นางข้าหลวงสี่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “บุญคุณต้องทดแทน ปีที่แล้วหม่อมฉันป่วยหนัก พระชายาฉู่ส่งยามาให้รักษาอาการป่วยจนหาย วันนี้ช่วยนางสักครั้งถือว่าตอบแทนบุญคุณ หม่อมฉันรู้ว่ายังไงพระชายาก็ไม่ได้รับโทษ ไท่ซ่างหวงต้องการนางอย่างมากก็อาจจะถูกดุด่าไม่กี่คำ หม่อมฉันไม่ต้องการทำร้ายใคร”เมื่อนางพูดจบ นางก็โขกหัวกับพื้นอยู่นาน เมื่อเงยหน้าขั้น สีหน้ามีแต่ความสงบ “หม่อมฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฝ่าบาทโปรดประทานเหล้าพิษให้ด้วย!”ชีวิตนี้นางไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้วไปถึงปรโลกก็ไม่ติดหนี้บุญคุณเขาอีกสีหน้าของจักรพรรดิหมิงหยวนมีความไม่ยินยอมกับเรื่อนี้ “ถ้าเจ้าสารภาพถึงคนบงการอยู่เบื้องหลัง ข้าก็จะทำเหมือนเรื่องที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น”นางข้าหลวงสี่นิ่งเงียบราวกับนางเตรียมใจตายแล้ว และไม่มีใครเปลี่ยนความคิดนี้ได้จักรพรรดิหมิงหยวนทั้งเกลียดและโศกเศร้าเสียใจ เขาไม่อยากฆ่านางข้าหลวงสี่ เรื่องนี้เองก็ไม่สามารถบอกไท่ซ่างหวงได้ ไท่ซางหวงในตอนนี้ประชวรเป็นโรคหัวใจ พระองค์จะทนรับเรื่องที่คนสนิทข้างกายที่อยู่มาด้วยกับตั้งสิบกว่าปีวางยาพิษพระองค์เองได้หรอตกอยู่ในความเงียบอยู่ครู่นึง ฝ่าบาทก็เอ่ยขึ้น
จักรพรรดิหมิงหยวนมองนาง “ถ้าเจ้าไม่รู้จะทำยังไง บางทีเจ้ากลับไปสอนพ่อเจ้าสักหน่อยก็ดี”หยวน ชิงหลิงทำตัวไม่ถูกมาก ๆ ทำแบบนี้มันจะดีหรือ?“อย่าเอาเรื่องของบิดาหม่อมฉันมากวนพระทัยเลยเพคะ” หยวน ชิงหลิงตอบคำตอบนี้จักรพรรดิหมิงหยวนพึงพอใจมาก จักรพรรดิหมิงหยวนมองนางสักครู่แล้วจู่ ๆ ก็พูดออกมาว่า “ตอนนั้นนางข้าหลวงสี่พูดว่า พระชายาฉีเกลียดเจ้า จึงทำร้ายเจ้า เจ้าไม่ควรแก้แค้นเป็นการส่วนตัว เข้าใจไหม?” “ถ้านางทำหม่อมฉันก่อนล่ะเพคะ?” หยวน ชิงหลิงถาม นางไม่อยู่รอเฉย ๆ ให้ใครมารังแกนางได้หรอกนะ “นางไม่กล้าหรอก และตระกูลฉู่เองจะไม่ให้นางลงมืออีก ยังมีอีกเรื่อง” จักรพรรดิหมิงหยวน พึมพัมมองนางแล้วกล่าวต่อว่า “เสียนเฟยเคยพูดกับข้า ว่าจะให้เจ้าห้าแต่งกับพระชายาฉี ทั้งคู่เล่นด้วยกันเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่สุดท้ายไร้วาสนา ช่างน่าเสียดาย พระชายาฉียังมีน้องสาวอีกคน โตมาคล้ายนางมาก ข้าเลยคิดว่าจะให้เจ้าห้าแต่งกับคุณหนูรองแต่งเข้ามาเป็นพระชายารอง เจ้าว่ายังไง?” หยวน ชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่มีเพคะ!”จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกแปลกใจ ทำไมใจกว้างอะไรเช่นนี้คุณหนูรองตระกูลฉู่เป็นคุณหนูที่เกิดจากฮูหยิน
