หลังจากพ้นร่างสาวใช้อย่างพิมพิไลไปแล้ว ปุริมทิ้งไหล่ลง ทอดถอนหายใจกับความไร้สติของตนเองจนเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น แม้ช่วงที่ได้ลิ้มรสความหวานจากกายสาว เขาจะรู้ตัวก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอยู่ดี แต่ยามนั้นต่อให้เอาช้างมาฉุดก็หยุดเขาไม่ได้ ปุริมพาร่างสูงใหญ่ของตนเองลงไปแช่น้ำอุ่นให้คลายอาการเมื่อยขบจากเพลิงสวาทที่เพิ่งสาดใส่สาวใช้ไปเมื่อครู่ ทั้งยังหวังดับความร้อนรุ่มในกายที่มันยังปะทุอยู่ แม้ได้รับการปลดปล่อยแล้วก็ตาม
ต้องยอมรับว่าปุริมไม่เคยมองพิมพิไลเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเลยแม้สักครั้ง เขาเห็นเธอเป็นน้องสาวด้วยซ้ำ มีความเอ็นดูตั้งแต่มิสเตอร์พอลและภรรยาฝากฝังไว้ให้มาทำงานบ้าน หลังจากสองสามีภรรยาต้องกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตนเองโดยไม่สามารถพาสาวใช้แสนซื่อสัตย์คนนี้ไปอยู่ด้วยได้ ปุริมยังจำครั้งแรกที่พบกันได้ พิมพิไลเอาแต่ก้มหน้านั่งพับเพียบข้างเก้าอี้หนังฝรั่งเศส ขณะมิสเตอร์พอลพูดคุยกับเขา เจียมเนื้อเจียมตัวจนเขาเอ็นดู ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างเสียหน่อย บอกให้นั่งบนเก้าอี้ก็ไม่ทำ
“เธอชื่ออะไรนะ?”
“เอ่อ…หนูชื่อพิมค่ะคุณท่าน” สาวเจ้าอ้อมแอ้มเอ่ยปาก มิหนำซ้ำยังใช้สรรพนามเรียกขานปุริมจนคิดว่าตนเองอายุราวหกสิบก็ไม่ปาน ปุริมยิ้มขัน
“เงยหน้าเถอะ เมื่อยคอแย่แล้ว” นั่นแหละเขาถึงได้เห็นดวงหน้าหวาน ดวงตากลมโตที่ยังคงฉายแววกังวลอยู่ไม่น้อย
“นับจากนี้มาทำงานที่บ้านนี้นะ”
“จริงเหรอคะ?!” พิมพิไลปิดความดีใจไว้ไม่มิด ดวงตาราวกระต่ายน้อยสุขสกาวแวววับ
“ขอบคุณค่ะคุณท่าน! ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวไหว้ปลก ๆ จนปุริมต้องโบกมือให้หยุด
“ฉันชื่อปุริม เรียกคุณปุมแบบคนอื่นก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณท่านหรอก ฟังแล้วรู้สึกแก่พิกล” ปุริมส่งยิ้มให้สาวใช้คนใหม่ในบ้านของตนเอง และหลังจากนั้นพิมพิไลก็เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้าน โดยเธอทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งแม่บ้านดูแลห้องหับเสื้อผ้าเขาให้หอมฉุยอยู่ทุกวัน อาหารการกินแต่ละมื้อก็เรียกว่าถูกปากจนเขาติดกินฝีมือของพิมพิไลไปแล้ว
ปุริมถอนหายใจอีกครั้ง นึกโทษตัวเองที่เมามายจนขาดสติ เพ้อพกคิดถึงอดีตคนรักที่หักหลังทำร้ายเขาได้เจ็บแสบ เขารู้สึกเหมือนคนโง่ที่ปล่อยให้หล่อนและเพื่อนสนิทสวมเขา เพราะไอ้อีสองคนนั้นแท้ ๆ ถึงทำให้เขาข้ามเส้นเจ้านายและลูกน้องจนเผลอไผลเกลือกกลิ้งตัวตนเข้าหาพิมพิไลจนหมดสิ้น
