Share

บทที่ 524

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
หยวนชิงหลิงเริ่มฟังอย่างใจลอย แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงเคียดแค้นของนาง เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองนาง

ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง พระชายาจี้ก็ไม่ทางเลือกอื่นจริง ๆ

บางทีอาจจะมีทางเลือกอื่น แต่ถ้าเลือกเส้นทางอื่นสิ่งที่รอคอยนางอยู่ก็คือ ชีวิตที่เงียบเหงาหมดหวัง

แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลสำหรับจิตใจที่โหดร้ายของคนคนหนึ่ง

ดังนั้นถึงแม้ว่านางจะต้องเผชิญกับชะตาชีวิตที่ขมขื่นแค่ไหน นางก็ไม่สามารถทำให้เกิดเสียงสะท้อนได้

หยวนชิงหลิงกล่าว "มนุษย์ต่างจากเดรัจฉานตรงที่คนเราสามารถคิดพิจารณาได้ รู้ว่าเรื่องไหนควรทำ และเรื่องไหนไม่ควรทำ ทุกคนล้วนมีเส้นขอบเขต ไม่ว่ากับผู้ใด ท่านก็เคยทำเรื่องเลวร้ายมากมาย นี่เป็นสิ่งที่ท่านเต็มใจที่จะทำ ไม่มีผู้ใดบีบบังคับท่าน ถึงต่อให้อ๋องจี้เลวร้ายกว่าท่านเป็นร้อยเท่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านไม่มีความผิด"

"ข้าผิด และข้าไม่เคยบอกว่าข้าไม่ผิด" พระชายาจี้ดูเหมือนตื่นเต้นเล็กน้อย "ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าบอกถึงความผิดของข้า ข้ารู้ว่าการป่วยนี้เป็นกรรมตามสนองข้า"

"ดังนั้น ท่านต้องการจะกล่าวอะไร?" หยวนชิงหลิงมองนางด้วยนัยน์ตาเรียบเฉย

พระชายาจี้ดูเหมือนไม่มีกำลังใจขึ้นมา "สุดท้ายก
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 525

    หยวนชิงหลิงกล่าวจบก็จากไป เธอไม่ต้องการพูดจาไร้สาระกับนางมากขนาดนั้นที่จริงแล้วคำพูดเหล่านี้ของพระชายาจี้ ทำให้เธอสูญเสียตัวตนไปเล็กน้อย หรือกล่าวได้ว่าสูญเสียสติปัญญาความจริงนางรู้ว่าฉู่หมิงหยางไม่สามารถแต่งเข้าจวนอ๋องฉู่ได้ การวิเคราะห์ของนางเหมือนกับหยวนชิงหลิงทั้งหมดแต่ว่าเมื่อนางรู้เรื่องของฉู่หมิงหยางภายในใจของนางแอบยินดี นางรีบตะเกียดตะกายปีนขึ้นสู่เปลวไฟแห่งความหวัง ดังนั้นนางจึงไม่ลังเลที่จะเผยความอ่อนแอของตนเองออกมา และคิดว่าจะได้รับความกังวลใจที่เหมือนกันออกจากปากของหยวนชิงหลิง และที่หยวนชิงหลิงกล่าวมานั้นถูก นางกำลังหาเสียงสะท้อนนางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะเศร้าใจฉู่หมิงหยางอดอาหารประท้วงมาเป็นวันที่สามแล้วเริ่มตั้งแต่วันนั้นวันที่อ๋องฉู่อวี่เหวินห่าวมาก่อเรื่องวุ่นวาย นางก็ตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานความดื้อรั้นหัวแข็งนี้ใครก็จนปัญญาที่เอ่ยวาจาโน้มน้าวได้นางเคยเห็นท่าทางที่เขาปกป้องหยวนชิงหลิง รักใคร่หยวนชิงหลิง นางเคยเห็นสายตาที่เขามองหยวนชิงหลิง ท่าทางที่ไม่มีชีวิตชีวานั้นเปล่งประกายด้วยความสุขแทบจะล่องลอยไป นางเคยเห็นเขาตื่นเต้นจนอดใจไม่ไหวที่จะจั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 526

