หลับตาเป็นครั้งที่สอง มือหนาเชยคางมนไว้
“ไม่ต้องกินแบบฉุกเฉิน” สิ่งที่ปุริมสั่งเรียกความสงสัยจากพิมพิไล หากเพียงเสี้ยวใจของเธอกลับเต้นโครมครามจนยากเกินควบคุม
“จากนี้กินแบบปกติ”
“คะ?!” ไม่ทันได้หายตกใจ ร่างทั้งร่างก็ถูกยกจนลอย ก่อนแผ่นหลังจะทาบลงยังเตียงใหญ่ที่เมื่อคืนพิมพิไลได้ลองนอนแล้ว จากนั้นเธอก็ไม่สามารถพูดหรือปฏิเสธได้อีก ลมหายใจถูกช่วงชิง ลิ้นอุ่นเกาะเกี่ยวพัวพันพาร่างกายร้อนวูบวาบ ไม่นานอาภรณ์ทุกชิ้นก็กองอยู่ข้างเตียง ก่อนปุริมจะฝากฝังเนื้อหนาของตนเองเข้าสู่ความอุ่นชื้น
“อ๊ะ! / อ่า!” สองเสียงประสานดังขึ้น ปุริมใบหน้าเหยเกส่งเสียงซี้ดซ้าดเมื่อไม่สามารถนำตัวตนเข้าไปได้มากกว่านี้ ชายหนุ่มประกบจูบมอบความร้อนรุ่ม ทั้งยังบีบเคล้นทรวงเต้าสะกิดยอดถันจนแข็งเป็นไต หวังให้ปากทางรักเปิดรับเขามากกว่านี้ เมื่อความอุ่นมีความชื้นและฉ่ำมากขึ้น สะโพกจึงเคลื่อนไหวเชื่องช้าก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแรงและเร็ว
สองแขนแกร่งดันผืนเตียงไว้ขณะมองร่างอ้อนแอ้นหัวสั่นหัวคลอนจากการโยกลำตัวของเขา ใบหน้านวลเห่อแดงลามไปทั่วลำคอและร่างกาย มีจุดแดงเกิดขึ้นบริเวณเนินอกและหน้าท้อง อันเกิดจากปากของเขาเอง ปุริมกระตุกยิ้ม ได้ตีตราจองสาวใช้ไว้ทั่วทุกอณู จากความคุกรุ่นไม่ชอบใจที่พิมพิไลพูดคุยหยอกล้อกับยศ บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็น ‘ชอบใจ’ แล้วได้เห็นและยินเสียงร้องครวญครางอย่างมีความสุข ปุริมกัดฟันเร่งเร้ารุกล้ำสะโพกหนักขึ้น ภายในพิมพิไลกระตุกถี่ ๆ รัดเนื้อแน่นของชายหนุ่มจนแทบหายใจไม่ออก ก่อนปุริมจะคำรามออกมาสุดเสียง ความสุขระเบิดพร่างพราย มุมปากยกยิ้มขจัดความไม่ชอบใจออกจนหมดสิ้นแล้ว
บทที่ 3 ในเรือนเบี้ยชุดเครื่องนอนถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่สาเหตุมาจากแมลงร้ายตัวใดหรอก หากเป็นมนุษย์ร่างใหญ่ที่กำลังเปลือยท่อนบนผูกปมผ้าขนหนูเอวท่อนล่าง ยืนสูบบุหรี่มองร่างอ้อนแอ้นทำการเปลี่ยนชุดเครื่องนอนใหม่ทั้งหมด หลังจากเหตุการณ์สวาทสิ้นสุดลง พิมพิไลทำอย่างคล่องแคล่วแม้จะเพิ่งผ่านเรื่องเสียแรงและเสียน้ำไปเมื่อครู่ หากเมื่อร่างอ้อนแอ้นหมายหอบชุดเครื่องนอนทั้งหมดเข้าอก หญิงสาวกลับซวนเซทำท่าจะล้ม ดีที่ได้ปุริมคว้าเอวไว้ก่อน มือใหญ่ร้อนผ่าวจนสาวร่างเล็กต้องเบี่ยงตัวหนี ใกล้ชิดเพียงเท่านี้เผลอไผลให้ใจเตลิดคิดเรื่องวาบหวามที่เพิ่งเกิดขึ้น“กินยาคุมด้วยล่ะ” ปุริมสั่ง สีหน้าและแววตายังคงเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก “รู้ใช่ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้น…” ปุริมเบี่ยงหน้ากลับมามองด้วยสายตาว่างเปล่าอีกครั้ง พิมพิไลสบตาคมหวังพบเจอความรู้สึกที่ทอสายใยมาให้เธอบ้าง ทว่ามันกลับไม่มีแม้แต่น้อย และที่ชายหนุ่มพูดเช่นนั้น ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าต้องจัดการเรื่องนี้อย่างไร ต้องอยู่อย่างไร้ปากและเสียง ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดพิมพิไลไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้านายหนุ่มเย็นชาได้ถึงเพียงนี้ สาวใช้เม้มปากแน่น พยักหน้าร
