เงินในท้องพระคลังไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างส่งเดช และเงินจากในวังไม่สามารถใช้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า“ไม่รู้สิ ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน” อวี่เหวินห่าวกล่าวทองหนึ่งแสนตำลึง นั่นคือเงินหนึ่งล้านตำลึง จู่ ๆ หยวนชิงหลิงก็รู้สึกว่าตัวเองร่ำรวยขึ้นมานางเริ่มคิดว่าตอนนี้เงินนั้นเพียงพอแล้ว หลังจากอยู่เดือนครบแล้ว นางควรเตรียมตัวสำหรับโรงเรียนแพทย์“ว่าแต่ เรื่องตั้งชื่อเล่า” หยวนชิงหลิงถาม"ยังไม่ได้ตั้ง" อวี่เหวินห่าวก็เศร้าเช่นกัน "ชักช้ามากนัก ปกติแล้วกรมพิธีการน่าจะร่างชื่อไว้แต่เนิ่น แล้วส่งไปให้เสด็จปู่เลือก พวกเขาเกิดมาได้หนึ่งวันแล้ว ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลย”หยวนชิงหลิงขยับตัวเล็กน้อย เท้าของนางกลับรู้สึกเจ็บขึ้นมา อวี่เหวินห่าวรีบนวดนาง เจ้าอาวาสบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า หลังคลอดลูกต้องนวดขา"ทำไมเราไม่คิดชื่อเล่นก่อนล่ะ" หยวนชิงหลิงกล่าวอวี่เหวินห่าวเห็นด้วย แต่นึกคิดอะไรแบบนี้ออกจะเกินตัวไปหน่อยการคิดชื่อนั้นยากพอ ๆ กับการเขียนบทกวีอวี่เหวินห่าวมองไปที่นางและพูดเบา ๆ "เจ้าให้กำเนิดลูกผ่านความยากลำบากนับไม่ถ้วน ข้าให้สิทธิ์เจ้าคิดชื่อเล่นนะ เจ้าตัดสินใจเลือกเอาได้"หยวนชิงหลิงตกลงอ
อวี่เหวินห่าวไปที่ห้องหนังสือ พอดีกับที่ซูยี่มาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง พร้อมพึมพำอะไรบางอย่างจนเกือบจะชนอวี่เหวินห่าว“ท่านอ๋องทำกระหม่อมตกใจหมด พระองค์กำลังจะไปห้องหนังสือหรือ?” ซูยี่ถาม"เจ้ากำลังบ่นงึมงำอะไร?" อวี่เหวินห่าวเห็นว่าเขาเลิ่นเล่อถึงเพียงนี้จึงดุเขาซูยี่ยิ้ม "นางข้าหลวงสี่ให้กระหม่อมเขียนรายการไปให้ห้องครัว บอกว่าต่อไปจะมีของขวัญจากตระกูลต่าง ๆ เข้ามา นางจึงเชิญคนมาทานซุปหวานและของว่างสักชาม กระหม่อมจึงมาเขียนรายการส่งให้ห้องครัวไปจัดการพ่ะย่ะค่ะ”"ไปเถอะ!" เมื่อเห็นว่าเขามีธุระ อวี่เหวินห่าวจึงไม่รั้งเขาไว้ และปล่อยให้เขาไป“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอตัวก่อน” ซูยี่ออกไปแล้วอวี่เหวินห่าวเข้าห้องหนังสือเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะ เขาเหลือบไปเห็นคำที่เขียนไว้ เขาเพ่งมองดูชัด ๆ "เปาจือ หยวนทัง ลั่วหมี่? ชื่อเล่นตั้งง่ายขนาดนั้นเลยหรือ แบบนี้ข้าก็ตั้งได้"เขารู้สึกว่าบางคำค่อนข้างเลอะเทอะเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงเขียนคัดลอกขึ้นมาใหม่ "อย่างไรก็ตาม เหล่าหยวนเป็นคนฉลาด เปาจื่อใหญ่กว่าหยวนทัง และหยวนทังใหญ่กว่าลั่วหมี่ เรียง ใหญ่ กลาง เล็ก เปาจื่อเป็นลูกโตสุด หยวนทัง เป็นลูกคนที่
