สนมเสียนเฟยเองก็คิดถึงเหตุผลข้อนี้ นางอึดอัดเสียจนหายใจติดขัด กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก นางข้าหลวงสี่ มาถึงพระตำหนักจงเซินแล้ว แล้วนำสร้อยลูกปัดใต้ของหยวน ชิงหลิงขึ้นถวาย “พระชายาฉู่กล่าวว่า ฮองเฮายังไม่ได้รับลูกปัดใต้ที่เป็นเครื่องบรรณาการจากอาณาจักรริวกิว นางเป็นลูกสะใภ้จึงไม่กล้าโลภเห็นแก่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ดังนั้นจึงนำมาแสดงความกตัญญูแก่พระนางหนึ่งเส้นเพคะ” ฮองเฮาที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธมากและตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่กล้ารับไว้ เอากลับไปเถอะ”นางข้าหลวงสี่ยิ้มแย้มและกล่าวว่า “ทำไมพระองค์จึงไม่รับการแสดงความกตัญญูของพระชายาล่ะเพคะ อย่างไรก็ตามที่คือของพระราชทานจากฝ่าบาท ถ้าพระองค์ไม่ทรงรับไว้ เกรงว่าจะได้กุ้ยเฟยหรือเสียนเฟย ลูกปัดใต้เส้นนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนัก พระองค์ไม่มีไว้ แต่สนมเอกกับสนมเสียนเฟยล้วนมีทั้งคู่ แบบนี้ไม่เป็นการเสียพระพักตร์หรือเพคะ? พระองค์รับไว้เถอะเพคะ ส่วนพระองค์จะทำอย่างไร ก็สุดแท้แล้วแต่พระองค์เถอะเพคะ”นางข้าหลวงผู้ดูแลตำหนักจงเซินก็ได้กล่าวว่า “ นางข้าหลวงสี่เป็นคนมีเหตุผล พระองค์รับไว้เถอะเพคะ แล้วค่อยส่งให้ฝ่าบาททอดพระเนตร ว่าพระชายาฉู่กำลัง
ขันทีมู่หรูตระหนกตกใจ ฝ่าบาทรู้ว่าตอนนั้นอ๋องฉู่ติดกับของการเล่นเล่ห์วางแผน? แล้วทำไมพระองค์ถึงยังเอาความโกรธไปลงที่อ๋องฉู่? และยังประกาศพระราชโองการให้อ๋องฉู่แต่งกับคุณหนูตระกูลหยวนขันทีมู่หรูรู้สึกว่าตัวเองถึงจะรับใช้ฝ่าบาทมานาน แต่กลับไม่รู้เลยว่าในพระทัยพระองค์คิดอะไรอยู่”ฝ่าบาท พระองค์จริง ๆ ก็ทรงรู้ว่าท่านอ๋องฉู่ติดกับดัก แล้วทำไมพระองค์ทรงปฏิบัติอย่างเย็นชากับท่านอ๋องล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” ขันทีมู่หรูเอ่ยถามจักรพรรดิหมิงหยวน ไฟโกรธยังไม่มอดดับ “จิ้งโฮ่วคนนึง หยวน ชิงหลิงก็อีกคนนึง เอาคนพวกนี้เข้ามาเกลือกกลั้วในสมรภูมิก็เปล่าประโยชน์ ข้ายังอยากคาดหวังอะไรกับเขา?”ขันทีมู่หรูเห็นว่าฝ่าบาทยังทรงกริ้วเลยไม่กล้าทำอะไรต่อนิสัยของฝ่าบาท เขาเองก็รู้เพียงผิวเผิน พูดไปตอนนี้ก็เหมือนเอาน้ำมันราดเข้ากองไฟเรื่องในครั้งนี้จริง ๆ ขันทีมู่หรูเองก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่นี่เป็นรับสั่งของฮองเฮาถ้าให้คนพูดก็มีความน่าเชื่อถืออยู่ และฝ่าบาทเองก็เชื่อพระทัยฮองเฮา นางข้าหลวงเป่า ก็เป็นคนที่ฮองเฮาไว้ใจ เป็นคนสนิท ถ้านี่เป็นเรื่องจริง เกรงว่าคงไม่พูดจามั่ว ๆ แน่ใบหน้าของจักรพรรดิหมิงหยวนบูดบึ้ง
