แชร์

บทที่ 915

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
นางแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ “เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังพูดอะไร?”

อวี่เหวินห่าวมองนาง "เสด็จแม่ วันที่เหล่าหยวนคลอดลูก ท่านรู้ไหมว่าท่านทำอะไรลงไป?"

เสียนเฟยหน้าเขียวไปหมด "ทุกสิ่งที่แม่ทำก็เพื่อเจ้าทั้งนั้น หยวนชิงหลิงจะทำให้เจ้าได้ดื่มด่ำแค่ความสุขเท่านั้น ชั่วชีวิตเจ้าจะไม่ทำอะไรเลย"

"พยายามฆ่าพระชายาของข้าเพื่อข้างั้นรึ?" อวี่เหวินห่าวรู้สึกเย็นชาเมื่อเขาพูดว่า "แล้วอยู่เฉย ๆ มันผิดอะไร? ในฐานะพ่อแม่ การหวังอยากให้ลูกมีความสุขตลอดไปมิใช่หรือ? การอยู่เฉย ๆ ต่างหากคือพรอันประเสริฐสุด”

เสียนเฟยมองไปที่เขาอย่างตกตะลึง ในใจนางเต้นอย่างบ้าคลั่ง ทั้งผิดหวังและเจ็บปวด "เป็นเวลาหลายปีผ่านมา ข้ามักบอกเจ้าเสมอว่าตระกูลซูล่มสลายแล้ว ปู่กับน้าของเจ้าจะสนับสนุนเจ้าทั้งหมด เพื่อที่สักวันเจ้าจะได้ขึ้นครองราชย์ ... "

อวี่เหวินห่าวเย้ยหยัน "สักวันจะขึ้นครองราชย์ ได้ แล้วตระกูลซูก็จะถูกแต่งตั้งเป็นโฮ่วงั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็เพื่อข้าหรือเพื่อพวกเขากันแน่? เรื่องความล่มสลายของตระกูลซูเกี่ยวกับข้างั้นหรือ? หากข้าได้เป็นจักรพรรดิ ตระกูลซูก็จะสามารถฟื้นศักดิ์ศรีได้ ตอนนี้เสด็จย่าเป็นเสด
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 916

    หยวนชิงหลิงคิดผิด ฮูหยินเฒ่าที่กำลังรีบออกไปตอนนี้ แม้ว่านางไม่อยากให้นางหวงรบกวนการพักผ่อนของนาง หรือพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไป แต่ที่สำคัญที่สุดคือนางโกรธเหลือเกิน และอยากระบายความโกรธสักยกถึงจะสบายใจได้หยวนชิงผิงอยู่กับหยวนชิงหลิง เมื่อมองไปที่แผ่นหลังที่โกรธเกรี้ยวของย่านาง หยวนชิงผิงกล่าวว่า "คราวนี้ท่านแม่ถูกท่านย่าด่าตายแน่"หยวนชิงหลิงมองดูนาง และเห็นว่านางดูเศร้าเล็กน้อย นางจึงถามว่า "เป็นอะไรไป? ว่าที่เจ้าสาวทำไมดูไม่มีความสุขเอาซะเลย"หยวนชิงผิงมองนางด้วยดวงตาสีแดงเล็กน้อย "เมื่อครู่นี้ หมานเอ๋อร์บอกข้าว่า ท่านให้กำเนิดเด็ก ๆ โดยการผ่าท้องตัวเอง"หยวนชิงหลิงยิ้ม นางคิดว่านางกังวลว่านางเองจะต้องทำเช่นเดียวกันเมื่อมีลูกในอนาคต นางจึงพูดว่า "เจ้าต่างจากข้า ครั้งนี้ข้าท้องแฝดสาม และร่างกายข้าอ่อนแอ ข้าคลอดเองไม่ได้ ดังนั้นต้องใช้วิธีนี้แทน ไม่ต้องห่วง ตราบจนกว่าเจ้าแต่งงานมีลูก พี่สาวคนโตอย่างข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าแน่นอน”หยวนชิงผิงสูดจมูก “ข้าไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเอง ข้าแค่คิดว่ามันอันตรายเกินไปสำหรับท่านที่จะคลอดลูก แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับท่านขึ้นมา ข้าไม่อยากให้ท่านตา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 917

