เสียงของกู้จือเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความขุ่นเคือง "ผู้ชายล้วนมีคุณธรรม"จิ้งโฮ่วอยากจะปิดปากของนาง เขาหยิบตั๋วเงินออกจากอกของเขายัดใส่มือกู้จือ แล้วพูดด้วยเสียงเบาอย่างขุ่นเคืองว่า "เจ้ารีบไปเร็ว ๆ อย่ามาหาลูกสาวของข้า นี่ตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง ก็น่าเพียงพอแล้วสำหรับเจ้าที่จะออกจากเมืองหลวงไปหาที่อยู่อาศัยใหม่ เจ้าห้ามพูดเรื่องระหว่างข้ากับเจ้าอีกตลอดไป รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ไปซะ”กู้จือหยิบตั๋วเงินและยัดเข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อของนางอย่างสั่นสะท้าน "ได้!"อย่างไรก็ตาม นางยังคงนั่งนิ่งประตูถูกผลักเปิดออก หยวนชิงหลิงเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ อาซื่อรีบปิดประตูด้านนอกทันทีจิ้งโฮ่วเห็นหยวนชิงหลิงก็ตกใจจนตัวสั่น จากนั้นแสร้งทำเป็นวางมาดทันทีที่เห็นหยวนชิงหลิง และทำเป็นพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย "เจ้ายังต้องอยู่เดือนอยู่ เจ้าออกมาโดนลมไม่ได้ ใส่ใจร่างกายตัวเองให้มากสิ"หยวนชิงหลิงถลึงตามองเขา ดูเหมือนกำลังจะฆ่าใครสักคนจิ้งโฮ่วหดคอของเขา "เจ้า... เจ้าสบายดีไหม ใครทำให้เจ้าไม่พอใจ""อย่าพูดไร้สาระ เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?" หยวนชิงหลิงไม่โกรธอีกต่อไป เป็นความโชคร้ายของนาง
กู้จือพูดอย่างเฉยชา "ถ้าทำแท้งไม่ได้ ก็แค่บีบคอตอนคลอดออกมาซะ"หลังจากที่จิ้งโฮ่วได้ยิน ก็รีบตอบเห็นด้วย "ใช่ แค่บีบคอให้ตายซะ ปล่อยเอาไว้ขายหน้าเขาตาย"หยวนชิงหลิงที่ได้ยินดังนั้นนางก็โกรธจนขึ้นหน้า นางไม่สนใจว่าจิ้งโฮ่วจะขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของนางหรือไม่ นางจึงหยิบแก้วบนโต๊ะแล้วขว้างใส่เขา จนหกเละเทะไปทั่วตัวเขา "ข้าจะบีบคอท่านก่อน ดีไหม? ในฐานะผู้ชาย ท่านไม่เหลือความรับผิดชอบสักนิดเลยหรือ? ท่านปู่มอบตำแหน่งโฮ่วให้ท่าน ท่านไม่คิดจะใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อรักษามันไว้ แต่กลับขายลูกสาวคนนี้คนนั้น ในท้ายที่สุดเพื่อรักษาสิ่งที่เรียกว่าความมั่งคั่ง ถึงกับยอมขายศักดิ์ศรีตัวเอง ตอนนี้เพื่อกำจัดเรื่องชั่วช้าของตัวเอง แม้แต่เด็กในครรภ์ยังจะฆ่าให้ตาย ท่านยังเป็นคนอยู่ไหม?”จิ้งโฮ่วก้มหน้าลงไม่กล้าส่งเสียง ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิด แต่เป็นเพราะหยวนชิงหลิงดุร้ายเกินกว่าจะพูดตอบโต้กู้จือไม่ได้ยินเขาเถียงกลับ และคาดเดาท่าทางขี้ขลาดของเขาได้ จึงหัวเราะเยาะเย้ยอีกครั้งหยวนชิงหลิงยังคงโกรธอยู่ เมื่อได้ยินนางหัวเราะเช่นนี้ นางหันหน้าไปอย่างเย็นชา "เจ้าหัวเราะอะไร เสียงหัวเราะของเจ้าดูเหมือนจะเป็
