“คุณ..ปุ…ม” หมดสิทธิ์พูดอีกครั้ง ลมหายใจติดขัด ทั้งร่างกายยังบิดร่อนราวต้องของร้อน เพียงแค่ปลายนิ้วเรียวสะกิดสะเกาในจุดอ่อนไหว กายและใจพิมพิไลก็หลอมเหลวไร้เรี่ยวแรงต้านทาน
ใบหน้าคมคายเลื่อนต่ำโดยใช้เพียงจมูกในการแตะต้องกายสาว ผ่านลาดไหล่ แวะหยอกเย้าทรวงเต้า ดูดกลืน บีบเคล้น สร้างอารมณ์หวามไหวให้แก่พิมพิไลที่ยามนี้ไร้สติไม่ต่างจากปุริม
“แพร…สวยจัง” หากชื่อที่เจ้านายหนุ่มเอ่ยฉุดรั้งความรู้สึกของพิมพิไลตื่นขึ้น หญิงสาวผลักใบหน้าคมออกห่าง เขาซวนเซเพราะไม่ได้ตั้งตัว
“พิมเองค่ะ ไม่ใช่คุณแพร” ร่างอ้อนแอ้นรีบลุกจากเตียง หากกลับโดนเกี่ยวเอวทุ่มลงเตียงอีกรอบ คราวนี้ปุริมเปลือยเปล่าไม่เหลืออาภรณ์ติดกายแล้ว มันจึงทำให้พิมพิไลรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังต้องการปลดปล่อย
“อื้อ…คุณปุ…ม” ความปรารถนาของปุริมชัดเจนมากขึ้น เมื่อมันขยับขยายในพื้นที่ที่ไม่เคยมีใครเข้าไปแตะต้อง สิ่งนั้นวกวนอยู่ระหว่างกลาง สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้พิมพิไล หญิงสาวไม่เป็นตัวเอง คอยส่ายสะโพกเข้าหาสิ่งนั้นและต้องการมากกว่าที่ปุริมมอบให้
“อ๊ะ!” และเธอก็ได้สิ่งที่ต้องการเพียงแต่เป็นปลายนิ้วที่เข้ามาสำรวจความผุดผ่องชุ่มชื้นด้านใน ปุริมอาศัยความช่ำชองส่งนิ้วร้ายกรีดกรายเรียกร้องให้พิมพิไลมีความสุข มันระเบิดแตกกระจายคานิ้วเขา เต้นตุบบีบรัดจนใจเต้นไม่หยุด ปุริมยิ้มพอใจ ก่อนจะลุกขึ้นทาบทับคนที่เขาคิดว่าเป็นอดีตคนรักอีกครั้ง คราวนี้พิมพิไลได้รับรสชาติ ‘ของจริง’ ไม่ใช่เพียงนิ้วชี้อันเล็กจ้อย แต่เป็นความอหังการที่สั่นระรัวกำลังชำแรกเข้าหาทีละนิด มันไปได้ครึ่งทางก็ต้องหยุดลงด้วยเส้นทางคับแน่น แต่ปุริมไม่สามารถถอนตัวได้ ความรู้สึกเขาอัดแน่นอยู่เต็มอก
“ไม่ต้องเกร็ง…พิม…” เสียงทุ้มช่างอาทรนัก ดวงตาคมฉายเงาเธออยู่ในนั้น และเจ้านายหนุ่มรู้แล้วว่าคนที่เขารุกล้ำเข้าหาไม่ใช่อดีตคนรัก
พิมพิไลผ่อนปรนลงฉับพลัน ร่างทั้งร่างก็กลายเป็นเนื้อเดียวกับปุริมที่เข้ามาในกายของเธอจนหมดสิ้น แรกเริ่มปุริมเชื่องช้าทว่าหนักแน่นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแรงและเร็วมากขึ้นตามความปรารถนาที่พลุ่งพล่านอยู่ในกาย
“คุณ…ปุม…” พิมพิไลร้อนผ่าวไปทั้งร่าง กอดก่ายเข้าแนบชิดมากขึ้น จังหวะรักกระชั้นถี่บ่งบอกว่าทั้งสองกำลังใกล้เยือนจุดหวามหวาน เสียงร้องพิมพิไลดังมากขึ้น ก่อนกรีดร้องเสียงแหลมเมื่อความรู้สึกระเบิดแตกเหมือนครั้งที่ปุริมสัมผัสเพียงนิ้ว ทว่าครั้งนี้เธอได้รับรู้ถึงสายธารอุ่นที่พุ่งเข้ามาในกาย
