“ไม่สบายใจ?” ไท่ซ่างหวงสังเกตุเห็นสีหน้าของ หยวน ชิงหลิงจึงได้ไถ่ถาม“ไม่มีเรื่องอะไรน่ายินดีเพคะ”ไท่ซ่างหวงยิ้มออกมา “เรื่องที่เจ้าห้าจะแต่งพระชายารองสินะ เรื่องนี้เป็นความคิดของเสียนเฟย อย่างไรเสียเจ้าก็ดูแล้วไม่ค่อยแยแสเจ้าห้า ตามน้ำไปเถอะ ทำไมต้องใส่ใจ?”เขาก็รู้เรื่องนี้ด้วย? คิดว่าเรื่องการแต่งพระชายารองก็คงพูดถึงมาก่อนแล้ว“ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพคะ พูดจริง ๆ เรื่องนี้หม่อมฉันก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่” เรื่องนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน “นางข้าหลวงสี่จะออกจากวังหลวงกับหม่อมฉัน ฝ่าบาททราบไหมเพคะ?” “รู้สิ!”รู้? เรื่องนี้เพิ่งยืนยันออก มีคนรีบเข้ามากราบทูลไท่ซ่างหวงแล้ว? ใครเป็นคนเข้ามารายงานเรื่องนี้กัน หยวน ชิงหลิงอดนึกถึงคนชุดดำเมื่อกี้ขึ้นมา คนชุดดำนั้นน่าจะเป็นหูเป็นตาของไท่ซ่างหวง?“ทำดีกับนางหน่อย ถึงแม้ว่านางจะทำให้ข้าผิดหวัง แต่ข้าก็ไม่แค้นนาง” ไท่ซ่างหวงหลับตาลงถูมือตัวเองเบา ๆด้วยสถานะสูงศักดิ์ของเขา มีคนหมายจะเอาชีวิตของเขา เขากลับไม่แค้นเคือง และยังให้เธอดูแลนางข้าหลวงสี่ดี ๆ ช่างน่าแปลกจริง ๆวังหลวง ห้องตำราของตำหนัก อ๋องซุนรู้ว่า อวี่ เหวินห่าวพ
อ๋องซุนหัวเราะเขิน ๆ ออกมา “ข้าคิดว่าเจ้าเหมาะสมกว่า เกรงว่าพี่ใหญ่ก็คิดอยากจะทำ แต่ข้าไม่ชอบพี่ใหญ่ ไม่รู้สิยังไงข้าก็ไม่แนะนำเขาหรอก”สีหน้าของถังหยางก็คล้ำขึ้นด้วยความเครียดก่อนจะกล่าวว่า “ท่านอ๋องซุนขอรับ การแนะนำของท่านจะนำภัยมาสู่ท่านอ๋องฉู่ได้พ่ะย่ะค่ะ” อ๋องซุนตกใจกับคำพูดของถังหยาง “จะทำร้ายเขาได้ยังไง? ข้าก็แค่พูดไม่คิด ไม่ได้เอาจริงเอาจัง เสด็จพ่อเองก็คงไม่ฟังข้าด้วย ถังหยางเจ้าก็ระมัดระวังเกินไป เจ้าเป็นแบบนี้จะไปมีความสุขได้อย่างไรกัน?”ถังหยางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ท่านช่างรู้จักตัวเอง รู้แจ้งว่าฝ่าบาทไม่ฟังท่าน ท่านไม่ลำบากใจที่จะพูดเลย? อ๋องซุนท่านนี้เป็นคนที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างแท้จริงอ๋องซุนมองสีหน้าของทุกคนดูไม่ใช่ รู้ว่าตัวเองอาจพูดผิดไป เขายกมือตบปากตัวเองไปหนึ่งที “ปากโง่ ๆ ของข้าพูดผิดอีกแล้ว?”“ไม่เป็นไร” อวี่ เหวินห่าวส่ายหน้า “ท่านไม่ได้พูดอะไรผิดเลย พี่รองชื่นชมข้า แนะนำข้าเช่นนี้ ไม่มีอะไรผิดหรอก” สายตาของเขาที่จับจ้องไปด้านนอกตลอด หยวน ชิงหลิงยังไม่กลับมา เสด็จพ่อทรงกริ้วอยู่แบบนี้ ไม่รู้จะจัดการกับนางยังไงบ้าง?อ๋องซุนกินของว่างหมดก็ไป ก่อนไปเขา