    นางอดอาหารสามวันมาแล้ว และก็ทนหิวมาสามวัน นอกจากดื่มน้ำนางก็ไม่ได้ทานสิ่งใดเลยจริง ๆในชีวิตนี้นางไม่เคยลองพยายามช่วงชิงเพื่อสิ่งใด เพื่อตัวเองเช่นนี้แม้กระทั่งช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ที่อวี่เหวินห่าวแขวนนางบนคานบ้านแล้วมัดแน่นจนหายใจไม่ออก หรือแม้กระทั่งทำให้นางโดยโบยสามสิบไม้ตามกฎของตระกูล ภายในหัวใจของนางก็ยังรักเพียงเขามากกว่าเดิมไม่ได้ลดน้อยลงเลยเพราะชั่วพริบตาเดียวที่เขาโกรธอย่างบ้าคลั่ง จนอยากจะทำให้นางถึงแก่ชีวิตนั้นเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง ราวกับว่านางเห็นตนเองตอนที่ยกแส้ฟาดสาวใช้ ที่แท้พวกเขาก็เป็นคนประเภทเดียวกันฮูหยินใหญ่ฉู่คอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงของนางเอ่ยขึ้นพร้อมน้ำตาที่ร่วงหล่น "เจ้าบอกมาสิ เหตุใดเจ้าเด็กคนนี้ถึงได้ดื้อรั้นนัก? อวี่เหวินห่าวนั่นมีอะไรดี? เจ้าถึงจะต้องแต่งงานกับเขาเพื่อท่านปู่ของเจ้าโกรธ แต่งงานกับอ๋องจี้ไม่ดีหรือ? พระชายาจี้มองดูแล้วว่านางเป็นคนอายุสั้น ถ้าเจ้าแต่งเข้าไปไม่นานก็จะได้กลายเป็นพระชายาเอก แล้วทำไมเจ้าจะต้องมาทนทุกข์ทรมานกับความโกรธของอ๋องฉู่ด้วยเล่า? ตอนนี้หยวนชิงหลิงกำลังตั้งครรภ์ ถ้าหากนางให้กำเนิดบุตรชายตำแหน่งของนางก็จะมั่นคงราวกับภูเขา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 527

    ”ทาสคนเดี่ยวจะนับเป็นอะไรได้?" ฉู่หมิงหยางกล่าวอย่างเคียดแค้น "ท่านปู่ทำลายความสุขทั้งชีวิตของข้าเพื่อทาสคนเดียว เช่นนี้ท่านสามารถทนได้หรือ? ท่านไม่สงสารลูกสาวของท่านบ้างหรือ?"ฮูหยินใหญ่ฉู่เอ่ยปลอบโยน "เช่นนั้นก็ได้ เจ้าไปทานอะไรก่อนสักหน่อยเถอะ แล้วแม่จะไปพบนาง" “ไม่ ท่านหามันก่อนแล้วข้าจะยอมทานทันที" ฉู่หมิงหยางเอ่ยทั้งน้ำตาฮูหยินใหญ่ฉู่ลำบากใจเป็นอย่างมากนางข้าหลวงสี่เป็นคนของวังหลวง เคยปรนนิบัติไท่ซ่างหวง และมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับท่านมหาเสนาบดีฉู่ ถ้าจะไปหานางจะเหมาะสมหรือไม่?การข่มขู่นางนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่บางทีเงินอาจจะซื้อนางได้แล้วให้นางเอ่ยสักสองสามประโยค ก็ไม่น่าจะมีอะไรมากเกินไปหลอกนะ?นางข้าหลวงสี่ได้รับเทียบเชิญของฮูหยินใหญ่ฉู่ก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก ฮูหยินใหญ่ฉู่เชิญนางไปดื่มชาที่หย่าเซวียนในเมือง ในเทียบเชิญไม่ได้ระบุว่าเรื่องอะไร เพียงต้องการให้นางไปพบเท่านั้นนางข้าหลวงสี่แจ้งเรื่องนี้ให้หยวนชิงหลิงทราบหยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจในทันที นางยิ้มแล้วกล่าวว่า "เกรงว่าคงจะเป็นการขอร้องท่านให้ฉู่หมิงหยางแล้ว" นางข้าหลวงสี่ขมวดคิ้ว "ไม่ไปแล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 528