จิ้งโฮ่วรู้ว่าเขาเผลอหลุดปากไปแล้ว เขาโบกมือแล้วพูดว่า "ไม่ ข้าแค่พูดเหลวไหลไปเท่านั้น"หยวนชิงหลิงพูดอย่างเย็นชา "ถ้าท่านยังรู้สึกเสียดายหัวของตัวเอง ก็บอกข้าเกี่ยวกับเรื่องชั่วช้าที่ก่อขึ้นมาให้หมด"จิ้งโฮ่วรู้สึกไม่พอใจ "ในตอนนี้เจ้าเป็นองค์หญิงรัชทายาทแล้ว อย่าคิดว่าเจ้าจะหยาบคายกับพ่อของเจ้าได้นะ เรื่องเลวร้ายวุ่นวายอะไร? ทุกสิ่งที่พ่อทำก็เพื่อจวนโฮ่วของเราไม่ใช่หรือไง? ในตอนแรกที่เจ้าแต่งกับองค์รัชทายาทก็ไม่ได้ใช้วิธีขาวสะอาดอะไรมิใช่หรือ ทำไมไม่เห็นเจ้าพูดเล่า? กู้จือก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ตอนนี้เจ้าอยู่สูงแล้ว ลืมไปแล้วหรือว่าเมื่อก่อนเจ้าน่ารังเกียจมากแค่ไหน!”หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ หยวนชิงหลิงก็โกรธจนเจ็บแผลของนาง ช่างเจ็บปวดจริง ๆ ทำไมเจ้าของร่างเดิมถึงมีบิดาเช่นนี้? และนางมาสิงเจ้าของร่างเดิมได้อย่างไร?หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าไม้เท้าจักรพรรดิที่ไท่ซ่างหวงมอบให้นั้นมีประโยชน์ซะจริง อย่างน้อยบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปพูดด้วยนางหยิบมันออกมาอย่างช้า ๆ แล้ววางลงบนโต๊ะ "จะพูดหรือจะถูกตีว่ามา ข้าไม่อยากได้ยินคำพูดไร้สาระ""หยวนชิงหลิง เจ้ากล้าหรือ?" เมื่อจิ้งโฮ่วเห็นไม้เท้า
"ไม่...ไม่มีแล้ว" เมื่อเห็นนางเป็นแบบนี้ จิ้งโฮ่วก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกหยวนชิงหลิงกุมมือตัวเอง สูดหายใจเข้าลึก และกลืนยารักษาหัวใจ "ไม่ บอกข้า บอกข้ามา ข้าทนได้ อย่างน้อยที่สุดข้าแค่โกรธจนตาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตาม นั่นมันเรื่องท่านไม่เกี่ยวกับข้า"เมื่อเห็นว่านางเริ่มหอบและต้องกินยา จิ้งโฮ่วจึงรู้ได้ว่านางกำลังโกรธมาก ดังนั้นจึงต้องตอบอย่างซื่อสัตย์ ท้ายที่สุดจวนจิ้งโฮ่วต้องยังจำเป็นที่จะต้องพึ่งพานาง และมันคงไม่ดีถ้านางโกรธขึ้นมาจริง ๆเขาเลยตอบไปตามจริง ในจำนวนเหล่านี้มีสตรีที่แต่งงานแล้วมากกว่าสิบคน ต่างก็ล้วนเป็นภริยาของพวกขุนนางข้าราชบริพารหลังจากที่หยวนชิงหลิงได้ฟัง นางก็โกรธมากจนแทบจำไม่ได้ นางแค่สับสนว่าใบหน้าของหยวนปาหลงนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้หญิงได้อย่างไร?นางมองเขา เขามีหน้าตาที่ดีจริง ๆ เขาอายุสี่สิบปี รูปร่างของเขาดูอ่อนกว่าวัยไม่มากนัก เขามีดวงตาดอกท้อที่มีเสน่ห์คู่หนึ่ง และเขายังเคยได้ฝึกวรยุทธ์มาบ้าง แม้ว่าเขาจะถดถอยไปแล้วครึ่งหนึ่งด้วยสุรานารีก็ตาม แต่พื้นฐานของเขายังคงอยู่จิ้งโฮ่วพึมพำ "หลายปีมานี้ไม่มีทางเลือก บางครั้งเราต้องติดสินบนบ้าง ไม่เช่นนั้นด้ว
