“ที่มีน่ะหมดหรือยัง?” คราวนี้พิมพิไลรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร มือใหญ่เริ่มเคลื่อนไหว ลูบไล้เนื้อตัว หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ แล้วจากนั้นไฟสวาทก็เริ่มมอดไหม้ทั้งกายและใจของเธอ พิมพิไลถูกปุริมเข้ามาประชิดเป็นเนื้อเดียวกัน สัมผัสร้อนรุ่มพาเอาใจเตลิดเปิดเปิง หญิงสาวล่องลอยไปกับความสุขที่ถูกปรนเปรอ ก่อนจะถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินพร้อมกับเสียงคำรามข้างหูว่าปุริมได้ลุล่วงสำเร็จแล้ว สายธารอุ่นรินรดอยู่ภายในตัวเธอ พอเขาถอนกายออกมันก็ไหลบ่าออกมาจนเปื้อนผ้าปูที่นอน พิมพิไลจัดการกับร่อยรอยที่เหลือไว้ เหล่มองปุริมที่กำลังสวมเสื้อผ้ากลับไปตามเดิม
“พรุ่งนี้สาย ๆ ฉันจะพาไปโรงพยาบาล” พิมพิไลไม่ได้ถามแม้สีหน้าจะเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่ได้ป่วย แล้วเหตุใด…
“จะฉีดยาคุมหรือจะฝังก็เลือกเอา” นาทีนั้นลมหายใจสะดุด ไม่กล้าแม้แหงนหน้ามองอีกฝ่าย ปุริมคงไม่อยากมีภาระเพิ่มเติมอย่างที่เคยเอ่ยปาก และเขาเลือกวิธีที่จะทำให้ตัวเองสบายตัวและสบายใจที่สุด พิมพิไลหมดทางเลือก อย่างไรต่อไปนี้ เธอเป็นของปุริมแล้ว ไร้ข้อโต้เถียง ได้แต่ทำตามคำสั่ง ด้วยเธอเองก็ไม่อยากให้ภาระเพิ่มเติมเกิดขึ้นเช่นกัน เธอคงไม่มีทั้งปัญญาและเงินจะเลี้ยงดูให้สิ่งที่เกิดมาได้มีชีวิตสุขสบาย
“ค่ะ คุณปุม”
“อืม…แล้วอีกอย่าง” มือใหญ่ของปุริมช้อนใบหน้านวลให้ขึ้นสบตา
“เธอเป็นของฉันแล้ว อย่าเที่ยวไปชม้ายชายตาให้ผู้ชายคนอื่น ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน เข้าใจไหม?” พิมพิไลไม่เคยทำดังคำกล่าวหานั้น วัน ๆ อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ผู้ชายที่พบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็เห็นจะเป็นลุงแสงกับพี่ยศ และวันนี้มีเพียงเพื่อน ๆ ของปุริมเท่านั้น
“ฉันถาม”
“ขะ…เข้าใจค่ะ”
“อืม ดี” ปุริมใส่กระดุมในรังเม็ดสุดท้าย ก่อนเปิดประตูเดินออกจากห้องไป โดยไม่สนใจคนที่เพิ่งมอบความสุขให้เขาแม้แต่นิด หยดน้ำตาไหลรินร่วงกระทบแก้มอีกครา น่าอดสูยิ่งนัก พิมพิไลได้แต่มองเศษซากผ้ายับยู่ยี่ที่แสดงถึงความหฤหรรษ์ระหว่างชายหญิง ปุริมแค่อยากและเธอคือผู้เติมสนอง เป็นได้เพียงแค่คนในเรือนเบี้ย รอให้ปุริมเข้ามาเชยชมเมื่อเขาปรารถนาเพียงเท่านั้น
ประตูห้องถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ร่างสูงใหญ่ของปุริม
“พี่ยศ!”
