อวี่เหวินห่าวมองไปทางมหาเสนาบดีฉู่แล้วเอ่ยด้วยใจจริง "ท่านมหาเสนาบดีฉู่ระงับอารมณ์ก่อนเถิด เรื่องนี้ข้าจะไม่เอาความ"หลังจากที่เป็นแผลแตกและโดนน้ำร้อนขนาดนั้นไปแล้ว ผิวบอบบางนั้นจะต้องเป็นแผลผุพองเป็นแผลเป็นแน่ และในอีกสองปีข้างหน้าก็จะไม่มีทางหายไปแน่แล้วสำหรับหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน การลงโทษเช่นนี้แล้วนับว่าดีแล้วให้อภัยในสิ่งที่ทำได้มหาเสนาบดีฉู่พยักหน้า "ทำให้ท่านอ๋องหัวเราะเยาะแล้ว"อวี่เหวินห่าวกล่าว "ตระกูลใดไม่มีลูกหลานหน้าอายบ้าง?" เอ่ยถึงคนในตระกูลฉู่นั้นความจริงหยิ่งผยองมหาเสนาบดีฉู่หันหน้าไปทางนางข้าหลวงสี่ "พระชายาเป็นเช่นไรบ้าง?”นางข้าหลวงสี่เอ่ย "ได้รับการรักษาจากหมอหลวงแล้วเพียงแต่ช่วงนี้ยังต้องนอนพักอยู่บนเตียง แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เจ้าค่ะ""อย่างนั้นก็ดี!" เขายกมือเรียกสาวใช้เข้ามา ในมือสาวใช้ถือกล่องผ้าอยู่ เขาโบกมือให้สาวใช้วางกล่องผ้าลงบนโต๊ะแล้วเอ่ย "ในนี้คือยาสำหรับหญิงสาวที่จะให้กำเนิดบุตร ข้าหลวงสี่โปรดรับไว้แทนพระชายาด้วยเถอะ"นางข้าหลวงสี่เดินเข้าไปเปิดกล่องออกจึงเห็นกล่องกระดองเต่าอยู่ด้านใน หลังเปิดออกนางรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมไปทั่วห้อง นางขาหลวงสี่ต
ถังหยางหยิบขึ้นมาดูแล้วลองดมดู จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วกล่าว "ข้าน้อยไม่ทราบจริง ๆ ข้าน้อยเคยได้ยินเพียงชื่อยาไร้กังวล แต่กลับไม่เคยมีวาสนาได้เห็นพ่ะย่ะค่ะ"อวี่เหวินห่าวคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ย "เชิญหมอหลวงใหญ่และหมอหลวงเฉามา"หมอหลวงใหญ่และหมอหลวงเฉามาถึงพร้อมกัน เมื่อได้ฟังว่าเป็นยาเม็ดไร้กังวล จึงรีบแยกแยะด้วยความระมัดระวังทันทีหมอหลวงนำชามใส่น้ำร้อนมาใบหนึ่ง แล้วใช้มีดขูดยาลงไปเล็กน้อยผสมกับน้ำร้อน แล้วค่อยจิบช้า ๆ จากนั้นยื่นให้หมอหลวงเฉา หมอหลวงเฉารับมาก็จิบเล็กน้อยค่อย ๆ แยกแยะรสชาติของยาในปากจากนั้นทั้งสองก็พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า "เป็นยาไร้กังวลพ่ะย่ะค่ะ"อวี่เหวินห่าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางข้าหลวงสี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน"ท่านอ๋อง สามารถมอบยานี่ให้พระชายาได้ทันที" หมอหลวงกล่าวอวี่เหวินห่าวเอ่ยอย่างกระตือรือร้น "ตกลง หมอหลวงให้พระชายาเสวยยาได้"เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินว่าเป็นยาที่มหาเสนาบดีฉู่นำมาให้ ก็รู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง แต่ว่ามีหมอหลวง หมอหลวงเฉาและยังมีนางข้าหลวงสี่พยายามแนะนำอย่างหนัก นางจึงตกลงกินมัน อวี่เหวินห่าวรู้สึกกังวลอย่างมาก หลังจากนั