เมื่อถึงพระตำหนักเฉียนคุน พบว่าไท่ซ่างหวงนั่งเอนหลังแทะเม็ดแตงอยู่ในพระตำหนัก นอกจากฉางกงกง ก็ยังมีอีกคนนึงใส่ชุดสีดำ พกกระบี่ ผมของเขาตรงขมับดูเหมือนย้อมสีมา ยังดูหนุ่มอยู่เลย เขาพบว่า หยวน ชิงหลิงเข้ามาในตำหนัก สายตาที่มองมา และเขาก็ดูเย็นเยือกในชั่วพริบตาไท่ซ่างหวงแทะเม็ดแตงแล้วพูดว่า “เจ้าออกไปก่อน”ชายชุดดำประสานมือและขอทูลลาออกไปฝีเท้าของเขาเบามาก ไม่ว่าจะจับตาดูแล้ว ก็ยังรู้สึกเลยว่าเขาเคลื่อนไหวส้นเท้าไม่ได้แตะพื้น แค่แปปเดียวเขาก็หายไปซะแล้ว“มองอะไร? เขาเป็นองครักษ์เงาของข้าเอง เรื่องของเจ้าจัดการเรียบร้อยแล้ว?” ไท่ซ่างหวงเหลือบมองนางและถามด้วยท่าทางสบาย ๆ ดูท่าทางไม่เลวเลยหยวน ชิงหลิงจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพหลอน ชายชราคนนี้รู้ทุกอย่าง อาจรวมถึงคนบงการนางข้าหลวงสี่ด้วย ชายชรามองที่นางและยิ้มแปลก ๆ ออกมาหยวน ชิงหลิงรู้สึกในหัวของเธอเหมือนงุนงง เธอต้องเดาไม่ผิดแน่ ๆ ชายชราคนนี้รู้ทุกอย่าง“ฉางกงกง ข้าอยากสนทนากับไท่ซ่างหวงตามลำพัง เชิญท่านออกไปก่อน” หยวน ชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองโง่เหมือนไอ้ทึ่มแบบนี้ไม่ได้ ต้องถามให้ชัดเจนฉางกงกงเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เขารีบออกไ
“ไม่สบายใจ?” ไท่ซ่างหวงสังเกตุเห็นสีหน้าของ หยวน ชิงหลิงจึงได้ไถ่ถาม“ไม่มีเรื่องอะไรน่ายินดีเพคะ”ไท่ซ่างหวงยิ้มออกมา “เรื่องที่เจ้าห้าจะแต่งพระชายารองสินะ เรื่องนี้เป็นความคิดของเสียนเฟย อย่างไรเสียเจ้าก็ดูแล้วไม่ค่อยแยแสเจ้าห้า ตามน้ำไปเถอะ ทำไมต้องใส่ใจ?”เขาก็รู้เรื่องนี้ด้วย? คิดว่าเรื่องการแต่งพระชายารองก็คงพูดถึงมาก่อนแล้ว“ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพคะ พูดจริง ๆ เรื่องนี้หม่อมฉันก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่” เรื่องนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน “นางข้าหลวงสี่จะออกจากวังหลวงกับหม่อมฉัน ฝ่าบาททราบไหมเพคะ?” “รู้สิ!”รู้? เรื่องนี้เพิ่งยืนยันออก มีคนรีบเข้ามากราบทูลไท่ซ่างหวงแล้ว? ใครเป็นคนเข้ามารายงานเรื่องนี้กัน หยวน ชิงหลิงอดนึกถึงคนชุดดำเมื่อกี้ขึ้นมา คนชุดดำนั้นน่าจะเป็นหูเป็นตาของไท่ซ่างหวง?“ทำดีกับนางหน่อย ถึงแม้ว่านางจะทำให้ข้าผิดหวัง แต่ข้าก็ไม่แค้นนาง” ไท่ซ่างหวงหลับตาลงถูมือตัวเองเบา ๆด้วยสถานะสูงศักดิ์ของเขา มีคนหมายจะเอาชีวิตของเขา เขากลับไม่แค้นเคือง และยังให้เธอดูแลนางข้าหลวงสี่ดี ๆ ช่างน่าแปลกจริง ๆวังหลวง ห้องตำราของตำหนัก อ๋องซุนรู้ว่า อวี่ เหวินห่าวพ
