หยวนชิงหลิงมองนาง และเห็นรอยยิ้มซีดเซียวของนาง นางพูดต่อไปว่า "ในตอนนั้น ข้าหมดหนทางและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เมื่อข้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจึงตระหนักว่ามันไม่จำเป็นอีกต่อไป""ใช่แล้ว ทุกอย่างจะผ่านไป" หยวนชิงหลิงพูดอย่างคลุมเครือ มองนางและฟังนางพูดต่อไปจิ้งเหอจวิ้นจู่พูดต่อ "ตอนนั้นที่ข้าพบกู้จือ นางซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าของข้า นางก็รีบออกมา และขอร้องให้ข้าช่วยนาง นางถูกควักลูกตาออกมา และนางทำได้เพียงฟังเสียงเท่านั้น พูดไปก็น่าขันนัก ให้นางได้ยินเสียงฝีเท้าของข้า ข้ามองหน้านาง และสัญญาว่าจะช่วยนาง ข้าลากนางไปจนถึงยอดเขา ตอนนั้นข้าคิดว่าตายคนเดียวนั้นคงไม่ดี ข้าเคยช่วยชีวิตกู้จือไว้ ข้าจะเอาคืน”หยวนชิงหลิงพูดว่า "นางคงไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ในตอนนั้นใช่ไหม? นางขอความช่วยเหลือจากเจ้า เพราะนางรู้ว่าตัวเองถูกตามล่าสินะ"“ข้าคิดว่านางคงไม่รู้ว่าข้ากำลังลากนางไปตายพร้อมกัน แต่เมื่อข้าไปถึงยอดเขาและหยุดลง จู่ ๆ นางก็คุกเข่าลงและกล่าวขอบคุณที่ช่วยชีวิตนางในวันนั้น ถ้าข้าต้องการที่จะตายในวันนี้ นางจะร่วมทางไปกับข้าด้วย"“นางไม่จริงใจ” หยวนชิงหลิงกล่าว“แน่
ไม่ว่าเขาจะเลอะเลือนเพียงใด แต่เรื่องการประจบสอพลอนั้นไม่มีทางพลาดได้อย่างแน่นอนเขาไม่กล้าล่วงเกินอ๋องเว่ยแล้วอย่างกู้จือแบบนั้น มันไม่ใช่แนวที่ท่านพ่อชอบเลยจริง ๆนางไม่เชื่อ กู้จือต้องโกหกแน่นางพูดแบบนั้นออกมา นางต้องมีแผนอะไรในใจแน่?จิ้งเหอจวิ้นจู่กล่าวว่า "นางว่ามาเช่นนั้น วันหลังเจ้าลองสอบถามนางดูสิ"หยวนชิงหลิงจะรอช้ากว่านี้ได้อย่างไร? ในใจร้อนร้นแทบตาย เจ้าห้าเพิ่งเป็นรัชทายาท แต่พ่อขององค์หญิงรัชทายาทกลับไปแอบมีสัมพันธ์ลับกับอนุของอ๋องเว่ยจนตั้งครรภ์ขึ้นมาหากเป็นเรื่องจริง ละครฉากนี้คงถูกอ๋องอันป่าวกระกาศไปนานแล้วในแต่ละทุกย่างก้าวเขาต้องคำนวนคนไปเท่าไหร่?หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าถ้านี่เป็นเรื่องจริง อ๋องอันก็น่ากลัวมากจริง ๆ“ตอนนี้กู้จืออยู่ที่ไหน?” หยวนชิงหลิงถาม"ในห้องด้านข้างถัดในอารามชีหมิงเยว่ที่ข้าพักอยู่ตอนนี้"“จิ้งเหอจวิ้นจู่ ข้าอยากพบกู้จือ เพื่อถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับท่านพ่อข้า”จิ้งเหอจวิ้นจู่มองนางและพูดว่า "จริง ๆ แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป สิ่งที่กู้จือพูดมามากมายนั้น เจ้าเชื่อไปคำหนึ่งก็นับว่าอันตรายมากแล้ว และมันก็เพียงพอแล้ว