อวี่เหวินห่าวพูดอย่างเบิกบานว่า “เขียนเป็นยังไงบ้างรึ?”หยวนชิงหลิงมองมาที่เขา “พวกท่านได้เก็บจดหมายที่คุยโต้ตอบกันไว้หรือไม่?”“เก็บหมดสิ”“ขอให้ข้าดูหน่อย” หยวนชิงหลิงกล่างขออวี่เหวินห่าวเรียกถังหยางไปนำมาให้ เมื่อมองดูแล้วอีกฝ่ายเขียนจดหมายตอบกลับมา ไม่ได้เขียนดีเท่าเขา จึงคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวทั้งคู่รักกันจากใจจริง“ท่านแม่ทัพใหญ่หวังท่านนี้ แต่งงานแล้วหรือยัง?”“แต่งแล้ว”“มีลูกแล้วหรือ?”“ยังไม่มี เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน”หยวนชิงหลิงวางจดหมายลง “แล้วฮูหยินของเขารู้ว่าเรื่องชู้สาวของพวกท่านไหม?”อวี่เหวินห่าวเบิกตากว้าง “เจ้าพูดอะไร? พวกเราสนิทสนมกันเท่านั้น!”หยวนชิงหลิงยิ้มเล็กน้อย “พวกท่านรักกันจริงอย่างใจจริง”เมื่ออ่านจดหมายของทั้งคู่แล้ว แม่ทัพจิ้งถิงคนนี้ต้องสามารถหายาไร้กังวลมาให้ได้สักเม็ดสองเม็ด หลังจากกินยามาได้วันสองวัน หมอหลวงก็เข้ามาทำการตรวจชีพจร และบอกว่าครรภ์ของหยวนชิงหลิงทรงตัวแล้วอวี่เหวินห่าวดึงตัวหมอหลวงออกจากประตู และถามอย่างจริงจังว่า “ทรงตัวแล้วหมายความว่าอย่างไร?”หมอหลวงกระพริบตาและกล่าวว่า “ทรงตัว ก็คือทรงตัวพ่ะย่ะค่ะ?”
หยวนชิงหลิงคิดว่าความเจ็บฝังใจเหล่านี้ ส่งผลต่อการมองโลกในแง่ดีของคนมากจริง ๆการกลั่นแกล้งอวี่เหวินห่าวครั้งนั้น นางรู้สึกละอายใจเหลือเกินนางข้าหลวงสี่ได้ยินว่าพรุ่งนี้จะมีแขกมาที่นี่ ในวังเองก็ประทานเนื้อมาให้ทุกวันก็น่าจะเกินพอ จึงสั่งในคนซื้อของอย่างอื่นอีกสักเล็กน้อย ทำอาหารเพิ่มอีกสักสองสามอย่างก็ไม่เป็นการเสียมารยาทแล้ววันรุ่งขึ้นยามเช้า หยวนชิงหลิงก็แต่งตัวเรียบร้อย คาดว่าฮูหยินหยวนกับพระชายารองหยวนคงมาสักประมานตอนเที่ยง จึงเรียกให้คนเตรียมอาหารให้นางกินก่อนเช้าขนาดนี้เพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ ได้ยินคนข้างนอกเข้ามารายงานว่า “พระชายา พระชายารองหยวนพาคนในจวนของท่านแม่ทัพใหญ่หยวนมาคารวะเจ้าค่ะ”หยวนชิงหลิงตกใจ “เช้าขนาดนี้เลยรึ? รีบเชิญไปห้องโถงด้านข้าง ข้าจะไปที่ห้องโถงด้านข้าง”ห้องโถงหลักดูเป็นทางการมากกว่า ดังนั้นเวลาอวี่เหวินห่าวต้อนรับแขกเรื่อจะใช้ห้องโถงหลัก ส่วนนางรับแขกผู้หญิงส่วนมากจะใช้ห้องโถงด้านข้างที่ดูนุ่มนวลกว่ามาก คนรับใช้พูดอย่างยากลำบากใจว่า “ห้องโถงด้านข้างเกรงว่าจะนั่งไม่พอเจ้าค่ะ”หยวนชิงหลิงตกใจกระโดดขึ้นมา “นั่งไม่พอ? มากันกี่คน?”คนรับใช้กล่าวว่า
มีฮูหยินอีกท่านลุกขึ้นยืนย่อกายคารวะต่อหยวนชิงหลิง “หม่อมฉันขอขอบพระทัยพระชายาที่ช่วยชีวิตไว้หม่อมฉันไว้เพคะ”หยวนชิงหลิงจำนางได้ ฮูหยินท่านนั้นวันที่โรงทานโจ๊กถล่มลงมา ได้รับบาดเจ็บที่มือ นางเป็นคนพันผ้าพันแผลให้นางยิ้มและกล่าวว่า “ฮูหยิน เรื่องช่วยชีวิตท่าน ข้าไม่อาจรับไว้ได้ มือของท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ทูลพระชายา ไม่เป็นไรเพคะ” ฮูหยินหยวนรู้สึกตื่นเต้นนางตอบเสียงดังเหมือนเด็กนักเรียนที่ตอบคำถามต่อมาก็เป็นคนอื่น ๆ ที่เข้ามาแนะนำตัวหลังจากคนกลุ่มใหญ่แนะนำตัวแล้ว หยวนชิงหลิงทำได้แค่ยิ้มและพยักหน้า ยิ้มจนหน้านางแข็งไปหมดแล้วแต่ว่านางก็จำไม่กี่คน อย่างไรก็ตามล้วนเป็นพวกกลุ่มฮูหยินหยวน กลุ่มคุณหนูหยวนซะส่วนใหญ่ มิเช่นั้นก็พวกลูกพี่ลูกน้อง ท่านป้าหรือท่านน้า หยวนชิงหลิงพบว่าพวกนางทุกคนเต็มไปด้วยพลังลมปราณ ตอนเดินก้าวย่างของพวกนางล้วนมีพลัง ดูเหมือนว่าทุกคนล้วนฝึกวิทยายุทธ์มานางอดไม่ได้ที่จะแอบหันไปถามนางข้าหลวงเฉียน “หญิงสาวตระกูลหยวนล้วนฝึกวิทยายุทธ์งั้นหรือ?”“ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือเพคะ!” นางข้าหลวงเฉียนกระซิบเสียงเบาหยวนชิงหลิงรู้สึกนับถือยิ่งนักนางมองไปที่เด็กสาวตั
ฮูหยินหยวนยิ้มและกล่าวว่า “พระชายาเชิญตามสบายเถอะเพคะ ที่จริงหญิงมีครรภ์มักไปห้องน้ำบ่อยครั้ง”หยวนชิงหลิงมองลวี่หยาและฉีหลัว “พวกเจ้าทั้งคู่มาประคองข้าที ขาข้ามันอ่อนแรง... ไม่ แค่ชานิดหน่อย นั่งนานไปแล้วเลือดลมไหลเวียนไม่ค่อยสะดวก”ลวี่หยาและฉีหลัวตัวสั่นงก ๆ ก้าวไปประคองหยวนชิงหลิงเดินออกไป ขาของหยวนชิงหลิงก้าวออกไปอย่างรวดเร็วและทรุดตัวกับผนัง มือนางกุมหน้าอกและสูดหายใจเข้าลึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ตกใจหมดเลย ตกใจหมดเลย” นางคิดว่าลูกธนูนั้นเกือบจะบินมาปักหัวนางแล้วในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมอวี่เหวินห่าวถึงบอกว่าฉู่หมิงชุ่ยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยวนหยงอี้หรอก ใครก็สู้นางไม่ได้อ๋องฉี เจ้านี่ช่างน่าอนาถแท้ หากเจ้ากล้ารังแกหยวนหยงอี้ล่ะก็ ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าคงไม่อาจรักษาไว้ได้แล้วหยวนชิงหลิงเข้าห้องน้ำกลับมาแล้ว มวยผมก็เกล้าหวีขึ้นเรียบร้อย คุณหนูหยวนพึ่งดึงลูกศรออกจากกำแพงและนำปิ่นที่ติดอยู่ตรงนั้นมาคืน “พระชายา ปิ่นปักผมของท่านเพคะ”หยวนชิงหลิงยิ้มเมื่อเห็นนาง “ข้าให้เจ้า”คุณหนูหยวนร้องอุทานด้วยความดีใจ และพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “จริงหรือเพคะ?”“จริงสิ ชอบหรือไม่?” หยวนชิงหลิ
หยวนซื่อเหม่ยที่เป็นคนยิงธนูคุกเข่าลง “ขอพระชายาได้โปรดให้หม่อมฉันได้อยู่ข้างกายด้วยเพคะ อาซื่อจะตั้งใจฟังพระชายาสั่งสอน และจะคอยปกป้องคุ้มครองพระชายาเพคะ”หยวนชิงหลิงใจเต้นแม้ว่าตอนนี้อวี่เหวินห่าวจะสั่งให้ซูยี่อยู่กับนาง แต่ซูยี่เองก็เป็นผู้ชาย บางสถานที่นางไปได้ แต่เขาไปไม่ได้ อย่างพวกงานเลี้ยงของพวกผู้หญิง เขาทำได้เพียงรอข้างนอกเท่านั้น แต่อาซื่อไม่เหมือนกัน อาซื่อสามารถเข้านอกออกในได้แต่ว่าอาซื่อเป็นคุณหนูตระกูลหยวน ชื่อเสียงของนางจะเป็นอย่างไรถ้าอยู่จวนอ๋อง? คนข้างนอกจะไม่พูดจาเหลวไหลเลอะเทะหรือ?นางข้าหลวงสี่ยิ้มและกล่าวว่า “พระชายา ตอนท่านตั้งครรภ์มักจะคิดมาก ท่านต้องการหญิงสาวสดใสร่าเริงอยู่ข้างกาย หากท่านชอบคุณหนูอาซือจริง ๆ ก็ให้นางพักในจวนกับท่านสักสองสามเดือนดีไหมเพคะ?”ได้ยินนางข้าหลวงสี่แนะนำ หยวนชิงหลิงรู้ว่านางข้าหลวงสี่ชอบใจเรื่องพวกนี้ จึงยิ้มและกล่าวกับอาซื่อว่า “เช่นนั้น เจ้าก็มาอยู่ข้างกายข้า มาอยู่เป็นเพื่อนข้าคุยกับข้าเป็นบางครั้งบางคราว คลายเบื่อเถอะนะ”อาซื่อพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เพคะ ขอบพระทัยพระชายามากเพคะ!”อาซื่อได้รับสายตาอิจฉาจากพวกพี่น้องของนา
หยวนชิงหลิงรินน้ำให้อวี่เหวินห่าวแก้วหนึ่ง และถามด้วยความสงสัยว่า “ที่จริงข้าเองก็ไม่เข้าใจมากนัก ข้ากับฮูหยินหยวนเองก็เหมือนพบกันโดยโชคชะตา พวกนางทั้งครอบครัวทำไมถึงกระตือรือร้นกับข้านัก?”อวี่เหวินห่าวพูดอธิบาย “ฮูหยินเฒ่าเกิดมาจากคนในยุทธภพ ลูกสะใภ้ของนางเองส่วนมากก็มาจากยุทธภพ พวกนางเป็นคนของยุทธภพล้วนซื่อสัตย์ รักความยุติธรรมและรักคุณธรรมเป็นที่สุด เจ้าตอนที่อยู่นอกเมืองในเหตุการณ์นั้น ไม่สนสถานะ ไม่สนว่าจะสกปรกเลอะเทอะแค่ไหน ช่วยคนจำนวนมากมายไว้ ในสายตาของพวกนางย่อมต้องชื่นชมเจ้าเป็นธรรมดา”“นี่มันน่ายกย่องขนาดนั้นเลยหรือ?” หยวนชิงหลิงรู้สึกคาดไม่ถึง ยกย่องในเรื่องที่ธรรมดาขนาดนี้เชียวหรือ? ในใต้หล้านี้คนทำดีก็มีไม่น้อย“พวกนางเข้าใจมองคน คน ๆ หนึ่งไม่ว่าจะมีจิตใจบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแค่ไหน พวกนางล้วนมองออก สิ่งที่เจ้ากระทำวันนั้น มันบริสุทธิ์มาจากใจ ไม่ได้หาผลประโยชน์ใส่ตัวแม้แต่น้อย จึงย่อมควรค่าแก่การยกย่อง”หยวนชิงหลิงกระพริบตา “คำพูดพวกนี้ท่านคาดเดา หรือว่าในใจท่านคิดเช่นนี้จริง ๆ”อวี่เหวินห่าวมองนางและถอนหายใจออกมา ก้มใบหน้าอันหล่อเหลาลงมา “คนตาบอดเท่านั้นที่มองไม่เข้าใ