หยวนชิงหลิงไม่ได้โกรธเคืองหรือผิดหวังในชั่วขณะนั้น อันที่จริงในครอบครัวของนางไม่มีผู้อาวุโสที่ไว้ใจได้นอกจากท่านย่าของนางเท่านั้นแม้แต่แม่ของเจ้าของร่างเดิมอย่างนางหวงก็มาหานางในวันนั้น และนางก็ไม่ได้พูดอะไรหรือเห็นใจสักคำ แต่กลับเอาแต่พูดถึงการแข่งขันเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานกับอนุโจวไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของลูกสาวของตัวเองที่ให้กำเนิดทารกสามคนจนเกือบตายแม่สามีที่โหดร้าย และแม่ตัวเองก็เย็นชาอมหิต ถ้าไม่ใช่เพราะคำปลอบโยนอย่างจริงใจของนางข้าหลวงสี่ก่อนนอนทุกวัน นางคงทรุดลงไปแล้วจริง ๆเมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ นางข้าหลวงสี่รู้สึกเสียใจแทนนางและพูดว่า "อย่ากังวลกับเรื่องนั้น รักษาสุขภาพอยู่เดือนให้ดี ไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดอื่นในตอนนี้ มันจะทำลายสุขภาพเอาได้ นอนเถอะเพคะ"หยวนชิงหลิงขานรับและหลับตาแม้ว่าใจจะกระวนกระวาย แต่ก็เหนื่อยล้ามากเหลือเกิน และหลังจากนั้นไม่นานก็ผล็อยหลับไปนางหลับไปหนึ่งชั่วยาม และเมื่อนางตื่นขึ้นมา นางก็เห็นเจ้าห้านั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ นางสีหน้าของเขาดูจดจ่อมาก เขาพลิกหน้ากระดาษไปทีละหน้า หยวนชิงหลิงไม่ขยับเขยือนและมองเขาอยู่แบบนั้นมีหนังสือประเภทเด
“ไม่เพียงแค่ฮูหยินชางเท่านั้น แต่ยังมีฮูหยินของขุนนางข้าราชการทั้งน้อยใหญ่อีกกว่าสิบคนที่มีความสัมพันธ์กับเขา…”อวี่เหวินห่าวทนไม่ไหวอีกต่อไป "ไม่ใช่ใช่ไหม? เหล่าหยวน พ่อของเจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้? เขาเสพติดการเป็นชู้กับชาวบ้านหรือเปล่า"หยวนชิงหลิงแบมือ "ท่านว่าจะทำอย่างไรต่อ?"ดวงตาของอวี่เหวินห่าวเบิกกว้าง "ข้าจะทำอะไรได้อีก? ส่งเขาไป ถ้าเรื่องนี้ความแตกออกมา จวนจิ้งโฮ่วจะกลายเป็นตะแกรง? ถูกประนามด่าสาปจนตายเป็นแน่"“ข้าก็คิดอย่างนั้น ข้าหาวิธีบอกเขาให้ออกไปได้แล้ว” หยวนชิงหลิงพูดอย่างโกรธเคืองอวี่เหวินห่าวตกตะลึงอย่างมากและนึกถึงกู้จือขึ้นมา จึงเอ่ยถามไปว่า "เขายอมรับว่าลูกของกู้จือเป็นของเขาหรือไม่?""ไม่อยากยอมรับ แต่ข้าคาดว่าเป็นของเขาแน่ เขาบอกว่าเขาจะบีบคอเด็กหลังจากที่เด็กเกิดมา" หยวนชิงหลิงรู้สึกละอายใจเมื่อพูดออกมาอวี่เหวินห่าวพูดอะไรไม่ออก "เป็นไปได้ คนที่ทำงานใหญ่ เขาก็ต้องโหดร้ายมากพอ"“โหดร้ายและไร้ความปรานี? นับรวมเขาไม่ได้จริง ๆ เขาแค่เด็ดลูกพลับอ่อน จัดการแต่เรื่องง่าย ๆ เพียงเท่านั้น”อวี่เหวินห่าวไม่เห็นด้วย "อย่างน้อยเขาก็กล้าหาญกว่าข้
