กล่าวอีกนัยหนึ่ง การลอบสังหารอ๋องฉีและหยวนชิงหลิงในวันนั้นมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่เป็นการกระทำที่มีการวางแผนจัดเตรียม และไตร่ตรองล่วงหน้ามาแล้ว และมันอันตรายถึงชีวิตจักรพรรดิหมิงหยวนยังคงไม่ทำการอันใดไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่อ๋องจี้ที่อยู่ในคุกนั้นได้เขียนจดหมายหนึ่งหมื่นคำถึงจักรพรรดิหมิงหยวนตามคำสั่งของฉินเฟย หลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนอ่านจบก็ฉีกมันเป็นชิ้น ๆ และพูดด้วยความโกรธ "ไร้สาระ ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี"ฉินเฟยรู้สึกหวาดกลัว หลังจากกลับมาที่วัง นางก็ให้คนส่งข่าวเรียกพระชายาจี้มาเข้าเฝ้าในวังทันที“เป็นเพราะความคิดที่ไม่เข้าท่าของเจ้า ที่บอกให้เขาเขียนหนังสือหมื่นคำ ตอนนี้จักรพรรดิโกรธยิ่งกว่าเดิมเสียอีก” ฉินเฟยกังวลมาก อ๋องจี้ถูกขังนานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว และไม่รู้เลยว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างพระชายาจี้พูดอย่างใจเย็น "เสด็จแม่ ที่เสด็จพ่อโกรธก็ถูกต้องแล้วเพคะ""ถูกต้องแล้วที่โกรธอย่างนั้นรึ? ตอนนี้จักรพรรดิผิดหวังในตัวของเขามาก เจ้าว่าใช่หรือไม่? เจ้ากำลังพยายามจะฆ่าเขาอย่างนั้นหรือ? ทำไมข้ายังไม่เห็นว่าเจ้าจะดำเนินการอันใดเลย?" ฉินเฟยพูดด้วยความโกรธพระชายาจี้มองไ
ช่วงนี้พระชายาซุนเองก็ชอบไปจวนของอ๋องฉู่เช่นเดียวกัน ในวันนี้นางนำเสื้อผ้าเด็กสามผืนที่จิ้งเหอจวิ้นจู่เป็นคนทำมาให้หยวนชิงหลิงเนื่องจากเป็นเสื้อผ้ารัดรูป จึงไม่มีลายปักใด “นางบอกว่าผิวของทารกนั้นบอบบางมาก จึงควรสวมผ้าฝ้าย และนางก็ค่อนข้างฉลาดปักดอกไม้ไว้ที่ชายเสื้อแทนด้วยเพคะ” พระชายาซุนกล่าวหยวนชิงหลิงลูบลายปักดอกไม้ งานปักของท่านหญิงนั้นพิถีพิถันมาก และวัสดุก็นุ่ม สัมผัสสบาย "ลำบากนางแล้ว เมื่อวานนี้เจ้าไปเยี่ยมนางมาหรือ?""ใช่แล้ว นางยังบอกอีกด้วยว่าขอบใจเจ้าที่ขอให้คนไปเยี่ยมนาง" พระชายาซุนมองนางด้วยสายตาขอบคุณ "เจ้าเป็นคนที่ห่วงใยผู้คน หลายคนต่างก็หลงลืมนางไปแล้ว แต่เจ้ายังจำความทุกข์ยากของนางในอารามแม่ชีหมิงเยว่ได้ และยังคอยส่งข้าวส่งน้ำให้นางเสมอมา”หยวนชิงหลิงกล่าว "ที่จริงแล้วไท่ซ่างหวงเป็นคนขอให้ข้าส่งคนไปเยี่ยมนางน่ะ"“ไท่ซ่างหวง?” พระชายาซุนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “ไท่ซ่างหวงยังคงนึกถึงนางหรือ? หากนางรู้จะต้องมีความสุขมากเป็นแน่”“จิตใจของนางเป็นอย่างไรบ้าง?” หยวนชิงหลิงถามพระชายาซุนพับเสื้อวางไว้ข้าง ๆ และพูดขึ้นว่า "ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว แต่ตอนกลางคืนยังคงนอนไม