อวี่ เหวินห่าวหลับตาลง ระหว่างทางรถม้าก็ยังมีทางขรุขระกระแทกไปมาอยู่บ้าง ยาลูกกลอนจื่อจินที่ รุ่ยชิงอ๋อง ให้มานั้นช่วยรักษากำลังวังชาเขาอยู่ได้ แต่ตอนนี้ฤทธิ์ยาก็ลดลงไป อาการบาดเจ็บสาหัสเกินไป แรงกระแทกจึงทำให้เขายังรู้สึกเจ็บเดิมที หยวน ชิงหลิงไม่คิดจะสนใจ แต่เห็นสีหน้าอาการของเขาดูทรมาน เลยหยิบกล่องยา ฉีดยาแก้ปวดขนานแรงให้ หยวน ชิงหลิงไม่พูดอะไร หลังจากฉีดยาเสร็จ เขารู้สึกอาการเจ็บปวดทุเลาลงมาก ค่อย ๆ ลืมตามอง หยวน ชิงหลิงช้า ๆหยวน ชิงหลิงเก็บกล่องยาโดยไม่ได้มองเขา มีปอยผมหลุดลงมาบังที่หัวตาเขา“เสด็จพ่อไม่ได้ลงโทษอะไรเจ้าจริง ๆ หรือ? ” อวี่ เหวินห่าวถามนางด้วยน้ำเสียงแหบแห้งหยวน ชิงหลิงนำกล่องยาไปเก็บไว้ข้างบน และตอบอย่างเรียบ ๆ ว่า “เสด็จพ่อสายพระเนตรเฉียบคม รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า จึงไม่ลงโทษข้า”“แล้วใครเป็นคนทำ? ทำไมนางข้าหลวงสี่ถึงออกจากวังมากับเจ้าด้วย?” “เสด็จแม่เสียนเฟยก็ทรงอยู่ที่หอตำราด้วย บางทีอาจจะรอให้ท่านอ๋องดีขึ้นแล้ว ค่อยไปถามเสด็จแม่เสียนเฟยเองเถอะ” หยวน ชิงหลิงเรียนรู้บทเรียนจากอดีต ต่อหน้าเขาอย่าพูดถึง ฉู่ หมิงชุ่ยแม้แต่คำเดียวหลังจากถึงจ
มื้อค่ำแม่นมฉีเป็นคนจัดการ หยวน ชิงหลิงรู้สึกไม่อยากอาหาร เธอจึงดื่มแค่น้ำแกงลงไปหนึ่งคำ เธอก็หยุดกินให้คนมาเก็บสำรับออกไปแม่นมฉีรู้สึกว่านางอารมณ์ไม่ค่อยจะดี ไม่กล้าถามเรื่องอื่น ๆ นางจึงสั่งให้ลวี่หยาเข้ามาเก็บสำรับอาหารออกไปแม่นมฉีที่กำลังจะหันตัวออกไป หยวน ชิงหลิงก็ถามนาง “แม่นม ฮั่วเกอเอ๋อร์ดีขึ้นรึยัง?”แม่นมฉีที่ได้ยินนางจึงหันมาตอบกลับกับ หยวน ชิงหลิงว่า “ขอบพระทัยพระชายาที่ห่วงใย เขาไม่เป็นอะไรแล้ว”“พรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมเขา” หยวน ชิงหลิงบอกแม่นมฉี“เพคะ ขอบพระทัยเพคะ!” แม่นมฉีเองก็ไม่คิดว่านางจะคิดถึงฮั่วเกอเอ๋อร์ด้วย ในใจนางก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาหยวน ชิงหลิงอ่านหนังสือไปได้สักพักนึง ก็เริ่มรู้สึกอยากนอนแล้ว หวังว่าคืนนี้เธอจะนอนหลับฝันดีนางข้าหลวงสี่กลับเข้ามา หลังเข้ามาแล้วก็ปิดประตูหยวน ชิงหลิงหันไปมองทางนาง “มีเรื่องอะไร?”นางข้าหลวงสี่วางมืออย่างนอบน้อม และกล่าวอย่างเรียบ ๆ ว่า “พระชายาบอกมาตรง ๆ เถอะเพคะ ว่าจะจัดการลงโทษหม่อมฉันอย่างไร?”หยวน ชิงหลิงยิ้มอย่างเรียบ ๆ “ไม่ลงโทษอะไร”นางข้าหลวงสี่เงียบเสียงลง “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว ความหมายของพระชายาคือ ให้หม่อ
