แชร์

บทที่ 537

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อาซื่อเองก็อดถามไม่ได้ว่า “พระชายา ทำไมท่านถึงต้องปกป้องหมานเอ๋อร์ด้วยเพคะ?”

หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองอาซื่อ หยดน้ำตาได้จางหายไปแล้ว “ห้าสิบไม้เลยนะ เจ้าคิดว่านางจะตายไหม?”

“นางหาเรื่องใส่ตัวเอง” อาซื่อกล่าว

“นางทำอะไรถึงสมควรตายเช่นนั้นกัน?” หยวนชิงหลิงถามต่อ

อาซื่อกล่าว “ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้ นางลงมือกับท่านอ๋อง นางยังสะกดจิตใส่ท่านอ๋อง เพื่อให้ฉู่หมิงหยางประสบความสำเร็จ คนพรรคนี้น่ารังเกียจที่สุด”

“ผิดถึงขนาดสมควรตายเลยหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม

อาซื่อตกใจ “นี่..แต่ถ้านางเข้ามาในจวน อาจมีเจตนาซ่อนเร้นก็เป็นไปได้”

หยวนชิงหลิงถอนหายใจและส่ายหน้า

นางข้าหลวงสี่พูดกระซิบกับอาซื่อว่า “เจ้าออกไปเถอะ อย่าพูดอีกเลย”

อาซื่อตกลง แต่ก็ยังไม่วางใจ ยังห่วงหยวนชิงหลิงอยู่บ้าง จึงได้กล่าวว่า “งั้นข้าอยู่ข้างนอก มีเรื่องอะไร เรียกข้าได้นะเพคะ”

”อาซื่อ เจ้าเป็นแขกของจวนอ๋อง เจ้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้า อย่าไปยืนด้านนอกเลย ไปกินข้าวเถอะ” หยวนชิงหลิงกล่าว

“เช่นนั้นพระชายาไม่กินข้าวหรือเพคะ?” อาซื่อเอ่ยถาม

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ข้าไม่อยากกิน”

อาซื่อมองไปทางนางข้าหลวงสี่ นางข้าหลวงสี่โบกมือ “ไปเถอะ!”
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 538

    นางมองนางข้าหลวงสี่ และกล่าวอย่างราบเรียบว่า “นี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงต้องการปกป้องหมานเอ๋อร์ ชีวิตคนไม่ใช่ชีวิตหรือ? ทำไมต้องมีคนตกต่ำแบบนี้ด้วย? ดูอย่างเขาสิ แค่กินข้าวกับข้ายังต้องคุกเข่า เขาไม่หิวรึ? เจ้าเห็นมาก่อนไหมว่าเขาเพื่อหมั่นโถวก้อนเดียวถึงกับยอมโดนตีจนหัวแตกเลือดออก แต่ก็ยังมีความสุขที่ได้กิน? แต่วันนี้เขายอมโดนโบยสามสิบไม้ มากกว่าที่จะยอมกินข้าวมื้อนี้ที่เขาอยากกินมากมายขนาดนี้”นางข้าหลวงสี่ตอบเสียงเบา “ท่านกับพวกเขาไม่เหมือนกัน ท่านคือพระชายา ท่านคือผู้สูงศักดิ์”หยวนชิงหลิงมองนาง คิดไม่ถึงว่าจะพูดอะไรแบบนี้ หรือพูดไปก็ไร้ประโยชน์นี่คือการแบ่งแยกชนชั้นมันเกี่ยวข้องกับการสั่งสอน และชุดความคิดที่ได้รับการปลูกฝังมานางเติบโตมาในสังคมประชาธิปไตยที่ความเท่าเทียม ได้รับการศึกษาขึ้นสูงข้าทาสบริวารในจวนก็ประจบประแจงนางอย่างไร้ยางอาย นางเข้าไปในวัง ผู้สูงศักดิ์คนอื่นก็ประจบประแจงคุกเข่ากราบไหว้เช่นกันสิ่งเหล่านี้แม้ว่านางจะไม่ชินแต่ก็ยังทนได้แต่ว่านางไม่สามารถทนที่มีชีวิตคน ๆ หนึ่งอยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังสนลำดับอาวุโสอย่างฝังลึกเช่นนี้นางพยายามให้ตัวเองยอมรับ ให้ตัวเ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 539