“พิม!” ทั้งคู่อยู่ในอาการตกใจ สีหน้าดูวิตกไม่ต่างกัน
“คุณปุม…เขา….เอ่อ…เขา…” ยศไล่สายตาไปยังเตียงนอนสลับกับมองหน้าพิมพิไล ยิ่งเห็นใบหน้ามีหยดน้ำตาเกาะอยู่ ใจยิ่งคิดไปไม่ดี
“คุณปุมเขาทำ…”
“ไม่จ้ะพี่ยศ” พิมพิไลส่ายหน้าจนผมปลิว
“คุณปุมไม่ได้ทำอะไรพิม” แม้เอ่ยไปเช่นนั้น หากก้อนน้ำลายกลับติดอยู่บริเวณคอจนรู้สึกจุกเสียด คล้ายจะอาเจียน
“แล้วทำไมคุณปุมถึง…” ยศมาทันเห็นปุริมเดินสะบัดชายเสื้อออกจากห้องรุ่นน้องสาว
“ถ้าคุณปุมทำอะไรพิมบอกพี่เลย ไม่ต้องกลัว พี่จะ…”
“คุณปุมไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ ค่ะ คุณปุมแค่มาเอาของเฉย ๆ” พิมพิไลคงไม่รู้ตัวว่าโกหกไม่เก่งเสียเลย ไอ้อาการหลบหน้าเบี่ยงตัวไปอีกด้านนั้นมันแสดงชัดเจน แต่ยศก็ไม่สามารถเค้นและคั้นอะไรออกจากปากหญิงสาวได้ ในเมื่อพิมพิไลบอกเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สัญชาตญาณของเขามันบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น ปุริมลืมของแล้วเข้ามาในห้องพิมพิไลยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ยศสับสนเหลือเกิน อยากช่วย แต่อีกฝ่ายกลับยืนกรานว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วเขาจะทำอะไรได้ นอกจากพยักหน้าหงึกหงักไปตามเรื่องแล้วเดินออกจากห้องของหญิงสาวไป
ยศได้แต่ยืนสงสัยอยู่หน้าห้อง คืนนั้นเขานอนไม่หลับด้วยห่วงสาวใช้รุ่นน้อง ถัดมาอีกวันก็ยิ่งเป็นกังวล เมื่อปุริมพาตัวพิมพิไลออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ไม่มีใครทราบว่าเจ้านายหนุ่มพาพิมพิไลไปไหน แม้กระทั่งแม่หรือพ่อของเขาก็ไม่สงสัย
“เอ็งจะอยากรู้เรื่องเจ้านายทำไมเจ้ายศ ไป! ไปช่วยพ่อตัดกิ่งไม้นู่นไป มันแซมขึ้นมาไม่สวยได้รูปเหมือนเดิมแล้ว” ยศจึงต้องทิ้งความสงสัยแล้วทำงานของตนเองต่อไป แต่อย่างไรเขาก็จะคอยดูแลระแวดระวังให้พิมพิไล ปุริมไม่ใช่คนช่างพูด และที่ผ่านมาเขานั้นเป็นเจ้านายที่ดีมาโดยตลอด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังเขาอา
บทที่ 4 เมนูที่อยากกิน ธุระยามเช้าเสร็จสิ้นแล้ว พิมพิไลเลือกการฝังยาคุมกำเนิดแบบสามปีแทนการฉีดยาคุมทุกสามเดือน หมออธิบายว่าช่วงแรกเธออาจจะมีประจำเดือนอยู่และอาจจะมีมากเกินปกติไม่ต้องกังวลใจไป และหลังจากนั้นประจำเดือนจะมาปกติหรือบางคนอาจจะไม่มีประจำเดือนตลอดช่วงระยะเวลาฝังยาคุม ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล พิมพิไลนั่งฟังคุณหมออธิบายและกล่าวขอบคุณ ปุริมจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด และกำลังพาพิมพิไลไปยังสถานที่แห่งหนึ่งหญิงสาวได้รับเอกสารสำหรับเรียนมหาวิทยาลัยภาคพิเศษมาปึกใหญ่ เหล่มองคนข้างกายที่กำลังจดจ่ออยู่กับท้องถนน พิมพิไลใจเต้นด้วยความดีใจทันทีที่รู้ว่าเธอได้รับโอกาสได้เรียนอีกครั้ง “ปกติที่บ้านมีวันหยุดให้สองวันต่อสัปดาห์อยู่แล้ว เสาร์อาทิตย์เธอก็มาเรียนที่นี่แล้วกัน ไม่ไกลจากบ้าน” ปุริมว่าขณะยื่นเอกสารสมัครเรียนมาให้ จากนั้นพิมพิไลก็ถูกพาตัวไปยังห้องสตูดิโอ ถ่ายรูปยื่นใบสมัครเรียน ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เพียงแค่มีเงินก็บันดาลเรื่องที่ยากให้เป็นง่าย พิมพิไลได้รับบัตรนักศึกษาและจะเริ่มเรียนในวันเสาร์ที่จะถึงนี้“ขอบคุณมาก ๆ นะคะคุณปุม พิมดีใจมาก ๆ เลยค่ะ พิมไม่