อวี่เหวินห่าวโค้งคำนับขอบคุณเขาอย่างจริงใจทันใดนั้นเมื่อนึกถึงทองคำที่ไท่ซ่างหวงมอบให้ เขาก็ดึงฉางกงกงออกไปข้าง ๆ "ใช่แล้วกงกง ข้าอยากจะถามอะไรท่านสักอย่าง ในวันนี้ไท่ซ่างหวงให้รางวัลแก่เหล่าหยวนเป็นทองคำหนึ่งแสนตำลึง ทองคำได้มาจากไหน ไม่ได้มาจากพระคลังหลวงรึ?”ฉางกงกงหัวเราะออกมา "เป็นไปได้อย่างไร? ไท่ซ่างหวงจะเอาทองคำมาจากพระคลังเพื่อมอบให้พระชายาได้อย่างไร? นี่เป็นทั้งหมดของพระองค์เอง ท่านอ๋องจำไม่ได้หรือ ตอนที่พระองค์สละราชสมบัติ พระองค์ได้มอบเหมืองทองคำให้ตัวเอง"“อ่า? มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?” อวี่เหวินห่าวตกใจมาก เขาไม่รู้เลยฉางกงกงกล่าวว่า "พ่ะย่ะค่ะ มีเหมืองทองและเหมืองเหล็ก ไท่ซ่างหวงยังเปิดธนาคารในเมืองหลวง และสั่งให้คนดูแลมัน พระองค์หาเงินทุกวันพ่ะย่ะค่ะ"อวี่เหวินห่าวอดใจไม่ได้ "อีกนัยหนึ่ง เสด็จปู่ยังเป็นเศรษฐีอยู่งั้นหรือ?"“พระองค์เป็นเศรษฐีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?” ฉางกงกงกล่าวอวี่เหวินห่าวบ่นพึมพำ "ข้าขอโทษ ๆ ข้าเคยพูดว่าเขายากจน และราชวงศ์ของเราก็ยากจนเช่นกัน"เมื่อเขาไปทำศึก เขาได้ประทานรางวัล เขายังให้ทองคำห้าร้อยตำลึงแก่ไท่ซ่างหวงเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของเขา
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเหมาะสมหรือไม่ก็ตาม ชื่อเล่นจะถูกส่งไปยืนยันแล้วผู้คนในจวนกำลังเตรียมการเพื่อพิธีสรงสามในวันรุ่งขึ้นอย่างแข็งขันพิธีสรงสามเป็นพิธีมงคลยิ่งนัก ไทเฮาทรงตระเตรียมไว้นานแล้ว ไม่ว่าพระญาติจะว่างหรือไม่ก็ล้วนแต่ต้องมาหยวนชิงหลิงที่ความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับขนบธรรมเนียม พิธีสามอาบนั้น หมายความว่าหลังจากวันที่สามหลังจากที่เด็ก ๆ เกิดมา ญาติและเพื่อน ๆ จะมารวมตัวกันเพื่อดูการอาบน้ำชำระล้างร่างกาย เพื่ออวยพรให้แคล้วคลาดปลอดภัย มั่งคั่ง และยังรวมถึงการป้องกันโรคภัย ซึ่งเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์มากมีผู้คนจากจวนจิ้งโฮ่วเข้าร่วมพิธีสรงสามด้วยในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น รุ่ยชิงอ๋องและพระชายาของเขามาบอกอวี่เหวินห่าวว่า ชื่อเล่นของเด็ก ๆ ได้เขียนไว้ที่ด้านข้างป้ายหยกแล้ว รอแค่ได้ชื่อจริงแล้วค่อยเพิ่มลงไปหยวนชิงหลิงยังคงนอนอยู่บนเตียง พระชายารุ่ยจึงเข้าไปเยี่ยมนางเมื่อเข้ามาแล้วก็เอ่ยชื่นชมยินดีกับนาง "เจ้าช่างยอดเยี่ยมมาก เจ้าได้เพิ่มพี่น้องสามคนให้กับราชวงศ์ ข้าไปเยี่ยมดูพวกเขาทั้งสามเหมือนกันไม่ผิด สวรรค์ทรงเมตตา อวยพรให้เจ้ามีความสุข"หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "น่าเกลียดเห