    นางข้าหลวงสี่ยิ้มแล้วดึงมือตัวเองกลับอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังย่อกายลงด้วย "ฮูหยินใหญ่รีบนั่งลงเถอะเจ้าค่ะ"ฮูหยินใหญ่ฉู่ดึงให้นางข้าหลวงสี่นั่งลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองอาซื่อที่ยืนอยู่ตรงนี้ ด้วยก็คิดว่าเป็นสาวใช้ที่ติดตามมาจึงเอ่ยว่า "เจ้าไปรอปรนนิบัติอยู่ด้านนอกก่อน หากมีเรื่องอะไรจะเรียกเจ้า" อาซื่อเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง "ไม่ ข้าจะอยู่ที่นี่กับกูกู" ฮูหยินใหญ่ฉู่ตะลึงงัน "เจ้า…"นางข้าหลวงสี่ยิ้มน้อย ๆ "อย่าได้สนใจนางเลย เด็กสาวตระกูลหยวนผู้นี้เป็นอันธพาลคนหนึ่ง" ฮูหยินใหญ่ฉู่ได้ยินว่าเป็นเด็กสาวจากตระกูลหยวน สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก เด็กสาวอีกคนของตระกูลหยวนก็คือพระชายารองของจวนอ๋องฉี และก่อนหน้านี้ก็ได้มีเรื่องทะเลาะกับชุ่ยเออร์ จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักอาซื่อยืนกอดกระบี่ไว้แล้วยกคางขึ้นน้อย ๆ ดูเหมือนไม่สนใจเล็กน้อยนางทำหน้าไม่ดีกับคนตระกูลฉู่เพราะอาซื่ออยู่ที่นี่ ฮูหยินใหญ่ฉู่จึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปากดื่มชาไปสองถ้วยแล้วฮูหยินใหญ่ฉู่ก็ยังคงเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจ แล้วพูดเรื่องที่ต้องการเพียงน้อยนิดอาซื่อรู้สึกเบื่อหน่ายจึงหมุนตัวเดินออกจากประตูไปยืนด้านนอกในห้องจึงมีเพียงฮ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 529

    ฮูหยินใหญ่กล่าว "ถูกต้อง ครั้งแรกพระชายาฉู่ไม่เห็นด้วย และบีบบังคับด้วยความตาย ครั้งที่สอง...เป็นกูกูที่ไปพบท่านมหาเสนาบดีเพื่อขัดขวางเรื่องนี้ แต่กูกูท่านอย่าเข้าใจผิดว่าคำพูดนี้ของข้ามีความหมายที่จะตำหนิหรือกล่าวโทษท่านอย่างแน่นอน เพียงแต่เรื่องนี้เป็นอย่างไรจะกล่าวให้ท่านเข้าใจ"นางข้าหลวงสี่เอ่ย "ใช่แล้ว ครั้งที่สองเป็นข้าที่ขัดขวางไว้ แต่ทำไมข้าถึงขวางไว้ ก็เพราะไม่อยากให้ทั้งสองตระกูลต้องทะเลาะกันจนไม่อาจคบหากับต่อไปได้อีก ข้าไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่คิดอย่างไรกับฐานะในราชสำนักของท่านมหาเสนาบดีฉู่ ถึงเขาจะหงายมือเป็นเมฆคล้ำมือเป็นฝน แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน สุดท้ายก็เป็นเพียงขุนนางผู้หนึ่งในราชสำนักเท่านั้น เป็นขุนนางของฮ่องเต้ ทำงานเพื่อราษฎร และไม่มีทางที่จะทรยศต่อราชวงศ์อย่างเด็ดขาด ทุกวันนี้ที่ตระกูลฉู่ของพวกท่านมีเกียรติยศและเจริญรุ่งเรืองล้วนเป็นโอรสสวรรค์ที่เป็นผู้มอบให้ และการยอมรับของประชาชนก็ขาดไม่ได้ หลายปีมานี้ท่านมหาเสนาบดีฉู่นั้น ข้าเห็นว่าเขาควบคุมอารมณ์ ไม่กล้ากำเริบเสิบสานอย่างสุดกำลัง และเขาคงไม่คาดหวังจะให้คนในตระกูลวางท่าทางสูงส่งใช้อำนาจบาตรใหญ่จากคุณงามความดีของ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 530