ช่วงสาย ๆ ของวันปุริมเดินลงมากินอาหารหลังจากที่เมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับ เพิ่งจะมาหลับเอาตอนเกือบย่ำรุ่งเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตาคมมองไปยังป้าแสงแม่บ้านเก่าแก่ที่กำลังจัดโต๊ะอาหารให้เขาอยู่ ซึ่งอันที่จริงหน้าที่นี้ส่วนมากจะเป็นพิมพิไลที่จัดการ
“พิมมันบอกว่าไม่ค่อยสบาย วันนี้อยากพัก ป้าเลยมาจัดการแทนมันน่ะค่ะ” เขาไม่ได้ถาม แต่ป้าแสงเอ่ยปากแจ้งก่อน ปุริมทำเพียงพยักหน้าแล้วจัดการอาหารตรงหน้า ก่อนจะเดินไปยังโถงเพื่อนั่งทำงาน วันนี้เขาไม่ได้เข้าออฟฟิศเลือกเวิร์กฟอร์มโฮมแทน ชายหนุ่มนั่งทำงานจนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบบ่ายสามโมง เงยหน้ามาอีกครั้งก็เห็นรถยนต์สีดำจอดอยู่ข้างสวน จะว่าเป็นแขกของเขาป้าแสงต้องมาแจ้งเขาให้รับรู้แล้ว ปุริมเหยียดกายเต็มความสูง ขมวดคิ้วมองรถยนต์พลางส่ายสายตาไปทั่ว กำลังจะเดินออกไปดู ทว่าป้าแสงเดินมาเสียก่อน
“นั่นรถใครครับ?”
“อ๋อ เจ้ายศมาเยี่ยมป้ากับลุงยอดค่ะ กำลังเอาของไปเก็บ ประเดี๋ยวก็คงมาที่ตึกใหญ่ค่ะ” ปุริมครางในลำคอ ‘ยศ’ คือบุตรชายของป้าแสงและลุงยอด เป็นรุ่นน้องเขาอยู่หลายปี สนิทสนมกันเป็นอย่างดี เนื่องจากยศเป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ยศจบมหาวิทยาลัยจึงย้ายออกไปใช้ชีวิตข้างนอกกับแฟนสาวที่คบหาดูใจกันมาหลายปี
“อ้าว นั่นไง มาพอดีเลยค่ะ” ปุริมมองผ่านไหล่ป้าแสง เขาส่งยิ้มให้ผู้มาใหม่
“สวัสดีครับคุณปุม” ยศไหว้ทำความเคารพเจ้านายนอบน้อมอย่างเคย ปุริมตบไหล่อีกฝ่าย จากนั้นก็ชวนยศมานั่งคุยสัพเพเหระ ทั้งเรื่องงานและชีวิตช่วงที่ผ่านมา
“มาเยี่ยมพ่อแม่รอบนี้จะมาแจกการ์ดพี่ด้วยหรือเปล่า?” กับยศ ปุริมไม่เคยถือว่าตนเองเป็นเจ้านาย เขาให้ความเสมอตนกับอีกฝ่ายเสมอ เอ็นดูเป็นน้องชายอีกคนด้วยซ้ำ
“เอ่อ…เปล่าหรอกครับ” คิ้วเข้มของคนถามเลิกขึ้น จากสีหน้าและท่าทางของยศ เขาดูอึดอัดจะพูดเรื่องที่ปุริมถาม
“ผมกับแฟนเลิกกันแล้วครับคุณปุม ก็เลยว่าจะขอมาอาศัยอยู่ที่นี่สักระยะช่วงที่หาหอพักใหม่” ปุริมถอนหายใจทันทีที่ได้ยิน ตบไหล่เบา ๆ มองด้วยความเข้าใจและอนุญาตให้ยศอยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่ต้องการ
“ยังไงก็คนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ตามสบายเถอะ”
“ขอบคุณมากนะครับคุณปุม”
“อืม”
