หยวน ชิงหลิงยิ้ม “ท่านอ๋อง ข้าเกรงว่าเสด็จพ่อจะไม่เชิญข้าไปเสวยอาหารค่ำอีก” “ไม่จำเป็น เราต้องตกลงกันก่อน” อ๋องซุนกล่าว “อาหารหลวงนี้ ท่านอ๋องไม่น่าจะกินน้อย” หยวน ชิงหลิงกล่าวอย่างเบา ๆ “มันไม่เหมือนกัน เจ้าไม่รู้หรอก พ่อครัวของเสด็จพ่อทำอาหารให้เสด็จพ่อคนเดียวเท่านั้น อย่าบอกนะว่าเจ้าได้ลิ้มรสรสชาติแล้วไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากอาหารอื่น ๆ?” หยวน ชิงหลิงส่ายหัว “ข้าแยกไม่ออก” “น่าเสียดาย น่าเสียดาย!” อ๋องซุนกล่าวด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง “นี่เจ้าดูถูกอาหารอันแสนอร่อย ดูถูกอาหารอันแสนอร่อย” เขามองดูน่องไก่ที่กินเหลือในมือแล้วถอนหายใจยาว ๆ “น่องไก่กับอาหารหลวงของเสด็จพ่อ ทุกสรรพสิ่ง เพียงแค่ ไม่สามารถดูถูกถึงน่องไก่” พูดเสร็จเขาก็แทะต่อ หยวน ชิงหลิงดูเขาเวลากิน เต็มไปด้วยรสชาติ ตัวเขาก็พอใจและสุขใจ “ทำไมท่านอ๋องถึงซ่อนตัวกินอยู่ในพุ่มหญ้าล่ะ?” หยวน ชิงหลิงเห็นว่าเขาไม่มีแผนที่จะไป และเธอเองก็ไม่มีที่ไปจริง ๆ เธอไม่รู้ทางในวัง กลัวว่าจะไปชนคนอื่น ดังนั้น หวังว่าอ๋องซุนจะรีบไป “ข้าไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ากำลังขโมยกินน่องไก่” เขากินอย่างตั้งใจ แต่ในขณะที่เขากินอะไรบางอย
“ขอเข้าเฝ้าพระสนม!” อ๋องฉี และ ฉู่ หมิงชุ่ยก้าวไปข้างหน้าทำความเคารพ “ไม่ต้อง ๆ นั่งเถอะ!” พระสนมกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองคนเข้าไปนั่ง ฉู่ หมิงชุ่ยมองไปที่พระสนม ถามด้วยความเป็นห่วง “ได้ยินมาว่า พระสนมปวดหัวอีกแล้ว เชิญหมอหลวงหรือยัง? รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?” พระสนมถอนหายใจ น่าเสียดายที่เด็กคนนี้มีใส่ใจของนางมากที่สุด มีความกตัญญูที่สุด แม้แต่เจ้าห้าก็ยังด้อยกว่านาง “ลมแรง, จึงปวดหัว, เคยชินแล้ว, ไม่เป็นอะไร” พระสนมตอบ “พระสนมต้องดูแลเอาใส่ใจสุขภาพของตัวเองนะเพคะ” ฉู่ หมิงชุ่ยกล่าวและลุกขึ้นเดินไปอยู่ข้างพระสนม “ข้าจะนวดให้พระองค์” นิ้วที่อ่อนโยนกดขมับของพระสนม นวดด้วยความคล่องแคล่ว พระสนมถอนหายใจอย่างสบายใจ “งานฝีมือของเจ้านี่ ทำไมป้าหลู่ไม่สามารถเรียนรู้ได้” นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่อ๋องฉี “เจ้าเจ็ด เจ้าโชคดีที่ได้แต่งงานกับพระชายาที่ดี” จริง ๆ ในใจของพระสนมเก็บกดมาก แต่นางอยู่ในวังมาหลายปีแล้ว ฝึกฝนปฏิบัติธรรม ดังนั้น เวลามีความสุขหรือความโกรธโดยธรรมชาติแล้วจะไม่แสดงอาการออกมาทางสีหน้า เมื่อฟังอ๋องฉีคนที่ไร้หัวใจเข้า นางแค่รู้สึกสรรเสริญ อ๋องฉีเหลือบมอง ฉ