จิ้งโฮ่วพูดด้วยความโกรธ "นี่มันเรื่องของข้า ข้าไม่ได้บอกว่าจะจัดการกับมันอย่างไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเขา? หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง"เขาไม่ยอมไปที่หนานเจียงเพื่อใช้ชีวิตอย่างทุรกันดาน ปราศจากความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งในเมืองหลวง ไม่ใช่ท่านโฮ่วของราชสำนัก แต่เป็นเพียงสามัญชนเหมือนคนอื่นทั่วไปเขารู้สึกโกรธเล็กน้อยกับความปากมากของหยวนชิงหลิงไม่เคยมีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนนี้หลายคนรู้เรื่องนี้แล้ว แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดเรื่องขึ้นจริง แต่มันเป็นความผิดของนางที่มาวุ่นวายเองเองถังหยางโน้มน้าวอย่างจริงจัง "ท่านโฮ่ว ผู้หญิงเหล่านี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ฮูหยินชางทำให้ท่านหัวขาดได้เลยนะ แล้วฮูหยินคนอื่นอีกเล่า? ครอบครัวสามีของพวกนางมีหรือปล่อยท่านไปได้? ท่านรีบไป ออกไปจากที่นี่ อย่างน้อยที่สุดก็เอาชีวิตรอดได้ และรัชทายาทก็ไม่ต้องมาพลอยลำบากไปด้วย"จิ้งโฮ่วพูดอย่างไม่พอใจ "เจ้ามักพูดว่าข้าจะทำให้เขาเดือดร้อน ข้าไปทำให้เขาเดือดร้อนอย่างไร? ไม่ใช่เขาที่ไปมีเรื่องวุ่นวายกับพวกนางสักหน่อย เป็นแค่เรื่องซุบซิบเล็กน้อยมิใช่หรือ? แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้ว? เขาเป็
คาดไม่ถึงว่าในขณะที่กำลังจะพาจิ้งโฮ่วออกไปนั้น ฮูหยินเฒ่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย นางมีอาการเส้นเลือดในสมองแตกอย่างกะทันหัน แต่นางก็ได้รับการช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว แต่นางก็ยังพูดไม่ค่อยได้ และครึ่งร่างก็ขยับไม่ได้ เมื่อหยวนชิงหลิงได้ทราบนั้น นางรู้สึกกระวนกระวายใจมากที่ไม่สามารถกลับไปที่บ้านของนางได้ในช่วงที่อยู่เดือนเช่นนี้ นี่เป็นธรรมเนียม ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงขอให้เจ้าห้าและหมอหลวงไปเยี่ยมเมื่ออวี่เหวินห่าวและหมอหลวงมาถึง จิ้งโฮ่วและนางหวงฮูหยินของเขาก็ยืนอยู่ข้างเตียงดูแลฮูหยินเฒ่าอยู่ฮูหยินเฒ่ายังคงหลับอยู่ ใบหน้าของนางแดงก่ำ หมอหลวงบอกว่าหลังจากเกิดโรคลมนางเซื่องซึมมาก และสถานการณ์ก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย ยังคงมีความเสี่ยงอยู่จิ้งโฮ่วถึงกับร้องไห้จนตาบวม เขาดึงอวี่เหวินห่าวออกมาและพูดว่า "ข้ารู้ว่าพวกท่านกำลังจะพาข้าไป ข้าเองก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน การอยู่ในเมืองหลวงมันอันตรายจริง ๆ ข้ายอมไปแล้ว แต่รออีกสองสามวัน หลังจากอาการของฮูหยินเฒ่าทรงตัวข้าจะไปเอง ไม่เช่นนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนางหลังจากที่ข้าออกไป ก็จะไม่มีใครส่งศพนางเลยแม้แต่คนเดียว”อวี่เหวินห่าวมองไปที