หยวนชิงหลิงมองนางด้วยความกังวลใจ “โมโม่ คนข้างนอกปากเสีย ท่านก็อย่าได้ใส่ใจไปเลย”นางข้าหลวงสี่ยิ้มและกล่าวว่า “พระชายาโปรดวางพระทัย สิ่งที่ท่านเคยพูดหม่อมฉันจำได้เสมอ ข่าวลือ หากตัวเองสนใจมันถึงจะทำร้ายตัวเองได้ หม่อนฉันไม่สนหรอกเพคะ”พูดจบ นางก็ย่อตัวทูลลาออกไปหยวนชิงหลิงไม่วางใจนาง จึงเรียกให้อาซื่อไปดูทางด้านพระชายาจี้ที่มองออกไป และยิ้มเหมือนได้เห็นละครฉากเด็ดหยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ดูเหมือนท่านจะมีความสุขมากนะ”พระชายาจี้ส่ายหน้า “มีอะไรน่ามีความสุขกัน? แค่รู้สึกว่ามันน่าสนใจดี เรื่องในตอนนั้นถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ชัดเจน แต่ทว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้ ยังมีคนกล่าวเช่นนี้ออกมาอีก นี่ไม่น่าสนใจหรือ?”หยวนชิงหลิงมองนาง “พระชายาจี้เป็นผู้กว้างขวาง หูตามากมาย ย่อมต้องรู้ว่าใครเป็นคนเผยแพร่ข่าวลือพวกนี้ออกมา”พระชายาจี้บุ้ยปาก “เรื่องนี้ข้าไม่รู้”หยวนชิงหลิงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นพระชายาจี้จำไม่ได้สินะว่าวันแรกตอนที่ข้าพูดว่า ข้ารักษาให้ท่านนั้นข้าพูดว่าอะไร”พระชายาจี้เงยหน้าขึ้น “หมายความว่าอะไร?”หยวนชิงหลิงกดเข็มฉีดยาลงและ
หยวนชิงหลิงกล่าว “ข้าได้ให้พระชายาจี้ไปสืบหาหลักฐานแล้ว ถ้าได้ความว่าคนตระกูลฉู่เป็นคนแพร่ข่าวลืออกมา เรื่องนี้พวกเราไม่ปล่อยไปแน่”นางข้าหลวงสี่มองหยวนชิงหลิงด้วยแววตามืดมน “พระชายา เหตุใดไม่ยอมยุติเลิกรา? ไปโวยวายตระกูลฉู่กันสักรอบหรือเพคะ? ทะเลาะกันไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นี่ยิ่งไม่เพิ่มเรื่องให้คนเขาพูดกันหรือ? จำเป็นด้วยหรือเพคะ? ช่างมันเถิด ผ่านไปสักพัก คนข้างนอกพูดเบื่อแล้วก็หยุดพูดกันไปเอง”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “โม่โม่ ข้ารู้ว่าท่านทุกข์ใจ เรื่องนี้อธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ แต่ว่าคนที่ปล่อยข่าวลือไปนั้นไม่ควรปล่อยไปโดยง่าย มิฉะนั้น ภายภาคหน้าจะยิ่งได้ใจ”โม่โม่ยังคงโบกมือ “ไม่ต้อง ๆ ช่างเถิดเพคะ ไม่ว่าใครพูดก็ตาม ล้วนเหมือนกัน ไม่ต้องขุดคุ้ยหรอกเพคะ หลังจากเริ่มมีเรื่อง ไม่รู้ว่าจะพูดจาไม่น่าฟังได้มากมายแค่ไหน”นางหยิบไม้กวาดมากวาดพื้นต่อ “พระชายาโปรดวางพระทัย บ่าวอายุมากแล้ว ผ่านประสบการณ์โชกโชนผ่านอันตรายมาเท่าไหร่? เรื่องข่าวลือไร้สาระนี่ ทำร้ายบ่าวไม่ได้หรอกเพคะ”หยวนชิงหลิงมองใบหน้าซีดขาวของนาง นางไม่ได้โกรธ เหมือนกับซากศพเดินได้ อดปวดใจไม่ได้จริง ๆ เนื่องจากโม่โม่ออกจากว
พระชายาจี้ที่ได้ยินนางพูดเช่นนั้น ก็ได้กลั้นหายใจและกล่าวอย่างเฉยชาว่า “เอาเถอะ ชีวิตข้าอยู่ในกำมือเจ้าพูดอะไร ข้ามีหรือจะกล้าปฏิเสธ?”หยวนชิงหลิงกว่าวด้วยวาจาอ่อนโยนอย่างหาได้ยากว่า “พี่สะใภ้ใหญ่เป็นแบบนี้ ข้ามีความสุขมาก เห็นได้ชัดว่าพี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนที่รู้จักกาลเทศะคนหนึ่ง ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน!”พระชายาจี้หน้าบึ้งไม่พูดไม่จาอะไร แต่ความรังเกียจในแววตานั้นลดลงไปบ้างอย่างเห็นได้ชัดนางเคยเกลียดหยวนชิงหลิงที่ชอบวางท่าทำตัวสูงส่ง แต่ว่า แม้ว่านางก็ไม่ไม่เผยจุดอ่อนออกมา เดิมทีก็มีความสุขมากหลังจากพระชายาจี้กลับไป หยวนชิงหลิงให้ซูยี่ออกไปเดินรอบเมืองสักรอบ ไปนั่งในโรงน้ำชาสังเกตการณ์ หลังจากที่ซูยี่กลับมาแล้วก็โกรธกระฟัดกระเฟียด “กระหม่อมได้สู้กับคนไม่น้อยพ่ะย่ะค่ะ”หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น? ข้าเรียกให้เจ้าไปฟัง เจ้าออกไปต่อยตีมาหรือ?”ซูยี่กล่าว “ปากคนพวกนั้นไปกินขี้มาหรือถึงได้ปากเน่าปากเสีย เหม็นเหลือทน ท่านไม่ได้อยู่ที่นั้นได้ยินคำพูดเหล่านั้น ถ้าได้ยินล่ะก็ คาดว่าทางเองก็คงขาดสติไปต่อยคนพวกนั้นเหมือนกัน”หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว “พูดจาแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?”“นั่นสินะ?” ซู
หยวนชิงหลิงกล่าว “ใครไปบอกมหาเสนาบดีฉู่กัน? ท่านหรือ?”อวี่เหวินห่าวหัวเราะและมองนาง “เจ้าไง!”“ข้า?” หยวนชิงหลิงตกใจ “แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยพบเขามาก่อน คงไม่สามารถไปที่ตระกูลฉู่เพื่อเรื่องพวกนี้ได้”“ไม่ต้องไปที่ตระกูลฉู่ พรุ่งนี้เข้าเข้าวังไปถวายพระพรเสด็จปู่ พรุ่งนี้ทั้งเซียวเหยากงและมหาเสนาบดีฉู่ ก็ไปถวายพระพรเสด็จปู่เช่นกัน” อวี่เหวินห่าวกล่าว“ทำไมท่านถึงรู้?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามอวี่เหวินห่าวยิ้มและกล่าวว่า “พรุ่งนี้วันเกิดไท่ซ่างหวง”หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกตกใจ “วันเกิด? ทำไมข้าไม่รู้? วันเกิดไม่มีงานเลี้ยงฉลองหรือ?”วันเกิดไท่ซ่างหวง นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ ทำไมมันเงียบเหลือเกิน?“ไม่ใช่วันเกิดจริง ๆ หรอก ตอนนั้นที่ทั้งสามคนไปออกศึกด้วยกัน ผ่านศึกในครั้งนั้น ไท่ซ่างหวงรอดพ้นจากความตายครั้งนั้นมาได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงกำหนดให้วันนี้เป็นวันเกิดครั้งที่สอง ทุก ๆ ปีพวกเขาทั้งสามคนจะนัดรวมตัวอยู่ด้วยกัน” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงกล่าวด้วยความแปลกใจ “มีเรื่องแปลกแบบนี้ด้วย? น่าสนใจยิ่งนัก ที่จริงเดิมทีข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าไท่ซ่างหวงและมหาเสนาบดีฉู่จะมีความสัมพันธ์
มาถึงข้างนอก กู้ซือก็เอ่ยถาม “ทำไมพระชายาถึงบอกว่าข้าทุบตีเจ้า?”“นางชอบหยอกเล่น ไม่มีอะไร” อวี่เหวินห่าวหันกลับไปมองแล้วมองอีก รู้สึกไม่วางใจจึงลากกู้ซือเดินไปไกลกว่านี้ “มีเรื่องอันใดหรือ?”กู้ซือพึ่งนึกขึ้นได้จึงกล่าวไปว่า “อ๋องจี้กลับมาแล้ว”“เร็วอะไรขนาดนี้?” อวี่เหวินห่าวงุนงง ไม่ใช่หนึ่งเดือนหรอกหรือ? ทำไมถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้?“วันนี้ข้าเข้าเวร เห็นเขาเข้าวังไปยังหอตำราหลวง ฝ่าบาททรงตำหนิเขาไปยกหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ไล่ให้เขากลับจวน” กู้ซือกล่าว“จะเร็วอะไรขนาดนั้นกัน?” อวี่เหวินห่าวรู้สึกประหลาดใจ “เขาไม่กล้ากลับจวนเองหรอก ต้องเป็นพระบัญชาเสด็จพ่อเรียกให้เขากลับมา”“อาจเป็นเพราะเรื่องแต่งงานกับคุณหนูรองตระกูลฉู่เป็นพระชายารองกระมั้ง ได้ยินว่ากำหนดการคือเดือนหน้าวันที่สาม”“มีกำหนดการแล้ว ยิ่งไม่จำเป็นต้องกลับมาเร็วขนาดนี้เลย” อวี่เหวินห่าวคิดว่าวันเวลาดี ๆ ของเขาผ่านไปได้ไม่กี่วัน ต้องพบกับใบน่าอันแสนน่ารังเกียจนั้นอีก ช่างน่าอึดอัดใจยิ่งนักกู้ซือส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ข้ามาเพื่อเตือนเจ้า คาดว่าหลังจากเขากลับมาแล้วต้องได้ยินเรื่องที่คุณหนูรองตระกูลฉู่พัวพันกับเจ้าแน่ ถึ
อาซื่อหนักแน่นมาก และเอ่ยว่า “ท่านอ๋องยืนพูดอยู่ตรงนั้น ท่านพูดมาเถอะ ข้าฟังอยู่ตรงนี้”อวี่เหวินห่าวหว่านเสน่ห์ล้มเหลว หลังจากนั้นเขาก็เก็บสีหน้าและแสดงท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนออกมา “อาซื่อ เจ้ามาอยู่ข้างกายพระชายาอยู่นานแล้ว คิดถึงบ้านไหม? คิดถึงพี่สาวเจ้ารึเปล่า?”อาซื่อตกใจอยู่ครู่หนื่งและสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที นางกระทืบเท้ากล่าวทั้งน้ำตาว่า “ท่านอ๋อง อาซื่อทำอะไรผิดไป? ท่านถึงไล่อาซื่อไปหรือ?”พูดจบก็วิ่งหนีออกไปเลยอวี่เหวินห่าวงุนงง รู้สึกแค่ว่ามีลมพัดผ่านร่างไปและก็ไม่เห็นอาซื่อแล้วกลับถึงห้องได้ยินอาซื่อร้องไห้กับหยวนชิงหลิง “อาซื่อไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนพระชายาได้แล้ว ท่านอ๋องจะไล่อาซื่อไป”อวี่เหวินห่าวโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน? ข้าบอกตอนไหนว่าจะไล่เจ้าไป?”“งั้นท่านอ๋อง...” อาซื่อเช็ดน้ำตา “ทำไมท่านถึงถามว่าข้าคิดถึงคนในครอบครัวไหม?”อวี่เหวินห่าวตอบกลับอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “ข้าอยากจะเรียกให้เจ้าไปเชิญพระชายารองหยวนมาอยู่ที่นี่สักสองสามวัน พวกเจ้าพี่น้องจะได้อยู่ด้วยกัน”อาซื่อตกใจ ทันใดนั้นก็ยิ้มหน้าบานออกมา “งั้นดีมากเลยเพคะ พี่สาวต้องยินดีมากแน่
วันรุ่งขึ้นนางตื่นแต่เช้าตรู่ นางให้บ่าวแต่งตัวให้อย่างพิถีพิถันแล้วเดินออกไปอย่างคึกคักกระชับกระแชงพอมาถึงหน้าประตูจวนจึงพบว่าอ๋องฉีก็ออกมาแล้วอ๋องฉีเห็นท่าทางที่กำลังดีอกดีใจเช่นนั้นของนาง ก็อดถามไม่ได้ว่า "จะไปที่ใดกัน?"หยวนหย่งอี้หน้าตาเต็มไปด้วยแววตาความตื่นเต้น "เข้าวังเพคะ""เข้าวัง?" อ๋องฉีขมวดคิ้ว "นี่ก็ไม่ได้เป็นวันอะไรแล้วเจ้าจะเข้าวังไปทำอะไร? ใครเรียกเข้าเฝ้ารึ? เจ้าไปได้หรือไม่?"หยวนหย่งอี้ลดเสียงให้ลง แต่กลับไม่อาจระงับรอยยิ้มที่เหม่อลอยนั้นได้ "พระชายาฉู่บอกให้ข้าไปเป็นเพื่อนนาง นางเชิญข้าไปด้วย สวรรค์เถอะ ข้าดีใจจะแย่แล้ว นี่ก็ไม่ได้นอนทั้งคืน"อ๋องฉียังคงขมวดคิ้ว "มีอะไรน่ายินดีกัน? ถ้าเจ้าต้องการเข้าวัง ข้าเองก็ไปกับเจ้าได้""เข้าวังมีอะไรน่ายินดีกัน?" หยวนหย่งอี้หมุนตัวเดินจากไปอ๋องฉีรู้สึกว่านางไร้เหตุผลจริง ๆ "เข้าวังไม่มีอะไรน่ายินดี แล้วเช่นนั้นเหตุใดนางถึงมีความสุขเล่า?"ต้าอันองครักษ์คนสนิทที่อยู่ด้านข้างยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น "ท่านอ๋อง พระชายารองหยวนดีใจมากไม่ใช่เพราะได้เข้าวัง แต่เป็นเพราะพระชายาฉู่เชื้อเชิญนางพ่ะย่ะค่ะ"อ๋องฉีเอ่ย "เช่นนั้นข้าก็สาม
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะเปิดโปง "พวกเขากำลังดื่มเหล้ากันอยู่ในนั้น" ฉางกงกงกล่าวขึ้นอย่างจริงจังว่า "มันเป็นเรื่องที่สำคัญจริง ๆ พระชายาโปรดเสด็จไปเข้าเฝ้าไทเฮาก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ" หยวนชิงหลิงรู้ว่าการดื่มนั้นไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรแต่ประตูใหญ่ปิดอยู่ นางจึงไม่สามารถเข้าไปได้จึงได้แต่กล่าว "เช่นนั้น ท่านไปทูลเสด็จปู่ว่าข้ามีเรื่องสำคัญที่จะกราบทูล ข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาแล้วจะรีบกลับมาทันที ขอให้ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายอนุญาตให้ข้าเข้าไป" ฉางกงกงยิ้มและกล่าวว่า "พ่ะย่ะค่ะ! พระชายาท่านเสด็จไปก่อนเถอะวันนี้ไท่ซ่างหวงมีความสุขโปรดให้เขามีความสุขอีกสักครู่"หยวนชิงหลิงพยักหน้า แน่นอนว่าอีกสักครู่เรื่องที่เธอต้องการจะพูดจะต้องทำให้ไท่ซ่างหวงไม่พอใจเป็นแน่ ดังนั้นก็ให้พวกเขาดื่มให้มากอีกสักครู่เถอะเมื่อมาถึงที่ไทเฮาก็พบว่าเต๋อเฟยก็อยู่ที่นี่พอดี ไทเฮารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง นางดึงหยวนชิงหลิงเข้ามาสังเกตอย่างละเอียด ส่วนใหญ่แล้วจะมองที่ท้องเพียงแต่พอมองไปก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง "ท้องนี้โตขึ้นเร็วนักอีกทั้งดูแล้วก็กลม ๆ "เต๋อเฟยยิ้มพลางเอ่ยว่า "ไทเฮา กลม ๆ เช่นนี้ไม่ดีหรือเพคะ?"ไทเฮาหันกลับไป