อ๋องซุนหัวเราะเขิน ๆ ออกมา “ข้าคิดว่าเจ้าเหมาะสมกว่า เกรงว่าพี่ใหญ่ก็คิดอยากจะทำ แต่ข้าไม่ชอบพี่ใหญ่ ไม่รู้สิยังไงข้าก็ไม่แนะนำเขาหรอก”สีหน้าของถังหยางก็คล้ำขึ้นด้วยความเครียดก่อนจะกล่าวว่า “ท่านอ๋องซุนขอรับ การแนะนำของท่านจะนำภัยมาสู่ท่านอ๋องฉู่ได้พ่ะย่ะค่ะ” อ๋องซุนตกใจกับคำพูดของถังหยาง “จะทำร้ายเขาได้ยังไง? ข้าก็แค่พูดไม่คิด ไม่ได้เอาจริงเอาจัง เสด็จพ่อเองก็คงไม่ฟังข้าด้วย ถังหยางเจ้าก็ระมัดระวังเกินไป เจ้าเป็นแบบนี้จะไปมีความสุขได้อย่างไรกัน?”ถังหยางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ท่านช่างรู้จักตัวเอง รู้แจ้งว่าฝ่าบาทไม่ฟังท่าน ท่านไม่ลำบากใจที่จะพูดเลย? อ๋องซุนท่านนี้เป็นคนที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างแท้จริงอ๋องซุนมองสีหน้าของทุกคนดูไม่ใช่ รู้ว่าตัวเองอาจพูดผิดไป เขายกมือตบปากตัวเองไปหนึ่งที “ปากโง่ ๆ ของข้าพูดผิดอีกแล้ว?”“ไม่เป็นไร” อวี่ เหวินห่าวส่ายหน้า “ท่านไม่ได้พูดอะไรผิดเลย พี่รองชื่นชมข้า แนะนำข้าเช่นนี้ ไม่มีอะไรผิดหรอก” สายตาของเขาที่จับจ้องไปด้านนอกตลอด หยวน ชิงหลิงยังไม่กลับมา เสด็จพ่อทรงกริ้วอยู่แบบนี้ ไม่รู้จะจัดการกับนางยังไงบ้าง?อ๋องซุนกินของว่างหมดก็ไป ก่อนไปเขา
อวี่ เหวินห่าวหลับตาลง ระหว่างทางรถม้าก็ยังมีทางขรุขระกระแทกไปมาอยู่บ้าง ยาลูกกลอนจื่อจินที่ รุ่ยชิงอ๋อง ให้มานั้นช่วยรักษากำลังวังชาเขาอยู่ได้ แต่ตอนนี้ฤทธิ์ยาก็ลดลงไป อาการบาดเจ็บสาหัสเกินไป แรงกระแทกจึงทำให้เขายังรู้สึกเจ็บเดิมที หยวน ชิงหลิงไม่คิดจะสนใจ แต่เห็นสีหน้าอาการของเขาดูทรมาน เลยหยิบกล่องยา ฉีดยาแก้ปวดขนานแรงให้ หยวน ชิงหลิงไม่พูดอะไร หลังจากฉีดยาเสร็จ เขารู้สึกอาการเจ็บปวดทุเลาลงมาก ค่อย ๆ ลืมตามอง หยวน ชิงหลิงช้า ๆหยวน ชิงหลิงเก็บกล่องยาโดยไม่ได้มองเขา มีปอยผมหลุดลงมาบังที่หัวตาเขา“เสด็จพ่อไม่ได้ลงโทษอะไรเจ้าจริง ๆ หรือ? ” อวี่ เหวินห่าวถามนางด้วยน้ำเสียงแหบแห้งหยวน ชิงหลิงนำกล่องยาไปเก็บไว้ข้างบน และตอบอย่างเรียบ ๆ ว่า “เสด็จพ่อสายพระเนตรเฉียบคม รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า จึงไม่ลงโทษข้า”“แล้วใครเป็นคนทำ? ทำไมนางข้าหลวงสี่ถึงออกจากวังมากับเจ้าด้วย?” “เสด็จแม่เสียนเฟยก็ทรงอยู่ที่หอตำราด้วย บางทีอาจจะรอให้ท่านอ๋องดีขึ้นแล้ว ค่อยไปถามเสด็จแม่เสียนเฟยเองเถอะ” หยวน ชิงหลิงเรียนรู้บทเรียนจากอดีต ต่อหน้าเขาอย่าพูดถึง ฉู่ หมิงชุ่ยแม้แต่คำเดียวหลังจากถึงจ