“ทำไมทำตาขวางใส่กู?” ธรรศหนุ่มเพลย์บอย กระซิบเย้า ๆ ทั้งยังใช้ศอกกระทุ้งท้องปุริมอีก มองเพื่อนหนุ่มกับสาวใช้แล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล ปุริมแปลกไปจากครั้งก่อนที่เคยพบเจอ ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะทำใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว และคงได้รังใหม่ให้ได้กกกอดสร้างไออุ่น“ไม่ยักรู้ว่ามึงออกมาเดินห้างได้ด้วย” ธรรศรู้ว่าปุริมเป็นพวกเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เพื่อนคนนี้ไม่ชอบคนหมู่มาก ออกแนวขี้รำคาญ ชอบอยู่ตามลำพัง จะเข้าสังคมเฉพาะจำเป็นเท่านั้น ปุริมไม่ตอบ ธรรศจึงเลือกเบี่ยงสายตาไปที่สาวร่างอ้อนแอ้นที่ยืนกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ “มาซื้อของเหรอครับ?” “เอ่อ…ค่ะ คุณปุมใจดีซื้อพวกอุปกรณ์ไอทีไว้ให้พิมค่ะ เวลาเรียนจะได้สะดวก” ธรรศพยักหน้าหงึกหงักเหล่มองปุริมที่เอาแต่ยืนเงียบ พิมพิไลเป็นผู้ให้ความกระจ่างกับสิ่งที่สงสัยทั้งหมด เขาเอียงตัวกระซิบกระซาบกับเพื่อนในแก๊ง “เดี๋ยวนี้เป็นเสี่ยเหรอมึง ให้ทั้งการศึกษาและของใช้” คำตอบยังคงเป็นความเงียบ ธรรศนึกสนุกอยากแกล้งเพื่อนต่อ แต่มือถือเขามีสายเข้าเสียก่อนจึงโบกมือลาทั้งสอง แต่ไม่วายยักคิ้วหลิ่วตาให้คนที่ท
บทที่ 5 สถานะ ‘ผัว’ ทุกคนภายในบ้านต่างมีสีหน้าไม่ต่างกัน และจุดโฟกัสของดวงตาก็อยู่ที่ร่างบอบบางของแพรไหมอดีตคนรักของปุริม ซึ่งบัดนี้เจ้าหล่อนกำลังบีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดเอวปุริมแน่น พิมพิไลเหลือบมองเพียงนิด ก่อนเบี่ยงหน้าหลบเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตาคมเข้ม ใจดวงน้อยสั่นสะท้าน รู้สึกหึงหวงปุริมขึ้นมา จนต้องหลบฉากออกมาอยู่ด้านหลังป้าแสง ลุงยอดและยศ ในใจพะวักพะวนว่าปุริมจะให้อภัยแพรไหมและกลับมาคบกันดังเดิม “แพรขอโทษนะคะพี่ปุม แพรผิดไปแล้ว ให้อภัยแพรเถอะนะคะ” น้ำตาที่ร่วงหล่นอาบแก้มแพรไหม ไม่ได้ทำให้ปุริมรู้สึกสงสารแม้แต่น้อย ชายหนุ่มดึงแขนเล็กออกแล้วเหวี่ยงหล่อนออกห่างไปเกือบสองเมตร ดวงตาคมราวเหยี่ยวมองอดีตคู่รักด้วยสายตาดูแคลน ปุริมรู้ดีถึงสาเหตุที่เจ้าหล่อนปรากฏกายในครั้งนี้ คงไม่พ้นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ คนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทเขาเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เป็นคนหน้าใหญ่ ใจโต จ่ายไม่อั้น มีฐานะทางสังคมและการเงินดีกว่าปุริมอยู่หลายขุม อันมาจากธุรกิจสีเทาที่คนในตระกูลทำทั้งนั้น ปุริมเพิ่งเห็นข่าวเมื่อวานช่วงค่ำ ๆ เรื่องการบุกจับกุมเครือข่า
