เสียนเฟยแอบรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ นางจึงเข้าไปอุ้มลั่วหมี่ แต่นางไม่รู้ตัวว่าเมื่ออุ้มเขาแล้ว เขาก็ร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้นางไม่สามารถปั้นหน้าได้อีกต่อไป แต่นางยังคงพยายามอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ เสี่ยวลั่วหมี่ที่ไม่ร้องไห้ในตอนแรก แต่หลังจากที่ถูกอุ้มก็สำลักนมออกมา เสียนเฟยก็รีบเช็ดออก จากนั้นเสี่ยวลั่วหมี่ก็เริ่มร้องไห้เดิมเสี่ยวลั่วหมี่นั้นอ่อนแอและไม่ได้ร้องไห้ดังมาก แต่เมื่อร้องไห้ก็สำลักนมอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นไม่นานหน้าเสี่ยวลั่วหมี่ก็ร้องไห้ไม่หยุดจนหน้าม่วงหมดแล้วไทเฮาทรงกริ้ว “พอได้แล้ว นั่งลงซะ เจ้าไม่ต้องอุ้มแล้ว”ว่าแล้ว ขอให้นางข้าหลวงสี่พาเสี่ยวลั่วหมี่มาหานางเสียนเฟยน้ำตาคลอเบ้า อัปยศอดสูเหลือทน และนั่งลงด้วยความโกรธ ไทเฮาดูแลเด็ก ๆ หลังจากทำความสะอาดเสี่ยวลั่วหมี่แล้ว จึงวางไว้บนตักของนางเขย่าเบา ๆ แล้วลูบทารกเบา ๆ "เด็กดี เด็กดีของข้า ไม่ต้องกลัว ๆ ย่าทวดอุ้มน้า ย่าทวดโอ๋ ๆ"ทารกทั้งสามหยุดร้องไห้เสียนเฟยรู้สึกเพียงว่าใบหน้าของนางถูกตบหลายครั้งจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด นางรู้สึกว่าทุกคนมองนางอย่างเยาะเย้ย นี่คือหลานชายของนางเอง ใคร ๆ ก็อุ้มเขาก็ได้ แต่นางก
กุ้ยเฟยโน้มตัวไปมองอย่างระมัดระวัง และยื่นมือไปถูดู ที่ฝ่าเท้าของเด็ก ๆ แดงขึ้น และสีที่เป็นตำหนิไม่หายไป ไทเฮาเริ่มไม่พอพระทัย "จะทาสีได้อย่างไรกัน? ห่อตัวพวกเขาไว้ เร็ว ๆ ตอนนี้ยังหนาวอยู่เลย”นางข้าหลวงสี่บอกแม่นมว่า "อุ้มไปเตรียมตัวเถอะ ใกล้ถึงเวลาเริ่มพิธีแล้ว"เมื่อได้ยินว่าต้องไปเตรียมตัว ไทเฮาตรัสถามว่า "ครอบครัวของทางฝั่งมารดายังไม่มารึ?"นางข้าหลวงสี่ยิ้มและพูดว่า "ทูลไทเฮา มาแล้วเพคะ ฮูหยินเฒ่ากับจิ้งโฮ่วและฮูหยินของเขาอยู่ที่นี่ จิ้งโฮ่วรออยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือ?"“เฮ้ รีบเข้ามาดูเด็กเร็ว ๆ นะ พวกเจ้าไปเตรียมตัวเถอะ” ไทเฮาตรัสวันนี้จิ้งโฮ่วปลื้มใจจริง ๆในวันรุ่งขึ้นหลังจากทราบว่าคลอดออกมาเป็นลูกชาย เขาสั่งให้คนเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ทันที เพื่อรอให้ในวันพิธีสรงสาม เมื่อเขามาที่นี่ เขาเห็นไทเฮาและฝ่าบาทเฝ้าดูเด็กอยู่ข้างใน ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ที่ประตู และรอให้ฝ่าบาทเรียกเขาเข้าไป ส่วนฮูหยินเฒ่า นางหวง และหยวนชิงผิงนั้นเข้าไปเยี่ยมหยวนชิงหลิงหลังจากที่รออยู่สักพัก จิ้งโฮ่วก็เข้าไป เขาทำความเคารพถวายบังคมอย่างเงียบ ๆไทเฮาอยากจะตรัสชมเขาสักสองสามคำ นางเต็มไปด้วยคำชม แ
เสียนเฟยตื่นเต้นจนพูดไม่ออก นางปิดปากคุกเข่าลงต่อหน้าไทเฮา และร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้ตระกูลซูมีอนาคตสดใสแล้ว แม้ว่านางจะไม่ใช่ฮองเฮา แต่นางย่อมได้เป็นไทเฮาอย่างแน่นอนนางคุกเข่าอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ลุกขึ้น รอให้มู่หรูกงกงประกาศราชโองการฉบับต่อไปอย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้เพียงแค่มองดูที่อวี่เหวินห่าว จากนั้นก็ตบไหล่เขาเบา ๆ และตรัสว่า "เคลื่อนขบวนกลับวัง!"วันนี้เป็นเพียงขั้นตอนเท่านั้น ในอนาคตจะมีการสนทนาระหว่างขุนนางและกษัตริย์ ตอนนี้เป็นแค่การคุยกันระหว่างพ่อลูกเท่านั้นเมื่อเห็นว่าจักรพรรดิหมิงหยวนจะไปจริง ๆ เสียนเฟยก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาว่า "ฝ่าบาท รอประเดี๋ยวเพคะ!"จักรพรรดิหมิงหยวนมองกลับมาที่นางด้วยแววตาที่ไม่สบอารมณ์นัก “มีอะไรอีก?”เสียนเฟยเห็นแววตาของเขา และหวนนึกถึงวันที่ตบนางวันนั้นได้ นางก็ข่มใจลงไม่พูดอะไรต่อ และหลุบตาลงแล้วพูดว่า "หม่อมฉันอยากอยู่กับองค์หญิงรัชทายาทสักพัก ค่อยกลับวังทีหลังเพคะ”สีหน้าของจักรพรรดิหมิงหยวนไม่สบอารมณ์นักและตรัสว่า "อนุญาต!"หลังจากที่อวี่เหวินห่าวและท่านอ๋องส่งเสด็จไทเฮา ฮองเฮา และพระสนมทั้งหมดออกไปแล้ว อ๋องซุน อ๋องหวย และอ๋องฉีต่
นางแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ “เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังพูดอะไร?”อวี่เหวินห่าวมองนาง "เสด็จแม่ วันที่เหล่าหยวนคลอดลูก ท่านรู้ไหมว่าท่านทำอะไรลงไป?"เสียนเฟยหน้าเขียวไปหมด "ทุกสิ่งที่แม่ทำก็เพื่อเจ้าทั้งนั้น หยวนชิงหลิงจะทำให้เจ้าได้ดื่มด่ำแค่ความสุขเท่านั้น ชั่วชีวิตเจ้าจะไม่ทำอะไรเลย""พยายามฆ่าพระชายาของข้าเพื่อข้างั้นรึ?" อวี่เหวินห่าวรู้สึกเย็นชาเมื่อเขาพูดว่า "แล้วอยู่เฉย ๆ มันผิดอะไร? ในฐานะพ่อแม่ การหวังอยากให้ลูกมีความสุขตลอดไปมิใช่หรือ? การอยู่เฉย ๆ ต่างหากคือพรอันประเสริฐสุด”เสียนเฟยมองไปที่เขาอย่างตกตะลึง ในใจนางเต้นอย่างบ้าคลั่ง ทั้งผิดหวังและเจ็บปวด "เป็นเวลาหลายปีผ่านมา ข้ามักบอกเจ้าเสมอว่าตระกูลซูล่มสลายแล้ว ปู่กับน้าของเจ้าจะสนับสนุนเจ้าทั้งหมด เพื่อที่สักวันเจ้าจะได้ขึ้นครองราชย์ ... "อวี่เหวินห่าวเย้ยหยัน "สักวันจะขึ้นครองราชย์ ได้ แล้วตระกูลซูก็จะถูกแต่งตั้งเป็นโฮ่วงั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็เพื่อข้าหรือเพื่อพวกเขากันแน่? เรื่องความล่มสลายของตระกูลซูเกี่ยวกับข้างั้นหรือ? หากข้าได้เป็นจักรพรรดิ ตระกูลซูก็จะสามารถฟื้นศักดิ์ศรีได้ ตอนนี้เสด็จย่าเป็นเสด