    “เจ้าออกมาหาข้างั้นหรือ?” หยวนชิงหลิงรู้สึกซึ้งใจมาก ในฐานะผู้ที่ละทิ้งทางโลกแล้ว การขอให้นางลงจากภูเขาถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง"การมีลูกเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นข้าจึงอยากมาแสดงความยินดีกับเจ้า" จิ้งเหอจวิ้นจู่กล่าวหมานเอ๋อร์ยกน้ำชาไปให้ จิ้งเหอจวิ้นจู่ขอบคุณนางอย่างอ่อนโยนหมานเอ๋อร์ตกใจและเขินมาก "จวิ้นจู่ไม่ต้องเกรงใจเพคะ"หยวนชิงหลิงเห็นว่านางพูดคุยกับผู้คนอย่างอ่อนโยนยิ่งนัก เห็นได้ว่าหัวใจของนางสงบขึ้นมาก และใจของนางก็ผ่อนคลายขึ้นด้วยเช่นกัน“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หยวนชิงหลิงมองไปที่นางแล้วถาม"สบายดี""นอนหลับเป็นอย่างไรบ้าง?"จิ้งเหอจวิ้นจู่ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นยิ้มอย่างซีดเซียว "มันไม่ค่อยดีนัก ข้ามักจะเห็นสิ่งต่าง ๆ จากอดีตในความฝันเสมอ""ชีวิตคือหมอที่ดีที่สุด และมันจะค่อย ๆ ผ่านไป" หยวนชิงหลิงปลอบโยน“ข้ารู้” มีความแน่วแน่ในดวงตาของนางนางจิบชาวางแก้วลงช้า ๆ เหมือนคิดทบทวนอะไรอยู่แล้วพูดว่า "ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามียาไร้กังวล แบ่งให้ข้าหน่อยได้ไหม?""ยาไร้กังวล? เจ้าจะเอาไปทำอะไร?" หยวนชิงหลิงมองไปที่ท้องของนางโดยไม่รู้ตัว นางสวมเสื้อผ้าที่ดูหลวม ดังนั้นนางจึงไม่สามา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 918

    หยวนชิงหลิงมองนาง และเห็นรอยยิ้มซีดเซียวของนาง นางพูดต่อไปว่า "ในตอนนั้น ข้าหมดหนทางและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เมื่อข้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจึงตระหนักว่ามันไม่จำเป็นอีกต่อไป""ใช่แล้ว ทุกอย่างจะผ่านไป" หยวนชิงหลิงพูดอย่างคลุมเครือ มองนางและฟังนางพูดต่อไปจิ้งเหอจวิ้นจู่พูดต่อ "ตอนนั้นที่ข้าพบกู้จือ นางซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าของข้า นางก็รีบออกมา และขอร้องให้ข้าช่วยนาง นางถูกควักลูกตาออกมา และนางทำได้เพียงฟังเสียงเท่านั้น พูดไปก็น่าขันนัก ให้นางได้ยินเสียงฝีเท้าของข้า ข้ามองหน้านาง และสัญญาว่าจะช่วยนาง ข้าลากนางไปจนถึงยอดเขา ตอนนั้นข้าคิดว่าตายคนเดียวนั้นคงไม่ดี ข้าเคยช่วยชีวิตกู้จือไว้ ข้าจะเอาคืน”หยวนชิงหลิงพูดว่า "นางคงไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ในตอนนั้นใช่ไหม? นางขอความช่วยเหลือจากเจ้า เพราะนางรู้ว่าตัวเองถูกตามล่าสินะ"“ข้าคิดว่านางคงไม่รู้ว่าข้ากำลังลากนางไปตายพร้อมกัน แต่เมื่อข้าไปถึงยอดเขาและหยุดลง จู่ ๆ นางก็คุกเข่าลงและกล่าวขอบคุณที่ช่วยชีวิตนางในวันนั้น ถ้าข้าต้องการที่จะตายในวันนี้ นางจะร่วมทางไปกับข้าด้วย"“นางไม่จริงใจ” หยวนชิงหลิงกล่าว“แน่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 919

    ไม่ว่าเขาจะเลอะเลือนเพียงใด แต่เรื่องการประจบสอพลอนั้นไม่มีทางพลาดได้อย่างแน่นอนเขาไม่กล้าล่วงเกินอ๋องเว่ยแล้วอย่างกู้จือแบบนั้น มันไม่ใช่แนวที่ท่านพ่อชอบเลยจริง ๆนางไม่เชื่อ กู้จือต้องโกหกแน่นางพูดแบบนั้นออกมา นางต้องมีแผนอะไรในใจแน่?จิ้งเหอจวิ้นจู่กล่าวว่า "นางว่ามาเช่นนั้น วันหลังเจ้าลองสอบถามนางดูสิ"หยวนชิงหลิงจะรอช้ากว่านี้ได้อย่างไร? ในใจร้อนร้นแทบตาย เจ้าห้าเพิ่งเป็นรัชทายาท แต่พ่อขององค์หญิงรัชทายาทกลับไปแอบมีสัมพันธ์ลับกับอนุของอ๋องเว่ยจนตั้งครรภ์ขึ้นมาหากเป็นเรื่องจริง ละครฉากนี้คงถูกอ๋องอันป่าวกระกาศไปนานแล้วในแต่ละทุกย่างก้าวเขาต้องคำนวนคนไปเท่าไหร่?หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าถ้านี่เป็นเรื่องจริง อ๋องอันก็น่ากลัวมากจริง ๆ“ตอนนี้กู้จืออยู่ที่ไหน?” หยวนชิงหลิงถาม"ในห้องด้านข้างถัดในอารามชีหมิงเยว่ที่ข้าพักอยู่ตอนนี้"“จิ้งเหอจวิ้นจู่ ข้าอยากพบกู้จือ เพื่อถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับท่านพ่อข้า”จิ้งเหอจวิ้นจู่มองนางและพูดว่า "จริง ๆ แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป สิ่งที่กู้จือพูดมามากมายนั้น เจ้าเชื่อไปคำหนึ่งก็นับว่าอันตรายมากแล้ว และมันก็เพียงพอแล้ว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 920

    หยวนชิงหลิงสงสัยในความเชี่ยวชาญของเขานางกล่าวว่า "ไม่ว่าอย่างไร ต้องถามกู้จือให้รู้เรื่อง"“จิ้งเหอจวิ้นจู่ไม่ได้บอกหรือ สิ่งที่กู้จือพูดไม่มีความจริง หากเจ้าเชื่อสิ่งที่นางพูด ใครจะรู้ว่านางหลอกเจ้า?” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ข้าจะไม่เชื่อกู้จือไปเสียทั้งหมด แต่ก่อนที่จะถามพ่อของข้า ข้าควรฟังกู้จือพูดก่อน""เอาเถอะ ลองถามดู อย่าคุยกับนางเยอะนะ คน ๆ นี้ร้ายกาจเกินไป พยายามอย่าใกล้ชิดเป็นการดีกว่า" อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงจับแขนของเขา "เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว นายท่าน ท่านพูดให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหม วันนี้ท่านทำอะไรมา? ผ่านไปครึ่งวันก็ไม่ได้เจอท่าน"อวี่เหวินห่าวพูดอย่างหดหู่ "ข้าไปที่กรมพิธีการ ดูว่าพวกเขาตั้งชื่ออะไรให้พวกเปาจื่อ พวกเขาบอกว่าเสด็จพ่อยังไม่ได้ตัดสินพระทัยเรื่องนี้ ผ่านมาหลายวันแล้ว พวกเขายังไม่มีชื่อเลย เรียกพวกเขาว่าเปาจื่อทังหยวนรู้สึกอึดอัดใจ”"ข้าคิดว่ามันเป็นชื่อที่ดีออก" หยวนชิงหลิงที่รู้สึกใจสลายในตอนแรก แต่ตอนนี้นางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นางคิดว่าชื่อเล่นเหล่านี้ค่อนข้างดี และเหมาะเป็นชื่อเล่นจริง ๆ ด้วยอวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "จะบอกว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 921

    อวี่เหวินห่าวกะพริบตาเล็กน้อย "เจ้าคิดเรื่องนี้ได้อย่างไร"“ไม่ดีหรือ?” หยวนชิงหลิงถามอวี่เหวินห่าวยื่นมือไปลูบใบหน้าของนางและรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย "ไม่เลย ดีมาก ๆ เหล่าหยวน นี่เป็นวิธีที่ดี แม้ว่าจะไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่โรงเรียนแพทย์นี้เกิดขึ้น และสามารถดำเนินการได้ทั่วทั้งเป่ยถัง เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์นี้จะบรรเทาลงได้เป็นอย่างมาก”เมื่อเห็นว่าเขาเห็นด้วย หยวนชิงหลิงก็พูดด้วยรอยยิ้ม "อย่ากังวลกับการดำเนินการทั่วประเทศ มาทำโครงการนำร่องในใจกลางเมืองหลวงก่อน เราจะจ่ายเงินเพื่อจัดตั้งโรงเรียนแพทย์แห่งแรก รับสมัครนักเรียนหนึ่งร้อยคน และเชิญแพทย์ที่เกษียณแล้วซึ่งมีฝีมือทางการแพทย์เป็นเลิศมาสอน ในเรื่องนี้ต้องให้ท่านจัดการแล้วล่ะ""ตกลง!" อวี่เหวินห่าวเห็นด้วยอย่างมาก "ถ้าเจ้ารับสมัครนักเรียนหนึ่งร้อยคนในช่วงแรก เจ้าจะเชิญแพทย์มาสอนกี่คน""สาม สามสิบสามคนต่อหนึ่งห้องเรียน" หยวนชิงหลิงกล่าวอวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "เรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าจะช่วยเจ้าหาหมอ หลังจากที่เจ้าอยู่เดือนครบแล้ว เราจะเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ทันที"หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "เรื่องนี้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 922