“แล้วนายยุ่งอะไรด้วยยศ แฟนหรือผัวก็ไม่ใช่” เจ้านายหนุ่มกระตุกยิ้มเอ่ยเสียงเย็น เอนกายกับโซฟาหนังหลุยส์พร้อมทั้งวาดขายาวออกไปเกือบโดนยศ ชายหนุ่มตวัดขาไขว่ห้าง เหลือบมองยศที่เคยเป็นลูกไล่เขามาตลอด หากบัดนี้กำลังกางปีกพร้อมปกป้องผู้หญิงที่เป็นของเขามาตั้งแต่ต้น ด้านยศก็ออกอาการหัวเสียไม่น้อย เขาสู้อุตส่าห์มาพูดกับปุริมดี ๆ เพราะอย่างไรก็คิดว่าเจ้านายหนุ่มคงยังหลงเหลือความดีอยู่บ้าง ทว่าไม่เลย “ผมไม่คิดว่าคุณปุมจะเป็นคนแบบนี้ การกระทำของคุณปุมมันเลวร้ายมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง” “ฉันไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี” ปุริมเหยียดกายขึ้นเต็มความสูง มองต่ำไปยังยศ แสยะยิ้มมุมปาก พร้อมตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ “อย่ายุ่งเรื่องของฉันจะดีกว่า” “แต่คุณปุมทำไม่ถูก ผมรู้นะว่าคุณปุมแค่เอาพิมไว้เป็นตัวแทนของคุณแพรน่ะ” ไหล่กว้างยักขึ้นไม่ยี่หระ ปรายตามองอีกครั้ง ทำนองว่าที่ยศพูดนั้นถูกต้องหมด “นายชอบพิมเขาหรือไงถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนขนาดนั้น ขนาดเจ้าตัวเขายังไม่พูดอะไรเลย” “คุณปุม!” ยศเริ่มโมโห เกลียดท่าทางยโสและไม่สนใจว่าใครจะเจ็บปวด
บทที่ 1 ไม่อยากมีภาระเพิ่มเติมเวลาเกือบสองนาฬิกา แสงไฟหน้ารถสาดเข้ามาภายในบ้านเรียกให้สาวใช้ร่างอ้อนแอ้นต้องกุลีกุจอวิ่งไปดู ประตูรถเปิดออกพร้อมกับคนร่างสูงใหญ่ที่มีอาการไม่สู้ดีนัก แข้งขาดูเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าเห่อแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ “พิมมาช่วยลุงประคองคุณปุมไปที่ห้องที” “จ้ะ ลุงยอด” ทั้งสองช่วยกันประคองร่างสูงใหญ่มาจนถึงห้องอย่างทุลักทุเล ด้วยชายหนุ่มสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เกือบล้มหน้าหงายตอนขึ้นบันไดหลายรอบ ทว่าก็พาเจ้านายหนุ่มมาส่งถึงเตียงได้ “เฮ้อ! เล่นเอาเหงื่อแตก” ลุงยอดปาดเหงื่อ ถอนหายใจเสียงดัง“ไม่น่าเชื่อว่าคุณปุมจะเมาได้ขนาดนี้เพราะผู้หญิงคนเดียว” คนฟังทำเพียงเหล่มองไปทางร่างสูงใหญ่ที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ หญิงสาวไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ แต่ในใจก็แอบสงสารเจ้านายหนุ่มมิใช่น้อย คุณปุม หรือ ปุริม เจ้านายหนุ่มวัยสามสิบห้าปี บิดาและมารดาเสียชีวิตตั้งแต่สิบปีก่อน เขาจึงใช้ชีวิตอยู่ลำพังจนกระทั่งเมื่อสามปีก่อนได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ความรักผลิบานจนเกือบได้แต่งงาน ทว่า…กลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน ปุริมจับได้ว่าหล่อนนอกกายและนอกใจมีความสัมพันธ์กับเพื
“คุณ..ปุ…ม” หมดสิทธิ์พูดอีกครั้ง ลมหายใจติดขัด ทั้งร่างกายยังบิดร่อนราวต้องของร้อน เพียงแค่ปลายนิ้วเรียวสะกิดสะเกาในจุดอ่อนไหว กายและใจพิมพิไลก็หลอมเหลวไร้เรี่ยวแรงต้านทาน ใบหน้าคมคายเลื่อนต่ำโดยใช้เพียงจมูกในการแตะต้องกายสาว ผ่านลาดไหล่ แวะหยอกเย้าทรวงเต้า ดูดกลืน บีบเคล้น สร้างอารมณ์หวามไหวให้แก่พิมพิไลที่ยามนี้ไร้สติไม่ต่างจากปุริม “แพร…สวยจัง” หากชื่อที่เจ้านายหนุ่มเอ่ยฉุดรั้งความรู้สึกของพิมพิไลตื่นขึ้น หญิงสาวผลักใบหน้าคมออกห่าง เขาซวนเซเพราะไม่ได้ตั้งตัว “พิมเองค่ะ ไม่ใช่คุณแพร” ร่างอ้อนแอ้นรีบลุกจากเตียง หากกลับโดนเกี่ยวเอวทุ่มลงเตียงอีกรอบ คราวนี้ปุริมเปลือยเปล่าไม่เหลืออาภรณ์ติดกายแล้ว มันจึงทำให้พิมพิไลรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังต้องการปลดปล่อย“อื้อ…คุณปุ…ม” ความปรารถนาของปุริมชัดเจนมากขึ้น เมื่อมันขยับขยายในพื้นที่ที่ไม่เคยมีใครเข้าไปแตะต้อง สิ่งนั้นวกวนอยู่ระหว่างกลาง สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้พิมพิไล หญิงสาวไม่เป็นตัวเอง คอยส่ายสะโพกเข้าหาสิ่งนั้นและต้องการมากกว่าที่ปุริมมอบให้ “อ๊ะ!” และเธอก็ได้สิ่งที่ต้องการเพียงแต่เป็นปลายนิ้วที่เข้ามาสำรวจความผุดผ่องชุ่มชื้นด้านใ
