แชร์

บทที่ 93

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนสับเปลี่ยนยา?” หยวน ชิงหลิงถามนางข้าหลวงสี่

นางข้าหลวงสี่เอาแต่นิ่งเงียบ

ฝ่ามือของจักรพรรดิหมิงหยวนตบลงไปบนโต๊ะ แล้วค่อย ๆ วางลง เขามองนางข้าหลวงสี่อย่างเงียบ ๆ ในใจรู้สึกเป็นโหว่ง ๆ ลึกลงไปอย่างช้า ๆ

นางข้าหลวงสี่สามารถแก้ข้อกล่าวหานี้ได้ แต่นางไม่ทำ

นางยอมรับมันโดยปริยาย

จักรพรรดิหมิงหยวนทั้งตกใจทั้งโกรธ เป็นนางข้าหลวงสี่ไปได้อย่างไร

“พระชายาฉู่ ท่านมีหลักฐานไหม?” ขันทีมู่หรูตกใจมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

หยวน ชิงหลิงตอบอย่างเรียบเฉยว่า “หลักฐานอยู่ที่พระตำหนักเฉียนคุน ต่อหน้าพระพักตร์ไท่ซ่างหวง นางข้าหลวงสี่ เจ้าจะต้องอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ เจ้าถึงจะยอมรับผิดใช่ไหม? เจ้าเคยลงมือทำร้ายพระองค์ไปแล้วครั้งหนึ่ง ข้าไม่สนว่าเรื่องของเจ้าจะทำให้พระองค์โกรธจนส่งผลกับพระอาการ พวกเราไปเผชิญหน้ากันพระตำหนักเฉียนคุนเถอะ”

นางข้าหลวงสี่แทบจะเงยหน้าขึ้นอย่างเร็ว แสงไฟในแววตาที่ค่อยมอดลงทีละน้อย ผิวหนังบนใบหน้าค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เปลือบตาที่หย่อนคล้อยตกลง จู่ ๆ ก็ดูรู้สึกเหมือนนางจะดูแก่ลงหลายปี

“ไม่ต้องไปถึงพระตำหนักเฉียนคุนหรอกเพคะ หม่อมฉันยอมรับผิ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 94

    นางข้าหลวงสี่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “บุญคุณต้องทดแทน ปีที่แล้วหม่อมฉันป่วยหนัก พระชายาฉู่ส่งยามาให้รักษาอาการป่วยจนหาย วันนี้ช่วยนางสักครั้งถือว่าตอบแทนบุญคุณ หม่อมฉันรู้ว่ายังไงพระชายาก็ไม่ได้รับโทษ ไท่ซ่างหวงต้องการนางอย่างมากก็อาจจะถูกดุด่าไม่กี่คำ หม่อมฉันไม่ต้องการทำร้ายใคร”เมื่อนางพูดจบ นางก็โขกหัวกับพื้นอยู่นาน เมื่อเงยหน้าขั้น สีหน้ามีแต่ความสงบ “หม่อมฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฝ่าบาทโปรดประทานเหล้าพิษให้ด้วย!”ชีวิตนี้นางไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้วไปถึงปรโลกก็ไม่ติดหนี้บุญคุณเขาอีกสีหน้าของจักรพรรดิหมิงหยวนมีความไม่ยินยอมกับเรื่อนี้ “ถ้าเจ้าสารภาพถึงคนบงการอยู่เบื้องหลัง ข้าก็จะทำเหมือนเรื่องที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น”นางข้าหลวงสี่นิ่งเงียบราวกับนางเตรียมใจตายแล้ว และไม่มีใครเปลี่ยนความคิดนี้ได้จักรพรรดิหมิงหยวนทั้งเกลียดและโศกเศร้าเสียใจ เขาไม่อยากฆ่านางข้าหลวงสี่ เรื่องนี้เองก็ไม่สามารถบอกไท่ซ่างหวงได้ ไท่ซางหวงในตอนนี้ประชวรเป็นโรคหัวใจ พระองค์จะทนรับเรื่องที่คนสนิทข้างกายที่อยู่มาด้วยกับตั้งสิบกว่าปีวางยาพิษพระองค์เองได้หรอตกอยู่ในความเงียบอยู่ครู่นึง ฝ่าบาทก็เอ่ยขึ้น