สนมเสียนเฟยเองก็คิดถึงเหตุผลข้อนี้ นางอึดอัดเสียจนหายใจติดขัด กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก นางข้าหลวงสี่ มาถึงพระตำหนักจงเซินแล้ว แล้วนำสร้อยลูกปัดใต้ของหยวน ชิงหลิงขึ้นถวาย “พระชายาฉู่กล่าวว่า ฮองเฮายังไม่ได้รับลูกปัดใต้ที่เป็นเครื่องบรรณาการจากอาณาจักรริวกิว นางเป็นลูกสะใภ้จึงไม่กล้าโลภเห็นแก่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ดังนั้นจึงนำมาแสดงความกตัญญูแก่พระนางหนึ่งเส้นเพคะ” ฮองเฮาที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธมากและตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่กล้ารับไว้ เอากลับไปเถอะ”นางข้าหลวงสี่ยิ้มแย้มและกล่าวว่า “ทำไมพระองค์จึงไม่รับการแสดงความกตัญญูของพระชายาล่ะเพคะ อย่างไรก็ตามที่คือของพระราชทานจากฝ่าบาท ถ้าพระองค์ไม่ทรงรับไว้ เกรงว่าจะได้กุ้ยเฟยหรือเสียนเฟย ลูกปัดใต้เส้นนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนัก พระองค์ไม่มีไว้ แต่สนมเอกกับสนมเสียนเฟยล้วนมีทั้งคู่ แบบนี้ไม่เป็นการเสียพระพักตร์หรือเพคะ? พระองค์รับไว้เถอะเพคะ ส่วนพระองค์จะทำอย่างไร ก็สุดแท้แล้วแต่พระองค์เถอะเพคะ”นางข้าหลวงผู้ดูแลตำหนักจงเซินก็ได้กล่าวว่า “ นางข้าหลวงสี่เป็นคนมีเหตุผล พระองค์รับไว้เถอะเพคะ แล้วค่อยส่งให้ฝ่าบาททอดพระเนตร ว่าพระชายาฉู่กำลัง
ขันทีมู่หรูตระหนกตกใจ ฝ่าบาทรู้ว่าตอนนั้นอ๋องฉู่ติดกับของการเล่นเล่ห์วางแผน? แล้วทำไมพระองค์ถึงยังเอาความโกรธไปลงที่อ๋องฉู่? และยังประกาศพระราชโองการให้อ๋องฉู่แต่งกับคุณหนูตระกูลหยวนขันทีมู่หรูรู้สึกว่าตัวเองถึงจะรับใช้ฝ่าบาทมานาน แต่กลับไม่รู้เลยว่าในพระทัยพระองค์คิดอะไรอยู่”ฝ่าบาท พระองค์จริง ๆ ก็ทรงรู้ว่าท่านอ๋องฉู่ติดกับดัก แล้วทำไมพระองค์ทรงปฏิบัติอย่างเย็นชากับท่านอ๋องล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” ขันทีมู่หรูเอ่ยถามจักรพรรดิหมิงหยวน ไฟโกรธยังไม่มอดดับ “จิ้งโฮ่วคนนึง หยวน ชิงหลิงก็อีกคนนึง เอาคนพวกนี้เข้ามาเกลือกกลั้วในสมรภูมิก็เปล่าประโยชน์ ข้ายังอยากคาดหวังอะไรกับเขา?”ขันทีมู่หรูเห็นว่าฝ่าบาทยังทรงกริ้วเลยไม่กล้าทำอะไรต่อนิสัยของฝ่าบาท เขาเองก็รู้เพียงผิวเผิน พูดไปตอนนี้ก็เหมือนเอาน้ำมันราดเข้ากองไฟเรื่องในครั้งนี้จริง ๆ ขันทีมู่หรูเองก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่นี่เป็นรับสั่งของฮองเฮาถ้าให้คนพูดก็มีความน่าเชื่อถืออยู่ และฝ่าบาทเองก็เชื่อพระทัยฮองเฮา นางข้าหลวงเป่า ก็เป็นคนที่ฮองเฮาไว้ใจ เป็นคนสนิท ถ้านี่เป็นเรื่องจริง เกรงว่าคงไม่พูดจามั่ว ๆ แน่ใบหน้าของจักรพรรดิหมิงหยวนบูดบึ้ง