“อ่า…” ปุริมคำราม กัดฟันกระแทกย้ำ ๆ ลงมาอีกสองสามครั้ง แล้วแช่นิ่งปล่อยให้ก้อนเนื้อร้ายเต้นตุบจนสงบ พอถอดถอนออกสิ่งที่อัดแน่นก็ไหลบ่าออกมาจนพิมพิไลต้องลุกขึ้นมาจัดการส่วนของตนเอง หญิงสาวเบี่ยงหน้ามองปุริมที่เหมือนคืนสติมาแล้วหลังจากได้ปลดปล่อยอารมณ์ของตนเอง สีหน้าเจ้านายหนุ่มดูเรียบเฉย หากดวงตาวูบไหวเล็กน้อย พิมพิไลกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ไม่กล้ามองหน้าปุริมอีก เอี้ยวตัวค่อย ๆ ใส่เสื้อผ้าของตนเองช้า ๆ หูได้ยินเสียงไฟแช็กแล้วตามมาด้วยกลิ่นบุหรี่
ทุกอย่างอยู่ในความเงียบจนแทบได้ยินเสียงเต้นของหัวใจพิมพิไลที่มันแรงและรัว หญิงสาวเม้มปาก กำสาบเสื้อไว้ในมือ ไม่รู้ต้องเอาตัวเองไปอยู่ที่ใด จะอยู่ต่อในห้องของเจ้านายก็ไม่ได้เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอตั้งแต่แรก จะหันกลับไปมองปุริมอีกครั้งก็ทำไม่ได้ สุดท้ายจึงใช้แรงกายแรงใจลุกขึ้นยืน ทว่ามันกลับซวนเซ ดีที่คว้าขอบเตียงไว้ทัน ไม่เช่นนั้นอาจล้มหน้าหงาย
“เดี๋ยว!” พิมพิไลชักเท้าที่กำลังเดินออกจากห้อง หากไม่ได้หันกลับไปมองเจ้าของเสียง เธอตัวสั่นและน้ำตาก็ไหล อยู่ ๆ ความรู้สึกทั้งหมดก็ตีขึ้นมาจุกอยู่บริเวณลำคอ
“เธอรู้ใช่ไหมว่าต้องจัดการเรื่องนี้ยังไง?” น้ำเสียงของปุริมราบเรียบ ไร้ความรู้สึก ไม่เหมือนครั้งเขาต้องการให้เธอโอนอ่อนแม้แต่น้อย พิมพิไลกลับมาเผชิญความจริงว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นมันเกิดจากเธอทั้งนั้น คิดผิดที่อยู่ตามลำพังกับเขาและคิดผิดว่าเขาจะหยุด
“กินยาคุมด้วยล่ะ ฉันไม่อยากให้มี 'ภาระ' เพิ่มเติม”
“ค…ค่ะ” ลำคอตีบตันต้องเค้นเสียงรับสิ่งที่ชายหนุ่มสั่ง น้ำตาไหลหลั่ง เสียตัวไม่พอยังเสียใจอีก การกระทำปุริมชัดเจน เขาไม่คิดรับผิดชอบทั้งชีวิตเธอและภาระเพิ่มเติมที่อาจจะเกิดขึ้น หากเธอไม่จัดการเสียเนิ่น ๆ จะโทษใครได้นอกจากความใจง่ายของตนเอง
บทที่ 2 ไม่ชอบใจ หลังจากพ้นร่างสาวใช้อย่างพิมพิไลไปแล้ว ปุริมทิ้งไหล่ลง ทอดถอนหายใจกับความไร้สติของตนเองจนเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น แม้ช่วงที่ได้ลิ้มรสความหวานจากกายสาว เขาจะรู้ตัวก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอยู่ดี แต่ยามนั้นต่อให้เอาช้างมาฉุดก็หยุดเขาไม่ได้ ปุริมพาร่างสูงใหญ่ของตนเองลงไปแช่น้ำอุ่นให้คลายอาการเมื่อยขบจากเพลิงสวาทที่เพิ่งสาดใส่สาวใช้ไปเมื่อครู่ ทั้งยังหวังดับความร้อนรุ่มในกายที่มันยังปะทุอยู่ แม้ได้รับการปลดปล่อยแล้วก็ตาม ต้องยอมรับว่าปุริมไม่เคยมองพิมพิไลเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเลยแม้สักครั้ง เขาเห็นเธอเป็นน้องสาวด้วยซ้ำ มีความเอ็นดูตั้งแต่มิสเตอร์พอลและภรรยาฝากฝังไว้ให้มาทำงานบ้าน หลังจากสองสามีภรรยาต้องกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตนเองโดยไม่สามารถพาสาวใช้แสนซื่อสัตย์คนนี้ไปอยู่ด้วยได้ ปุริมยังจำครั้งแรกที่พบกันได้ พิมพิไลเอาแต่ก้มหน้านั่งพับเพียบข้างเก้าอี้หนังฝรั่งเศส ขณะมิสเตอร์พอลพูดคุยกับเขา เจียมเนื้อเจียมตัวจนเขาเอ็นดู ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างเสียหน่อย บอกให้นั่งบนเก้าอี้ก็ไม่ทำ “เธอชื่ออะไรนะ?”“เอ่อ…หนูชื่อพิมค่ะคุณท่าน” สาวเจ้าอ้อมแอ้มเอ่ยปาก มิหน
หลังจากนั้นปุริมก็กลับมานั่งทำงานตามเดิมจนเกือบใกล้ถึงเวลาตั้งโต๊ะอาหารค่ำ ชายหนุ่มเหยียดกายไล่ความเมื่อยขบ ไล่สายตามองไปยังสวนที่ยามนี้มีฝนโปรยปรายลงมาเบา ๆ ร่างสูงเดินออกไปรับกลิ่นไอดินและไอฝน มือใหญ่วาดไปเบื้องหน้า หยดน้ำหยดลง เบา ๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ได้สัมผัสจนเผลอผิวปาก หากฉับพลันสีหน้ากลับแปรเปลี่ยน คิ้วเข้มขมวดมุ่น เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะใส ๆ ดังลอยมาตามลม ขายาว ๆ ก้าวไม่ถึงนาทีก็ถึงต้นเสียง ปุริมหรี่ตามองร่างชายหญิงสองคนที่หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มเพิ่งเคยเห็นพิมพิไลหัวเราะและยิ้มกว้างมากขนาดนี้ และความสนิทสนมของเธอและยศทำให้ปุริมรู้สึก ‘ไม่ชอบใจ’ เอาเสียเลย ชายหนุ่มยืนมองทั้งสองพูดคุยหยอกล้ออยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่พิมพิไลจะรู้สึกถึงกระแสบางอย่างจากเบื้องหลัง หญิงสาวหันมองพบเจ้านายหนุ่มกำลังยืนหน้าเครียดขรึมอยู่ไม่ไกล ก้อนน้ำลายจุกอยู่บริเวณคอ ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ตาคมดูดุกร้าวจนใจสั่นกลัว พิมพิไลก้มหน้าลงคล้ายรู้ตัวว่าผิด แต่หากพิจารณาดี ๆ เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย แค่คุยหยอกล้อเล่นกับยศเท่านั้นเอง“คุณปุมต้องการรับอะไรไหมครับ?” ยศมองสาวใช้รุ่นน้