มื้อค่ำแม่นมฉีเป็นคนจัดการ หยวน ชิงหลิงรู้สึกไม่อยากอาหาร เธอจึงดื่มแค่น้ำแกงลงไปหนึ่งคำ เธอก็หยุดกินให้คนมาเก็บสำรับออกไปแม่นมฉีรู้สึกว่านางอารมณ์ไม่ค่อยจะดี ไม่กล้าถามเรื่องอื่น ๆ นางจึงสั่งให้ลวี่หยาเข้ามาเก็บสำรับอาหารออกไปแม่นมฉีที่กำลังจะหันตัวออกไป หยวน ชิงหลิงก็ถามนาง “แม่นม ฮั่วเกอเอ๋อร์ดีขึ้นรึยัง?”แม่นมฉีที่ได้ยินนางจึงหันมาตอบกลับกับ หยวน ชิงหลิงว่า “ขอบพระทัยพระชายาที่ห่วงใย เขาไม่เป็นอะไรแล้ว”“พรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมเขา” หยวน ชิงหลิงบอกแม่นมฉี“เพคะ ขอบพระทัยเพคะ!” แม่นมฉีเองก็ไม่คิดว่านางจะคิดถึงฮั่วเกอเอ๋อร์ด้วย ในใจนางก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาหยวน ชิงหลิงอ่านหนังสือไปได้สักพักนึง ก็เริ่มรู้สึกอยากนอนแล้ว หวังว่าคืนนี้เธอจะนอนหลับฝันดีนางข้าหลวงสี่กลับเข้ามา หลังเข้ามาแล้วก็ปิดประตูหยวน ชิงหลิงหันไปมองทางนาง “มีเรื่องอะไร?”นางข้าหลวงสี่วางมืออย่างนอบน้อม และกล่าวอย่างเรียบ ๆ ว่า “พระชายาบอกมาตรง ๆ เถอะเพคะ ว่าจะจัดการลงโทษหม่อมฉันอย่างไร?”หยวน ชิงหลิงยิ้มอย่างเรียบ ๆ “ไม่ลงโทษอะไร”นางข้าหลวงสี่เงียบเสียงลง “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว ความหมายของพระชายาคือ ให้หม่อ
หยวน ชิงหลิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นี่ไม่ใช่สังคมที่ยุติธรรม และความสามารถของเธอก็มีขีดจำกัด มีคนรับใช้เข้ามาอย่างเร่งรีบ ราวกับว่ามีเรื่องด่วน เมื่อเห็น หยวน ชิงหลิงอยู่ที่นี่ คนรับใช้ก็ตกใจพระชายาอยู่ที่เรือนเล็กได้อย่างไร “มีเรื่องอะไร?” แม่นมฉีถาม เมื่อคนรับใช้ดึงสติกลับมาได้ ก็กราบบังคม หยวน ชิงหลิงก่อน แล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าถัง ให้พระองค์เตรียมของว่าง โดยบอกว่ามีข่าวจากในวัง พระสนมเสียนเฟยกำลังจะออกจากวังมาที่จวน” “พระสนมเสียนเฟยกำลังมา?” แม่นมฉีตื่นเต้น “ได้ เจ้ากลับไปบอกใต้เท้าถังว่า ข้าจะจัดการให้อย่างสมเกียรติ” แม่นมฉีเป็นสินสอดทองหมั้นของพระสนมในตอนนั้น เมื่อ อวี่ เหวินห่าวได้แยกอาณาจักรและออกจากจวนไป พระสนมได้มอบนางให้ อวี่ เหวินห่าว เมื่อได้ยินว่านายเก่ากำลังมา แม่นมฉีก็ดีใจโดยธรรมชาติหยวน ชิงหลิงรู้สึกถึงเงาในหัวใจของนาง พระสนม คนที่ไม่ชอบนางที่สุดในวังทั้งหมด คราวนี้ออกจากวัง อาจจะเป็นเพราะเรื่องอาการบาดเจ็บของ อวี่ เหวินห่าวที่ส่งไปยังวังหลังหรือเปล่า? อันที่จริง มันง่ายสำหรับพระสนมที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแต่นางไม่เคยหนีพ้นความเจ็บป่วยที่เป็นมานาน ด