ขันทีมู่หรูเข้าไปหลังจากนั้น หยวน ชิงหลิงก็เดินตามเข้าไปอวี่ เหวินห่าวยืดตัวขึ้นแล้วถามว่า “ขันที ทำไมเสด็จพ่อถึงอยากนำสร้อยลูกปัดคืน?”ขันทีมู่หรูพบว่าเขามตรง ๆ อย่างไม่มีอ้อมไปมา งั้นก็จะพูดจริง ๆ เลยแล้วกัน “ในเมื่อท่านอ๋องถามเช่นนี้กระหม่อมก็จะไม่พูดมาก ท่านอ๋องอย่าหาว่ากระหม่อมเสียมารยาท ถ้าท่านอ๋องจะแสดงความกตัญญูต่อฮองเฮาล่ะก็ ยังมีโอกาสอื่นอีก ทำไมต้องให้พระชายานำสร้อยลูกปัดไปถวาย?”อวี่ เหวินห่าวมองไปที่ หยวน ชิงหลิงด้วยสายตาทิ่มแทงราวใบมีดหยวน ชิงหลิงหลับตาลง ไม่พูดอะไร บนไม่หน้าไม่ได้ปรากฏอารมณ์ความรู้สึกอะไรอวี่ เหวินห่าวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นหันไปทางขันทีมู่หรู “เชิญขันทีกลับไปก่อน ข้าขอพูดอะไรกับพระชายาเป็นการส่วนตัวสักครู่”“พระชายา สร้อยลูกปัดเส้นนั้น ส่งคืนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทตอนนี้ทรงกริ้วอยู่” ขันทีมู่หรูกล่าว หยวน ชิงหลิงตอบกลับไป “ขันที สร้อยลูกปัดหายไปเส้นนึง ข้าจะไปรับโทษกับเสด็จพ่อเอง ท่านกลับไปกราบทูลก่อนเถิด”ขันทีมู่หรูอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ “เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ พระชายาไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้ จะยิ่งทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วกว่าเดิม” อวี่ เหวินห่าวจ้อ
“ท่านอ๋อง!” ถังหยางมอง อวี่ เหวินห่าวด้วยความกังวลใจ “พระชายาไปแบบนี้ เกรงว่าจะยิ่งไปเพิ่มความโกรธให้ฝ่าบาท”อวี่ เหวินห่าวก้มหัวลงอย่างช้า ๆ คำพูดที่ หยวน ชิงหลิงพูดตอนไป มันยังก้องในหูเขา เรื่องยุ่งยากน่ารำคาญใจแบบนี้ ทำให้เขาเจ็บปวดจนพูดไม่ออก“ให้นางไป เสด็จพ่อผิดหวังในตัวข้าอยู่แล้ว ผิดหวังอีกสักครั้งจะเป็นอะไรไป” อวี่ เหวินห่าวกล่าวอย่างเงียบ ๆ“ทำไมพระชายาถึงมอบสร้อยลูกปัดให้ฮองเฮา” สวี่อีเค้นสมองคิดหาเหตุผลที่ หยวน ชิงหลิงลงมือทำแบบนี้“เพื่ออะไร? เป็นธรรมชาติที่นางจะประจบประแจงฮองเฮา” อวี่ เหวินห่าวกล่าวอย่างเย็นชา“ประจบฮองเฮาได้อย่างไร?”ถังหยางมองสวี่อีอย่างเรียบเฉย “เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ? ตอนนี้จิ้งโฮ่วอยากพึ่งพิงตระกูล ฉู่ หมิงชุ่ย เจ้านี่ไม่รู้อะไรซะจริง”สวี่อีพ่นหายใจออกมา “จิ้งโฮ่วนี่มันตาแก่เศษสวะจริง ๆ หน้าไม่อายเลยสักนิด ตอนที่ท่านอ๋องของเราได้รับความโปรดปราน ก็ลงมือวางแผนการสารพัดแต่งลูกสาวเข้าจวนอ๋อง วันนี้ท่านอ๋องตกต่ำ เขาก็รีบสะบัดหางหนีไปพึ่งตระกูลฉู่ หมิงชุ่ย มันไม่ละอายบ้างหรือไง?”ถังหยางเห็นว่า อวี่ เหวินห่าวสีหน้ายิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ เลยดุสวี