อวี่เหวินห่าวและเหลิ่งจิ้งเหยียนต้อนรับเขาที่ด้านนอก ขณะที่หมานเอ๋อร์ประคองหยวนชิงหลิงยืนอยู่หน้าระเบียง และเฝ้าดูพวกเขาเดินเข้ามาเสนาบดีเจียงหนิงดูอายุราว ๆ สี่สิบปีได้ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา มีดวงตาที่แหลมคม เขาไว้หนวดที่ถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ และดูเป็นคนที่สะอาดสะอ้านเขาสวมชุดสีดำ และปักไม้ไผ่สีเขียวที่ปกเสื้อคลุม ซึ่งเพิ่มความอ่อนโยนและความสุขุมเล็กน้อยให้กับความแข็งกระด้างของเขาผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาคือจูเพ่ย ฮูหยินเสนาบดีเจียงหนิง ที่จริงแล้วหากพูดตามตรงรูปร่างของจูเพ่ยนั้นไม่ถือว่าเล็ก แต่เป็นเพราะคนที่อยู่เคียงข้างนางคือเสนาบดีเจียงหนิงต่างหาก จึงทำให้นางดูตัวเล็กไปโดยปริยายใบหน้าของนางสวยงามมาก ผิวพรรณเต่งตึงและอ่อนวัย ดูไม่เหมือนหญิงที่เคยคลอดลูกมาแล้วเลยแม้ว่าจะเป็นแขกในจวนของท่านอ๋องในต่างแดน แต่ดูเหมือนนางจะไม่ได้จงใจแต่งตัวมากไปนัก นางสวมผมมวย แต่งหน้าเบา ๆ และปิ่นหยกเป็นเครื่องประดับเท่านั้นนางสวมกระโปรงผ้าซาตินสีขาว และเสื้อคลุมสีดำเช่นเดียวกันกับเสื้อคลุมของเสนาบดีเจียงหนิงที่ปักด้วยลวดลายไม้ไผ่สีเขียวทั้งคู่ก้าวไปข้างหน้าอย่า
อาซื่อที่ได้ฟังจากด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างสงสัย "ท่านเพิ่งแต่งงานเช่นหรือ? แต่ท่านย่าบอกกับข้าว่าท่านโฮ่วมีลูกชายสองคน และลูกสาวหนึ่งคนแล้วไม่ใช่หรือ และหนึ่งในนั้นยังเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของราชวงศ์ต้าโจวอีกด้วย เหตุใดพวกท่านถึงเพิ่งแต่งงานกันเล่า?"หยวนชิงหลิงกระแอม และส่งสัญญาณไม่ให้อาซื่อถามสิ่งเหล่านี้ เพราะมันไร้มารยาทยิ่งนัก อาซื่อไม่รู้จักพ่อหม้ายหรือ?อาซื่อรู้ว่าตนไร้มารยาท จึงได้พึมพำขึ้นมาว่า "ขออภัย ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว"ฮูหยินจูเพ่ยหัวเราะอย่างใจดี "ไม่เป็นไร มันไม่ได้เป็นความลับอะไร ลูกชายและลูกสาวนั้นข้าไม่ได้เป็นคนคลอด ข้าเป็นเพียงแม่เลี้ยงของพวกเขาก็เท่านั้น"อาซื่อพยักหน้า “เช่นนี้นี่เอง”นางรู้สึกละอายใจเล็กน้อยและพูดว่า "พี่หยวน ข้าจะไปบอกให้คนมาเติมชาให้นะเจ้าคะ""ไปเถอะ" หยวนชิงหลิงพูด นางเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน นางกุมท้องตนเองและก้าวเดินสองสามก้าว นั่งเป็นเวลานานแล้ว เอวของนางแทบหักนางเอื้อมมือไปด้านหลัง พยายามลูบเอว แต่ก็พบว่าตัวเองเงอะงะมาก แม้แต่จะเอื้อมยังเอื้อมมือไปไม่ได้เลยฮูหยินจูเพ่ยยืนขึ้น ช่วยพยุงนางไปนั่งลงบนเก้าอี้และพูดว่า "ท้