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 95

    จักรพรรดิหมิงหยวนมองนาง “ถ้าเจ้าไม่รู้จะทำยังไง บางทีเจ้ากลับไปสอนพ่อเจ้าสักหน่อยก็ดี”หยวน ชิงหลิงทำตัวไม่ถูกมาก ๆ ทำแบบนี้มันจะดีหรือ?“อย่าเอาเรื่องของบิดาหม่อมฉันมากวนพระทัยเลยเพคะ” หยวน ชิงหลิงตอบคำตอบนี้จักรพรรดิหมิงหยวนพึงพอใจมาก จักรพรรดิหมิงหยวนมองนางสักครู่แล้วจู่ ๆ ก็พูดออกมาว่า “ตอนนั้นนางข้าหลวงสี่พูดว่า พระชายาฉีเกลียดเจ้า จึงทำร้ายเจ้า เจ้าไม่ควรแก้แค้นเป็นการส่วนตัว เข้าใจไหม?” “ถ้านางทำหม่อมฉันก่อนล่ะเพคะ?” หยวน ชิงหลิงถาม นางไม่อยู่รอเฉย ๆ ให้ใครมารังแกนางได้หรอกนะ “นางไม่กล้าหรอก และตระกูลฉู่เองจะไม่ให้นางลงมืออีก ยังมีอีกเรื่อง” จักรพรรดิหมิงหยวน พึมพัมมองนางแล้วกล่าวต่อว่า “เสียนเฟยเคยพูดกับข้า ว่าจะให้เจ้าห้าแต่งกับพระชายาฉี ทั้งคู่เล่นด้วยกันเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่สุดท้ายไร้วาสนา ช่างน่าเสียดาย พระชายาฉียังมีน้องสาวอีกคน โตมาคล้ายนางมาก ข้าเลยคิดว่าจะให้เจ้าห้าแต่งกับคุณหนูรองแต่งเข้ามาเป็นพระชายารอง เจ้าว่ายังไง?” หยวน ชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่มีเพคะ!”จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกแปลกใจ ทำไมใจกว้างอะไรเช่นนี้คุณหนูรองตระกูลฉู่เป็นคุณหนูที่เกิดจากฮูหยิน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 96

    เมื่อถึงพระตำหนักเฉียนคุน พบว่าไท่ซ่างหวงนั่งเอนหลังแทะเม็ดแตงอยู่ในพระตำหนัก นอกจากฉางกงกง ก็ยังมีอีกคนนึงใส่ชุดสีดำ พกกระบี่ ผมของเขาตรงขมับดูเหมือนย้อมสีมา ยังดูหนุ่มอยู่เลย เขาพบว่า หยวน ชิงหลิงเข้ามาในตำหนัก สายตาที่มองมา และเขาก็ดูเย็นเยือกในชั่วพริบตาไท่ซ่างหวงแทะเม็ดแตงแล้วพูดว่า “เจ้าออกไปก่อน”ชายชุดดำประสานมือและขอทูลลาออกไปฝีเท้าของเขาเบามาก ไม่ว่าจะจับตาดูแล้ว ก็ยังรู้สึกเลยว่าเขาเคลื่อนไหวส้นเท้าไม่ได้แตะพื้น แค่แปปเดียวเขาก็หายไปซะแล้ว“มองอะไร? เขาเป็นองครักษ์เงาของข้าเอง เรื่องของเจ้าจัดการเรียบร้อยแล้ว?” ไท่ซ่างหวงเหลือบมองนางและถามด้วยท่าทางสบาย ๆ ดูท่าทางไม่เลวเลยหยวน ชิงหลิงจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพหลอน ชายชราคนนี้รู้ทุกอย่าง อาจรวมถึงคนบงการนางข้าหลวงสี่ด้วย ชายชรามองที่นางและยิ้มแปลก ๆ ออกมาหยวน ชิงหลิงรู้สึกในหัวของเธอเหมือนงุนงง เธอต้องเดาไม่ผิดแน่ ๆ ชายชราคนนี้รู้ทุกอย่าง“ฉางกงกง ข้าอยากสนทนากับไท่ซ่างหวงตามลำพัง เชิญท่านออกไปก่อน” หยวน ชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองโง่เหมือนไอ้ทึ่มแบบนี้ไม่ได้ ต้องถามให้ชัดเจนฉางกงกงเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เขารีบออกไ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 97