    นางข้าหลวงสี่โกรธจนริมฝีปากสั่น เอ่ยประฌามอย่างเดือดดาล "ตระกูลฉู่ที่สะอาดมีคนอย่างเจ้าได้อย่างไร? นี่เจ้าจำใจบีบบังคับข้ารึ? ข้ามีชีวิตอยู่มาจนอายุขนาดนี้แล้วยังไม่เคยเห็นคนเช่นพวกเจ้ามาก่อน ไล่ตามบุรุษผู้หนึ่งอย่างหน้าด้านไร้ยางอาย เริ่มจากใช้วิธีการนุ่มนวน ต่อมาก็ข่มขู่กดดันผู้อื่น ตอนนี้ก็ใช้ทั้งไม้นวมและไม้แข็งกับข้า ทำไม? เจ้าคิดว่าการแต่งเข้าจวนอ๋องฉู่นั้นจะทำให้เจ้าบินได้หรือ? ถึงแม้ว่าเจ้าจะเอ่ยออกไปข้าไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น อายุปูนนี้แล้ว ดมก็ได้กลิ่นโลงศพแล้ว ไม่มีชื่อเสียงอะไรที่จะให้ทำลายได้แล้ว"นางข้าหลวงสี่กล่าวจบก็หมุนตัวจากไปอาซื่อรออยู่ด้านนอก เห็นนางข้าหลวงสี่เดินออกมาด้วยอารมณ์เดือดดาล พอรู้ว่านางโกรธจึงรีบเข้าไปประคองแล้วเอ่ยถาม "มีอะไรรึ? จำเป็นต้องตีคนหรือไม่?"นางข้าหลวงสี่เอ่ยอย่างโมโห "พวกเราไปกันเถอะ!" อาซื่อหันกลับมาถลึงตาใส่ฮูหยินใหญ่ฉู่อย่างโหด ๆ ฮูหยินใหญ่ฉู่บีบแก้วด้วยความโกรธจนข้อนิ้วซีดขาว เดิมทีนางคิดว่านางข้าหลวงสี่อยู่ในวังมานานขนาดนี้จะ ต้องเป็นคนที่รู้งานแต่กลับไม่คิดว่าจะดื้อรั้นหัวแข็งเช่นนี้นางลุกขึ้นยืน "เดี๋ยวก่อน!"อาซื่อหันกลับมาเอ่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 531