หลังจากนั้นปุริมก็กลับมานั่งทำงานตามเดิมจนเกือบใกล้ถึงเวลาตั้งโต๊ะอาหารค่ำ ชายหนุ่มเหยียดกายไล่ความเมื่อยขบ ไล่สายตามองไปยังสวนที่ยามนี้มีฝนโปรยปรายลงมาเบา ๆ ร่างสูงเดินออกไปรับกลิ่นไอดินและไอฝน มือใหญ่วาดไปเบื้องหน้า หยดน้ำหยดลง เบา ๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ได้สัมผัสจนเผลอผิวปาก หากฉับพลันสีหน้ากลับแปรเปลี่ยน คิ้วเข้มขมวดมุ่น เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะใส ๆ ดังลอยมาตามลม ขายาว ๆ ก้าวไม่ถึงนาทีก็ถึงต้นเสียง ปุริมหรี่ตามองร่างชายหญิงสองคนที่หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มเพิ่งเคยเห็นพิมพิไลหัวเราะและยิ้มกว้างมากขนาดนี้ และความสนิทสนมของเธอและยศทำให้ปุริมรู้สึก ‘ไม่ชอบใจ’ เอาเสียเลย ชายหนุ่มยืนมองทั้งสองพูดคุยหยอกล้ออยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่พิมพิไลจะรู้สึกถึงกระแสบางอย่างจากเบื้องหลัง หญิงสาวหันมองพบเจ้านายหนุ่มกำลังยืนหน้าเครียดขรึมอยู่ไม่ไกล ก้อนน้ำลายจุกอยู่บริเวณคอ ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ตาคมดูดุกร้าวจนใจสั่นกลัว พิมพิไลก้มหน้าลงคล้ายรู้ตัวว่าผิด แต่หากพิจารณาดี ๆ เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย แค่คุยหยอกล้อเล่นกับยศเท่านั้นเอง“คุณปุมต้องการรับอะไรไหมครับ?” ยศมองสาวใช้รุ่นน้
บทที่ 3 ในเรือนเบี้ยชุดเครื่องนอนถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่สาเหตุมาจากแมลงร้ายตัวใดหรอก หากเป็นมนุษย์ร่างใหญ่ที่กำลังเปลือยท่อนบนผูกปมผ้าขนหนูเอวท่อนล่าง ยืนสูบบุหรี่มองร่างอ้อนแอ้นทำการเปลี่ยนชุดเครื่องนอนใหม่ทั้งหมด หลังจากเหตุการณ์สวาทสิ้นสุดลง พิมพิไลทำอย่างคล่องแคล่วแม้จะเพิ่งผ่านเรื่องเสียแรงและเสียน้ำไปเมื่อครู่ หากเมื่อร่างอ้อนแอ้นหมายหอบชุดเครื่องนอนทั้งหมดเข้าอก หญิงสาวกลับซวนเซทำท่าจะล้ม ดีที่ได้ปุริมคว้าเอวไว้ก่อน มือใหญ่ร้อนผ่าวจนสาวร่างเล็กต้องเบี่ยงตัวหนี ใกล้ชิดเพียงเท่านี้เผลอไผลให้ใจเตลิดคิดเรื่องวาบหวามที่เพิ่งเกิดขึ้น“กินยาคุมด้วยล่ะ” ปุริมสั่ง สีหน้าและแววตายังคงเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก “รู้ใช่ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้น…” ปุริมเบี่ยงหน้ากลับมามองด้วยสายตาว่างเปล่าอีกครั้ง พิมพิไลสบตาคมหวังพบเจอความรู้สึกที่ทอสายใยมาให้เธอบ้าง ทว่ามันกลับไม่มีแม้แต่น้อย และที่ชายหนุ่มพูดเช่นนั้น ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าต้องจัดการเรื่องนี้อย่างไร ต้องอยู่อย่างไร้ปากและเสียง ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดพิมพิไลไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้านายหนุ่มเย็นชาได้ถึงเพียงนี้ สาวใช้เม้มปากแน่น พยักหน้าร