บทที่ 3 ในเรือนเบี้ยชุดเครื่องนอนถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่สาเหตุมาจากแมลงร้ายตัวใดหรอก หากเป็นมนุษย์ร่างใหญ่ที่กำลังเปลือยท่อนบนผูกปมผ้าขนหนูเอวท่อนล่าง ยืนสูบบุหรี่มองร่างอ้อนแอ้นทำการเปลี่ยนชุดเครื่องนอนใหม่ทั้งหมด หลังจากเหตุการณ์สวาทสิ้นสุดลง พิมพิไลทำอย่างคล่องแคล่วแม้จะเพิ่งผ่านเรื่องเสียแรงและเสียน้ำไปเมื่อครู่ หากเมื่อร่างอ้อนแอ้นหมายหอบชุดเครื่องนอนทั้งหมดเข้าอก หญิงสาวกลับซวนเซทำท่าจะล้ม ดีที่ได้ปุริมคว้าเอวไว้ก่อน มือใหญ่ร้อนผ่าวจนสาวร่างเล็กต้องเบี่ยงตัวหนี ใกล้ชิดเพียงเท่านี้เผลอไผลให้ใจเตลิดคิดเรื่องวาบหวามที่เพิ่งเกิดขึ้น“กินยาคุมด้วยล่ะ” ปุริมสั่ง สีหน้าและแววตายังคงเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก “รู้ใช่ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้น…” ปุริมเบี่ยงหน้ากลับมามองด้วยสายตาว่างเปล่าอีกครั้ง พิมพิไลสบตาคมหวังพบเจอความรู้สึกที่ทอสายใยมาให้เธอบ้าง ทว่ามันกลับไม่มีแม้แต่น้อย และที่ชายหนุ่มพูดเช่นนั้น ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าต้องจัดการเรื่องนี้อย่างไร ต้องอยู่อย่างไร้ปากและเสียง ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดพิมพิไลไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้านายหนุ่มเย็นชาได้ถึงเพียงนี้ สาวใช้เม้มปากแน่น พยักหน้าร
“คะ?” คำถามอะไรของเขา พิมพิไลไม่เข้าใจ ปุริมทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิด ผลักไหล่เล็กเข้ามาในห้อง เขาลงกลอนล็อกประตูอย่างดี “ที่มีน่ะหมดหรือยัง?” คราวนี้พิมพิไลรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร มือใหญ่เริ่มเคลื่อนไหว ลูบไล้เนื้อตัว หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ แล้วจากนั้นไฟสวาทก็เริ่มมอดไหม้ทั้งกายและใจของเธอ พิมพิไลถูกปุริมเข้ามาประชิดเป็นเนื้อเดียวกัน สัมผัสร้อนรุ่มพาเอาใจเตลิดเปิดเปิง หญิงสาวล่องลอยไปกับความสุขที่ถูกปรนเปรอ ก่อนจะถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินพร้อมกับเสียงคำรามข้างหูว่าปุริมได้ลุล่วงสำเร็จแล้ว สายธารอุ่นรินรดอยู่ภายในตัวเธอ พอเขาถอนกายออกมันก็ไหลบ่าออกมาจนเปื้อนผ้าปูที่นอน พิมพิไลจัดการกับร่อยรอยที่เหลือไว้ เหล่มองปุริมที่กำลังสวมเสื้อผ้ากลับไปตามเดิม “พรุ่งนี้สาย ๆ ฉันจะพาไปโรงพยาบาล” พิมพิไลไม่ได้ถามแม้สีหน้าจะเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่ได้ป่วย แล้วเหตุใด… “จะฉีดยาคุมหรือจะฝังก็เลือกเอา” นาทีนั้นลมหายใจสะดุด ไม่กล้าแม้แหงนหน้ามองอีกฝ่าย ปุริมคงไม่อยากมีภาระเพิ่มเติมอย่างที่เคยเอ่ยปาก และเขาเลือกวิธีที่จะทำให้ตัวเองสบายตัวและสบายใจที่