    เหมือนกู้จือจะรู้ว่าหยวนชิงหลิงเข้ามา จึงจัดเสื้อผ้าที่ไม่พอดีตัวเล็กน้อย "พระชายาฉู่?"หลังจากได้ยินนางเรียกชื่อนี้ หยวนชิงหลิงก็รู้ได้เลยว่าข่าวสารของนางถูกปิดกั้นไปมากทีเดียวหยวนชิงหลิงนั่งลงและกระเถิบออกไปเล็กน้อย หมานเอ๋อร์นำตัวเป่าเข้ามา และตัวเป่านอนหมอบอยู่ข้างหน้าหยวนชิงหลิง มันหูตั้งขึ้นจ้องมองไปที่กู้จืออย่างระมัดระวังประตูถูกปิดลง กู้จือดูไม่สบายใจเล็กน้อย "เจ้าจะทำอะไร?" "ข้าแค่จะถามเจ้า อย่ากังวลไปเลย" หยวนชิงหลิงมองนาง "นั่งลง"กู้จือหันหน้ามา และควานมือทั้งสองจับเก้าอี้แล้วนั่งลงช้า ๆนางนั่งตัวตรงอย่างวางท่าเล็กน้อย ราวกับพยายามรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวนางเอง“ใครเป็นพ่อของลูกเจ้า?” หยวนชิงหลิงถามกู้จือดูเหมือนจะรู้ว่านางอยากจะถามเรื่องนี้อยู่แล้วจึงตอบว่า "จิ้งโฮ่ว"“กู้จือ เสแสร้งให้น้อยลง พูดความจริงให้มากขึ้นเป็นการดีกว่า” หยวนชิงหลิงแสดงท่าทีไม่เชื่อออกมากู้จือผายมือ "นี่คือความจริง หากพระชายาฉู่ไม่เชื่อ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด"“เจ้าบอกว่าเขาเป็นลูกของพ่อข้า แล้วเจ้าเจอกับพ่อข้าเมื่อไหร่และที่ไหน?” หยวนชิงหลิงถามกู้จือยิ้มอย่างประชดประชัน "ที่จริงแล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 923

    หยวนชิงหลิงอารมณ์เสียเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เรื่องนี้มันน่าขยะแขยงและปวดใจ นางพูดอย่างเย็นชา "ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว ข้าแค่อยากรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นของพ่อข้าได้อย่างไร?"กู้จือเย้ยหยัน "ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือ ข้ากำลังตั้งท้องลูกของอ๋องเว่ยไม่ใช่หรือ? แต่อ๋องเว่ยไม่ได้ทำให้ข้าท้องได้ ดังนั้นข้าจึงได้แต่ออกไปตามหาคนที่จะมาช่วย อ๋องอันเป็นคนที่ตาแหลม ไขว่คว้าหาโอกาสเก่งมาโดยตลอด และในเวลานั้นความสามารถของเจ้าเป็นที่ปรากฏขึ้นมา เขาต้องเตรียมพร้อมที่จะสกัดกั้นพวกเจ้า และในเวลานั้น จิ้งโฮ่วรู้สึกร้อนรนมากเกี่ยวกับการประเมิน พยายามมองหาช่องทางเส้นสายไปทุกที่ และเขาก็ไปหาอ๋องอัน แต่อ๋องอันเองไม่คิดช่วยเหลือเขา แต่ขอให้เขาไปค้างกับข้าสองสามคืน พ่อของเจ้าตกลงอย่างง่ายดาย และในตอนนั้นเองข้าก็ได้ตั้งท้อง”หยวนชิงหลิงไม่อยากจะเชื่อเลย หยวนปาหลงทำบ้าอะไร? ขายตัวหรือ?หากเป็นเรื่องจริง หยวนชิงหลิงอยากจะผ่าสมองของเขาดูจริง ๆ ว่ามีหญ้างอกอยู่ข้างในหรือไม่?"ในท้ายที่สุดอ๋องอันก็ไม่ได้ช่วยเขา" กู้จือหัวเราะเยาะเย้ย "พ่อของเจ้าโง่เง่าเหมือนสุกรจริง ๆ ถ้าวันหนึ่งพระชายาฉู่ตาย ก็คงเป็นเขาที่ฆ่าเจ้า"หยวนชิง

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status