หยวนชิงหลิงสงสัยในความเชี่ยวชาญของเขานางกล่าวว่า "ไม่ว่าอย่างไร ต้องถามกู้จือให้รู้เรื่อง"“จิ้งเหอจวิ้นจู่ไม่ได้บอกหรือ สิ่งที่กู้จือพูดไม่มีความจริง หากเจ้าเชื่อสิ่งที่นางพูด ใครจะรู้ว่านางหลอกเจ้า?” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ข้าจะไม่เชื่อกู้จือไปเสียทั้งหมด แต่ก่อนที่จะถามพ่อของข้า ข้าควรฟังกู้จือพูดก่อน""เอาเถอะ ลองถามดู อย่าคุยกับนางเยอะนะ คน ๆ นี้ร้ายกาจเกินไป พยายามอย่าใกล้ชิดเป็นการดีกว่า" อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงจับแขนของเขา "เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว นายท่าน ท่านพูดให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหม วันนี้ท่านทำอะไรมา? ผ่านไปครึ่งวันก็ไม่ได้เจอท่าน"อวี่เหวินห่าวพูดอย่างหดหู่ "ข้าไปที่กรมพิธีการ ดูว่าพวกเขาตั้งชื่ออะไรให้พวกเปาจื่อ พวกเขาบอกว่าเสด็จพ่อยังไม่ได้ตัดสินพระทัยเรื่องนี้ ผ่านมาหลายวันแล้ว พวกเขายังไม่มีชื่อเลย เรียกพวกเขาว่าเปาจื่อทังหยวนรู้สึกอึดอัดใจ”"ข้าคิดว่ามันเป็นชื่อที่ดีออก" หยวนชิงหลิงที่รู้สึกใจสลายในตอนแรก แต่ตอนนี้นางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นางคิดว่าชื่อเล่นเหล่านี้ค่อนข้างดี และเหมาะเป็นชื่อเล่นจริง ๆ ด้วยอวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "จะบอกว
อวี่เหวินห่าวกะพริบตาเล็กน้อย "เจ้าคิดเรื่องนี้ได้อย่างไร"“ไม่ดีหรือ?” หยวนชิงหลิงถามอวี่เหวินห่าวยื่นมือไปลูบใบหน้าของนางและรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย "ไม่เลย ดีมาก ๆ เหล่าหยวน นี่เป็นวิธีที่ดี แม้ว่าจะไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่โรงเรียนแพทย์นี้เกิดขึ้น และสามารถดำเนินการได้ทั่วทั้งเป่ยถัง เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์นี้จะบรรเทาลงได้เป็นอย่างมาก”เมื่อเห็นว่าเขาเห็นด้วย หยวนชิงหลิงก็พูดด้วยรอยยิ้ม "อย่ากังวลกับการดำเนินการทั่วประเทศ มาทำโครงการนำร่องในใจกลางเมืองหลวงก่อน เราจะจ่ายเงินเพื่อจัดตั้งโรงเรียนแพทย์แห่งแรก รับสมัครนักเรียนหนึ่งร้อยคน และเชิญแพทย์ที่เกษียณแล้วซึ่งมีฝีมือทางการแพทย์เป็นเลิศมาสอน ในเรื่องนี้ต้องให้ท่านจัดการแล้วล่ะ""ตกลง!" อวี่เหวินห่าวเห็นด้วยอย่างมาก "ถ้าเจ้ารับสมัครนักเรียนหนึ่งร้อยคนในช่วงแรก เจ้าจะเชิญแพทย์มาสอนกี่คน""สาม สามสิบสามคนต่อหนึ่งห้องเรียน" หยวนชิงหลิงกล่าวอวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "เรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าจะช่วยเจ้าหาหมอ หลังจากที่เจ้าอยู่เดือนครบแล้ว เราจะเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ทันที"หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "เรื่องนี้