ขันทีมู่หรูเข้าไปหลังจากนั้น หยวน ชิงหลิงก็เดินตามเข้าไปอวี่ เหวินห่าวยืดตัวขึ้นแล้วถามว่า “ขันที ทำไมเสด็จพ่อถึงอยากนำสร้อยลูกปัดคืน?”ขันทีมู่หรูพบว่าเขามตรง ๆ อย่างไม่มีอ้อมไปมา งั้นก็จะพูดจริง ๆ เลยแล้วกัน “ในเมื่อท่านอ๋องถามเช่นนี้กระหม่อมก็จะไม่พูดมาก ท่านอ๋องอย่าหาว่ากระหม่อมเสียมารยาท ถ้าท่านอ๋องจะแสดงความกตัญญูต่อฮองเฮาล่ะก็ ยังมีโอกาสอื่นอีก ทำไมต้องให้พระชายานำสร้อยลูกปัดไปถวาย?”อวี่ เหวินห่าวมองไปที่ หยวน ชิงหลิงด้วยสายตาทิ่มแทงราวใบมีดหยวน ชิงหลิงหลับตาลง ไม่พูดอะไร บนไม่หน้าไม่ได้ปรากฏอารมณ์ความรู้สึกอะไรอวี่ เหวินห่าวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นหันไปทางขันทีมู่หรู “เชิญขันทีกลับไปก่อน ข้าขอพูดอะไรกับพระชายาเป็นการส่วนตัวสักครู่”“พระชายา สร้อยลูกปัดเส้นนั้น ส่งคืนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทตอนนี้ทรงกริ้วอยู่” ขันทีมู่หรูกล่าว หยวน ชิงหลิงตอบกลับไป “ขันที สร้อยลูกปัดหายไปเส้นนึง ข้าจะไปรับโทษกับเสด็จพ่อเอง ท่านกลับไปกราบทูลก่อนเถิด”ขันทีมู่หรูอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ “เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ พระชายาไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้ จะยิ่งทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วกว่าเดิม” อวี่ เหวินห่าวจ้อ
“ท่านอ๋อง!” ถังหยางมอง อวี่ เหวินห่าวด้วยความกังวลใจ “พระชายาไปแบบนี้ เกรงว่าจะยิ่งไปเพิ่มความโกรธให้ฝ่าบาท”อวี่ เหวินห่าวก้มหัวลงอย่างช้า ๆ คำพูดที่ หยวน ชิงหลิงพูดตอนไป มันยังก้องในหูเขา เรื่องยุ่งยากน่ารำคาญใจแบบนี้ ทำให้เขาเจ็บปวดจนพูดไม่ออก“ให้นางไป เสด็จพ่อผิดหวังในตัวข้าอยู่แล้ว ผิดหวังอีกสักครั้งจะเป็นอะไรไป” อวี่ เหวินห่าวกล่าวอย่างเงียบ ๆ“ทำไมพระชายาถึงมอบสร้อยลูกปัดให้ฮองเฮา” สวี่อีเค้นสมองคิดหาเหตุผลที่ หยวน ชิงหลิงลงมือทำแบบนี้“เพื่ออะไร? เป็นธรรมชาติที่นางจะประจบประแจงฮองเฮา” อวี่ เหวินห่าวกล่าวอย่างเย็นชา“ประจบฮองเฮาได้อย่างไร?”ถังหยางมองสวี่อีอย่างเรียบเฉย “เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ? ตอนนี้จิ้งโฮ่วอยากพึ่งพิงตระกูล ฉู่ หมิงชุ่ย เจ้านี่ไม่รู้อะไรซะจริง”สวี่อีพ่นหายใจออกมา “จิ้งโฮ่วนี่มันตาแก่เศษสวะจริง ๆ หน้าไม่อายเลยสักนิด ตอนที่ท่านอ๋องของเราได้รับความโปรดปราน ก็ลงมือวางแผนการสารพัดแต่งลูกสาวเข้าจวนอ๋อง วันนี้ท่านอ๋องตกต่ำ เขาก็รีบสะบัดหางหนีไปพึ่งตระกูลฉู่ หมิงชุ่ย มันไม่ละอายบ้างหรือไง?”ถังหยางเห็นว่า อวี่ เหวินห่าวสีหน้ายิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ เลยดุสวี
