แชร์

บทที่ 545

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หยวนชิงหลิงมองนางด้วยความกังวลใจ “โมโม่ คนข้างนอกปากเสีย ท่านก็อย่าได้ใส่ใจไปเลย”

นางข้าหลวงสี่ยิ้มและกล่าวว่า “พระชายาโปรดวางพระทัย สิ่งที่ท่านเคยพูดหม่อมฉันจำได้เสมอ ข่าวลือ หากตัวเองสนใจมันถึงจะทำร้ายตัวเองได้ หม่อนฉันไม่สนหรอกเพคะ”

พูดจบ นางก็ย่อตัวทูลลาออกไป

หยวนชิงหลิงไม่วางใจนาง จึงเรียกให้อาซื่อไปดู

ทางด้านพระชายาจี้ที่มองออกไป และยิ้มเหมือนได้เห็นละครฉากเด็ด

หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ดูเหมือนท่านจะมีความสุขมากนะ”

พระชายาจี้ส่ายหน้า “มีอะไรน่ามีความสุขกัน? แค่รู้สึกว่ามันน่าสนใจดี เรื่องในตอนนั้นถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ชัดเจน แต่ทว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้ ยังมีคนกล่าวเช่นนี้ออกมาอีก นี่ไม่น่าสนใจหรือ?”

หยวนชิงหลิงมองนาง “พระชายาจี้เป็นผู้กว้างขวาง หูตามากมาย ย่อมต้องรู้ว่าใครเป็นคนเผยแพร่ข่าวลือพวกนี้ออกมา”

พระชายาจี้บุ้ยปาก “เรื่องนี้ข้าไม่รู้”

หยวนชิงหลิงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นพระชายาจี้จำไม่ได้สินะว่าวันแรกตอนที่ข้าพูดว่า ข้ารักษาให้ท่านนั้นข้าพูดว่าอะไร”

พระชายาจี้เงยหน้าขึ้น “หมายความว่าอะไร?”

หยวนชิงหลิงกดเข็มฉีดยาลงและ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 546

    หยวนชิงหลิงกล่าว “ข้าได้ให้พระชายาจี้ไปสืบหาหลักฐานแล้ว ถ้าได้ความว่าคนตระกูลฉู่เป็นคนแพร่ข่าวลืออกมา เรื่องนี้พวกเราไม่ปล่อยไปแน่”นางข้าหลวงสี่มองหยวนชิงหลิงด้วยแววตามืดมน “พระชายา เหตุใดไม่ยอมยุติเลิกรา? ไปโวยวายตระกูลฉู่กันสักรอบหรือเพคะ? ทะเลาะกันไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นี่ยิ่งไม่เพิ่มเรื่องให้คนเขาพูดกันหรือ? จำเป็นด้วยหรือเพคะ? ช่างมันเถิด ผ่านไปสักพัก คนข้างนอกพูดเบื่อแล้วก็หยุดพูดกันไปเอง”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “โม่โม่ ข้ารู้ว่าท่านทุกข์ใจ เรื่องนี้อธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ แต่ว่าคนที่ปล่อยข่าวลือไปนั้นไม่ควรปล่อยไปโดยง่าย มิฉะนั้น ภายภาคหน้าจะยิ่งได้ใจ”โม่โม่ยังคงโบกมือ “ไม่ต้อง ๆ ช่างเถิดเพคะ ไม่ว่าใครพูดก็ตาม ล้วนเหมือนกัน ไม่ต้องขุดคุ้ยหรอกเพคะ หลังจากเริ่มมีเรื่อง ไม่รู้ว่าจะพูดจาไม่น่าฟังได้มากมายแค่ไหน”นางหยิบไม้กวาดมากวาดพื้นต่อ “พระชายาโปรดวางพระทัย บ่าวอายุมากแล้ว ผ่านประสบการณ์โชกโชนผ่านอันตรายมาเท่าไหร่? เรื่องข่าวลือไร้สาระนี่ ทำร้ายบ่าวไม่ได้หรอกเพคะ”หยวนชิงหลิงมองใบหน้าซีดขาวของนาง นางไม่ได้โกรธ เหมือนกับซากศพเดินได้ อดปวดใจไม่ได้จริง ๆ เนื่องจากโม่โม่ออกจากว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 547

    พระชายาจี้ที่ได้ยินนางพูดเช่นนั้น ก็ได้กลั้นหายใจและกล่าวอย่างเฉยชาว่า “เอาเถอะ ชีวิตข้าอยู่ในกำมือเจ้าพูดอะไร ข้ามีหรือจะกล้าปฏิเสธ?”หยวนชิงหลิงกว่าวด้วยวาจาอ่อนโยนอย่างหาได้ยากว่า “พี่สะใภ้ใหญ่เป็นแบบนี้ ข้ามีความสุขมาก เห็นได้ชัดว่าพี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนที่รู้จักกาลเทศะคนหนึ่ง ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน!”พระชายาจี้หน้าบึ้งไม่พูดไม่จาอะไร แต่ความรังเกียจในแววตานั้นลดลงไปบ้างอย่างเห็นได้ชัดนางเคยเกลียดหยวนชิงหลิงที่ชอบวางท่าทำตัวสูงส่ง แต่ว่า แม้ว่านางก็ไม่ไม่เผยจุดอ่อนออกมา เดิมทีก็มีความสุขมากหลังจากพระชายาจี้กลับไป หยวนชิงหลิงให้ซูยี่ออกไปเดินรอบเมืองสักรอบ ไปนั่งในโรงน้ำชาสังเกตการณ์ หลังจากที่ซูยี่กลับมาแล้วก็โกรธกระฟัดกระเฟียด “กระหม่อมได้สู้กับคนไม่น้อยพ่ะย่ะค่ะ”หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น? ข้าเรียกให้เจ้าไปฟัง เจ้าออกไปต่อยตีมาหรือ?”ซูยี่กล่าว “ปากคนพวกนั้นไปกินขี้มาหรือถึงได้ปากเน่าปากเสีย เหม็นเหลือทน ท่านไม่ได้อยู่ที่นั้นได้ยินคำพูดเหล่านั้น ถ้าได้ยินล่ะก็ คาดว่าทางเองก็คงขาดสติไปต่อยคนพวกนั้นเหมือนกัน”หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว “พูดจาแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?”“นั่นสินะ?” ซู

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 548

    หยวนชิงหลิงกล่าว “ใครไปบอกมหาเสนาบดีฉู่กัน? ท่านหรือ?”อวี่เหวินห่าวหัวเราะและมองนาง “เจ้าไง!”“ข้า?” หยวนชิงหลิงตกใจ “แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยพบเขามาก่อน คงไม่สามารถไปที่ตระกูลฉู่เพื่อเรื่องพวกนี้ได้”“ไม่ต้องไปที่ตระกูลฉู่ พรุ่งนี้เข้าเข้าวังไปถวายพระพรเสด็จปู่ พรุ่งนี้ทั้งเซียวเหยากงและมหาเสนาบดีฉู่ ก็ไปถวายพระพรเสด็จปู่เช่นกัน” อวี่เหวินห่าวกล่าว“ทำไมท่านถึงรู้?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามอวี่เหวินห่าวยิ้มและกล่าวว่า “พรุ่งนี้วันเกิดไท่ซ่างหวง”หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกตกใจ “วันเกิด? ทำไมข้าไม่รู้? วันเกิดไม่มีงานเลี้ยงฉลองหรือ?”วันเกิดไท่ซ่างหวง นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ ทำไมมันเงียบเหลือเกิน?“ไม่ใช่วันเกิดจริง ๆ หรอก ตอนนั้นที่ทั้งสามคนไปออกศึกด้วยกัน ผ่านศึกในครั้งนั้น ไท่ซ่างหวงรอดพ้นจากความตายครั้งนั้นมาได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงกำหนดให้วันนี้เป็นวันเกิดครั้งที่สอง ทุก ๆ ปีพวกเขาทั้งสามคนจะนัดรวมตัวอยู่ด้วยกัน” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงกล่าวด้วยความแปลกใจ “มีเรื่องแปลกแบบนี้ด้วย? น่าสนใจยิ่งนัก ที่จริงเดิมทีข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าไท่ซ่างหวงและมหาเสนาบดีฉู่จะมีความสัมพันธ์

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 549

    มาถึงข้างนอก กู้ซือก็เอ่ยถาม “ทำไมพระชายาถึงบอกว่าข้าทุบตีเจ้า?”“นางชอบหยอกเล่น ไม่มีอะไร” อวี่เหวินห่าวหันกลับไปมองแล้วมองอีก รู้สึกไม่วางใจจึงลากกู้ซือเดินไปไกลกว่านี้ “มีเรื่องอันใดหรือ?”กู้ซือพึ่งนึกขึ้นได้จึงกล่าวไปว่า “อ๋องจี้กลับมาแล้ว”“เร็วอะไรขนาดนี้?” อวี่เหวินห่าวงุนงง ไม่ใช่หนึ่งเดือนหรอกหรือ? ทำไมถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้?“วันนี้ข้าเข้าเวร เห็นเขาเข้าวังไปยังหอตำราหลวง ฝ่าบาททรงตำหนิเขาไปยกหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ไล่ให้เขากลับจวน” กู้ซือกล่าว“จะเร็วอะไรขนาดนั้นกัน?” อวี่เหวินห่าวรู้สึกประหลาดใจ “เขาไม่กล้ากลับจวนเองหรอก ต้องเป็นพระบัญชาเสด็จพ่อเรียกให้เขากลับมา”“อาจเป็นเพราะเรื่องแต่งงานกับคุณหนูรองตระกูลฉู่เป็นพระชายารองกระมั้ง ได้ยินว่ากำหนดการคือเดือนหน้าวันที่สาม”“มีกำหนดการแล้ว ยิ่งไม่จำเป็นต้องกลับมาเร็วขนาดนี้เลย” อวี่เหวินห่าวคิดว่าวันเวลาดี ๆ ของเขาผ่านไปได้ไม่กี่วัน ต้องพบกับใบน่าอันแสนน่ารังเกียจนั้นอีก ช่างน่าอึดอัดใจยิ่งนักกู้ซือส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ข้ามาเพื่อเตือนเจ้า คาดว่าหลังจากเขากลับมาแล้วต้องได้ยินเรื่องที่คุณหนูรองตระกูลฉู่พัวพันกับเจ้าแน่ ถึ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 550