    นางคือหยวนชิงหลิง ไม่ใช่หยวนชิงหลิงที่อยู่ในยุคนี้นางรู้ความจริงในตอนนี้อย่างชัดแจ้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะเห็นด้วยกันค่านิยมในยุคนี้ไปเสียงทั้งหมดนางมาที่นี่ก็นานแล้ว นางเองก็เคยถามตัวเองเมื่อก่อนนางก็ไม่ใช่คนใจอ่อนแต่นางก็ไม่สามารถละเลยหนึ่งชีวิตได้คืนนี้ ถ้านางไม่ยืนกราน หมานเอ๋อร์ก็คงตายไปแล้วอาซื่อบอกว่าไม่คุ้มเลยที่ทะเลาะกับอวี่เหวินห่าวเพื่อหมานเอ๋อร์ แต่ว่าหนึ่งชีวิตไม่คุ้มหรือ? นางข้าหลวงสี่เข้ามาอย่างเงียบ ๆ หยิบเสื้อคลุมที่วางไว้ข้างเตียง และนำมาคลุมตัวนาง “พระชายา อย่าคิดมากเลยนะเพคะ มันจะทำให้เสียสุขภาพนะเพคะ”“หูหมิงล่ะ?” หยวนชิงหลิงถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม”สั่งให้ลวี่หยานำข้าวไปให้เขาแล้วเพคะ ตามที่พระชายาบอกให้ปลอบเขา เป็นเรื่องง่ายที่จวนหางานง่าย ๆ ให้เขาทำ เขาก็ขอบคุณซาบซึ้งมากแล้วเพคะ” นางข้าหลวงสี่กล่าว“นางข้าหลวงสี่!” หยวนชิงหลิงมองนาง “ท่านเคยถามข้าว่า ทำไมข้าพาท่านกลับจวนแต่ไม่ฆ่าท่าน ตอนนั้นข้าตอบท่านว่า เพราะไท่ซ่างหวงไม่อยากให้ท่านตาย””พระชายาตอบเช่นนี้เพคะ” นางข้าหลวงสี่กล่าวหยวนชิงหลิงนิ่งเงียบไปสักพักและกล่าวว่า “นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 540

    อวี่เหวินห่าวตบโต๊ะจนแก้วหลายใบเด้งลอยขึ้นมา แล้วตกลงไปแตกเป็นเสี่ยง ๆ “ไม่เชื่อใจนาง? คนที่ไม่มีกำลังแม้แต่จะปกป้องตัวเอง มีอะไรให้ข้าเชื่อใจนางได้? ช่างเถอะ ๆ ข้าไม่อยากคิดบัญชีกับนาง...”เขายกเหยือกเหล้าขึ้นและกระดกดื่มมากกว่าเดิมเล็กน้อย และเช็ดมุมปาก “ข้าไม่คิดบัญชีกับนาง เจ้ารู้ไหมนางพูดว่าอะไร? นางบอกว่าข้าชอบถูกฉู่หมิงชุ่ยลวนลาม...””ใช่ ฉู่หมิงหยางรึเปล่า? เจ้าดื่มเมาแล้ว” เหลิ่งจิ้งเหยียนแก้ไขให้อวี่เหวินห่าวหรี่ตามองเขา “ฉู่หมิงชุ่ยคือใคร? โอ้ รู้จัก ๆ...”เขาตบโต๊ะอีกครั้ง “ใช่ ฉู่หมิงหยาง ข้าบอกว่าข้าลวนลามฉู่หมิงหยาง ข้ามีความสุข...”“นั่นมันฉู่หมิงหยางลวนลามเจ้า!” เหลิ่งจิ้งเหยียนอดไม่ได้และแก้ไขให้อีกครั้ง เขาเป็นเป็นคนวิจัยเชิงวิชาการ จึงทนไม่ได้เมื่อเจอความผิดพลาดทางด้านภาษาอวี่เหวินห่าวจ้องมาที่เขาอีกครั้ง “ทำไมเจ้าพูดมากขนาดนี้? เจ้าอย่าขัดไหม? ได้ เจ้าพูด ๆ เจ้าพูดสิว่าหยวนชิงหลิงทำอะไรผิด”เหลิ่งจิ้งเหยียนทำสัญญาณมือขอร้อง “ไม่ ไม่ เจ้าบอกแล้ว หรือว่านางยังทำอะไร?”“นางบอกว่าฉู่หมิงหยางลวนลามฉู่หมิงชุ่ย ข้าเป็น...” เขาเอียงหัวคิดสักครู่ ผ่านไปสักครู่หนึ่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 541