หยวนชิงหลิงก็นับวันเองด้วย และเห็นท้องของนางลดต่ำลงหน่อยแล้ว น่าจะคลอดในอีกแปดหรือสิบวันข้างหน้านี้นางก็ยิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ นอนไม่หลับทั้งคืน และหายใจไม่ออก บางครั้งพยายามเค้นเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อหายใจในวังเองก็ตึงเครียดเป็นอย่างมาก หมอหลวงก็มาแบ่งเวรมาเฝ้าหยวนชิงหลิงเป็นสี่รอบเจ้าอาวาสก็อาศัยอยู่ในจวนเช่นเดียวกัน แต่บางครั้งก็เข้าไปในวังเพื่อเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงฮูหยินเสนาบดีเจียงหนิงก็อยู่ในจวนเช่นกัน ช่วยนวดบรรเทาอาการปวดให้พระชายาฉู่อย่างชำนิชำนาญพระสนมเสียนเฟยและไทเฮาส่งคนมาทุกวันเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ และท้ายที่สุดพวกเขาก็ฝากโม่โม่คนสนิทไว้ในจวนอ๋องฉู่เพื่อช่วยดูแลอาจกล่าวได้ว่าจวนอ๋องฉู่ทั้งหมดเต็มไปด้วยผู้คนจากในวัง ว่ากันว่าแม้แต่เข็มก็ไม่สามารถสอดผ่านเข้าไปได้อย่างไรก็ตาม วันนี้กลับมีบางอย่างเกิดขึ้นอากาศในเดือนมีนาคมชื้นขึ้นเล็กน้อยแล้ว แม้ว่าในฤดูใบไม้ผลิจะยังหนาวอยู่ แต่อาหารและเครื่องดื่มที่หยวนชิงหลิงกินนั้นควรเป็นของสดใหม่ แม่นมฉีตรวจสอบด้วยตนเอง จากนั้นลวี่หยาและหมานเอ๋อร์จะคอยดูแลจะทำการจับตาคุ้มกันส่งมันไปถึงมือหยวนชิงหลิง นางข้าหลวงส
อวี่เหวินห่าวร้อนใจมากจนปากของเขาร้อนในกินอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าหยวนชิงหลิงไม่ได้เจ็บมากแล้ว เขาจึงพาถังหยางและซูยี่ไปสอบสวนทุกอย่างถูกป้องกันอย่างเข้มงวด แต่ก็ยังยังมีคนอาศัยช่องโหว่ก่อเรื่อง ทำไมเขาจะไม่ร้อนใจกัน?ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นถึงผู้ว่าการจวนจิ้งเป่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำงานมานาน แต่เขาก็ยังรู้ขั้นตอนพื้นฐานในการจัดการคดีอาหารของหยวนชิงหลิงได้รับการตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่ตรวจสอบแหล่งที่มาราชสำนักแจกจ่ายวัตถุดิบส่วนใหญ่สำหรับวังทุกวันจวนอ๋องฉู่ได้รับเนื้อหมูสิบห้ากิโล เนื้อแกะสิบกิโล และข้าว ธัญพืช ผลไม้ และผักอื่น ๆ ทุกวัน ตรวจสอบส่วนผสมจากวังหลวงแล้วว่าไม่มีปัญหาใดจากนั้นตรวจสอบแหล่งที่มาของการซื้อด้านนอก และตรวจสอบคนที่รับซื้อมาโดยตรง แต่ก็มีบางอย่างที่ขาดไปเล็กน้อยเท่านั้น หากบอกว่าเลอะเลือนจนวางยา ย่อมไม่กล้าอย่างแน่นอนหมอหลวงเองก็กล่าวว่าหยวนชิงหลิงไม่ได้ถูกวางยาพิษตรวจสอบทุกอย่างแต่ไม่พบอะไรเลย อวี่เหวินห่าวกลับจวนไปด้วยความท้อแท้และความโกรธ ถังหยางสั่งให้คนยกน้ำชามา อวี่เหวินห่าวจิบไปสอง มองชาสีใสนี่และวางมันลงทันที เขากระพริบตาเลยเอ่ยว่า "มีอีกอ
ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ หยวนชิงหลิงพึงพอใจกับอาหารที่นางทำมาก อย่างน้อยนางก็กินได้คำสองคำ หลังจากนั้นนางก็อาเจียนเอาเป็นเอาตายในช่วงแรกก็ตามโจวกุ้ยยอมสารภาพโดยไม่ต้องทรมานมากนัก บอกว่าฮูหยินเฒ่าจวนจิ้งโฮ่วเป็นคนบงการคำสารภาพนี้ถูกรายงานไปถึงหูของอวี่เหวินห่าว แต่อวี่เหวินห่าวนั้นไม่ยอมเชื่อ ดังนั้นเขาจึงสอบสวนด้วยตัวเอง และใช้การทรมานอย่างรุนแรง โจวกุ้ยยังยืนยันคำเดิมว่าฮูหยินเฒ่าสั่งมาให้ทำแบบนี้ นางไม่รู้ ฮูหยินเฒ่าสั่งก็ทำตามเพียงเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าฮูหยินเฒ่าไม่เคยมาที่จวน แม้ว่าฮูหยินเฒ่าจะสั่งการ ก็ต้องหาคนที่จะส่งสารมาให้ตามเบาะแสที่พบจวนจิ้งโฮ่ว คนส่งข่าวเป็นคนรับใช้เก่าแก่ที่รับใช้ในฮูหยินเฒ่าชื่อ อาฉวนบังเอิญอาฉวนได้กลับบ้านเกิดของเขาเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินเฒ่าที่ให้ความกรุณาแก่เขา เนื่องจากอายุที่มากขึ้นของเขาอวี่เหวินห่าวสั่งให้ใครสักคนไปถามไถ่ อันที่จริงแล้วเป็นฮูหยินเฒ่าที่ให้เขากลับบ้านเกิดเอง ซึ่งทำให้อวี่เหวินห่าวสงสัยขึ้นมาเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่ใช่ฮูหยินเฒ่าเนื่องจากครอบครัวฝั่งแม่ของเหล่าหยวน คนเดียวที่ไว้ใจได้นั้นคือฮูหยินเฒ่าพ่
ฮูหยินเฒ่าพยักหน้าและถามอย่างเคร่งเครียดว่า "มีอะไรผิดปกติหรือเพคะ?"อวี่เหวินห่าวถามว่า "ทำไมท่านถึงส่งเขาไป"ฮูหยินเฒ่ากล่าวว่า "เขาอายุมากแล้ว และทำงานอยู่ในจวนมาหลายปี เขาอยากจะกลับไปบ้านเกิดเพื่อใช้ชีวิตเกษียณ ดังนั้นข้าจึงให้เงินจำนวนหนึ่งและปล่อยเขาไป เขาก่อเรื่องร้ายแรงอะไรหรือ เขาทำเรื่องอะไรลงไปรึ?”อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "มีคนแช่ดอกท้อและใบตองในถังน้ำส่วนตัวของเหล่าหยวน หลังจากสอบสวนแล้วพบว่า โจวกุ้ย คนทำอาหารที่ท่านส่งมาเป็นคนทำเอง โจวกุ้ยบอกว่าเป็นคำสั่งของท่าน"ทันใดนั้นสีหน้าของฮูหยินเฒ่าก็เปลี่ยนไปและถามอย่างร้อนรนว่า "นางไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?"เห็นว่านางกระวนกระวายเช่นนี้ อวี่เหวินห่าวก็ไม่แสร้งเก็บซ่อนความกังวลใจอีกต่อไป จึงพูดตอบไปว่า "คนไม่เป็นอะไร แต่ความทรมานนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ โจวกุ้ยบอกว่ามันเป็นคำสั่งของท่าน และคนที่ถ่ายทอดคำสั่งของท่านก็คือ อาฉวน คนรับใช้เก่าแก่ข้างกายของท่าน"ฮูหยินเฒ่าโกรธจนตาลุกเป็นไฟทันที "ได้ ทั้งที่ระวังขนาดนี้ยังเล็ดลอดสายตาข้าไปได้อีก ซุนโม่โม่ ไปหาที่อยู่ของบ้านเกิดของอาฉวน พาเขากลับมาและสอบปากคำเขาให้ดี"จากนั้นนางมองไปที่อวี