บทที่ 4 เมนูที่อยากกิน ธุระยามเช้าเสร็จสิ้นแล้ว พิมพิไลเลือกการฝังยาคุมกำเนิดแบบสามปีแทนการฉีดยาคุมทุกสามเดือน หมออธิบายว่าช่วงแรกเธออาจจะมีประจำเดือนอยู่และอาจจะมีมากเกินปกติไม่ต้องกังวลใจไป และหลังจากนั้นประจำเดือนจะมาปกติหรือบางคนอาจจะไม่มีประจำเดือนตลอดช่วงระยะเวลาฝังยาคุม ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล พิมพิไลนั่งฟังคุณหมออธิบายและกล่าวขอบคุณ ปุริมจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด และกำลังพาพิมพิไลไปยังสถานที่แห่งหนึ่งหญิงสาวได้รับเอกสารสำหรับเรียนมหาวิทยาลัยภาคพิเศษมาปึกใหญ่ เหล่มองคนข้างกายที่กำลังจดจ่ออยู่กับท้องถนน พิมพิไลใจเต้นด้วยความดีใจทันทีที่รู้ว่าเธอได้รับโอกาสได้เรียนอีกครั้ง “ปกติที่บ้านมีวันหยุดให้สองวันต่อสัปดาห์อยู่แล้ว เสาร์อาทิตย์เธอก็มาเรียนที่นี่แล้วกัน ไม่ไกลจากบ้าน” ปุริมว่าขณะยื่นเอกสารสมัครเรียนมาให้ จากนั้นพิมพิไลก็ถูกพาตัวไปยังห้องสตูดิโอ ถ่ายรูปยื่นใบสมัครเรียน ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เพียงแค่มีเงินก็บันดาลเรื่องที่ยากให้เป็นง่าย พิมพิไลได้รับบัตรนักศึกษาและจะเริ่มเรียนในวันเสาร์ที่จะถึงนี้“ขอบคุณมาก ๆ นะคะคุณปุม พิมดีใจมาก ๆ เลยค่ะ พิมไม่
“ทำไมทำตาขวางใส่กู?” ธรรศหนุ่มเพลย์บอย กระซิบเย้า ๆ ทั้งยังใช้ศอกกระทุ้งท้องปุริมอีก มองเพื่อนหนุ่มกับสาวใช้แล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล ปุริมแปลกไปจากครั้งก่อนที่เคยพบเจอ ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะทำใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว และคงได้รังใหม่ให้ได้กกกอดสร้างไออุ่น“ไม่ยักรู้ว่ามึงออกมาเดินห้างได้ด้วย” ธรรศรู้ว่าปุริมเป็นพวกเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เพื่อนคนนี้ไม่ชอบคนหมู่มาก ออกแนวขี้รำคาญ ชอบอยู่ตามลำพัง จะเข้าสังคมเฉพาะจำเป็นเท่านั้น ปุริมไม่ตอบ ธรรศจึงเลือกเบี่ยงสายตาไปที่สาวร่างอ้อนแอ้นที่ยืนกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ “มาซื้อของเหรอครับ?” “เอ่อ…ค่ะ คุณปุมใจดีซื้อพวกอุปกรณ์ไอทีไว้ให้พิมค่ะ เวลาเรียนจะได้สะดวก” ธรรศพยักหน้าหงึกหงักเหล่มองปุริมที่เอาแต่ยืนเงียบ พิมพิไลเป็นผู้ให้ความกระจ่างกับสิ่งที่สงสัยทั้งหมด เขาเอียงตัวกระซิบกระซาบกับเพื่อนในแก๊ง “เดี๋ยวนี้เป็นเสี่ยเหรอมึง ให้ทั้งการศึกษาและของใช้” คำตอบยังคงเป็นความเงียบ ธรรศนึกสนุกอยากแกล้งเพื่อนต่อ แต่มือถือเขามีสายเข้าเสียก่อนจึงโบกมือลาทั้งสอง แต่ไม่วายยักคิ้วหลิ่วตาให้คนที่ท