    อวี่เหวินห่าวที่ยังปากแข็งพูดจาเย็นชาออกมาว่า “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน ใครจะไปสน?”“ใช่ พ่ะย่ะค่ะ ไม่กินก็ไม่เป็นไร แต่ได้ยินนางข้าหลวงสี่บอกว่า ตอนพระชายาอาบน้ำแล้วลื่นล้ม หลังจากนั้นก็บอกว่าปวดท้องตลอด แต่ก็ไม่ยอมเรียกหมอ”อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้ว “จะเป็นจะตายก็ไม่สน”“พ่ะย่ะค่ะ อย่าไปสนใจ งั้นคืนนี้ท่านอ๋องนอนที่ไหน? ท่านอ๋องคงไม่อยากนอนร่วมห้องกับพระชายา” ถังหยางเอ่ยถาม“ใครอยากจะนอนร่วมห้องกับนาง ข้า...” จู่ ๆ เขาก็โกรธขึ้นมา “ทำไมยังไม่ไปเรียกหมออีก? ล้มที่ไหน? คอยดูข้าจะด่านางให้ตายเลย”พูดจบก็เดินเข้าไปข้างใน ถีบประตูเสียงดังปังจนขอบหน้าต่างสั่นไปหมดนางข้าหลวงสี่ที่อยู่ด้านใน ตกใจจนสะดุ้งเมื่อได้เห็นใบหน้าโกรธเกรี้ยวของเขาที่เดินเข้ามา และอยากเข้าไปหยุดไว้ เขาก็ไม่หยุดก้าวเดิน และวิ่งเยาะ ๆ เข้าไปเขาเดินตรงไปถึงหน้าหยวนชิงหลิง เขายืนมองด้วยสีหน้าเมามายอยู่สักพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็นั่งลงอย่างน้อยอกน้อยใจข้าง ๆ หยวนชิงหลิง และพูดด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า “เหล่าหยวน กู้ซือเขาถีบหน้าอกข้า ตลอดทางที่กลับมา ข้าเจ็บหน้าอกมากเลย เจ้ารีบช่วยข้าดูหน่อยสิว่าเจ็บไปถึงหัวใจ หรือกระดูกหักไปแล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 542

    อวี่เหวินห่าวที่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขากอดนางเอาไว้ กอดนางไว้แน่นจนเกือบทำให้นางหายใจไม่ออก “เจ้าไม่โกรธแล้ว? ข้าพูดจาเหลวไหลอะไรออกไป เจ้าอย่าเก็บใส่ใจไปเลยนะ”กลิ่นเหล้าบนตัวเขาโชยออกมา ทำให้หยวนชิงหลิงมึนเมาเล็กน้อยนางดิ้นรนอยู่สักพักหนึ่งและไม่ได้ดิ้นต่อ นางทำตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนเขา ลมหายใจจากร่างกายของเขาทำให้เรื่องราววุ่นในใจในคืนนี้สงบลงมาบ้างใบหน้านางฝังลงบนอกเสื้อของเขา นางรู้สึกแสบจมูกและอดร้องไห้ออกมาไม่ได้เมื่อรู้ว่านางร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา อวี่เหวินห่าวแทบอยากจะตบหน้าตัวเองลงไปสักสองทีหลังจากที่ความโกรธคลายลงแล้ว เขาถึงรู้ว่าตัวเองพูดจาได้เลวระยำแค่ไหนเขาปล่อยนางและลูบหน้านาง นิ้วยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตานางออกเบาๆ และพูดออกมาด้วยความเสียใจ “ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรพูดทำร้ายจิตใจเจ้า”ขอบตาของหยวนชิงหลิงบวมแดง ใบหน้าของนางซบลงกับฝ่ามือหยาบกรานของเขา “ข้าเองก็ผิด แต่ทว่าไม่ว่าพวกเราจะทะเลาะอะไรกัน คำพูดเหล่านั้นไม่ควรพูดเลยจริง ๆ มันทำร้ายกันเกินไปแล้ว”“ข้าสาบานจะไม่พูดอีก จะไม่พูดอีกแล้ว” อวี่เหวินห่าวกอดนาง ในจวนตอนที่บ่นระบายความโกรธให้เหลิ่งจิ้งเหยี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 543

    อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่านางยังโกรธอยู่“หยวน อย่าโกรธไปเลย ข้าเสียใจมากที่พูดออกไปแบบนั้น” อวี่เหวินห่าววิตกกังวลมาก ใบหน้ามีสีหน้าของความวิตกกังวลใจอยู่หยวนชิงหลิงนั่งลงบนที่นั่งหน้าระเบียงโถงทางเดิน โคมไฟที่แขวนอยู่บนระเบียงเรียงรายกว่ายี่สิบดวงส่องสว่างแสงสีเหลืองนวลอ่อนกระทบใบหน้าหล่อเหลานุ่มนวลอ่อนโยนของเขา รอยแผลเป็นที่พาดผ่านคิ้วถึงหูของเขาก็ดูนุ่มนวลขึ้นอย่างชัดเจนนางมองเขาด้วยสายตานิ่งเรียบ “ข้าไม่ได้โกรธแล้วจริง ๆ”เขาจ้องมองใบหน้าของนาง นางไม่ได้โกรธ นิ่งสงบเงียบขรึม แววตาดูเย็นชา แสงอ่อนกระทบกรอบหน้านวล ให้คนรู้สึกเหมือนตรงหน้าเป็นภาพมายามุมปากนางยกขึ้น นางพยายามที่จะยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มช่างดูโดดเดี่ยวเดียวดายเหลือเกินเห็นนางเป็นแบบนี้ ใจเขาเจ็บขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง“ข้าไม่ได้โกรธจริง ๆ” นางลูบหน้าเขา ปลายนิ้วที่ลูบผ่านรอยแผลเป็นเขา นางลูบเบา ๆ อยู่สักครู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าแค่มีเรื่องบางอย่างที่ไม่เข้าใจ มีบางอย่างน่าขันกว่าปัญหาเหล่านี้ แต่ว่านี่ไม่สามารถขัดขวางให้ข้ารักท่านได้”ใจเขาเหมือนมีอะไรกระแทกเข้าอย่างจังเขารีบเงยหน้าขึ้นมองนาง แววตามีอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 544

    อวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงได้คืนดีกันแล้วอย่างไรก็ตาม ท่าทีของทั้งคู่ยังคงพูดได้ราวกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงตั้งใจเลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องก่อนหน้านั้น แม้กระทั้งอวี่เหวินห่าวเองก็ไม่ได้ถามถึงขอทานขาเป๋หูหมิงคนนั้น ได้ยินว่าหยวนชิงหลิงให้หูหมิงอยู่ในจวน เขาแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้นตอนเช้าเขากลับจากสำนักผู้ตรวจการ เขาหอมแก้มหยวนชิงหลิง “คืนนี้ข้าจะกลับมาไวหน่อย จะกินข้าวเป็นเพื่อนเจ้า”หยวนชิงหลิงเกาะแขนเสื้อเขา และลุกขึ้นจัดคอเสื้อให้เขา “ได้สิ”มองส่งเขาจนลับสายตาไปแล้ว หยวนชิงหลิงถอนหายใจออกมาเบา ๆเมื่อคืนวานเขานอนกอดนาง ไม่ปล่อยเลย แต่ว่าทุกคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง กลัวจะทำให้นางขุ่นเคืองหรือทำให้นางเสียใจที่จริงนางไม่ชอบแบบนี้เลย นางรู้สึกว่าการพูดคุยโต้ตอบกันแบบเหมือนก่อนเหมาะกับพวกเขามากกว่าหลังจากได้พูดกันแล้ว นางรู้สึกได้ถึงความรักและความซาบซึ้งใจจากเขา เขาดูเหมือนจะห่วงใยนางเป็นอันมาก เมื่อคืนนางขยับตัวเขาก็รีบตื่นขึ้นมาดูนางบางทีหลักการหรือค่านิยมอะไรเหล่านั้น ไม่สำคัญอะไรเลยจริง ๆภายหลังหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้ก็ดีนางเองพยายามลืมความกลัวเรื่องการ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 545

    หยวนชิงหลิงมองนางด้วยความกังวลใจ “โมโม่ คนข้างนอกปากเสีย ท่านก็อย่าได้ใส่ใจไปเลย”นางข้าหลวงสี่ยิ้มและกล่าวว่า “พระชายาโปรดวางพระทัย สิ่งที่ท่านเคยพูดหม่อมฉันจำได้เสมอ ข่าวลือ หากตัวเองสนใจมันถึงจะทำร้ายตัวเองได้ หม่อนฉันไม่สนหรอกเพคะ”พูดจบ นางก็ย่อตัวทูลลาออกไปหยวนชิงหลิงไม่วางใจนาง จึงเรียกให้อาซื่อไปดูทางด้านพระชายาจี้ที่มองออกไป และยิ้มเหมือนได้เห็นละครฉากเด็ดหยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ดูเหมือนท่านจะมีความสุขมากนะ”พระชายาจี้ส่ายหน้า “มีอะไรน่ามีความสุขกัน? แค่รู้สึกว่ามันน่าสนใจดี เรื่องในตอนนั้นถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ชัดเจน แต่ทว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้ ยังมีคนกล่าวเช่นนี้ออกมาอีก นี่ไม่น่าสนใจหรือ?”หยวนชิงหลิงมองนาง “พระชายาจี้เป็นผู้กว้างขวาง หูตามากมาย ย่อมต้องรู้ว่าใครเป็นคนเผยแพร่ข่าวลือพวกนี้ออกมา”พระชายาจี้บุ้ยปาก “เรื่องนี้ข้าไม่รู้”หยวนชิงหลิงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นพระชายาจี้จำไม่ได้สินะว่าวันแรกตอนที่ข้าพูดว่า ข้ารักษาให้ท่านนั้นข้าพูดว่าอะไร”พระชายาจี้เงยหน้าขึ้น “หมายความว่าอะไร?”หยวนชิงหลิงกดเข็มฉีดยาลงและ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status