หยวน ชิงหลิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นี่ไม่ใช่สังคมที่ยุติธรรม และความสามารถของเธอก็มีขีดจำกัด มีคนรับใช้เข้ามาอย่างเร่งรีบ ราวกับว่ามีเรื่องด่วน เมื่อเห็น หยวน ชิงหลิงอยู่ที่นี่ คนรับใช้ก็ตกใจพระชายาอยู่ที่เรือนเล็กได้อย่างไร “มีเรื่องอะไร?” แม่นมฉีถาม เมื่อคนรับใช้ดึงสติกลับมาได้ ก็กราบบังคม หยวน ชิงหลิงก่อน แล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าถัง ให้พระองค์เตรียมของว่าง โดยบอกว่ามีข่าวจากในวัง พระสนมเสียนเฟยกำลังจะออกจากวังมาที่จวน” “พระสนมเสียนเฟยกำลังมา?” แม่นมฉีตื่นเต้น “ได้ เจ้ากลับไปบอกใต้เท้าถังว่า ข้าจะจัดการให้อย่างสมเกียรติ” แม่นมฉีเป็นสินสอดทองหมั้นของพระสนมในตอนนั้น เมื่อ อวี่ เหวินห่าวได้แยกอาณาจักรและออกจากจวนไป พระสนมได้มอบนางให้ อวี่ เหวินห่าว เมื่อได้ยินว่านายเก่ากำลังมา แม่นมฉีก็ดีใจโดยธรรมชาติหยวน ชิงหลิงรู้สึกถึงเงาในหัวใจของนาง พระสนม คนที่ไม่ชอบนางที่สุดในวังทั้งหมด คราวนี้ออกจากวัง อาจจะเป็นเพราะเรื่องอาการบาดเจ็บของ อวี่ เหวินห่าวที่ส่งไปยังวังหลังหรือเปล่า? อันที่จริง มันง่ายสำหรับพระสนมที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแต่นางไม่เคยหนีพ้นความเจ็บป่วยที่เป็นมานาน ด
พระสนมกังวล “สรุปเจ้าไปมีเรื่องกับใคร? ทำไมฆาตกรลงมือหนักเช่นนี้?” “ลูกไม่ได้ทำให้ใครขุ่นเคือง” อวี่ เหวินห่าวกล่าวอย่างโล่งใจ “ไม่เป็นไร ฆาตกรทั้งหมดถูกฆ่าตาย และลูกจะไม่ตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว” “แม่ไม่ได้โง่…” นางเงยหน้าขึ้นและเหลือบมอง หยวน ชิงหลิงด้วยความโกรธจริง ๆ “เจ้างงอะไรอยู่ ยังไม่ไปบอกให้คนทำซุปให้ท่านอ๋องอีก? มีเจ้าเป็นคนดูแลเนี่ยนะ?” หยวน ชิงหลิงมองไปที่ อวี่ เหวินห่าว “ท่านอ๋องอยากกินอะไรสักหน่อยไหม?” พระสนมกล่าวอย่างโกรธเคือง “เจ้าก็สั่งให้คนไปทำสิ กินสักหน่อยทำไมจะไม่ดี ยังต้องถามคนเจ็บอีกว่าจะกินอะไรดี เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้ ดูเหมือนว่าเรื่องภายในของจวนอ๋อง เจ้าก็รับผิดชอบไม่ไหว หาคนมาแบ่งเบาภาระให้เจ้าจะดีกว่า” หยวน ชิงหลิงในใจยิ้ม ๆ เป็นเรื่องของการแต่งงานกับนางสนมหรือไม่? กลัวเธอสร้างปัญหา? ประเมินค่าเธอสูงเกินไป เธอคงไม่สามารถสร้างปัญหาได้ พระสนมค่อย ๆ ยืดตัวนั่งตรง สีหน้าเคร่งเครียด “แม่มาคราวนี้ นอกจากจะมาดูอาการบาดเจ็บของเจ้าแล้ว ยังมีเรื่องจะคุยกับเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง” อวี่ เหวินห่าวรู้ว่านางจะพูดอะไร และกล่าวว่า “หยุดไว้ก่อนเถอะ ลูกยังไม่ห