“ชื่อเล่นของเด็ก ๆ คืออะไร” หยวนชิงหลิงมองเขาแล้วถามอวี่เหวินห่าวยิ้มและพูดว่า "เจ้าเป็นคนตั้งเอง เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ?"“อะไรนะ? ท่านส่งอะไรเข้าไปในวัง?” หยวนชิงหลิงมองใบหน้ายิ้มแย้มของเขา นางยิ้มไม่ออกเลยสักนิด"มันเป็นกระดาษที่เขียนว่า เปาจื่อ หยวนทัง และลั่วหมี่ไง" อวี่เหวินห่าวนั่งลงข้างนางแล้วบอกนางเช่นนั้นหยวนชิงหลิงลดมือลงอย่างอ่อนแรงและมองมาที่เขา "ข้าไม่ได้ตั้งแบบนั้น""ห๊ะ?" อวี่เหวินห่าวตกตะลึง "เจ้าบอกว่ามันอยู่บนโต๊ะในห้องหนังสือไม่ใช่หรือ? ข้าเอามันมาจากบนโต๊ะแล้วมีเขียนสามชื่อนี้ไว้อยู่ ถ้าเจ้าบอกว่าไม่ใช่สามชื่อนี้ แล้วเจ้าตั้งว่าอะไร?”หยวนชิงหลิงพูดอย่างอ่อนแรง "ข้าเขียนว่า คงซิง หนานชิง และเหนียนตง ซาลาเปาหมานโถ่วที่ไหนของท่าน? ท่านไปเจอที่ไหน?"อวี่เหวินห่าวตกตะลึง "เจ้าคิดชื่อได้เพราะขนาดนี้เชียวหรือ? แต่ชื่อที่ข้าเห็นคือชื่อนั้นจริง ๆ ข้าเห็นว่าลายมือของเจ้าน่าเกลียด ข้าเลยเขียนขึ้นมาใหม่ ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าไปเอามาให้เจ้าดู..”"ท่านไปเอามันมาหน่อยสิ!" หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาจริงจัง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกหก เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะสับสนจนหยิบผิด?นางตั้ง
มือใหญ่ยื่นออกมาจากด้านหลังของซูยี่ มือนั้นจับไหล่เลื่อนไปที่อกเสื้อ และขย้ำคอเสื้ออย่างแรง ซูยี่ถูกขย้ำคอเสื้อลากเข้าไปในม่าน เขารีบหันกลับมาอ้อนวอน "กระหม่อมผิดไปแล้ว!"อวี่เหวินห่าวชกที่เบ้าตาเขาและตะคอกว่า "เจ้าไม่ทิ้งกระดาษที่เขียนผิดรึไง? มีตะกร้าอยู่บนพื้นเจ้าไม่เห็นมันรึ? เจ้าไม่ทิ้งมันยังวางมันไว้บนโต๊ะอีก? เจ้าจงใจให้ข้าหยิบผิดงั้นหรือ? ใต้เท้าซูเป็นคนคิดชื่อเล่นของลูกข้าทั้งสามคนขึ้นงั้นหรือ?ซูยี่ปิดเบ้าตาของเขา และขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า "เข้าใจผิด เข้าใจผิด มันเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด มันยังไม่สายเกินไป ท่านอ๋องไปหารุ่ยชิงอ๋องเร็วเข้า"“หาอะไร มันเขียนไว้ในป้ายหยกแล้ว” อวี่เหวินห่าวโกรธมาก ราวกับพระพุทธเจ้าหนึ่งหมื่นองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ และจิ้มนิ้วไปที่หน้าผากของเขา “วันหลังจะทำงานหัดใช้สมองคิดบ้างได้หรือไม่?""พ่ะย่ะค่ะ ๆ!" ซูยี่รีบพูดตอบหยวนชิงหลิงถอนหายใจ "ช่างเถอะ ตอนนี้ท่านจะโกรธเขาไปทำไม? ท่านเองก็ผิด ตอนที่เห็นว่าชื่อไม่ถูกทำไมไม่ถามข้า"อวี่เหวินห่าวเตะก้นซูยี่ "ไสหัวออกไปซะ"ซูยี่ได้รับการอภัยจึงรีบวิ่งหนีบหางตัวเองออกไปทันทีหลังจากที่ซูยี่อยู่ที่นั่นสักพ