    อาซื่อรีบร้อนลุกขึ้นจากตัวเขามือ และเท้าดันเขาวุ่นวายไปหมด "ขอโทษด้วย ข้ามัวแต่วิ่งไล่อยู่กับตัวเป่าจึงไม่ทันเห็นเจ้า แล้วเจ้าก็ตัวเตี้ยเกินไม่อยู่ในระดับสายตาข้าด้วยล่ะ"ซูยี่เอ่ยอย่างโมโห "เจ้าสิเตี้ย ไอย๊า...อย่าดึง อย่าดึง เจ้าเบา ๆ หน่อย เอวของข้าหักแล้ว หักแน่ ๆ ข้าเจ็บจะตายแล้ว"เขาสูดหายใจเข้าออกใบหน้ากลายเป็นกองผักแห้ง เปลือกตาข้างหนึ่งหรี่ลงจนเป็นเส้นขีดแล้วอาซื่อเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "ข้าหนักขนาดนั้นเลยรึ? แล้วยังทับเอวเจ้าหักด้วย? เจ้าลุกขึ้นอย่ามาแกล้งตาย""มันเจ็บจริง ๆ!" ซูยี่ใช้มือข้างหนึ่งนวดช้า ๆ อยู่ครู่หนึ่ง เจ็บจนตา หู ปาก จมูก เบียดกันเป็นกองแล้ว "อย่าขยับ ข้าทำเอง"อาซื่อเห็นว่าเขาไม่เหมือนกับเสแสร้งก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ "กระดูกเอวหักจริงหรือ?"ซูยี่ใช้มือข้างหนึ่งดันเอวไว้ แล้วใช้แรงลุกขึ้นช้า ๆ น้ำตาแทบไหลออกมาตะโกนด้วยความโมโหว่า "เจ้าลองให้ข้าชนจนกระเด็น แล้วทับซ้ำลงไปอีกทีดูหรือไม่เล่า? ดูว่าเจ้าจะหักไม่หัก"อาซื่อเข้ามาพยุงเขาปากก็เอ่ยขอโทษ "ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว อย่าโกรธเลย พยุงเจ้ากลับไป แล้วจะทาเหล้ายาให้เจ้า""ช้าหน่อย เจ้าช้าหน่อยสิ!" ซูยี่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 532

    นางข้าหลวงสี่มองนางอย่างสงสัย "เหตุใดจึงไม่เปิดโปงล่ะเพคะ? หรือจะปล่อยให้นางอยู่ที่นี่?"หยวนชิงหลิงกล่าว "ข้าได้ยินพวกเจ้าบอกว่า ตอนที่นางรับการว่าจ้างก็ไม่ได้ปิดบังฐานะว่านางมาจากจวนฉู่ จึงเห็นได้ว่านางไม่ได้โกหกพวกเราในเรื่องนี้ แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่มีเจตนาแอบแฝง เพียงแต่แสดงฐานะชัดเจนแล้วเข้ามาในจวนอ๋องฉู่เช่นนี้ สุดท้ายแล้วนางคิดจะทำอะไร? นางไม่ได้แปลงโฉมและก็ไม่ได้เปลี่ยนฐานะ แต่พอคิดแล้วข้าคงไม่ใช้ให้นางทำงานอะไรที่สำคัญแน่นอน และนางเองก็ไม่มีทางเข้าใกล้ข้า เช่นนั้นแล้วนางมาทำอะไรที่นี่กัน?"นางข้าหลวงสี่พลันนึกขึ้นมาได้ "นางไม่รู้ว่าที่นี่คือจวนอ๋องฉู่""ไม่รู้?" หยวนชิงหลิงประหลาดใจ "ไม่รู้ได้อย่างไร? นางไม่ได้ลงชื่อในสัญญารึ?""ลงเพคะ แต่นางไม่รู้ตัวหนังสือ นางบอกว่านางเป็นคนเจียงหนาน" นางข้าหลวงสี่คิดอยู่ชั่วครู่ "ในวันนั้นข้าบอกว่าที่นี่คือจวนอ๋องฉู่ นางดูเหมือนว่าจะตกอกตกใจเป็นอย่างมาก สีหน้าก็เปลี่ยนไป ในตอนนั้นข้าก็ระแวง แต่นางบอกว่านางแค่ไม่เคยปรนนิบัติที่จวนอ๋องมาก่อน จึงเกรงว่าจะไม่เข้าใจกฎระเบียบ ข้าจึงเชื่อ""ไม่รู้ว่าเป็นจวนอ๋องฉู่?" ในแววตาหยวนชิง

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status