บทที่ 5 สถานะ ‘ผัว’ ทุกคนภายในบ้านต่างมีสีหน้าไม่ต่างกัน และจุดโฟกัสของดวงตาก็อยู่ที่ร่างบอบบางของแพรไหมอดีตคนรักของปุริม ซึ่งบัดนี้เจ้าหล่อนกำลังบีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดเอวปุริมแน่น พิมพิไลเหลือบมองเพียงนิด ก่อนเบี่ยงหน้าหลบเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตาคมเข้ม ใจดวงน้อยสั่นสะท้าน รู้สึกหึงหวงปุริมขึ้นมา จนต้องหลบฉากออกมาอยู่ด้านหลังป้าแสง ลุงยอดและยศ ในใจพะวักพะวนว่าปุริมจะให้อภัยแพรไหมและกลับมาคบกันดังเดิม “แพรขอโทษนะคะพี่ปุม แพรผิดไปแล้ว ให้อภัยแพรเถอะนะคะ” น้ำตาที่ร่วงหล่นอาบแก้มแพรไหม ไม่ได้ทำให้ปุริมรู้สึกสงสารแม้แต่น้อย ชายหนุ่มดึงแขนเล็กออกแล้วเหวี่ยงหล่อนออกห่างไปเกือบสองเมตร ดวงตาคมราวเหยี่ยวมองอดีตคู่รักด้วยสายตาดูแคลน ปุริมรู้ดีถึงสาเหตุที่เจ้าหล่อนปรากฏกายในครั้งนี้ คงไม่พ้นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ คนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทเขาเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เป็นคนหน้าใหญ่ ใจโต จ่ายไม่อั้น มีฐานะทางสังคมและการเงินดีกว่าปุริมอยู่หลายขุม อันมาจากธุรกิจสีเทาที่คนในตระกูลทำทั้งนั้น ปุริมเพิ่งเห็นข่าวเมื่อวานช่วงค่ำ ๆ เรื่องการบุกจับกุมเครือข่า
“แล้วนายยุ่งอะไรด้วยยศ แฟนหรือผัวก็ไม่ใช่” เจ้านายหนุ่มกระตุกยิ้มเอ่ยเสียงเย็น เอนกายกับโซฟาหนังหลุยส์พร้อมทั้งวาดขายาวออกไปเกือบโดนยศ ชายหนุ่มตวัดขาไขว่ห้าง เหลือบมองยศที่เคยเป็นลูกไล่เขามาตลอด หากบัดนี้กำลังกางปีกพร้อมปกป้องผู้หญิงที่เป็นของเขามาตั้งแต่ต้น ด้านยศก็ออกอาการหัวเสียไม่น้อย เขาสู้อุตส่าห์มาพูดกับปุริมดี ๆ เพราะอย่างไรก็คิดว่าเจ้านายหนุ่มคงยังหลงเหลือความดีอยู่บ้าง ทว่าไม่เลย “ผมไม่คิดว่าคุณปุมจะเป็นคนแบบนี้ การกระทำของคุณปุมมันเลวร้ายมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง” “ฉันไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี” ปุริมเหยียดกายขึ้นเต็มความสูง มองต่ำไปยังยศ แสยะยิ้มมุมปาก พร้อมตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ “อย่ายุ่งเรื่องของฉันจะดีกว่า” “แต่คุณปุมทำไม่ถูก ผมรู้นะว่าคุณปุมแค่เอาพิมไว้เป็นตัวแทนของคุณแพรน่ะ” ไหล่กว้างยักขึ้นไม่ยี่หระ ปรายตามองอีกครั้ง ทำนองว่าที่ยศพูดนั้นถูกต้องหมด “นายชอบพิมเขาหรือไงถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนขนาดนั้น ขนาดเจ้าตัวเขายังไม่พูดอะไรเลย” “คุณปุม!” ยศเริ่มโมโห เกลียดท่าทางยโสและไม่สนใจว่าใครจะเจ็บปวด