    อาซื่อหนักแน่นมาก และเอ่ยว่า “ท่านอ๋องยืนพูดอยู่ตรงนั้น ท่านพูดมาเถอะ ข้าฟังอยู่ตรงนี้”อวี่เหวินห่าวหว่านเสน่ห์ล้มเหลว หลังจากนั้นเขาก็เก็บสีหน้าและแสดงท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนออกมา “อาซื่อ เจ้ามาอยู่ข้างกายพระชายาอยู่นานแล้ว คิดถึงบ้านไหม? คิดถึงพี่สาวเจ้ารึเปล่า?”อาซื่อตกใจอยู่ครู่หนื่งและสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที นางกระทืบเท้ากล่าวทั้งน้ำตาว่า “ท่านอ๋อง อาซื่อทำอะไรผิดไป? ท่านถึงไล่อาซื่อไปหรือ?”พูดจบก็วิ่งหนีออกไปเลยอวี่เหวินห่าวงุนงง รู้สึกแค่ว่ามีลมพัดผ่านร่างไปและก็ไม่เห็นอาซื่อแล้วกลับถึงห้องได้ยินอาซื่อร้องไห้กับหยวนชิงหลิง “อาซื่อไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนพระชายาได้แล้ว ท่านอ๋องจะไล่อาซื่อไป”อวี่เหวินห่าวโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน? ข้าบอกตอนไหนว่าจะไล่เจ้าไป?”“งั้นท่านอ๋อง...” อาซื่อเช็ดน้ำตา “ทำไมท่านถึงถามว่าข้าคิดถึงคนในครอบครัวไหม?”อวี่เหวินห่าวตอบกลับอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “ข้าอยากจะเรียกให้เจ้าไปเชิญพระชายารองหยวนมาอยู่ที่นี่สักสองสามวัน พวกเจ้าพี่น้องจะได้อยู่ด้วยกัน”อาซื่อตกใจ ทันใดนั้นก็ยิ้มหน้าบานออกมา “งั้นดีมากเลยเพคะ พี่สาวต้องยินดีมากแน่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 551

    วันรุ่งขึ้นนางตื่นแต่เช้าตรู่ นางให้บ่าวแต่งตัวให้อย่างพิถีพิถันแล้วเดินออกไปอย่างคึกคักกระชับกระแชงพอมาถึงหน้าประตูจวนจึงพบว่าอ๋องฉีก็ออกมาแล้วอ๋องฉีเห็นท่าทางที่กำลังดีอกดีใจเช่นนั้นของนาง ก็อดถามไม่ได้ว่า "จะไปที่ใดกัน?"หยวนหย่งอี้หน้าตาเต็มไปด้วยแววตาความตื่นเต้น "เข้าวังเพคะ""เข้าวัง?" อ๋องฉีขมวดคิ้ว "นี่ก็ไม่ได้เป็นวันอะไรแล้วเจ้าจะเข้าวังไปทำอะไร? ใครเรียกเข้าเฝ้ารึ? เจ้าไปได้หรือไม่?"หยวนหย่งอี้ลดเสียงให้ลง แต่กลับไม่อาจระงับรอยยิ้มที่เหม่อลอยนั้นได้ "พระชายาฉู่บอกให้ข้าไปเป็นเพื่อนนาง นางเชิญข้าไปด้วย สวรรค์เถอะ ข้าดีใจจะแย่แล้ว นี่ก็ไม่ได้นอนทั้งคืน"อ๋องฉียังคงขมวดคิ้ว "มีอะไรน่ายินดีกัน? ถ้าเจ้าต้องการเข้าวัง ข้าเองก็ไปกับเจ้าได้""เข้าวังมีอะไรน่ายินดีกัน?" หยวนหย่งอี้หมุนตัวเดินจากไปอ๋องฉีรู้สึกว่านางไร้เหตุผลจริง ๆ "เข้าวังไม่มีอะไรน่ายินดี แล้วเช่นนั้นเหตุใดนางถึงมีความสุขเล่า?"ต้าอันองครักษ์คนสนิทที่อยู่ด้านข้างยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น "ท่านอ๋อง พระชายารองหยวนดีใจมากไม่ใช่เพราะได้เข้าวัง แต่เป็นเพราะพระชายาฉู่เชื้อเชิญนางพ่ะย่ะค่ะ"อ๋องฉีเอ่ย "เช่นนั้นข้าก็สาม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 552

    หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะเปิดโปง "พวกเขากำลังดื่มเหล้ากันอยู่ในนั้น" ฉางกงกงกล่าวขึ้นอย่างจริงจังว่า "มันเป็นเรื่องที่สำคัญจริง ๆ พระชายาโปรดเสด็จไปเข้าเฝ้าไทเฮาก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ" หยวนชิงหลิงรู้ว่าการดื่มนั้นไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรแต่ประตูใหญ่ปิดอยู่ นางจึงไม่สามารถเข้าไปได้จึงได้แต่กล่าว "เช่นนั้น ท่านไปทูลเสด็จปู่ว่าข้ามีเรื่องสำคัญที่จะกราบทูล ข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาแล้วจะรีบกลับมาทันที ขอให้ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายอนุญาตให้ข้าเข้าไป" ฉางกงกงยิ้มและกล่าวว่า "พ่ะย่ะค่ะ! พระชายาท่านเสด็จไปก่อนเถอะวันนี้ไท่ซ่างหวงมีความสุขโปรดให้เขามีความสุขอีกสักครู่"หยวนชิงหลิงพยักหน้า แน่นอนว่าอีกสักครู่เรื่องที่เธอต้องการจะพูดจะต้องทำให้ไท่ซ่างหวงไม่พอใจเป็นแน่ ดังนั้นก็ให้พวกเขาดื่มให้มากอีกสักครู่เถอะเมื่อมาถึงที่ไทเฮาก็พบว่าเต๋อเฟยก็อยู่ที่นี่พอดี ไทเฮารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง นางดึงหยวนชิงหลิงเข้ามาสังเกตอย่างละเอียด ส่วนใหญ่แล้วจะมองที่ท้องเพียงแต่พอมองไปก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง "ท้องนี้โตขึ้นเร็วนักอีกทั้งดูแล้วก็กลม ๆ "เต๋อเฟยยิ้มพลางเอ่ยว่า "ไทเฮา กลม ๆ เช่นนี้ไม่ดีหรือเพคะ?"ไทเฮาหันกลับไป

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 553

    เขาได้บทเรียนนี้มากี่ครั้งแล้ว? จะต้องให้สั่งสอนอีกกี่ครั้ง)จึงจะรู้ทันเด็กสาวตระกูลฉู่ผู้นั้นไม่มีอนาคต!หยวนหย่งอี้เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า "ก็คือเขาไม่ได้นอนกับหม่อมฉัน ตั้งแต่แต่งงานมาก็ไม่เคยมานอนที่ห้องหม่อมฉันเลยเพคะ" ไทเฮาไม่พอใจเล็กน้อย "เช่นนี่ได้รึ? ไม่ใช่ว่ามันเหมือนกับตอนเจ้าห้าไม่ใช่หรือ? แต่งงานมาปีหนึ่งแล้วแต่ไม่เคยร่วมหอ ยังไม่พออีกรึ? ข้าจะต้องพูดคุยกับเขา""ไม่ต้องพูดหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ต้องการให้เขามานอนกับหม่อมฉัน นอนคนเดียวสบายมากเลยเพคะ" หยวนหย่งอี้รีบกล่าว ขณะที่กล่าวนางก็เหลือบไปมองหยวนชิงหลิง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความปิติยินดี ดีจริง ๆ นางและพี่หญิงฉู่หวางต่างประสบชะตากรรมที่เหมือนกันหยวนชิงหลิงเห็นสายตาที่นางมองมาก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เด็กคนนี้ช่างแปลกประหลาดจริง ๆ!แต่ตอนนี้อ๋องฉีและหยวนหย่งอี้นั้นเหมือนตนเองกับเจ้าห้าในตอนนั้น เพราะในใจของเจ้าห้ามีเพียงฉู่หมิงชุ่ย และตอนนี้ในใจของอ๋องฉีก็มีเพียงฉู่หมิงชุ่ยเท่านั้นเป็นสองพี่น้องที่ตาบอดจริง ๆ!หยวนชิงหลิงนั่งต่อไปไม่ไว้แล้วจริง ๆ นางไม่สนใจหัวข้อเหล่านี้เลย นางเพียงแค่ต้องการพบมหาเสนาบดีฉ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status