หยวนชิงหลิงคิดผิด ฮูหยินเฒ่าที่กำลังรีบออกไปตอนนี้ แม้ว่านางไม่อยากให้นางหวงรบกวนการพักผ่อนของนาง หรือพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไป แต่ที่สำคัญที่สุดคือนางโกรธเหลือเกิน และอยากระบายความโกรธสักยกถึงจะสบายใจได้หยวนชิงผิงอยู่กับหยวนชิงหลิง เมื่อมองไปที่แผ่นหลังที่โกรธเกรี้ยวของย่านาง หยวนชิงผิงกล่าวว่า "คราวนี้ท่านแม่ถูกท่านย่าด่าตายแน่"หยวนชิงหลิงมองดูนาง และเห็นว่านางดูเศร้าเล็กน้อย นางจึงถามว่า "เป็นอะไรไป? ว่าที่เจ้าสาวทำไมดูไม่มีความสุขเอาซะเลย"หยวนชิงผิงมองนางด้วยดวงตาสีแดงเล็กน้อย "เมื่อครู่นี้ หมานเอ๋อร์บอกข้าว่า ท่านให้กำเนิดเด็ก ๆ โดยการผ่าท้องตัวเอง"หยวนชิงหลิงยิ้ม นางคิดว่านางกังวลว่านางเองจะต้องทำเช่นเดียวกันเมื่อมีลูกในอนาคต นางจึงพูดว่า "เจ้าต่างจากข้า ครั้งนี้ข้าท้องแฝดสาม และร่างกายข้าอ่อนแอ ข้าคลอดเองไม่ได้ ดังนั้นต้องใช้วิธีนี้แทน ไม่ต้องห่วง ตราบจนกว่าเจ้าแต่งงานมีลูก พี่สาวคนโตอย่างข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าแน่นอน”หยวนชิงผิงสูดจมูก “ข้าไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเอง ข้าแค่คิดว่ามันอันตรายเกินไปสำหรับท่านที่จะคลอดลูก แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับท่านขึ้นมา ข้าไม่อยากให้ท่านตา
“เจ้าออกมาหาข้างั้นหรือ?” หยวนชิงหลิงรู้สึกซึ้งใจมาก ในฐานะผู้ที่ละทิ้งทางโลกแล้ว การขอให้นางลงจากภูเขาถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง"การมีลูกเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นข้าจึงอยากมาแสดงความยินดีกับเจ้า" จิ้งเหอจวิ้นจู่กล่าวหมานเอ๋อร์ยกน้ำชาไปให้ จิ้งเหอจวิ้นจู่ขอบคุณนางอย่างอ่อนโยนหมานเอ๋อร์ตกใจและเขินมาก "จวิ้นจู่ไม่ต้องเกรงใจเพคะ"หยวนชิงหลิงเห็นว่านางพูดคุยกับผู้คนอย่างอ่อนโยนยิ่งนัก เห็นได้ว่าหัวใจของนางสงบขึ้นมาก และใจของนางก็ผ่อนคลายขึ้นด้วยเช่นกัน“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หยวนชิงหลิงมองไปที่นางแล้วถาม"สบายดี""นอนหลับเป็นอย่างไรบ้าง?"จิ้งเหอจวิ้นจู่ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นยิ้มอย่างซีดเซียว "มันไม่ค่อยดีนัก ข้ามักจะเห็นสิ่งต่าง ๆ จากอดีตในความฝันเสมอ""ชีวิตคือหมอที่ดีที่สุด และมันจะค่อย ๆ ผ่านไป" หยวนชิงหลิงปลอบโยน“ข้ารู้” มีความแน่วแน่ในดวงตาของนางนางจิบชาวางแก้วลงช้า ๆ เหมือนคิดทบทวนอะไรอยู่แล้วพูดว่า "ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามียาไร้กังวล แบ่งให้ข้าหน่อยได้ไหม?""ยาไร้กังวล? เจ้าจะเอาไปทำอะไร?" หยวนชิงหลิงมองไปที่ท้องของนางโดยไม่รู้ตัว นางสวมเสื้อผ้าที่ดูหลวม ดังนั้นนางจึงไม่สามา