    “ไม่สบายใจ?” ไท่ซ่างหวงสังเกตุเห็นสีหน้าของ หยวน ชิงหลิงจึงได้ไถ่ถาม“ไม่มีเรื่องอะไรน่ายินดีเพคะ”ไท่ซ่างหวงยิ้มออกมา “เรื่องที่เจ้าห้าจะแต่งพระชายารองสินะ เรื่องนี้เป็นความคิดของเสียนเฟย อย่างไรเสียเจ้าก็ดูแล้วไม่ค่อยแยแสเจ้าห้า ตามน้ำไปเถอะ ทำไมต้องใส่ใจ?”เขาก็รู้เรื่องนี้ด้วย? คิดว่าเรื่องการแต่งพระชายารองก็คงพูดถึงมาก่อนแล้ว“ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพคะ พูดจริง ๆ เรื่องนี้หม่อมฉันก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่” เรื่องนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน “นางข้าหลวงสี่จะออกจากวังหลวงกับหม่อมฉัน ฝ่าบาททราบไหมเพคะ?” “รู้สิ!”รู้? เรื่องนี้เพิ่งยืนยันออก มีคนรีบเข้ามากราบทูลไท่ซ่างหวงแล้ว? ใครเป็นคนเข้ามารายงานเรื่องนี้กัน หยวน ชิงหลิงอดนึกถึงคนชุดดำเมื่อกี้ขึ้นมา คนชุดดำนั้นน่าจะเป็นหูเป็นตาของไท่ซ่างหวง?“ทำดีกับนางหน่อย ถึงแม้ว่านางจะทำให้ข้าผิดหวัง แต่ข้าก็ไม่แค้นนาง” ไท่ซ่างหวงหลับตาลงถูมือตัวเองเบา ๆด้วยสถานะสูงศักดิ์ของเขา มีคนหมายจะเอาชีวิตของเขา เขากลับไม่แค้นเคือง และยังให้เธอดูแลนางข้าหลวงสี่ดี ๆ ช่างน่าแปลกจริง ๆวังหลวง ห้องตำราของตำหนัก อ๋องซุนรู้ว่า อวี่ เหวินห่าวพ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 98