“คะ?” คำถามอะไรของเขา พิมพิไลไม่เข้าใจ ปุริมทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิด ผลักไหล่เล็กเข้ามาในห้อง เขาลงกลอนล็อกประตูอย่างดี “ที่มีน่ะหมดหรือยัง?” คราวนี้พิมพิไลรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร มือใหญ่เริ่มเคลื่อนไหว ลูบไล้เนื้อตัว หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ แล้วจากนั้นไฟสวาทก็เริ่มมอดไหม้ทั้งกายและใจของเธอ พิมพิไลถูกปุริมเข้ามาประชิดเป็นเนื้อเดียวกัน สัมผัสร้อนรุ่มพาเอาใจเตลิดเปิดเปิง หญิงสาวล่องลอยไปกับความสุขที่ถูกปรนเปรอ ก่อนจะถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินพร้อมกับเสียงคำรามข้างหูว่าปุริมได้ลุล่วงสำเร็จแล้ว สายธารอุ่นรินรดอยู่ภายในตัวเธอ พอเขาถอนกายออกมันก็ไหลบ่าออกมาจนเปื้อนผ้าปูที่นอน พิมพิไลจัดการกับร่อยรอยที่เหลือไว้ เหล่มองปุริมที่กำลังสวมเสื้อผ้ากลับไปตามเดิม “พรุ่งนี้สาย ๆ ฉันจะพาไปโรงพยาบาล” พิมพิไลไม่ได้ถามแม้สีหน้าจะเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่ได้ป่วย แล้วเหตุใด… “จะฉีดยาคุมหรือจะฝังก็เลือกเอา” นาทีนั้นลมหายใจสะดุด ไม่กล้าแม้แหงนหน้ามองอีกฝ่าย ปุริมคงไม่อยากมีภาระเพิ่มเติมอย่างที่เคยเอ่ยปาก และเขาเลือกวิธีที่จะทำให้ตัวเองสบายตัวและสบายใจที่
บทที่ 4 เมนูที่อยากกิน ธุระยามเช้าเสร็จสิ้นแล้ว พิมพิไลเลือกการฝังยาคุมกำเนิดแบบสามปีแทนการฉีดยาคุมทุกสามเดือน หมออธิบายว่าช่วงแรกเธออาจจะมีประจำเดือนอยู่และอาจจะมีมากเกินปกติไม่ต้องกังวลใจไป และหลังจากนั้นประจำเดือนจะมาปกติหรือบางคนอาจจะไม่มีประจำเดือนตลอดช่วงระยะเวลาฝังยาคุม ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล พิมพิไลนั่งฟังคุณหมออธิบายและกล่าวขอบคุณ ปุริมจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด และกำลังพาพิมพิไลไปยังสถานที่แห่งหนึ่งหญิงสาวได้รับเอกสารสำหรับเรียนมหาวิทยาลัยภาคพิเศษมาปึกใหญ่ เหล่มองคนข้างกายที่กำลังจดจ่ออยู่กับท้องถนน พิมพิไลใจเต้นด้วยความดีใจทันทีที่รู้ว่าเธอได้รับโอกาสได้เรียนอีกครั้ง “ปกติที่บ้านมีวันหยุดให้สองวันต่อสัปดาห์อยู่แล้ว เสาร์อาทิตย์เธอก็มาเรียนที่นี่แล้วกัน ไม่ไกลจากบ้าน” ปุริมว่าขณะยื่นเอกสารสมัครเรียนมาให้ จากนั้นพิมพิไลก็ถูกพาตัวไปยังห้องสตูดิโอ ถ่ายรูปยื่นใบสมัครเรียน ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เพียงแค่มีเงินก็บันดาลเรื่องที่ยากให้เป็นง่าย พิมพิไลได้รับบัตรนักศึกษาและจะเริ่มเรียนในวันเสาร์ที่จะถึงนี้“ขอบคุณมาก ๆ นะคะคุณปุม พิมดีใจมาก ๆ เลยค่ะ พิมไม่