“คะ?” คำถามอะไรของเขา พิมพิไลไม่เข้าใจ ปุริมทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิด ผลักไหล่เล็กเข้ามาในห้อง เขาลงกลอนล็อกประตูอย่างดี “ที่มีน่ะหมดหรือยัง?” คราวนี้พิมพิไลรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร มือใหญ่เริ่มเคลื่อนไหว ลูบไล้เนื้อตัว หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ แล้วจากนั้นไฟสวาทก็เริ่มมอดไหม้ทั้งกายและใจของเธอ พิมพิไลถูกปุริมเข้ามาประชิดเป็นเนื้อเดียวกัน สัมผัสร้อนรุ่มพาเอาใจเตลิดเปิดเปิง หญิงสาวล่องลอยไปกับความสุขที่ถูกปรนเปรอ ก่อนจะถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินพร้อมกับเสียงคำรามข้างหูว่าปุริมได้ลุล่วงสำเร็จแล้ว สายธารอุ่นรินรดอยู่ภายในตัวเธอ พอเขาถอนกายออกมันก็ไหลบ่าออกมาจนเปื้อนผ้าปูที่นอน พิมพิไลจัดการกับร่อยรอยที่เหลือไว้ เหล่มองปุริมที่กำลังสวมเสื้อผ้ากลับไปตามเดิม “พรุ่งนี้สาย ๆ ฉันจะพาไปโรงพยาบาล” พิมพิไลไม่ได้ถามแม้สีหน้าจะเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่ได้ป่วย แล้วเหตุใด… “จะฉีดยาคุมหรือจะฝังก็เลือกเอา” นาทีนั้นลมหายใจสะดุด ไม่กล้าแม้แหงนหน้ามองอีกฝ่าย ปุริมคงไม่อยากมีภาระเพิ่มเติมอย่างที่เคยเอ่ยปาก และเขาเลือกวิธีที่จะทำให้ตัวเองสบายตัวและสบายใจที่
บทที่ 4 เมนูที่อยากกิน ธุระยามเช้าเสร็จสิ้นแล้ว พิมพิไลเลือกการฝังยาคุมกำเนิดแบบสามปีแทนการฉีดยาคุมทุกสามเดือน หมออธิบายว่าช่วงแรกเธออาจจะมีประจำเดือนอยู่และอาจจะมีมากเกินปกติไม่ต้องกังวลใจไป และหลังจากนั้นประจำเดือนจะมาปกติหรือบางคนอาจจะไม่มีประจำเดือนตลอดช่วงระยะเวลาฝังยาคุม ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล พิมพิไลนั่งฟังคุณหมออธิบายและกล่าวขอบคุณ ปุริมจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด และกำลังพาพิมพิไลไปยังสถานที่แห่งหนึ่งหญิงสาวได้รับเอกสารสำหรับเรียนมหาวิทยาลัยภาคพิเศษมาปึกใหญ่ เหล่มองคนข้างกายที่กำลังจดจ่ออยู่กับท้องถนน พิมพิไลใจเต้นด้วยความดีใจทันทีที่รู้ว่าเธอได้รับโอกาสได้เรียนอีกครั้ง “ปกติที่บ้านมีวันหยุดให้สองวันต่อสัปดาห์อยู่แล้ว เสาร์อาทิตย์เธอก็มาเรียนที่นี่แล้วกัน ไม่ไกลจากบ้าน” ปุริมว่าขณะยื่นเอกสารสมัครเรียนมาให้ จากนั้นพิมพิไลก็ถูกพาตัวไปยังห้องสตูดิโอ ถ่ายรูปยื่นใบสมัครเรียน ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เพียงแค่มีเงินก็บันดาลเรื่องที่ยากให้เป็นง่าย พิมพิไลได้รับบัตรนักศึกษาและจะเริ่มเรียนในวันเสาร์ที่จะถึงนี้“ขอบคุณมาก ๆ นะคะคุณปุม พิมดีใจมาก ๆ เลยค่ะ พิมไม่
