มือใหญ่ยื่นออกมาจากด้านหลังของซูยี่ มือนั้นจับไหล่เลื่อนไปที่อกเสื้อ และขย้ำคอเสื้ออย่างแรง ซูยี่ถูกขย้ำคอเสื้อลากเข้าไปในม่าน เขารีบหันกลับมาอ้อนวอน "กระหม่อมผิดไปแล้ว!"อวี่เหวินห่าวชกที่เบ้าตาเขาและตะคอกว่า "เจ้าไม่ทิ้งกระดาษที่เขียนผิดรึไง? มีตะกร้าอยู่บนพื้นเจ้าไม่เห็นมันรึ? เจ้าไม่ทิ้งมันยังวางมันไว้บนโต๊ะอีก? เจ้าจงใจให้ข้าหยิบผิดงั้นหรือ? ใต้เท้าซูเป็นคนคิดชื่อเล่นของลูกข้าทั้งสามคนขึ้นงั้นหรือ?ซูยี่ปิดเบ้าตาของเขา และขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า "เข้าใจผิด เข้าใจผิด มันเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด มันยังไม่สายเกินไป ท่านอ๋องไปหารุ่ยชิงอ๋องเร็วเข้า"“หาอะไร มันเขียนไว้ในป้ายหยกแล้ว” อวี่เหวินห่าวโกรธมาก ราวกับพระพุทธเจ้าหนึ่งหมื่นองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ และจิ้มนิ้วไปที่หน้าผากของเขา “วันหลังจะทำงานหัดใช้สมองคิดบ้างได้หรือไม่?""พ่ะย่ะค่ะ ๆ!" ซูยี่รีบพูดตอบหยวนชิงหลิงถอนหายใจ "ช่างเถอะ ตอนนี้ท่านจะโกรธเขาไปทำไม? ท่านเองก็ผิด ตอนที่เห็นว่าชื่อไม่ถูกทำไมไม่ถามข้า"อวี่เหวินห่าวเตะก้นซูยี่ "ไสหัวออกไปซะ"ซูยี่ได้รับการอภัยจึงรีบวิ่งหนีบหางตัวเองออกไปทันทีหลังจากที่ซูยี่อยู่ที่นั่นสักพ
พิธีสรงสามจะเริ่มช่วงประมาณเที่ยงวัน เนื่องจากพระอาทิตย์ขึ้นสูงสุดและอุณหภูมิสูงในช่วงเวลานี้ ดังนั้นทารกจะไม่หนาวระหว่างทำพิธีสรงสามในเวลาประมาณเที่ยง ไทเฮา จักรพรรดิหมิงหยวน ฮองเฮาฉู่ เสียนเฟย กุ้ยเฟย เต๋อเฟย และหูเฟยล้วนเสด็จมาถึงแล้วไท่ซ่างหวงไม่เสด็จมาร่วมด้วย ดังนั้นพระองค์จึงส่งฉางกงกงมาแทน พระองค์รู้ว่าวันนี้มีคนมากมายในจวนต้องเอะอะวุ่นวายแน่ ดังนั้นจึงไม่ได้มาร่วมด้วยความยิ่งใหญ่ของผู้มิอำนาจในวังในวังนั้นช่างน่าอิจฉาและน่าแค้นใจนักหลังจากได้รับการต้อนรับแล้ว ไทเฮาแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเด็ก ๆ แล้วนางข้าหลวงสี่นำทารกทั้งสามออกมากับแม่นม พาไปให้ไทเฮาทอดพระเนตรดูทารกทั้งสามที่มีรูปร่างหน้าตาแทบเหมือนกันทุกประการ และนางมีความสุขมากจนไม่อาจหุบยิ้มที่ฉีกกว้างไปถึงหูได้ ทำให้นางหลงเสน่ห์เอาเสียจริงไทเฮานั้นทรงอุ้มเด็ก ๆ เด็ก ๆ ก็ยิ้มให้ด้วย รอยยิ้มนั้นจะทำให้หัวใจของไทเฮาแทบละลาย หลังจากเฝ้ารอมาอย่างยาวนานในหลายปีมานี้ ในที่สุดก็ได้มีเหลนสักที นางแทบจะคุกเข่าอุ้มเด็ก ๆ ต่อหน้าวิญญาณบรรพชนขอบคุณบรรพชนที่ประทานพรให้"มา ๆ มาอุ้มกัน!" ไทเฮาตรัสกับฮองเฮาฉู่ และบรรดาสนมอย่าง
เสียนเฟยแอบรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ นางจึงเข้าไปอุ้มลั่วหมี่ แต่นางไม่รู้ตัวว่าเมื่ออุ้มเขาแล้ว เขาก็ร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้นางไม่สามารถปั้นหน้าได้อีกต่อไป แต่นางยังคงพยายามอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ เสี่ยวลั่วหมี่ที่ไม่ร้องไห้ในตอนแรก แต่หลังจากที่ถูกอุ้มก็สำลักนมออกมา เสียนเฟยก็รีบเช็ดออก จากนั้นเสี่ยวลั่วหมี่ก็เริ่มร้องไห้เดิมเสี่ยวลั่วหมี่นั้นอ่อนแอและไม่ได้ร้องไห้ดังมาก แต่เมื่อร้องไห้ก็สำลักนมอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นไม่นานหน้าเสี่ยวลั่วหมี่ก็ร้องไห้ไม่หยุดจนหน้าม่วงหมดแล้วไทเฮาทรงกริ้ว “พอได้แล้ว นั่งลงซะ เจ้าไม่ต้องอุ้มแล้ว”ว่าแล้ว ขอให้นางข้าหลวงสี่พาเสี่ยวลั่วหมี่มาหานางเสียนเฟยน้ำตาคลอเบ้า อัปยศอดสูเหลือทน และนั่งลงด้วยความโกรธ ไทเฮาดูแลเด็ก ๆ หลังจากทำความสะอาดเสี่ยวลั่วหมี่แล้ว จึงวางไว้บนตักของนางเขย่าเบา ๆ แล้วลูบทารกเบา ๆ "เด็กดี เด็กดีของข้า ไม่ต้องกลัว ๆ ย่าทวดอุ้มน้า ย่าทวดโอ๋ ๆ"ทารกทั้งสามหยุดร้องไห้เสียนเฟยรู้สึกเพียงว่าใบหน้าของนางถูกตบหลายครั้งจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด นางรู้สึกว่าทุกคนมองนางอย่างเยาะเย้ย นี่คือหลานชายของนางเอง ใคร ๆ ก็อุ้มเขาก็ได้ แต่นางก
กุ้ยเฟยโน้มตัวไปมองอย่างระมัดระวัง และยื่นมือไปถูดู ที่ฝ่าเท้าของเด็ก ๆ แดงขึ้น และสีที่เป็นตำหนิไม่หายไป ไทเฮาเริ่มไม่พอพระทัย "จะทาสีได้อย่างไรกัน? ห่อตัวพวกเขาไว้ เร็ว ๆ ตอนนี้ยังหนาวอยู่เลย”นางข้าหลวงสี่บอกแม่นมว่า "อุ้มไปเตรียมตัวเถอะ ใกล้ถึงเวลาเริ่มพิธีแล้ว"เมื่อได้ยินว่าต้องไปเตรียมตัว ไทเฮาตรัสถามว่า "ครอบครัวของทางฝั่งมารดายังไม่มารึ?"นางข้าหลวงสี่ยิ้มและพูดว่า "ทูลไทเฮา มาแล้วเพคะ ฮูหยินเฒ่ากับจิ้งโฮ่วและฮูหยินของเขาอยู่ที่นี่ จิ้งโฮ่วรออยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือ?"“เฮ้ รีบเข้ามาดูเด็กเร็ว ๆ นะ พวกเจ้าไปเตรียมตัวเถอะ” ไทเฮาตรัสวันนี้จิ้งโฮ่วปลื้มใจจริง ๆในวันรุ่งขึ้นหลังจากทราบว่าคลอดออกมาเป็นลูกชาย เขาสั่งให้คนเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ทันที เพื่อรอให้ในวันพิธีสรงสาม เมื่อเขามาที่นี่ เขาเห็นไทเฮาและฝ่าบาทเฝ้าดูเด็กอยู่ข้างใน ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ที่ประตู และรอให้ฝ่าบาทเรียกเขาเข้าไป ส่วนฮูหยินเฒ่า นางหวง และหยวนชิงผิงนั้นเข้าไปเยี่ยมหยวนชิงหลิงหลังจากที่รออยู่สักพัก จิ้งโฮ่วก็เข้าไป เขาทำความเคารพถวายบังคมอย่างเงียบ ๆไทเฮาอยากจะตรัสชมเขาสักสองสามคำ นางเต็มไปด้วยคำชม แ
เสียนเฟยตื่นเต้นจนพูดไม่ออก นางปิดปากคุกเข่าลงต่อหน้าไทเฮา และร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้ตระกูลซูมีอนาคตสดใสแล้ว แม้ว่านางจะไม่ใช่ฮองเฮา แต่นางย่อมได้เป็นไทเฮาอย่างแน่นอนนางคุกเข่าอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ลุกขึ้น รอให้มู่หรูกงกงประกาศราชโองการฉบับต่อไปอย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้เพียงแค่มองดูที่อวี่เหวินห่าว จากนั้นก็ตบไหล่เขาเบา ๆ และตรัสว่า "เคลื่อนขบวนกลับวัง!"วันนี้เป็นเพียงขั้นตอนเท่านั้น ในอนาคตจะมีการสนทนาระหว่างขุนนางและกษัตริย์ ตอนนี้เป็นแค่การคุยกันระหว่างพ่อลูกเท่านั้นเมื่อเห็นว่าจักรพรรดิหมิงหยวนจะไปจริง ๆ เสียนเฟยก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาว่า "ฝ่าบาท รอประเดี๋ยวเพคะ!"จักรพรรดิหมิงหยวนมองกลับมาที่นางด้วยแววตาที่ไม่สบอารมณ์นัก “มีอะไรอีก?”เสียนเฟยเห็นแววตาของเขา และหวนนึกถึงวันที่ตบนางวันนั้นได้ นางก็ข่มใจลงไม่พูดอะไรต่อ และหลุบตาลงแล้วพูดว่า "หม่อมฉันอยากอยู่กับองค์หญิงรัชทายาทสักพัก ค่อยกลับวังทีหลังเพคะ”สีหน้าของจักรพรรดิหมิงหยวนไม่สบอารมณ์นักและตรัสว่า "อนุญาต!"หลังจากที่อวี่เหวินห่าวและท่านอ๋องส่งเสด็จไทเฮา ฮองเฮา และพระสนมทั้งหมดออกไปแล้ว อ๋องซุน อ๋องหวย และอ๋องฉีต่
นางแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ “เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังพูดอะไร?”อวี่เหวินห่าวมองนาง "เสด็จแม่ วันที่เหล่าหยวนคลอดลูก ท่านรู้ไหมว่าท่านทำอะไรลงไป?"เสียนเฟยหน้าเขียวไปหมด "ทุกสิ่งที่แม่ทำก็เพื่อเจ้าทั้งนั้น หยวนชิงหลิงจะทำให้เจ้าได้ดื่มด่ำแค่ความสุขเท่านั้น ชั่วชีวิตเจ้าจะไม่ทำอะไรเลย""พยายามฆ่าพระชายาของข้าเพื่อข้างั้นรึ?" อวี่เหวินห่าวรู้สึกเย็นชาเมื่อเขาพูดว่า "แล้วอยู่เฉย ๆ มันผิดอะไร? ในฐานะพ่อแม่ การหวังอยากให้ลูกมีความสุขตลอดไปมิใช่หรือ? การอยู่เฉย ๆ ต่างหากคือพรอันประเสริฐสุด”เสียนเฟยมองไปที่เขาอย่างตกตะลึง ในใจนางเต้นอย่างบ้าคลั่ง ทั้งผิดหวังและเจ็บปวด "เป็นเวลาหลายปีผ่านมา ข้ามักบอกเจ้าเสมอว่าตระกูลซูล่มสลายแล้ว ปู่กับน้าของเจ้าจะสนับสนุนเจ้าทั้งหมด เพื่อที่สักวันเจ้าจะได้ขึ้นครองราชย์ ... "อวี่เหวินห่าวเย้ยหยัน "สักวันจะขึ้นครองราชย์ ได้ แล้วตระกูลซูก็จะถูกแต่งตั้งเป็นโฮ่วงั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็เพื่อข้าหรือเพื่อพวกเขากันแน่? เรื่องความล่มสลายของตระกูลซูเกี่ยวกับข้างั้นหรือ? หากข้าได้เป็นจักรพรรดิ ตระกูลซูก็จะสามารถฟื้นศักดิ์ศรีได้ ตอนนี้เสด็จย่าเป็นเสด