บทที่ 2 ไม่ชอบใจ หลังจากพ้นร่างสาวใช้อย่างพิมพิไลไปแล้ว ปุริมทิ้งไหล่ลง ทอดถอนหายใจกับความไร้สติของตนเองจนเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น แม้ช่วงที่ได้ลิ้มรสความหวานจากกายสาว เขาจะรู้ตัวก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอยู่ดี แต่ยามนั้นต่อให้เอาช้างมาฉุดก็หยุดเขาไม่ได้ ปุริมพาร่างสูงใหญ่ของตนเองลงไปแช่น้ำอุ่นให้คลายอาการเมื่อยขบจากเพลิงสวาทที่เพิ่งสาดใส่สาวใช้ไปเมื่อครู่ ทั้งยังหวังดับความร้อนรุ่มในกายที่มันยังปะทุอยู่ แม้ได้รับการปลดปล่อยแล้วก็ตาม ต้องยอมรับว่าปุริมไม่เคยมองพิมพิไลเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเลยแม้สักครั้ง เขาเห็นเธอเป็นน้องสาวด้วยซ้ำ มีความเอ็นดูตั้งแต่มิสเตอร์พอลและภรรยาฝากฝังไว้ให้มาทำงานบ้าน หลังจากสองสามีภรรยาต้องกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตนเองโดยไม่สามารถพาสาวใช้แสนซื่อสัตย์คนนี้ไปอยู่ด้วยได้ ปุริมยังจำครั้งแรกที่พบกันได้ พิมพิไลเอาแต่ก้มหน้านั่งพับเพียบข้างเก้าอี้หนังฝรั่งเศส ขณะมิสเตอร์พอลพูดคุยกับเขา เจียมเนื้อเจียมตัวจนเขาเอ็นดู ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างเสียหน่อย บอกให้นั่งบนเก้าอี้ก็ไม่ทำ “เธอชื่ออะไรนะ?”“เอ่อ…หนูชื่อพิมค่ะคุณท่าน” สาวเจ้าอ้อมแอ้มเอ่ยปาก มิหน
หลังจากนั้นปุริมก็กลับมานั่งทำงานตามเดิมจนเกือบใกล้ถึงเวลาตั้งโต๊ะอาหารค่ำ ชายหนุ่มเหยียดกายไล่ความเมื่อยขบ ไล่สายตามองไปยังสวนที่ยามนี้มีฝนโปรยปรายลงมาเบา ๆ ร่างสูงเดินออกไปรับกลิ่นไอดินและไอฝน มือใหญ่วาดไปเบื้องหน้า หยดน้ำหยดลง เบา ๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ได้สัมผัสจนเผลอผิวปาก หากฉับพลันสีหน้ากลับแปรเปลี่ยน คิ้วเข้มขมวดมุ่น เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะใส ๆ ดังลอยมาตามลม ขายาว ๆ ก้าวไม่ถึงนาทีก็ถึงต้นเสียง ปุริมหรี่ตามองร่างชายหญิงสองคนที่หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มเพิ่งเคยเห็นพิมพิไลหัวเราะและยิ้มกว้างมากขนาดนี้ และความสนิทสนมของเธอและยศทำให้ปุริมรู้สึก ‘ไม่ชอบใจ’ เอาเสียเลย ชายหนุ่มยืนมองทั้งสองพูดคุยหยอกล้ออยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่พิมพิไลจะรู้สึกถึงกระแสบางอย่างจากเบื้องหลัง หญิงสาวหันมองพบเจ้านายหนุ่มกำลังยืนหน้าเครียดขรึมอยู่ไม่ไกล ก้อนน้ำลายจุกอยู่บริเวณคอ ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ตาคมดูดุกร้าวจนใจสั่นกลัว พิมพิไลก้มหน้าลงคล้ายรู้ตัวว่าผิด แต่หากพิจารณาดี ๆ เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย แค่คุยหยอกล้อเล่นกับยศเท่านั้นเอง“คุณปุมต้องการรับอะไรไหมครับ?” ยศมองสาวใช้รุ่นน้