แต่ทว่าจักรพรรดิหมิงหยวนยังทรงกริ้วอยู่ แล้วให้ขันทีมู่หรูเชิญตัว หยวน ชิงหลิงมาเข้าเฝ้าอ๋องซุนมอง หยวน ชิงหลิงรู้สึกสงสาร ช่างหน้าขายหน้าจริง ๆ ให้นางไปเจอกับความโกรธของเสร็จพ่อเพราะตัวเองแบบนี้ ได้ยินมาว่าเจ้าห้าอยู่ในวังหลวงเพื่อพักฟื้นอาการบาดเจ็บ ไปบอกเจ้าห้าสักคำ ให้เจ้าห้าช่วยพานางกลับดีกว่าหยวน ชิงหลิงเข้ามาในตำหนักจักรพรรดิหมิงหยวนก็ไม่เงยหน้า เพียงพูดอย่างเรียบเฉยว่า “คุกเข่าลง!” หยวน ชิงหลิงคุกเข่า “ถวายบังคมเสด็จพ่อ!”ข้าวของในตำหนักรกรุงรังไปหมด ขันทีมู่หรูกำลังเก็บกวาดร่องรอยของหินฝนหมึกที่กระจัดกระจายบนพื้น มองดูแล้ว ฝ่าบาทเป็นพวกเวลาโมโห ชอบทำลายข้าวของ บนพื้นมีสายสร้อยลูกปัดนอนนิ่งอยู่ มันตกอยู่บนพื้นห่างจาก หยวน ชิงหลิงไม่ถึงห้าฟุตจักรพรรดิหมิงหยวนถามนางอย่างใจเย็นว่า “เมื่อครู่มู่หรูเข้ามารายงานข้า เจ้าบอกว่าทำสร้อยหาย เจ้าทำหายที่ไหน?”“ทูลฝ่าบาท ทำหายที่พระตำหนักเฉียนคุนเพคะ ”“งั้นเจ้าดูนี่ ที่พื้น ใช่สร้อยลูกปัดที่เจ้าทำหายที่ตำหนักเฉียนคุนหรือไม่” จักรพรรดิหมิงหยวนถามหยวน ชิงหลิงจ้องมองดู แล้วตอบกลับว่า “ใช่เพคะ”“สร้อยลูกปัดเส้นนี้ ฮองเฮาให้คน
เสียนเฟยวางถ้วยชาลงมอง หยวน ชิงหลิง ลังเลอยู่สักครู่แล้วเอ่ยถามว่า “พระชายาฉู่ ก็อยู่ที่นี้ด้วยหรือ? งั้นหม่อมฉันไม่รบกวนฝ่าบาทแล้ว”จักรรรดิหมิงหยวนกล่าวต่อไปว่า “เจ้ามาก็ดีแล้ว เรื่องนี้ลูกชายเจ้าก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เจ้านั่งลงเถอะ”เมื่อได้ยินว่าเกี่ยวของกับอ๋องฉู่ด้วย เสียนเฟยรู้สึกเกลียดนางจนแทบจะกินนางทั้งเป็นนางระงับความโกรธโดยที่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มไม่เปลี่ยนแปลง “เพคะ!” นางกระเถิบเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ ในสมองรีบคิดตามอย่างรวดเร็ว ฝ่าบาทต้องคิดว่า หยวน ชิงหลิงนำสร้อยไปให้ฮองเฮาเป็นความต้องการของเจ้าห้า เจ้าห้าไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่ เวลานี้ลูกควรปกป้องตัวเองสิ ทำไมถึงทำตัวเหลวไหลได้?แต่งภรรยาไร้คุณธรรมแบบนี้ถ้าลูกห้าถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาและถูกเนรเทศออกไปละก็ นางไม่มีทางปล่อย หยวน ชิงหลิงไปแน่ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงนี้ด้วย ถ้าแต่ง ฉู่ หมิงชุ่ยเข้ามาตั้งแต่แรกละก็ จะมีเหตุการณ์ตรงหน้าแบบวันนี้เกิดขึ้นได้หรือ?เสียนเฟยยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียด ในใจเกลียด หยวน ชิงหลิงจนอยากบีบกระดูกนางให้เป็นเถ้าถ่านหยวน ชิงหลิงนั่งคุกเข่าตัวตรง ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับรังสีอมหิตข
ฮองเฮาฉู่มองนางข้าหลวงเป่าด้วยความประหลาดใจ “เจ้าได้ยินอะไรผิดไป? ข้าให้เจ้านำสร้อยลูกปัดมาส่งคืน ทำไมจึงกราบทูลเช่นนั้น?” “พระองค์...” ริมฝีปากของนางข้าหลวงเป่าซีดขาวและตัวสั่นเทา “หม่อมฉันรู้มาก หม่อมฉันคิดไปว่าการที่พระชายาฉู่ส่งสร้อยลูกปัดมาให้ก็เพื่ออ๋องฉู่ ดังนั้นหม่อมฉันจึงพูดมากไปว่าพระชายาส่งให้ฮองเฮาเพื่อให้ฮองเฮาชมเชยอ๋องฉู่”ฮองเฮาฉู่โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม “เจ้ากล้าดียังไงมาคาดเดาส่งเดชเช่นนี้ เจ้าช่างบังอาจ!”ฮองเฮาฉู่จู่ ๆ ก็สงบใจคิดขึ้นมาได้ อี้เป่าอยู่กับนางมาหลายปี นิสัยใจคอก็รู้ดี นางไม่มีทางพูดจาเหลวไหลต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทได้แน่ทันใดนั้นนางก็นึกถึง ฉู่ หมิงชุ่ยขึ้นมาก่อนหน้านั้น ฉู่ หมิงชุ่ยก็เสนอให้ไปหาเสียนเฟย แค่นางคิดว่าไม่จำเป็นต้องลงมือกับเสียนเฟย เสียนเฟยนางเป็นหลานสาวของไทเฮา นางลงมือกับเสียนเฟยไปเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ง่ายที่จะลงมือต่อสีหน้าของจักรพรรดิหมิงหยวนมองได้ยากนัก อี้เป่ามีหรือจะกล้า? เกรงว่าฮองเฮาจะเป็นคนบงการ เขามองหน้าฮองเฮาฉู่อย่างเย็นชาฮองเฮาฉู่ลุกขึ้นมาเล่นละครฉากนึง นางตบลงไปที่หน้าของนางข้าหลวงเป่าอย่างแรง และพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “บัง
“เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนสับเปลี่ยนยา?” หยวน ชิงหลิงถามนางข้าหลวงสี่นางข้าหลวงสี่เอาแต่นิ่งเงียบฝ่ามือของจักรพรรดิหมิงหยวนตบลงไปบนโต๊ะ แล้วค่อย ๆ วางลง เขามองนางข้าหลวงสี่อย่างเงียบ ๆ ในใจรู้สึกเป็นโหว่ง ๆ ลึกลงไปอย่างช้า ๆนางข้าหลวงสี่สามารถแก้ข้อกล่าวหานี้ได้ แต่นางไม่ทำนางยอมรับมันโดยปริยายจักรพรรดิหมิงหยวนทั้งตกใจทั้งโกรธ เป็นนางข้าหลวงสี่ไปได้อย่างไร “พระชายาฉู่ ท่านมีหลักฐานไหม?” ขันทีมู่หรูตกใจมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามหยวน ชิงหลิงตอบอย่างเรียบเฉยว่า “หลักฐานอยู่ที่พระตำหนักเฉียนคุน ต่อหน้าพระพักตร์ไท่ซ่างหวง นางข้าหลวงสี่ เจ้าจะต้องอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ เจ้าถึงจะยอมรับผิดใช่ไหม? เจ้าเคยลงมือทำร้ายพระองค์ไปแล้วครั้งหนึ่ง ข้าไม่สนว่าเรื่องของเจ้าจะทำให้พระองค์โกรธจนส่งผลกับพระอาการ พวกเราไปเผชิญหน้ากันพระตำหนักเฉียนคุนเถอะ” นางข้าหลวงสี่แทบจะเงยหน้าขึ้นอย่างเร็ว แสงไฟในแววตาที่ค่อยมอดลงทีละน้อย ผิวหนังบนใบหน้าค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เปลือบตาที่หย่อนคล้อยตกลง จู่ ๆ ก็ดูรู้สึกเหมือนนางจะดูแก่ลงหลายปี“ไม่ต้องไปถึงพระตำหนักเฉียนคุนหรอกเพคะ หม่อมฉันยอมรับผิ