นางยิ้มเยาะทันที “ดูท่าเจ้าจะไม่มีอนาคต ตอนแรกเจ้ายังลังเลที่จะแต่งงานกับนางมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เจ้ากำลังแก้ตัวให้นาง นี่เพิ่งจะหนึ่งปีก็มีความรู้สึกดี ๆ ต่อนางแล้วหรือ? เจ้าอย่าลืมว่านางกับจิ้งโฮ่วคิดบัญชีกับเจ้าอย่างไร อีกทั้งจิ้งโฮ่วคนนี้ยังไว้ใจไม่ได้ เจ้าจะต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลฉู่ จึงจะมีโอกาสที่จะพลิกกลับ” อวี่ เหวินห่าวเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว “เสด็จแม่ เรื่องพวกนี้ไว้ค่อยคุยทีหลังได้ไหม? ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะคิดเรื่องยุ่ง ๆ พวกนี้แล้ว” พระสนมถอนหายใจ “ที่แม่ทำก็เพื่อเจ้า ถ้าลูกไม่สู้ คนเหล่านั้นจะไม่ปล่อยเจ้าไป ทำไมไม่พยายามอีกสักหน่อย? ตอนแรกถ้าไม่ใช่ตระกูลฉู่เข้ามาขวางไว้ เสด็จแม่ของเจ้าก็จะได้เป็นฮองเฮาแล้ว เจ้าก็จะเกิดมาเป็นองค์รัชทายาท โดยที่ไม่ต้องไปแย่งชิงอะไร?” อวี่ เหวินห่าวเลยหลับตา แย่งชิงเหรอ? ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เขาก็ไม่เคยคิดที่จะแย่งชิงอะไร เสด็จพ่อยังอายุน้อย ถึงแม้จะแต่งตั้งรัชทายาทแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน? จากวันแรกในสนามรบ สิ่งที่เขาคิดในใจคือการปกป้องชายแดนเหนือของราชวงศ์ถัง เมื่อเขามีความพยายามในการที่จะได้มา ทำให้ทุกคนล้
แม่นมฉีมองดูความพยายามของตัวเองที่แปะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ตกใจทันที ซูยี่เดินออกไปและพูดว่า “แม่นมลุกขึ้นเถอะ พระสนมไม่ได้โกรธท่าน พระองค์โกรธท่านอ๋องก็เท่านั้น” แม่นมฉีไม่กล้าถาม เพียงแค่เก็บขนมบนพื้นขึ้นมา แล้วก้าวถอยหลังไป ระหว่างทางกลับวัง พระสนมยิ่งโกรธมากขึ้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางเรียกคนสนิทของนางและกล่าวว่า “เจ้าไปบอกบิดาของเจ้า บอกว่ามีอุปสรรคในการแต่งงานกับนางสนม ให้เขาไปหาจิ้งโฮ่วพูดสักสองสามคำ” “เพคะ!” นางข้าหลวงคนสนิทรับสั่งแล้วไป จริง ๆ ช่วงนี้จิ้งโฮ่วกำลังหงุดหงิด วันนั้นพระชายาฉีสั่งให้คนส่งสารและให้เขาไปรอที่จวนอ๋อง ผลคือไปที่นั่นสองวันติดต่อกัน แต่พระชายาฉีก็ไม่พบเขา จริง ๆ เขาไม่อยากไปอีก แต่ตอนนี้สถานการณ์ของตัวเองไม่ไหวแล้วจริง ๆ เขาต้องรอที่หน้าประตูจวนเช่นเคย ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง กว่าจะได้เห็นเสลี่ยงของพระชายาฉีกลับมา เขาระงับความโกรธ เตรียมใบหน้าที่ยิ้มแย้มทำความเคารพ “เข้าเฝ้าพระชายาฉี!” ฉู่ หมิงชุ่ยเปิดม่านและชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา “นั่นคือท่านโฮ่วหรือ?” “ขอรับ ขอรับ!” จิ้งโฮ่วเจอนางพูดไม่ดี ก็ไม่กล้าพูดมาก ฉู่ หมิงชุ่ยกล่าวอย่างเบา ๆ “จิ้