พิธีสรงสามจะเริ่มช่วงประมาณเที่ยงวัน เนื่องจากพระอาทิตย์ขึ้นสูงสุดและอุณหภูมิสูงในช่วงเวลานี้ ดังนั้นทารกจะไม่หนาวระหว่างทำพิธีสรงสามในเวลาประมาณเที่ยง ไทเฮา จักรพรรดิหมิงหยวน ฮองเฮาฉู่ เสียนเฟย กุ้ยเฟย เต๋อเฟย และหูเฟยล้วนเสด็จมาถึงแล้วไท่ซ่างหวงไม่เสด็จมาร่วมด้วย ดังนั้นพระองค์จึงส่งฉางกงกงมาแทน พระองค์รู้ว่าวันนี้มีคนมากมายในจวนต้องเอะอะวุ่นวายแน่ ดังนั้นจึงไม่ได้มาร่วมด้วยความยิ่งใหญ่ของผู้มิอำนาจในวังในวังนั้นช่างน่าอิจฉาและน่าแค้นใจนักหลังจากได้รับการต้อนรับแล้ว ไทเฮาแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเด็ก ๆ แล้วนางข้าหลวงสี่นำทารกทั้งสามออกมากับแม่นม พาไปให้ไทเฮาทอดพระเนตรดูทารกทั้งสามที่มีรูปร่างหน้าตาแทบเหมือนกันทุกประการ และนางมีความสุขมากจนไม่อาจหุบยิ้มที่ฉีกกว้างไปถึงหูได้ ทำให้นางหลงเสน่ห์เอาเสียจริงไทเฮานั้นทรงอุ้มเด็ก ๆ เด็ก ๆ ก็ยิ้มให้ด้วย รอยยิ้มนั้นจะทำให้หัวใจของไทเฮาแทบละลาย หลังจากเฝ้ารอมาอย่างยาวนานในหลายปีมานี้ ในที่สุดก็ได้มีเหลนสักที นางแทบจะคุกเข่าอุ้มเด็ก ๆ ต่อหน้าวิญญาณบรรพชนขอบคุณบรรพชนที่ประทานพรให้"มา ๆ มาอุ้มกัน!" ไทเฮาตรัสกับฮองเฮาฉู่ และบรรดาสนมอย่าง
เสียนเฟยแอบรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ นางจึงเข้าไปอุ้มลั่วหมี่ แต่นางไม่รู้ตัวว่าเมื่ออุ้มเขาแล้ว เขาก็ร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้นางไม่สามารถปั้นหน้าได้อีกต่อไป แต่นางยังคงพยายามอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ เสี่ยวลั่วหมี่ที่ไม่ร้องไห้ในตอนแรก แต่หลังจากที่ถูกอุ้มก็สำลักนมออกมา เสียนเฟยก็รีบเช็ดออก จากนั้นเสี่ยวลั่วหมี่ก็เริ่มร้องไห้เดิมเสี่ยวลั่วหมี่นั้นอ่อนแอและไม่ได้ร้องไห้ดังมาก แต่เมื่อร้องไห้ก็สำลักนมอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นไม่นานหน้าเสี่ยวลั่วหมี่ก็ร้องไห้ไม่หยุดจนหน้าม่วงหมดแล้วไทเฮาทรงกริ้ว “พอได้แล้ว นั่งลงซะ เจ้าไม่ต้องอุ้มแล้ว”ว่าแล้ว ขอให้นางข้าหลวงสี่พาเสี่ยวลั่วหมี่มาหานางเสียนเฟยน้ำตาคลอเบ้า อัปยศอดสูเหลือทน และนั่งลงด้วยความโกรธ ไทเฮาดูแลเด็ก ๆ หลังจากทำความสะอาดเสี่ยวลั่วหมี่แล้ว จึงวางไว้บนตักของนางเขย่าเบา ๆ แล้วลูบทารกเบา ๆ "เด็กดี เด็กดีของข้า ไม่ต้องกลัว ๆ ย่าทวดอุ้มน้า ย่าทวดโอ๋ ๆ"ทารกทั้งสามหยุดร้องไห้เสียนเฟยรู้สึกเพียงว่าใบหน้าของนางถูกตบหลายครั้งจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด นางรู้สึกว่าทุกคนมองนางอย่างเยาะเย้ย นี่คือหลานชายของนางเอง ใคร ๆ ก็อุ้มเขาก็ได้ แต่นางก