หยวนชิงหลิงคิดผิด ฮูหยินเฒ่าที่กำลังรีบออกไปตอนนี้ แม้ว่านางไม่อยากให้นางหวงรบกวนการพักผ่อนของนาง หรือพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไป แต่ที่สำคัญที่สุดคือนางโกรธเหลือเกิน และอยากระบายความโกรธสักยกถึงจะสบายใจได้หยวนชิงผิงอยู่กับหยวนชิงหลิง เมื่อมองไปที่แผ่นหลังที่โกรธเกรี้ยวของย่านาง หยวนชิงผิงกล่าวว่า "คราวนี้ท่านแม่ถูกท่านย่าด่าตายแน่"หยวนชิงหลิงมองดูนาง และเห็นว่านางดูเศร้าเล็กน้อย นางจึงถามว่า "เป็นอะไรไป? ว่าที่เจ้าสาวทำไมดูไม่มีความสุขเอาซะเลย"หยวนชิงผิงมองนางด้วยดวงตาสีแดงเล็กน้อย "เมื่อครู่นี้ หมานเอ๋อร์บอกข้าว่า ท่านให้กำเนิดเด็ก ๆ โดยการผ่าท้องตัวเอง"หยวนชิงหลิงยิ้ม นางคิดว่านางกังวลว่านางเองจะต้องทำเช่นเดียวกันเมื่อมีลูกในอนาคต นางจึงพูดว่า "เจ้าต่างจากข้า ครั้งนี้ข้าท้องแฝดสาม และร่างกายข้าอ่อนแอ ข้าคลอดเองไม่ได้ ดังนั้นต้องใช้วิธีนี้แทน ไม่ต้องห่วง ตราบจนกว่าเจ้าแต่งงานมีลูก พี่สาวคนโตอย่างข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าแน่นอน”หยวนชิงผิงสูดจมูก “ข้าไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเอง ข้าแค่คิดว่ามันอันตรายเกินไปสำหรับท่านที่จะคลอดลูก แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับท่านขึ้นมา ข้าไม่อยากให้ท่านตา
“เจ้าออกมาหาข้างั้นหรือ?” หยวนชิงหลิงรู้สึกซึ้งใจมาก ในฐานะผู้ที่ละทิ้งทางโลกแล้ว การขอให้นางลงจากภูเขาถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง"การมีลูกเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นข้าจึงอยากมาแสดงความยินดีกับเจ้า" จิ้งเหอจวิ้นจู่กล่าวหมานเอ๋อร์ยกน้ำชาไปให้ จิ้งเหอจวิ้นจู่ขอบคุณนางอย่างอ่อนโยนหมานเอ๋อร์ตกใจและเขินมาก "จวิ้นจู่ไม่ต้องเกรงใจเพคะ"หยวนชิงหลิงเห็นว่านางพูดคุยกับผู้คนอย่างอ่อนโยนยิ่งนัก เห็นได้ว่าหัวใจของนางสงบขึ้นมาก และใจของนางก็ผ่อนคลายขึ้นด้วยเช่นกัน“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หยวนชิงหลิงมองไปที่นางแล้วถาม"สบายดี""นอนหลับเป็นอย่างไรบ้าง?"จิ้งเหอจวิ้นจู่ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นยิ้มอย่างซีดเซียว "มันไม่ค่อยดีนัก ข้ามักจะเห็นสิ่งต่าง ๆ จากอดีตในความฝันเสมอ""ชีวิตคือหมอที่ดีที่สุด และมันจะค่อย ๆ ผ่านไป" หยวนชิงหลิงปลอบโยน“ข้ารู้” มีความแน่วแน่ในดวงตาของนางนางจิบชาวางแก้วลงช้า ๆ เหมือนคิดทบทวนอะไรอยู่แล้วพูดว่า "ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามียาไร้กังวล แบ่งให้ข้าหน่อยได้ไหม?""ยาไร้กังวล? เจ้าจะเอาไปทำอะไร?" หยวนชิงหลิงมองไปที่ท้องของนางโดยไม่รู้ตัว นางสวมเสื้อผ้าที่ดูหลวม ดังนั้นนางจึงไม่สามา