แต่ทว่าจักรพรรดิหมิงหยวนยังทรงกริ้วอยู่ แล้วให้ขันทีมู่หรูเชิญตัว หยวน ชิงหลิงมาเข้าเฝ้าอ๋องซุนมอง หยวน ชิงหลิงรู้สึกสงสาร ช่างหน้าขายหน้าจริง ๆ ให้นางไปเจอกับความโกรธของเสร็จพ่อเพราะตัวเองแบบนี้ ได้ยินมาว่าเจ้าห้าอยู่ในวังหลวงเพื่อพักฟื้นอาการบาดเจ็บ ไปบอกเจ้าห้าสักคำ ให้เจ้าห้าช่วยพานางกลับดีกว่าหยวน ชิงหลิงเข้ามาในตำหนักจักรพรรดิหมิงหยวนก็ไม่เงยหน้า เพียงพูดอย่างเรียบเฉยว่า “คุกเข่าลง!” หยวน ชิงหลิงคุกเข่า “ถวายบังคมเสด็จพ่อ!”ข้าวของในตำหนักรกรุงรังไปหมด ขันทีมู่หรูกำลังเก็บกวาดร่องรอยของหินฝนหมึกที่กระจัดกระจายบนพื้น มองดูแล้ว ฝ่าบาทเป็นพวกเวลาโมโห ชอบทำลายข้าวของ บนพื้นมีสายสร้อยลูกปัดนอนนิ่งอยู่ มันตกอยู่บนพื้นห่างจาก หยวน ชิงหลิงไม่ถึงห้าฟุตจักรพรรดิหมิงหยวนถามนางอย่างใจเย็นว่า “เมื่อครู่มู่หรูเข้ามารายงานข้า เจ้าบอกว่าทำสร้อยหาย เจ้าทำหายที่ไหน?”“ทูลฝ่าบาท ทำหายที่พระตำหนักเฉียนคุนเพคะ ”“งั้นเจ้าดูนี่ ที่พื้น ใช่สร้อยลูกปัดที่เจ้าทำหายที่ตำหนักเฉียนคุนหรือไม่” จักรพรรดิหมิงหยวนถามหยวน ชิงหลิงจ้องมองดู แล้วตอบกลับว่า “ใช่เพคะ”“สร้อยลูกปัดเส้นนี้ ฮองเฮาให้คน
เสียนเฟยวางถ้วยชาลงมอง หยวน ชิงหลิง ลังเลอยู่สักครู่แล้วเอ่ยถามว่า “พระชายาฉู่ ก็อยู่ที่นี้ด้วยหรือ? งั้นหม่อมฉันไม่รบกวนฝ่าบาทแล้ว”จักรรรดิหมิงหยวนกล่าวต่อไปว่า “เจ้ามาก็ดีแล้ว เรื่องนี้ลูกชายเจ้าก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เจ้านั่งลงเถอะ”เมื่อได้ยินว่าเกี่ยวของกับอ๋องฉู่ด้วย เสียนเฟยรู้สึกเกลียดนางจนแทบจะกินนางทั้งเป็นนางระงับความโกรธโดยที่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มไม่เปลี่ยนแปลง “เพคะ!” นางกระเถิบเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ ในสมองรีบคิดตามอย่างรวดเร็ว ฝ่าบาทต้องคิดว่า หยวน ชิงหลิงนำสร้อยไปให้ฮองเฮาเป็นความต้องการของเจ้าห้า เจ้าห้าไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่ เวลานี้ลูกควรปกป้องตัวเองสิ ทำไมถึงทำตัวเหลวไหลได้?แต่งภรรยาไร้คุณธรรมแบบนี้ถ้าลูกห้าถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาและถูกเนรเทศออกไปละก็ นางไม่มีทางปล่อย หยวน ชิงหลิงไปแน่ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงนี้ด้วย ถ้าแต่ง ฉู่ หมิงชุ่ยเข้ามาตั้งแต่แรกละก็ จะมีเหตุการณ์ตรงหน้าแบบวันนี้เกิดขึ้นได้หรือ?เสียนเฟยยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียด ในใจเกลียด หยวน ชิงหลิงจนอยากบีบกระดูกนางให้เป็นเถ้าถ่านหยวน ชิงหลิงนั่งคุกเข่าตัวตรง ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับรังสีอมหิตข