ฮูหยินเหลียงลุกขึ้น “ท่านพ่อ ท่านอ๋อง และพระชายามาถึงแล้วเจ้าค่ะ”หยวนชิงหลิงที่ได้ยินก็อดตกใจไม่ได้ ท่านปู่ที่แบกมูลกวางคนนี้ก็คือ เซียวเหยากงนางรีบลุกขึ้นย่อตัวคารวะ “คารวะ ผู้อาวุโส”เซียวเหยากงมองนางแล้วจึงเลิกคิ้วหนานั้นขึ้น และหัวเราะเล็กน้อย “ท่านเป็นพระชายาคาวระคนแก่อย่างข้ามันไม่เหมาะสม รีบนั่งลงเถิด”หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า “ท่านเป็นผู้อาวุโส ดังนั้นข้าจึงคารวะท่าน” พระชายามันไม่มีอะไรเลย ก็แค่ตำแหน่งที่มีเกียรติน่ายกย่อง ถ้าเรื่องของกำลัง คนอื่นถือว่าทิ้งห่างนางไปหลายช่วงตึก ต่อหน้าจิ้งจอกเฒ่าพวกนี้ นางไม่เกรงใจไม่ได้หรอก“เจ้าเป็นสาวน้อยที่อยู่เป็นจริง ๆ” เซียวเหยากงพูดและตบมือให้นาง สายตาของเขาจ้องมองไปทางใบหน้าของอวี่เหวินห่าว และหยอกล้อเขา “เจ้าห้าน้อย ไม่ได้มาที่นี่ตั้งนาน ยังกลัวข้าแกล้งเจ้าดีดป๊อก ๆ อยู่หรือ?”ใบหน้าของอวี่เหวินห่าวดูไร้ความรู้สึกไปเลย “ท่านผู้อาวุโสเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนรุ่นหลัง อย่าทำให้คนไม่เคารพและหัวเราะเลย”เซียวเหยากงนั่งลง ยกขาวางลงบนเก้าอี้ตัวเล็ก คราบสีดำ ๆ นั้นดูเหมือนว่าเป็นโคลน ดูเหมือนว่าเขาไปดำนามา “เรื่องอาวุโสแก่แล้วค
น้ำเสียงของเขาทั้งโกรธและผิดหวังมาก หยวนชิงหลิงกุมมือเขา และพูดเสียงเบาว่า “เขาสร้างผลงานกลับมา ตอนนี้ยังได้แต่งงานกับบุตรีตระกูลฉู่เป็นพระชายารองอีก จึงเป็นที่โปรดปราน บางทีเสด็จพ่อคงจะพอพระทัยอยากให้เขาเป็นองค์รัชทายาท”คนที่ทำร้ายพี่น้องเช่นนี้ ทำไมฮ่องเต้ถึงเลือกเขาได้? หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจเลยอวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างเย็นชา “บางทีเสด็จพ่อต้องการปกป้องเขา ข้าจะลากไส้เน่า ๆ ของเขาออกมาให้ทุกคนได้เห็น ข้าไม่สนว่าใครจะเป็นรัชทายาท แต่ต้องไม่เป็นเขา”หยวนชิงหลิงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย “ถ้าเสด็จพ่อพอพระทัยเขาจริง ๆ ท่านทำแบบนี้จะเป็นการขัดต่อเจตนาเดิมของเสด็จพ่อ เกรงว่า...”แววตาอวี่เหวินห่าวเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และกล่าวว่า “เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก เรื่องนี้ถ้าเสด็จพ่อไม่ตรวจสอบ เขาจะยิ่งเหย่อหยิ่ง ได้คืบจะเอาศอก เจ้าคิดว่าข้างกายเสด็จพ่อเขาไม่มีหูตาอยู่หรือ? เซียวเหยากงถวายฎีกาเรื่องนี้ เขาย่อมต้องรู้แน่นอน ทุกวันนี้เขาหนีบหางไว้แน่นไม่กล้าสร้างปัญหา เจ้าเองคิดว่าเพราะเรื่องสร้างผลงานได้รับความดีความชอบจึงได้เงียบหายไป คิดไม่ถึงเลยว่าเพราะเรื่องนี้”เขาพูดจบก็มองห
หลังจากให้ถังหยางออกไปสำรวจแล้ว อวี่เหวินห่าวเริ่มวางแผนจัดการ ตั้งแต่ค่ำยันเช้าก็ไม่ได้กลับจวน หยวนชิงหลิงก็หลับไปแต่หัวค่ำแล้วหลังจากเขาอาบน้ำเสร็จแล้ว จึงย่องเข้าไปนอน มองดูหยวนชิงหลิงที่นอนหลับลึกไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะจูบนาง และนอนตะแคงอยู่ข้างนางเขานอนไม่หลับเขารู้สึกเศร้าใจยิ่งนักกับสิ่งที่เสด็จพ่อทำ ทำให้เขาลำบากเหลือเกินเขาไม่สนใจตำแหน่งรัชทายาท เขาสนแค่ท่าทีของเสด็จพ่อเหตุการณ์ลอบสังหหารคราวนั้น เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด ยังถูกกล่าวหาว่าจ้างมือสังหารมาลอบสังหารตนเองอีกวันนี้เซียวเหยากงหาหลักฐานได้ เสด็จพ่อไม่แม้แต่จะฟังหรือถามไถ่ และไม่สนใจมันด้วยซ้ำหลายปีมานี้ ในใจเขามีแค่ราชสำนักและเสด็จพ่อเท่านั้น ไม่ได้ต่อสู้เพื่อคุณงามความดี ไม่ได้ต่อสู้เพื่อความโปรดปราน แค่อยากทุ่มเทช่วยงานราชสำนักสักเล็กน้อย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระเสด็จพ่อ แต่ผลที่ได้ในวันนี้ทำให้เขารู้สึกยากที่จะยอมรับอยู่บ้างนอกจากความท้อแท้แล้ว ในใจยังมีความโศกเศร้าและโกรธแค้นการหาความผิดของอ๋องจี้ครั้งนี้ พูดตรง ๆ ว่าไม่สามารถรับความไม่ยุติธรรมนี้ได้เขาที่นอนตะแคงมองหยวนชิงหลิงที่นอนหลับสนิท เขาลอบถ
ทั้งสองคนวางกล่องยาสูบลง และเรียกให้ฉางกงกงเอาออกไปไท่ซ่างหวงพูดกับหยวนชิงหลิง “เจ้านั่งลงก่อน!”หยวนชิงหลิงเหลียวซ้ายแลขวา ไม่มีเก้าอี้หรือเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ เลย นั่งที่ไหนกัน?แต่ฉางกงกงก็สั่งคนให้ย้ายเก้าอี้ยาวเข้ามาวางไว้ในสวนทันที แต่ถ้าหยวนชิงหลิงนั่งลงก็เท่ากับว่าตัวเองนั่งสูงกว่าไท่ซ่างหวง นางก็รู้สึกเก้อเขินอยู่บ้างว่าควรนั่งหรือไม่ควรนั่งดีนางบ่นพึมพำในใจว่า ทำไมทั้งสามคนถึงมารวมตัวกันแบบนี้?มหาเสนาบดีฉู่ลุกขึ้นขอทูลลา ก้าวเดินของเขาดูเดินตัวลอย ๆ โซซัดโซเซ ตอนเดินไปเห็นนางข้าหลวงสี่หลังจากนั้นก็เดินเซไปชน “ไม่ระวังเลยนะ”ชนถูกนางข้าหลวงสี่แล้ว ก็พูดขอโทษและเดินออกไปอย่างช้า ๆหยวนชิงหลิงแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยนางขยี้ตาตัวเองกลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป เมื่อครู่เห็น คนที่ตั้งใจเดินไปชนคือมหาเสนาบดีฉู่จริง ๆ หรือ? หรือว่าแค่คนหน้าคล้าย? หรือเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน?ความประทับใจของนางที่มีต่อมหาเสนาบดีฉู่ น่าเกรงขาม เคร่งขรึม เก็บอาการไม่แสดงออกอะไร และยังโหดร้ายอมหิตในใจหยวนชิงหลิงเหมือนมีอะไรชกเข้าให้ นางระวังหัวหน้าตระกูลฉู่คนนี้มานาน นึกไม่ถึงว่าเขามีด้านใสซื่อไร
หยวนชิงหลิงหันไปมองเซียวเหยากง “หัวใจของพระองค์เดิมก็ไม่ดีอยู่แล้ว วันนี้ดื่มไปมากขนาดนั้น ความดันเลือดต้องขึ้นสูงเป็นธรรมดา”เซียวเหยากงมองกล่องยาของนาง และมองบนหูนางที่ใส่หูฟังแพทย์อยู่ ยังทีเครื่องวัดความดันนั้นด้วย ในแววตาของเขาเหมือนจะฉายแววแปลก ๆแต่ว่าเขาก็ไม่พูดอะไร แค่เดินไปนั่งและคุยกับไท่ซ่างหวงว่า “งั้นวันหลังก็อย่าดื่มเลยพ่ะย่ะค่ะ คำพูดของหมอต้องเชื่อฟัง”ไท่ซ่างหวงไม่มีความสุขเลย “ขี้เกียจสนพวกเจ้าแล้ว ข้าจะไปนอน”หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาเมาขึ้นหัวไปแล้ว จึงรีบให้ยากับฉางกงกง “จับตาดูพระองค์กินยาก่อนแล้วค่อยนอนนะ”ฉางกงกงรับยานั้นมา “พ่ะย่ะค่ะ!”ไท่ซ่างหวงเดินโงนเงนโซซัดโซเซเข้าไปข้างในแล้ว เหลือแค่เซียวเหยากงและหยวนชิงหลิงที่อยู่ในตำหนักหยวนชิงหลิงสงบลงหลังจากโกรธจนได้สติ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีเรื่องอยากถามเซียวเหยากง จึงผลักกล่องยาออกมา “ท่านปู่ ท่านเคยเจอกล่องยาแบบนี้หรือไม่?”เซียวเหยากงมองดูอยู่ครู่หนึ่ง และส่ายหัวอย่างช้า ๆ “ไม่เคย”หยวนชิงหลิงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง “ไม่เคยเห็นจริง ๆ หรือเจ้าคะ?”เซียวเหยากงมองดูอย่างสงสัยอยู่สักครู่ แต่ก็ยังส่ายหน้าตอบเหม
ถังหยางยิ้มและพูดอย่างชาญฉลาดว่า “บางทีหนังสือชำระหนี้ยังจะดีกว่า” อวี่เหวินห่าวหรี่ตาลง “อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ถอนเขี้ยวของอ๋องจี้ทิ้ง ข้าจะไม่ยอมเลิกรา” บัณฑิตซิ่วไฉ่จากเมืองเจียงฝู๋เข้ามาเมืองหลวงฟ้องร้องเรื่องนี้ วันรุ่งขึ้นในราชสำนัก จักรพรรดิหมิงหยวนที่ทรงทราบเรื่องนี้แล้วนั้น พระองค์ทรงกริ้วมาก และได้บัญชาให้อวี่เหวินห่าวสอบสวนอย่างเข้มงวด เมื่อสืบสวนจนได้หลักฐานชัดเจนแล้ว ไม่สนว่าจะเกี่ยวพันถึงขุนนางของเมืองเจียงฝู๋มากน้อยเพียงใด ทรงให้ปลดออกทั้งหมด และค่อยสอบสวนความผิดซักถามมูลเหตุอ๋องจี้ที่อยู่ในท้องพระโรง ใบหน้าซีดขาวไปหมดตอนออกจากท้องพระโรง เขาได้ตามอวี่เหวินห่าวออกไป“น้องห้า รอประเดี๋ยว”อวี่เหวินห่าวหยุดและหันมามองเขา “พี่ใหญ่ มีเรื่องอันใดหรือ?”อ๋องจี้ยิ้มและจับบ่าเขา “ไม่มีอะไร แค่พวกเราพี่น้องไม่ได้ดื่มด้วยกันนานแล้ว คืนนี้พี่ใหญ่จะนำสุราชั้นเลิศไปที่จวนของเจ้า ดื่มด้วยกันดีหรือไม่?”อวี่เหวินห่าวถอยออกมาอย่างเงียบ ๆ และกล่าวว่า “ไว้วันอื่นเถอะ ช่วงนี้ข้ายุ่งงานราชการจริง ๆ”อ๋องจี้สะบัดมือและกล่าวอย่างไม่พอใจ “เรื่องที่เจียงฝู๋ เจ้าพวกบัณฑิตซิ่วไฉ่หน้าโง่พ
พระชายาจี้ตะขิดตะขวงใจขึ้นมา พี่ใหญ่แม้ตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในกระทรวงการคลังแล้ว แต่ว่าถ้าฝ่าบาททรงสอบสวน ต้องถูกขุดรากถอนโคน ทุกอย่างมันชัดเจนมากแต่นางกลับรู้สึกโกรธจากก้นบึ้งของหัวใจ หลายปีมานี้บ้านนางออกเงินค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงทางอ้อมไปมากมายเท่าไร? ถ้าไม่มีการสนับสนุนเงินจากทางบ้านของนาง เขาจะมีวันนี้ได้หรือ? แม้จะรู้มานานแล้วว่าเขาเริ่มมีใจเป็นอื่น แต่พระชายาจี้มักคิดเสมอว่าเขาต้องพึ่งพี่งนาง วันนี้รู้ว่าเขาแต่งกับหลานสาวของมหาเสนาบดีฉู่เป็นพระชายารอง เขาทอดทิ้งนาง เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ช่างเป็นคนเนรคุณคนจริง ๆพระชายาจี้อดทนมาโดยเสมอ วันนี้แม้ว่าจะไม่มีความสุข แต่บนใบหน้านางก็ไม่แสดงสีหน้าไม่มีความสุขอะไรออกมา รวมถึงความเศร้าโศกเสียใจในแววตาล้วนถูกเก็บซ่อนไว้ นางจึงกล่าวเตือนอย่างเรียบเฉยว่า “ท่านอ๋อง พระชายารองยังไม่ได้แต่ง หยวนชิงหลิงก็ยังไม่แท้ง ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงได้ หม่อมฉันมักบอกท่านอ๋องอยู่เสมอ ให้ทำทุกอย่างให้ดี อย่าให้มีอะไรหลุดรอดไปได้ วันนี้เองก็พูดคำนี้เหมือนกัน ท่านอ๋องดูเหมือนตัวหมากที่ไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่กำจัดมันไม่ได้แล้ว”อ๋องจี้พูดอย่างเฉยชา “ค
"ไม่ใช่หรือ? โชคดีแล้วที่ไม่มีผู้ใดได้ยิน" หยวนชิงผิงทั้งกลัดกลุ้มและทำอะไรไม่ถูก "เขาหยอกล้อข้าใช่หรือไม่ ทําไมเขาถึงแย่นัก? ข้าหลงคิดไปว่าเขาเป็นคนดีเสียอีก""ไม่ใช่คนดี!" หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มหยวนชิงผิงทำเสียงอ่าแล้วนัยน์ตาก็พลันมีรอยแดงเกิดขึ้นในทันที "นั่น...นั่นแสดงว่าเขารังแกข้า แล้วก็หยอกล้อข้าเล่นเช่นนั้นหรือ?"นางเคยคิดว่าเขานั้นจริงจัง สองสามวันที่ผ่านมานั้นพลิกผันเปลี่ยนแปลงไปมาตลอด เมื่อคิดถึงเขาที่จ้องตาเขม็ง และถามความคิดเห็นกันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ทำให้ใจของคนคนหนึ่งแทบจะกระโดดออกมา"ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องรังแกเจ้าหรือหยอกล้อเจ้า"หยวนชิงผิงเขย่าแขนของเธอแล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ "อย่างนั้นท่านรีบช่วยข้าขบคิดหน่อยเถอะว่า เขาทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?"หยวนชิงหลิงจับมือของนางไว้แล้วเอ่ย "ดี งั้นเจ้าบอกข้ามา เจ้ามีความรู้สึกอย่างไรต่อเขา? ถ้าเขามาสู่ขอเจ้าจริง เจ้ายินดีที่จะแต่งงานกับเขาหรือไม่?"หยวนชิงผิงหันกลับมา แล้วชำเลืองมองว่าไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว จึงขบริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย "ข้าไม่ใช่คนโง่ต้องยินดีอยู่แล้ว เขาคนนั