    อ๋องซุนหัวเราะเขิน ๆ ออกมา “ข้าคิดว่าเจ้าเหมาะสมกว่า เกรงว่าพี่ใหญ่ก็คิดอยากจะทำ แต่ข้าไม่ชอบพี่ใหญ่ ไม่รู้สิยังไงข้าก็ไม่แนะนำเขาหรอก”สีหน้าของถังหยางก็คล้ำขึ้นด้วยความเครียดก่อนจะกล่าวว่า “ท่านอ๋องซุนขอรับ การแนะนำของท่านจะนำภัยมาสู่ท่านอ๋องฉู่ได้พ่ะย่ะค่ะ” อ๋องซุนตกใจกับคำพูดของถังหยาง “จะทำร้ายเขาได้ยังไง? ข้าก็แค่พูดไม่คิด ไม่ได้เอาจริงเอาจัง เสด็จพ่อเองก็คงไม่ฟังข้าด้วย ถังหยางเจ้าก็ระมัดระวังเกินไป เจ้าเป็นแบบนี้จะไปมีความสุขได้อย่างไรกัน?”ถังหยางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ท่านช่างรู้จักตัวเอง รู้แจ้งว่าฝ่าบาทไม่ฟังท่าน ท่านไม่ลำบากใจที่จะพูดเลย? อ๋องซุนท่านนี้เป็นคนที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างแท้จริงอ๋องซุนมองสีหน้าของทุกคนดูไม่ใช่ รู้ว่าตัวเองอาจพูดผิดไป เขายกมือตบปากตัวเองไปหนึ่งที “ปากโง่ ๆ ของข้าพูดผิดอีกแล้ว?”“ไม่เป็นไร” อวี่ เหวินห่าวส่ายหน้า “ท่านไม่ได้พูดอะไรผิดเลย พี่รองชื่นชมข้า แนะนำข้าเช่นนี้ ไม่มีอะไรผิดหรอก” สายตาของเขาที่จับจ้องไปด้านนอกตลอด หยวน ชิงหลิงยังไม่กลับมา เสด็จพ่อทรงกริ้วอยู่แบบนี้ ไม่รู้จะจัดการกับนางยังไงบ้าง?อ๋องซุนกินของว่างหมดก็ไป ก่อนไปเขา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 99

    อวี่ เหวินห่าวหลับตาลง ระหว่างทางรถม้าก็ยังมีทางขรุขระกระแทกไปมาอยู่บ้าง ยาลูกกลอนจื่อจินที่ รุ่ยชิงอ๋อง ให้มานั้นช่วยรักษากำลังวังชาเขาอยู่ได้ แต่ตอนนี้ฤทธิ์ยาก็ลดลงไป อาการบาดเจ็บสาหัสเกินไป แรงกระแทกจึงทำให้เขายังรู้สึกเจ็บเดิมที หยวน ชิงหลิงไม่คิดจะสนใจ แต่เห็นสีหน้าอาการของเขาดูทรมาน เลยหยิบกล่องยา ฉีดยาแก้ปวดขนานแรงให้ หยวน ชิงหลิงไม่พูดอะไร หลังจากฉีดยาเสร็จ เขารู้สึกอาการเจ็บปวดทุเลาลงมาก ค่อย ๆ ลืมตามอง หยวน ชิงหลิงช้า ๆหยวน ชิงหลิงเก็บกล่องยาโดยไม่ได้มองเขา มีปอยผมหลุดลงมาบังที่หัวตาเขา“เสด็จพ่อไม่ได้ลงโทษอะไรเจ้าจริง ๆ หรือ? ” อวี่ เหวินห่าวถามนางด้วยน้ำเสียงแหบแห้งหยวน ชิงหลิงนำกล่องยาไปเก็บไว้ข้างบน และตอบอย่างเรียบ ๆ ว่า “เสด็จพ่อสายพระเนตรเฉียบคม รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า จึงไม่ลงโทษข้า”“แล้วใครเป็นคนทำ? ทำไมนางข้าหลวงสี่ถึงออกจากวังมากับเจ้าด้วย?” “เสด็จแม่เสียนเฟยก็ทรงอยู่ที่หอตำราด้วย บางทีอาจจะรอให้ท่านอ๋องดีขึ้นแล้ว ค่อยไปถามเสด็จแม่เสียนเฟยเองเถอะ” หยวน ชิงหลิงเรียนรู้บทเรียนจากอดีต ต่อหน้าเขาอย่าพูดถึง ฉู่ หมิงชุ่ยแม้แต่คำเดียวหลังจากถึงจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 100