“ทำไมทำตาขวางใส่กู?” ธรรศหนุ่มเพลย์บอย กระซิบเย้า ๆ ทั้งยังใช้ศอกกระทุ้งท้องปุริมอีก มองเพื่อนหนุ่มกับสาวใช้แล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล ปุริมแปลกไปจากครั้งก่อนที่เคยพบเจอ ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะทำใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว และคงได้รังใหม่ให้ได้กกกอดสร้างไออุ่น“ไม่ยักรู้ว่ามึงออกมาเดินห้างได้ด้วย” ธรรศรู้ว่าปุริมเป็นพวกเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เพื่อนคนนี้ไม่ชอบคนหมู่มาก ออกแนวขี้รำคาญ ชอบอยู่ตามลำพัง จะเข้าสังคมเฉพาะจำเป็นเท่านั้น ปุริมไม่ตอบ ธรรศจึงเลือกเบี่ยงสายตาไปที่สาวร่างอ้อนแอ้นที่ยืนกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ “มาซื้อของเหรอครับ?” “เอ่อ…ค่ะ คุณปุมใจดีซื้อพวกอุปกรณ์ไอทีไว้ให้พิมค่ะ เวลาเรียนจะได้สะดวก” ธรรศพยักหน้าหงึกหงักเหล่มองปุริมที่เอาแต่ยืนเงียบ พิมพิไลเป็นผู้ให้ความกระจ่างกับสิ่งที่สงสัยทั้งหมด เขาเอียงตัวกระซิบกระซาบกับเพื่อนในแก๊ง “เดี๋ยวนี้เป็นเสี่ยเหรอมึง ให้ทั้งการศึกษาและของใช้” คำตอบยังคงเป็นความเงียบ ธรรศนึกสนุกอยากแกล้งเพื่อนต่อ แต่มือถือเขามีสายเข้าเสียก่อนจึงโบกมือลาทั้งสอง แต่ไม่วายยักคิ้วหลิ่วตาให้คนที่ท
บทที่ 5 สถานะ ‘ผัว’ ทุกคนภายในบ้านต่างมีสีหน้าไม่ต่างกัน และจุดโฟกัสของดวงตาก็อยู่ที่ร่างบอบบางของแพรไหมอดีตคนรักของปุริม ซึ่งบัดนี้เจ้าหล่อนกำลังบีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดเอวปุริมแน่น พิมพิไลเหลือบมองเพียงนิด ก่อนเบี่ยงหน้าหลบเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตาคมเข้ม ใจดวงน้อยสั่นสะท้าน รู้สึกหึงหวงปุริมขึ้นมา จนต้องหลบฉากออกมาอยู่ด้านหลังป้าแสง ลุงยอดและยศ ในใจพะวักพะวนว่าปุริมจะให้อภัยแพรไหมและกลับมาคบกันดังเดิม “แพรขอโทษนะคะพี่ปุม แพรผิดไปแล้ว ให้อภัยแพรเถอะนะคะ” น้ำตาที่ร่วงหล่นอาบแก้มแพรไหม ไม่ได้ทำให้ปุริมรู้สึกสงสารแม้แต่น้อย ชายหนุ่มดึงแขนเล็กออกแล้วเหวี่ยงหล่อนออกห่างไปเกือบสองเมตร ดวงตาคมราวเหยี่ยวมองอดีตคู่รักด้วยสายตาดูแคลน ปุริมรู้ดีถึงสาเหตุที่เจ้าหล่อนปรากฏกายในครั้งนี้ คงไม่พ้นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ คนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทเขาเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เป็นคนหน้าใหญ่ ใจโต จ่ายไม่อั้น มีฐานะทางสังคมและการเงินดีกว่าปุริมอยู่หลายขุม อันมาจากธุรกิจสีเทาที่คนในตระกูลทำทั้งนั้น ปุริมเพิ่งเห็นข่าวเมื่อวานช่วงค่ำ ๆ เรื่องการบุกจับกุมเครือข่า
“แล้วนายยุ่งอะไรด้วยยศ แฟนหรือผัวก็ไม่ใช่” เจ้านายหนุ่มกระตุกยิ้มเอ่ยเสียงเย็น เอนกายกับโซฟาหนังหลุยส์พร้อมทั้งวาดขายาวออกไปเกือบโดนยศ ชายหนุ่มตวัดขาไขว่ห้าง เหลือบมองยศที่เคยเป็นลูกไล่เขามาตลอด หากบัดนี้กำลังกางปีกพร้อมปกป้องผู้หญิงที่เป็นของเขามาตั้งแต่ต้น ด้านยศก็ออกอาการหัวเสียไม่น้อย เขาสู้อุตส่าห์มาพูดกับปุริมดี ๆ เพราะอย่างไรก็คิดว่าเจ้านายหนุ่มคงยังหลงเหลือความดีอยู่บ้าง ทว่าไม่เลย “ผมไม่คิดว่าคุณปุมจะเป็นคนแบบนี้ การกระทำของคุณปุมมันเลวร้ายมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง” “ฉันไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี” ปุริมเหยียดกายขึ้นเต็มความสูง มองต่ำไปยังยศ แสยะยิ้มมุมปาก พร้อมตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ “อย่ายุ่งเรื่องของฉันจะดีกว่า” “แต่คุณปุมทำไม่ถูก ผมรู้นะว่าคุณปุมแค่เอาพิมไว้เป็นตัวแทนของคุณแพรน่ะ” ไหล่กว้างยักขึ้นไม่ยี่หระ ปรายตามองอีกครั้ง ทำนองว่าที่ยศพูดนั้นถูกต้องหมด “นายชอบพิมเขาหรือไงถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนขนาดนั้น ขนาดเจ้าตัวเขายังไม่พูดอะไรเลย” “คุณปุม!” ยศเริ่มโมโห เกลียดท่าทางยโสและไม่สนใจว่าใครจะเจ็บปวด