เหมือนกู้จือจะรู้ว่าหยวนชิงหลิงเข้ามา จึงจัดเสื้อผ้าที่ไม่พอดีตัวเล็กน้อย "พระชายาฉู่?"หลังจากได้ยินนางเรียกชื่อนี้ หยวนชิงหลิงก็รู้ได้เลยว่าข่าวสารของนางถูกปิดกั้นไปมากทีเดียวหยวนชิงหลิงนั่งลงและกระเถิบออกไปเล็กน้อย หมานเอ๋อร์นำตัวเป่าเข้ามา และตัวเป่านอนหมอบอยู่ข้างหน้าหยวนชิงหลิง มันหูตั้งขึ้นจ้องมองไปที่กู้จืออย่างระมัดระวังประตูถูกปิดลง กู้จือดูไม่สบายใจเล็กน้อย "เจ้าจะทำอะไร?" "ข้าแค่จะถามเจ้า อย่ากังวลไปเลย" หยวนชิงหลิงมองนาง "นั่งลง"กู้จือหันหน้ามา และควานมือทั้งสองจับเก้าอี้แล้วนั่งลงช้า ๆนางนั่งตัวตรงอย่างวางท่าเล็กน้อย ราวกับพยายามรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวนางเอง“ใครเป็นพ่อของลูกเจ้า?” หยวนชิงหลิงถามกู้จือดูเหมือนจะรู้ว่านางอยากจะถามเรื่องนี้อยู่แล้วจึงตอบว่า "จิ้งโฮ่ว"“กู้จือ เสแสร้งให้น้อยลง พูดความจริงให้มากขึ้นเป็นการดีกว่า” หยวนชิงหลิงแสดงท่าทีไม่เชื่อออกมากู้จือผายมือ "นี่คือความจริง หากพระชายาฉู่ไม่เชื่อ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด"“เจ้าบอกว่าเขาเป็นลูกของพ่อข้า แล้วเจ้าเจอกับพ่อข้าเมื่อไหร่และที่ไหน?” หยวนชิงหลิงถามกู้จือยิ้มอย่างประชดประชัน "ที่จริงแล
หยวนชิงหลิงอารมณ์เสียเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เรื่องนี้มันน่าขยะแขยงและปวดใจ นางพูดอย่างเย็นชา "ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว ข้าแค่อยากรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นของพ่อข้าได้อย่างไร?"กู้จือเย้ยหยัน "ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือ ข้ากำลังตั้งท้องลูกของอ๋องเว่ยไม่ใช่หรือ? แต่อ๋องเว่ยไม่ได้ทำให้ข้าท้องได้ ดังนั้นข้าจึงได้แต่ออกไปตามหาคนที่จะมาช่วย อ๋องอันเป็นคนที่ตาแหลม ไขว่คว้าหาโอกาสเก่งมาโดยตลอด และในเวลานั้นความสามารถของเจ้าเป็นที่ปรากฏขึ้นมา เขาต้องเตรียมพร้อมที่จะสกัดกั้นพวกเจ้า และในเวลานั้น จิ้งโฮ่วรู้สึกร้อนรนมากเกี่ยวกับการประเมิน พยายามมองหาช่องทางเส้นสายไปทุกที่ และเขาก็ไปหาอ๋องอัน แต่อ๋องอันเองไม่คิดช่วยเหลือเขา แต่ขอให้เขาไปค้างกับข้าสองสามคืน พ่อของเจ้าตกลงอย่างง่ายดาย และในตอนนั้นเองข้าก็ได้ตั้งท้อง”หยวนชิงหลิงไม่อยากจะเชื่อเลย หยวนปาหลงทำบ้าอะไร? ขายตัวหรือ?หากเป็นเรื่องจริง หยวนชิงหลิงอยากจะผ่าสมองของเขาดูจริง ๆ ว่ามีหญ้างอกอยู่ข้างในหรือไม่?"ในท้ายที่สุดอ๋องอันก็ไม่ได้ช่วยเขา" กู้จือหัวเราะเยาะเย้ย "พ่อของเจ้าโง่เง่าเหมือนสุกรจริง ๆ ถ้าวันหนึ่งพระชายาฉู่ตาย ก็คงเป็นเขาที่ฆ่าเจ้า"หยวนชิง