    มื้อค่ำแม่นมฉีเป็นคนจัดการ หยวน ชิงหลิงรู้สึกไม่อยากอาหาร เธอจึงดื่มแค่น้ำแกงลงไปหนึ่งคำ เธอก็หยุดกินให้คนมาเก็บสำรับออกไปแม่นมฉีรู้สึกว่านางอารมณ์ไม่ค่อยจะดี ไม่กล้าถามเรื่องอื่น ๆ นางจึงสั่งให้ลวี่หยาเข้ามาเก็บสำรับอาหารออกไปแม่นมฉีที่กำลังจะหันตัวออกไป หยวน ชิงหลิงก็ถามนาง “แม่นม ฮั่วเกอเอ๋อร์ดีขึ้นรึยัง?”แม่นมฉีที่ได้ยินนางจึงหันมาตอบกลับกับ หยวน ชิงหลิงว่า “ขอบพระทัยพระชายาที่ห่วงใย เขาไม่เป็นอะไรแล้ว”“พรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมเขา” หยวน ชิงหลิงบอกแม่นมฉี“เพคะ ขอบพระทัยเพคะ!” แม่นมฉีเองก็ไม่คิดว่านางจะคิดถึงฮั่วเกอเอ๋อร์ด้วย ในใจนางก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาหยวน ชิงหลิงอ่านหนังสือไปได้สักพักนึง ก็เริ่มรู้สึกอยากนอนแล้ว หวังว่าคืนนี้เธอจะนอนหลับฝันดีนางข้าหลวงสี่กลับเข้ามา หลังเข้ามาแล้วก็ปิดประตูหยวน ชิงหลิงหันไปมองทางนาง “มีเรื่องอะไร?”นางข้าหลวงสี่วางมืออย่างนอบน้อม และกล่าวอย่างเรียบ ๆ ว่า “พระชายาบอกมาตรง ๆ เถอะเพคะ ว่าจะจัดการลงโทษหม่อมฉันอย่างไร?”หยวน ชิงหลิงยิ้มอย่างเรียบ ๆ “ไม่ลงโทษอะไร”นางข้าหลวงสี่เงียบเสียงลง “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว ความหมายของพระชายาคือ ให้หม่อ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 101

    หยวน ชิงหลิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นี่ไม่ใช่สังคมที่ยุติธรรม และความสามารถของเธอก็มีขีดจำกัด มีคนรับใช้เข้ามาอย่างเร่งรีบ ราวกับว่ามีเรื่องด่วน เมื่อเห็น หยวน ชิงหลิงอยู่ที่นี่ คนรับใช้ก็ตกใจพระชายาอยู่ที่เรือนเล็กได้อย่างไร “มีเรื่องอะไร?” แม่นมฉีถาม เมื่อคนรับใช้ดึงสติกลับมาได้ ก็กราบบังคม หยวน ชิงหลิงก่อน แล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าถัง ให้พระองค์เตรียมของว่าง โดยบอกว่ามีข่าวจากในวัง พระสนมเสียนเฟยกำลังจะออกจากวังมาที่จวน” “พระสนมเสียนเฟยกำลังมา?” แม่นมฉีตื่นเต้น “ได้ เจ้ากลับไปบอกใต้เท้าถังว่า ข้าจะจัดการให้อย่างสมเกียรติ” แม่นมฉีเป็นสินสอดทองหมั้นของพระสนมในตอนนั้น เมื่อ อวี่ เหวินห่าวได้แยกอาณาจักรและออกจากจวนไป พระสนมได้มอบนางให้ อวี่ เหวินห่าว เมื่อได้ยินว่านายเก่ากำลังมา แม่นมฉีก็ดีใจโดยธรรมชาติหยวน ชิงหลิงรู้สึกถึงเงาในหัวใจของนาง พระสนม คนที่ไม่ชอบนางที่สุดในวังทั้งหมด คราวนี้ออกจากวัง อาจจะเป็นเพราะเรื่องอาการบาดเจ็บของ อวี่ เหวินห่าวที่ส่งไปยังวังหลังหรือเปล่า? อันที่จริง มันง่ายสำหรับพระสนมที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแต่นางไม่เคยหนีพ้นความเจ็บป่วยที่เป็นมานาน ด

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status