บทที่ 1 ไม่อยากมีภาระเพิ่มเติมเวลาเกือบสองนาฬิกา แสงไฟหน้ารถสาดเข้ามาภายในบ้านเรียกให้สาวใช้ร่างอ้อนแอ้นต้องกุลีกุจอวิ่งไปดู ประตูรถเปิดออกพร้อมกับคนร่างสูงใหญ่ที่มีอาการไม่สู้ดีนัก แข้งขาดูเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าเห่อแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ “พิมมาช่วยลุงประคองคุณปุมไปที่ห้องที” “จ้ะ ลุงยอด” ทั้งสองช่วยกันประคองร่างสูงใหญ่มาจนถึงห้องอย่างทุลักทุเล ด้วยชายหนุ่มสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เกือบล้มหน้าหงายตอนขึ้นบันไดหลายรอบ ทว่าก็พาเจ้านายหนุ่มมาส่งถึงเตียงได้ “เฮ้อ! เล่นเอาเหงื่อแตก” ลุงยอดปาดเหงื่อ ถอนหายใจเสียงดัง“ไม่น่าเชื่อว่าคุณปุมจะเมาได้ขนาดนี้เพราะผู้หญิงคนเดียว” คนฟังทำเพียงเหล่มองไปทางร่างสูงใหญ่ที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ หญิงสาวไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ แต่ในใจก็แอบสงสารเจ้านายหนุ่มมิใช่น้อย คุณปุม หรือ ปุริม เจ้านายหนุ่มวัยสามสิบห้าปี บิดาและมารดาเสียชีวิตตั้งแต่สิบปีก่อน เขาจึงใช้ชีวิตอยู่ลำพังจนกระทั่งเมื่อสามปีก่อนได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ความรักผลิบานจนเกือบได้แต่งงาน ทว่า…กลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน ปุริมจับได้ว่าหล่อนนอกกายและนอกใจมีความสัมพันธ์กับเพื
“คุณ..ปุ…ม” หมดสิทธิ์พูดอีกครั้ง ลมหายใจติดขัด ทั้งร่างกายยังบิดร่อนราวต้องของร้อน เพียงแค่ปลายนิ้วเรียวสะกิดสะเกาในจุดอ่อนไหว กายและใจพิมพิไลก็หลอมเหลวไร้เรี่ยวแรงต้านทาน ใบหน้าคมคายเลื่อนต่ำโดยใช้เพียงจมูกในการแตะต้องกายสาว ผ่านลาดไหล่ แวะหยอกเย้าทรวงเต้า ดูดกลืน บีบเคล้น สร้างอารมณ์หวามไหวให้แก่พิมพิไลที่ยามนี้ไร้สติไม่ต่างจากปุริม “แพร…สวยจัง” หากชื่อที่เจ้านายหนุ่มเอ่ยฉุดรั้งความรู้สึกของพิมพิไลตื่นขึ้น หญิงสาวผลักใบหน้าคมออกห่าง เขาซวนเซเพราะไม่ได้ตั้งตัว “พิมเองค่ะ ไม่ใช่คุณแพร” ร่างอ้อนแอ้นรีบลุกจากเตียง หากกลับโดนเกี่ยวเอวทุ่มลงเตียงอีกรอบ คราวนี้ปุริมเปลือยเปล่าไม่เหลืออาภรณ์ติดกายแล้ว มันจึงทำให้พิมพิไลรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังต้องการปลดปล่อย“อื้อ…คุณปุ…ม” ความปรารถนาของปุริมชัดเจนมากขึ้น เมื่อมันขยับขยายในพื้นที่ที่ไม่เคยมีใครเข้าไปแตะต้อง สิ่งนั้นวกวนอยู่ระหว่างกลาง สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้พิมพิไล หญิงสาวไม่เป็นตัวเอง คอยส่ายสะโพกเข้าหาสิ่งนั้นและต้องการมากกว่าที่ปุริมมอบให้ “อ๊ะ!” และเธอก็ได้สิ่งที่ต้องการเพียงแต่เป็นปลายนิ้วที่เข้ามาสำรวจความผุดผ่องชุ่มชื้นด้านใ