“ทำไมทำตาขวางใส่กู?” ธรรศหนุ่มเพลย์บอย กระซิบเย้า ๆ ทั้งยังใช้ศอกกระทุ้งท้องปุริมอีก มองเพื่อนหนุ่มกับสาวใช้แล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล ปุริมแปลกไปจากครั้งก่อนที่เคยพบเจอ ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะทำใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว และคงได้รังใหม่ให้ได้กกกอดสร้างไออุ่น“ไม่ยักรู้ว่ามึงออกมาเดินห้างได้ด้วย” ธรรศรู้ว่าปุริมเป็นพวกเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เพื่อนคนนี้ไม่ชอบคนหมู่มาก ออกแนวขี้รำคาญ ชอบอยู่ตามลำพัง จะเข้าสังคมเฉพาะจำเป็นเท่านั้น ปุริมไม่ตอบ ธรรศจึงเลือกเบี่ยงสายตาไปที่สาวร่างอ้อนแอ้นที่ยืนกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ “มาซื้อของเหรอครับ?” “เอ่อ…ค่ะ คุณปุมใจดีซื้อพวกอุปกรณ์ไอทีไว้ให้พิมค่ะ เวลาเรียนจะได้สะดวก” ธรรศพยักหน้าหงึกหงักเหล่มองปุริมที่เอาแต่ยืนเงียบ พิมพิไลเป็นผู้ให้ความกระจ่างกับสิ่งที่สงสัยทั้งหมด เขาเอียงตัวกระซิบกระซาบกับเพื่อนในแก๊ง “เดี๋ยวนี้เป็นเสี่ยเหรอมึง ให้ทั้งการศึกษาและของใช้” คำตอบยังคงเป็นความเงียบ ธรรศนึกสนุกอยากแกล้งเพื่อนต่อ แต่มือถือเขามีสายเข้าเสียก่อนจึงโบกมือลาทั้งสอง แต่ไม่วายยักคิ้วหลิ่วตาให้คนที่ท
บทที่ 5 สถานะ ‘ผัว’ ทุกคนภายในบ้านต่างมีสีหน้าไม่ต่างกัน และจุดโฟกัสของดวงตาก็อยู่ที่ร่างบอบบางของแพรไหมอดีตคนรักของปุริม ซึ่งบัดนี้เจ้าหล่อนกำลังบีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดเอวปุริมแน่น พิมพิไลเหลือบมองเพียงนิด ก่อนเบี่ยงหน้าหลบเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตาคมเข้ม ใจดวงน้อยสั่นสะท้าน รู้สึกหึงหวงปุริมขึ้นมา จนต้องหลบฉากออกมาอยู่ด้านหลังป้าแสง ลุงยอดและยศ ในใจพะวักพะวนว่าปุริมจะให้อภัยแพรไหมและกลับมาคบกันดังเดิม “แพรขอโทษนะคะพี่ปุม แพรผิดไปแล้ว ให้อภัยแพรเถอะนะคะ” น้ำตาที่ร่วงหล่นอาบแก้มแพรไหม ไม่ได้ทำให้ปุริมรู้สึกสงสารแม้แต่น้อย ชายหนุ่มดึงแขนเล็กออกแล้วเหวี่ยงหล่อนออกห่างไปเกือบสองเมตร ดวงตาคมราวเหยี่ยวมองอดีตคู่รักด้วยสายตาดูแคลน ปุริมรู้ดีถึงสาเหตุที่เจ้าหล่อนปรากฏกายในครั้งนี้ คงไม่พ้นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ คนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทเขาเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เป็นคนหน้าใหญ่ ใจโต จ่ายไม่อั้น มีฐานะทางสังคมและการเงินดีกว่าปุริมอยู่หลายขุม อันมาจากธุรกิจสีเทาที่คนในตระกูลทำทั้งนั้น ปุริมเพิ่งเห็นข่าวเมื่อวานช่วงค่ำ ๆ เรื่องการบุกจับกุมเครือข่า