เสียงของกู้จือเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความขุ่นเคือง "ผู้ชายล้วนมีคุณธรรม"จิ้งโฮ่วอยากจะปิดปากของนาง เขาหยิบตั๋วเงินออกจากอกของเขายัดใส่มือกู้จือ แล้วพูดด้วยเสียงเบาอย่างขุ่นเคืองว่า "เจ้ารีบไปเร็ว ๆ อย่ามาหาลูกสาวของข้า นี่ตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง ก็น่าเพียงพอแล้วสำหรับเจ้าที่จะออกจากเมืองหลวงไปหาที่อยู่อาศัยใหม่ เจ้าห้ามพูดเรื่องระหว่างข้ากับเจ้าอีกตลอดไป รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ไปซะ”กู้จือหยิบตั๋วเงินและยัดเข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อของนางอย่างสั่นสะท้าน "ได้!"อย่างไรก็ตาม นางยังคงนั่งนิ่งประตูถูกผลักเปิดออก หยวนชิงหลิงเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ อาซื่อรีบปิดประตูด้านนอกทันทีจิ้งโฮ่วเห็นหยวนชิงหลิงก็ตกใจจนตัวสั่น จากนั้นแสร้งทำเป็นวางมาดทันทีที่เห็นหยวนชิงหลิง และทำเป็นพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย "เจ้ายังต้องอยู่เดือนอยู่ เจ้าออกมาโดนลมไม่ได้ ใส่ใจร่างกายตัวเองให้มากสิ"หยวนชิงหลิงถลึงตามองเขา ดูเหมือนกำลังจะฆ่าใครสักคนจิ้งโฮ่วหดคอของเขา "เจ้า... เจ้าสบายดีไหม ใครทำให้เจ้าไม่พอใจ""อย่าพูดไร้สาระ เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?" หยวนชิงหลิงไม่โกรธอีกต่อไป เป็นความโชคร้ายของนาง
กู้จือพูดอย่างเฉยชา "ถ้าทำแท้งไม่ได้ ก็แค่บีบคอตอนคลอดออกมาซะ"หลังจากที่จิ้งโฮ่วได้ยิน ก็รีบตอบเห็นด้วย "ใช่ แค่บีบคอให้ตายซะ ปล่อยเอาไว้ขายหน้าเขาตาย"หยวนชิงหลิงที่ได้ยินดังนั้นนางก็โกรธจนขึ้นหน้า นางไม่สนใจว่าจิ้งโฮ่วจะขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของนางหรือไม่ นางจึงหยิบแก้วบนโต๊ะแล้วขว้างใส่เขา จนหกเละเทะไปทั่วตัวเขา "ข้าจะบีบคอท่านก่อน ดีไหม? ในฐานะผู้ชาย ท่านไม่เหลือความรับผิดชอบสักนิดเลยหรือ? ท่านปู่มอบตำแหน่งโฮ่วให้ท่าน ท่านไม่คิดจะใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อรักษามันไว้ แต่กลับขายลูกสาวคนนี้คนนั้น ในท้ายที่สุดเพื่อรักษาสิ่งที่เรียกว่าความมั่งคั่ง ถึงกับยอมขายศักดิ์ศรีตัวเอง ตอนนี้เพื่อกำจัดเรื่องชั่วช้าของตัวเอง แม้แต่เด็กในครรภ์ยังจะฆ่าให้ตาย ท่านยังเป็นคนอยู่ไหม?”จิ้งโฮ่วก้มหน้าลงไม่กล้าส่งเสียง ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิด แต่เป็นเพราะหยวนชิงหลิงดุร้ายเกินกว่าจะพูดตอบโต้กู้จือไม่ได้ยินเขาเถียงกลับ และคาดเดาท่าทางขี้ขลาดของเขาได้ จึงหัวเราะเยาะเย้ยอีกครั้งหยวนชิงหลิงยังคงโกรธอยู่ เมื่อได้ยินนางหัวเราะเช่นนี้ นางหันหน้าไปอย่างเย็นชา "เจ้าหัวเราะอะไร เสียงหัวเราะของเจ้าดูเหมือนจะเป็