หยวนชิงหลิงมองนาง และเห็นรอยยิ้มซีดเซียวของนาง นางพูดต่อไปว่า "ในตอนนั้น ข้าหมดหนทางและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เมื่อข้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจึงตระหนักว่ามันไม่จำเป็นอีกต่อไป""ใช่แล้ว ทุกอย่างจะผ่านไป" หยวนชิงหลิงพูดอย่างคลุมเครือ มองนางและฟังนางพูดต่อไปจิ้งเหอจวิ้นจู่พูดต่อ "ตอนนั้นที่ข้าพบกู้จือ นางซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าของข้า นางก็รีบออกมา และขอร้องให้ข้าช่วยนาง นางถูกควักลูกตาออกมา และนางทำได้เพียงฟังเสียงเท่านั้น พูดไปก็น่าขันนัก ให้นางได้ยินเสียงฝีเท้าของข้า ข้ามองหน้านาง และสัญญาว่าจะช่วยนาง ข้าลากนางไปจนถึงยอดเขา ตอนนั้นข้าคิดว่าตายคนเดียวนั้นคงไม่ดี ข้าเคยช่วยชีวิตกู้จือไว้ ข้าจะเอาคืน”หยวนชิงหลิงพูดว่า "นางคงไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ในตอนนั้นใช่ไหม? นางขอความช่วยเหลือจากเจ้า เพราะนางรู้ว่าตัวเองถูกตามล่าสินะ"“ข้าคิดว่านางคงไม่รู้ว่าข้ากำลังลากนางไปตายพร้อมกัน แต่เมื่อข้าไปถึงยอดเขาและหยุดลง จู่ ๆ นางก็คุกเข่าลงและกล่าวขอบคุณที่ช่วยชีวิตนางในวันนั้น ถ้าข้าต้องการที่จะตายในวันนี้ นางจะร่วมทางไปกับข้าด้วย"“นางไม่จริงใจ” หยวนชิงหลิงกล่าว“แน่
ไม่ว่าเขาจะเลอะเลือนเพียงใด แต่เรื่องการประจบสอพลอนั้นไม่มีทางพลาดได้อย่างแน่นอนเขาไม่กล้าล่วงเกินอ๋องเว่ยแล้วอย่างกู้จือแบบนั้น มันไม่ใช่แนวที่ท่านพ่อชอบเลยจริง ๆนางไม่เชื่อ กู้จือต้องโกหกแน่นางพูดแบบนั้นออกมา นางต้องมีแผนอะไรในใจแน่?จิ้งเหอจวิ้นจู่กล่าวว่า "นางว่ามาเช่นนั้น วันหลังเจ้าลองสอบถามนางดูสิ"หยวนชิงหลิงจะรอช้ากว่านี้ได้อย่างไร? ในใจร้อนร้นแทบตาย เจ้าห้าเพิ่งเป็นรัชทายาท แต่พ่อขององค์หญิงรัชทายาทกลับไปแอบมีสัมพันธ์ลับกับอนุของอ๋องเว่ยจนตั้งครรภ์ขึ้นมาหากเป็นเรื่องจริง ละครฉากนี้คงถูกอ๋องอันป่าวกระกาศไปนานแล้วในแต่ละทุกย่างก้าวเขาต้องคำนวนคนไปเท่าไหร่?หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าถ้านี่เป็นเรื่องจริง อ๋องอันก็น่ากลัวมากจริง ๆ“ตอนนี้กู้จืออยู่ที่ไหน?” หยวนชิงหลิงถาม"ในห้องด้านข้างถัดในอารามชีหมิงเยว่ที่ข้าพักอยู่ตอนนี้"“จิ้งเหอจวิ้นจู่ ข้าอยากพบกู้จือ เพื่อถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับท่านพ่อข้า”จิ้งเหอจวิ้นจู่มองนางและพูดว่า "จริง ๆ แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป สิ่งที่กู้จือพูดมามากมายนั้น เจ้าเชื่อไปคำหนึ่งก็นับว่าอันตรายมากแล้ว และมันก็เพียงพอแล้ว