“แล้วนายยุ่งอะไรด้วยยศ แฟนหรือผัวก็ไม่ใช่” เจ้านายหนุ่มกระตุกยิ้มเอ่ยเสียงเย็น เอนกายกับโซฟาหนังหลุยส์พร้อมทั้งวาดขายาวออกไปเกือบโดนยศ ชายหนุ่มตวัดขาไขว่ห้าง เหลือบมองยศที่เคยเป็นลูกไล่เขามาตลอด หากบัดนี้กำลังกางปีกพร้อมปกป้องผู้หญิงที่เป็นของเขามาตั้งแต่ต้น ด้านยศก็ออกอาการหัวเสียไม่น้อย เขาสู้อุตส่าห์มาพูดกับปุริมดี ๆ เพราะอย่างไรก็คิดว่าเจ้านายหนุ่มคงยังหลงเหลือความดีอยู่บ้าง ทว่าไม่เลย “ผมไม่คิดว่าคุณปุมจะเป็นคนแบบนี้ การกระทำของคุณปุมมันเลวร้ายมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง” “ฉันไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี” ปุริมเหยียดกายขึ้นเต็มความสูง มองต่ำไปยังยศ แสยะยิ้มมุมปาก พร้อมตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ “อย่ายุ่งเรื่องของฉันจะดีกว่า” “แต่คุณปุมทำไม่ถูก ผมรู้นะว่าคุณปุมแค่เอาพิมไว้เป็นตัวแทนของคุณแพรน่ะ” ไหล่กว้างยักขึ้นไม่ยี่หระ ปรายตามองอีกครั้ง ทำนองว่าที่ยศพูดนั้นถูกต้องหมด “นายชอบพิมเขาหรือไงถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนขนาดนั้น ขนาดเจ้าตัวเขายังไม่พูดอะไรเลย” “คุณปุม!” ยศเริ่มโมโห เกลียดท่าทางยโสและไม่สนใจว่าใครจะเจ็บปวด
บทที่ 1 ไม่อยากมีภาระเพิ่มเติมเวลาเกือบสองนาฬิกา แสงไฟหน้ารถสาดเข้ามาภายในบ้านเรียกให้สาวใช้ร่างอ้อนแอ้นต้องกุลีกุจอวิ่งไปดู ประตูรถเปิดออกพร้อมกับคนร่างสูงใหญ่ที่มีอาการไม่สู้ดีนัก แข้งขาดูเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าเห่อแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ “พิมมาช่วยลุงประคองคุณปุมไปที่ห้องที” “จ้ะ ลุงยอด” ทั้งสองช่วยกันประคองร่างสูงใหญ่มาจนถึงห้องอย่างทุลักทุเล ด้วยชายหนุ่มสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เกือบล้มหน้าหงายตอนขึ้นบันไดหลายรอบ ทว่าก็พาเจ้านายหนุ่มมาส่งถึงเตียงได้ “เฮ้อ! เล่นเอาเหงื่อแตก” ลุงยอดปาดเหงื่อ ถอนหายใจเสียงดัง“ไม่น่าเชื่อว่าคุณปุมจะเมาได้ขนาดนี้เพราะผู้หญิงคนเดียว” คนฟังทำเพียงเหล่มองไปทางร่างสูงใหญ่ที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ หญิงสาวไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ แต่ในใจก็แอบสงสารเจ้านายหนุ่มมิใช่น้อย คุณปุม หรือ ปุริม เจ้านายหนุ่มวัยสามสิบห้าปี บิดาและมารดาเสียชีวิตตั้งแต่สิบปีก่อน เขาจึงใช้ชีวิตอยู่ลำพังจนกระทั่งเมื่อสามปีก่อนได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ความรักผลิบานจนเกือบได้แต่งงาน ทว่า…กลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน ปุริมจับได้ว่าหล่อนนอกกายและนอกใจมีความสัมพันธ์กับเพื